ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1312 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26221 - 26240 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26221 | การเลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (จำนวน 5 ราย 1. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ฯลฯ) | นร07 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๒. นายโกวิทย์ มีกรุณา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๓. นางสาวจรรยา อยู่โปร่ง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๔. นายสิรนนท์ สกลวิทยานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๕. นางสาววิสากร สระทองคำ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26222 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (จำนวน 8 ราย 1.หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ฯลฯ) | พน | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเกี่ยวกับการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน ๘ ราย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ดังนี้
๑. ให้กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เดิม ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ๔ คน ได้แก่ ๑.๑ นายคุรุจิต นาครทรรพ กรรมการ ๑.๒ นายปรเมธี วิมลศิริ กรรมการ ๑.๓ นายกุลิศ สมบัติศิริ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๑.๔ นายประจวบ อุชชิน กรรมการ ๒. ให้กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เดิม พ้นจากตำแหน่ง ๑ คน คือ นางอัมพร นิติสิริ ๓. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่พ้นจากตำแหน่ง ได้แก่ ๓.๑ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ประธานกรรมการ (แทนนางอัญชลี ชวนิชย์) ๓.๒ พลโทกัมปนาท รุดดิษฐ์ กรรมการ (แทนนายประวิช สารกิจปรีชา) ๓.๓ นายชวน ศิรินันท์พร กรรมการ (แทนนางอัมพร นิติสิริ) ๓.๔ นายสมบัติ ศานติจารี กรรมการ (แทนนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26223 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ 1 ตำแหน่ง (นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ) | วท | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายพิศาล สร้อยธุหร่ำ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26224 | องค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2557 | กต | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติองค์ประกอบของคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๕๗ โดยคงไว้เป็นชุดเดียวกับองค์ประกอบในปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายมนัสพาสน์ ชูโต ประธานกรรมการ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ๒. อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ ๓. ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการ กรรมการ พัฒนาระหว่างประเทศ หรือผู้แทน ๔. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๕. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรรมการ ๖. ผู้แทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการ ๗. นายกสมาคมฟุลไบรท์ไทย กรรมการ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26225 | ทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้คงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๕ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๕ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ธ.ก.ส. มีหุ้นที่ออกและชำระแล้วจะครบจำนวน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้นำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดส่งรายละเอียดแผนงาน/โครงการและกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการไปประกอบการพิจารณาการเพิ่มทุนของ ธ.ก.ส. ในครั้งต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งอื่น ๆ ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) รับไปพิจารณาทบทวนระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการของคณะกรรมการและพนักงานของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ รวมทั้งปรับปรุงระบบการประเมินผลให้สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการที่แท้จริงของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานที่เหมาะสม เป็นธรรม และเป็นเครื่องมือในการจูงใจให้มีการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรในระยะยาว และให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26226 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ 2558 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อนำไปชำระคืนเงินต้นเงินกู้และดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓,๙๐๙.๔๙๘ ล้านบาท (ไถ่ถอนพันธบัตรและชำระคืนเงินต้นเงินกู้ที่ถึงกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐,๖๑๒.๕๐๐ ล้านบาท และชำระค่าดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๓,๒๙๖.๙๙๘ ล้านบาท) ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๑๙ มาตรา ๗ (๗) โดย ขสมก. รับภาระเงินต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงิน จำนวน ๑๓,๙๐๙.๔๙๘ ล้านบาท ไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ด้วย และให้เร่งรัดพิจารณาแนวทางปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ รวมทั้งมาตรการในการบริหารจัดการหนี้ของ ขสมก. เพื่อดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ๒. ให้หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ศึกษาเปรียบเทียบข้อดี/ข้อเสียระหว่างการซื้อและการเช่ารถโดยสารสาธารณะ และรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็ว รวมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนทราบด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรถโดยสารสาธารณะของ ขสมก. จะต้องพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.๒ ศึกษาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในการจัดหาและเดินรถโดยสารสาธารณะในส่วนที่ยังต้องจัดหาเพิ่มเติมอีกประมาณ ๔,๐๐๐ คัน เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของ ขสมก. ในระยะยาว โดยให้อยู่บนพื้นฐานในการแบ่งปันรายได้ และการรับภาระหนี้เดิมของ ขสมก. อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26227 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2558 ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๕๘ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จำนวน ๔,๓๖๐,๙๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operation Expenditure) จำนวน ๔,๒๒๓,๒๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ และค่าใช้จ่ายที่เป็นทุน (Capital Expenditure) จำนวน ๑๓๗,๗๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๖๘ หรือ ๑๙๕,๐๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติในปี ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ปีงบประมาณขององค์กรร่วมฯ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของทุกปี ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26228 | มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ประสบอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม ปีบัญชี 2554 | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปีบัญชี ๒๕๕๔ ทั้งในกรณีลูกค้าของ ธ.ก.ส. ที่เป็นเกษตรกร วงเงิน ๖,๒๓๙,๘๒๐,๐๐๐ บาท และกรณีลูกค้าของ ธ.ก.ส. ที่เป็นสถาบัน วงเงิน ๑๕๘,๔๘๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นวงเงินรวม ๖,๓๙๘,๓๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่ ธ.ก.ส. ไว้แล้ว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๖๙๕,๓๗๙,๐๐๐ บาท และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๐๗๐,๓๖๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๓,๖๓๒,๕๖๑,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ธ.ก.ส. ผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปีบัญชี ๒๕๕๔ ตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงก่อนเบิกจ่ายอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบการดำเนินการตามมาตรการฯ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับมาตรการให้ความช่วยเหลือจากเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มอื่น ๆ ของภาครัฐ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ทราบต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26229 | ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงรายการเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ Doppler พร้อมอุปกรณ์และหอเรดาร์ 2 เครื่อง ที่ดอนเมือง และศูนย์อุตุนิยมวิทยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น | ทก | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบให้กรมอุตุนิยมวิทยาเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณจาก เดิม รายการเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ Doppler พร้อมอุปกรณ์และหอเรดาร์ ๒ เครื่อง ที่ดอนเมือง และศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น เป็น รายการเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ Doppler พร้อมอุปกรณ์และหอเรดาร์ ๒ เครื่อง ที่สถานีอุตุนิยมวิทยาสมุทรสงคราม และศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ภายในวงเงินตามสัญญาจำนวน ๓๐๙,๓๓๗,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒๖๒,๕๓๗,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26230 | กรขออนุมัติเปิดสถานเอกอัครราชทูตรัฐลิเบียประจำประเทศไทย | กต | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบียประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26231 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 9) พ.ศ. 2557 - 2561 | มท | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ วงเงิน ๓๖,๕๙๐,๐๐๐ บาท และสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาที่กำลังศึกษาต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐๐ คน ในวงเงิน ๓,๘๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รองรับแล้ว ภายใต้แผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรมการปกครอง และสำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการบูรณาการโครงการฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เร่งดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นจำนวนผู้จบการศึกษา การประกอบอาชีพหลังจบการศึกษา และประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินโครงการต่อไป และให้รายงานผลการประเมินให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบด้วย ๓. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการและประสานงานกับประเทศ/องค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลนักศึกษา/นักเรียนไทยที่ได้รับทุนการศึกษาจากต่างประเทศ ทั้งในส่วนที่ได้รับทุนของรัฐบาลที่ให้ต่อรัฐบาล และส่วนที่ได้รับทุนโดยตรงจากภาคเอกชนและองค์กรต่างประเทศเพื่อดำเนินการให้เหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26232 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 และ 31 มีนาคม 2556 (เรื่อง ข้อเสนอการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข) | สธ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ และ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ข้อเสนอการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข) ให้ครอบคลุมตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เพื่อศึกษาผลกระทบและประเมินผลการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขให้ได้ข้อยุติก่อนพัฒนาข้อเสนอในการทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรม ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการศึกษาผลกระทบและการประเมินผลการดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อพัฒนาข้อเสนอการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขให้มีความเหมาะสมและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ โดยอัตราค่าตอบแทนปัจจุบันและอัตราใหม่ที่จะมีการปรับเปลี่ยนไม่ควรมีความแตกต่างที่มากเกินไป รวมทั้งควรมีการพิจารณาถึงภาระรายจ่ายในภาพรวมเทียบกับที่ต้องจ่ายอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การกำหนดแหล่งเงินที่เหมาะสมในการดำเนินการต่อไป และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนเหมาจ่ายควรคำนึงถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพ พื้นที่ อายุงาน และภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น และในโอกาสต่อไป หากมีการทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราการจ่าย โดยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมพิจารณาก่อนประกาศบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26233 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี | ศธ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี) ดำเนินการก่อสร้างศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ๑ รายการ ในวงเงิน ๑,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๑,๔๔๐ วัน โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๕๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้ว จำนวน ๒๓๖,๒๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑,๓๓๘,๗๕๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับและใช้เงินนอกงบประมาณสมทบให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับไปหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพในการจัดทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ของโรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) ให้มีความชัดเจน เหมาะสม และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่าในระยะต่อไปสมควรจะมีการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์กี่แห่ง เพื่อความเป็นเลิศทางการแพทย์ในด้านใด และจัดตั้งในพื้นที่ใด ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน แล้วให้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26234 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างอาคารสำนักงบประมาณแห่งใหม่ | นร07 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มวงเงินและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารสำนักงบประมาณแห่งใหม่ จากเดิม ภายในวงเงิน ๑,๑๐๐ ล้านบาท เป็น ภายในวงเงิน ๑,๙๕๐ ล้านบาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารสำนักงบประมาณแห่งใหม่ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐติดตามและตรวจสอบการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและโปร่งใสด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26235 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทก | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and IT Ministers Meeting : ASEAN TELMIN) ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านไอซีทีในภูมิภาคอาเซียนเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และสนับสนุนการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015) รวมทั้งสนับสนุนบทบาทนำของประเทศไทยในการทำหน้าที่ประธานสาขาความร่วมมือไอซีทีของอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเสนอประเด็นและหัวข้อต่อที่ประชุมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศและภูมิภาคอาเซียน โดยอาจจะเสนอกลไกในการกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารทางระบบสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะในการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งในสังคมและสร้างความเสียหายต่อบุคคลและสังคม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26236 | การปรับปรุงแก้ไขภาคผนวก 3 และข้อ 10 วรรค 1 ของภาคผนวก 8 ของความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อการปรับปรุงแก้ไขบัญชีกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าของอาเซียน เป็นฉบับระบบฮาร์โมไนซ์ HS 2012 ซึ่งเป็นภาคผนวก ๓ ของความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) โดยมี ๑๖ รายการ มีเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ ได้แก่ รายการในพิกัดศุลกากร ตอนที่ ๐๒ (ปลา สัตว์น้ำจำพวกครัสตาเชีย) ตอนที่ ๑๒ (เมล็ดถั่วลิสง) ตอนที่ ๒๘ (สารประกอบอนินทรีย์) และตอนที่ ๙๖ (ผลิตภัณฑ์เบ็ดเตล็ด ประเภทผ้าอนามัย) ๑.๒ เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขข้อ ๑๐ วรรค ๑ เรื่องการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งเป็นภาคผนวก ๘ ของความตกลง ATIGA จากเดิม อนุญาตให้ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ ๒ กรณี คือ (๑) ณ วันที่ส่งออก หรือ (๒) หลังจากวันที่ส่งออกสินค้า เป็น การเพิ่มเติมให้ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ล่วงหน้าก่อนวันที่ส่งออกสินค้าได้อีกกรณีหนึ่ง โดยผู้ส่งออกจะต้องยื่นเอกสารต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามหนังสือแจ้งให้ความเห็นชอบไปยังเลขาธิการอาเซียนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูล และการชี้แจงทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการ รวมทั้งการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26237 | การจัดทำพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (First Protocol to Amend the Agreement Establishing the ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Area) ๑.๒ อนุมัติการลงนามร่างพิธีสารฯ โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารดังกล่าว ๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในพิธีสารดังกล่าว ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกระทรวงการต่างประเทศแจ้งประเทศภาคีความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ว่าประเทศไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารดังกล่าวมีผลผูกพันต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมศุลกากรเพื่อให้สามารถดำเนินการตามพันธกรณีได้ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนทราบเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นควรพิจารณาระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ให้เป็นไปตามหลักการตามกระบวนการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Self Certification) ซึ่งมีกำหนดการจัดทำโครงการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองรวม (ASEAN-wide Implementation of Self-Certification) ให้แล้วเสร็จภายในปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องนี้ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) รวมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์ประสานภาคเอกชนและสมาคมการค้าของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพื่อชี้แจงให้เข้าใจถึงนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในด้านความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนของต่างประเทศด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26238 | ขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงการค้าบริการอาเซียน | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงการค้าบริการอาเซียน เพื่อกระทรวงพาณิชย์จะได้เข้าร่วมการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าบริการอาเซียน เพื่อรักษาผลประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุนของประเทศไทยในกรอบอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ประกอบการต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนธุรกิจบริการสุขภาพในประเทศไทยต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ภายใต้เงื่อนไขว่าด้วยผู้ดำเนินการสถานพยาบาลนั้น ๆ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพในประเทศไทย และการกำหนดให้บุคคลธรรมดา สาขาแพทย์ ทันตแพทย์ และพยาบาล ต้องขึ้นทะเบียนการประกอบวิชาชีพในประเทศไทยกับสภาวิชาชีพนั้น ๆ ภายใต้เงื่อนไข limited practice ใน ๒ ลักษณะ ได้แก่ (ก) ใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพถาวรสำหรับผู้ที่สอบผ่านโดยการรับรองของสภาวิชาชีพ และ (ข) ใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพชั่วคราวสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเชิญให้มาสอนหรือฝึกอบรมที่จัดขึ้นในประเทศไทย การไม่กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและการดำเนินธุรกิจยาสูบอยู่ในรายการสินค้าและบริการของกรอบการเจรจาในทุกมิติ การให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดในสาขาบริการที่ประเทศไทยมีศักยภาพและสาขาที่จะส่งผลให้เกิดการลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ หรือมีเทคโนโลยีเฉพาะ เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับมาตรฐานธุรกิจบริการ การพัฒนาบุคลากรวิชาชีพรองรับภาคบริการที่สำคัญ การหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการกำหนดท่าทีของประเทศไทยต่อประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อผูกพันการเปิดตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการมีระยะเวลาในการปรับตัวที่เหมาะสมในกรณีที่จะได้รับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการประเมินผลลัพธ์จากการทำความตกลงในกรอบต่าง ๆ ให้เป็นระบบและมีความต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางและการเจรจาการค้าในรายละเอียด ไปพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องนี้ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยารับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สถาบันการศึกษา และสถาบันวิชาชีพที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทาง มาตรการ รวมทั้งแผนการผลิตและพัฒนาทักษะของบุคลากรของประเทศในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ให้สามารถรองรับความต้องการและแข่งขันในด้านการค้าบริการกับประเทศอื่น ๆ ได้ โดยสอดคล้องกับข้อตกลงทวิภาคีและพหุภาคีต่าง ๆ รวมทั้งการเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ด้วย แล้วนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26239 | ขอความเห็นชอบข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ 9 ของไทย และการลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ 9 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการอาเซียน | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๙ ของไทย เพื่อใช้ผนวกกับพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๙ โดยมีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มสาขาบริการที่ประเทศไทยจะเปิดให้อาเซียนถือหุ้นได้ถึงร้อยละ ๗๐ ตามเป้าหมายของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ๑.๒ อนุมัติการลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๙ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการอาเซียน โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในพิธีสารดังกล่าว ๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในพิธีสารดังกล่าว ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารดังกล่าวมีผลผูกพันต่อไป ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วน เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการจัดทำข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ ๑๐ ต่อไป เพื่อให้มีระยะเวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมทั้งการปรับตัวและกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามข้อผูกพันการเปิดตลาดการค้าบริการทั้งในทางบวกและลบได้อย่างมีประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ในการทำความตกลง โดยยึดผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับเป็นสำคัญเพื่อรักษาสถานะของไทยในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการสาธารณสุข การศึกษา ระบบโลจิสติกส์ของการค้าส่ง-ค้าปลีก ทั้งนี้ เมื่อได้ลงนามในพิธีสารดังกล่าวแล้วให้กระทรวงพาณิชย์กลับมาพิจารณาทบทวนสาขาบริการที่ได้เปิดตลาดไป ในข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๑ ถึงชุดที่ ๙ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการอาเซียนว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศอย่างไร โดยให้พิจารณาร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งรายงานความคืบหน้าการดำเนินการต่าง ๆ ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อมูลดังกล่าวต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26240 | การลงนามความตกลงด้านการค้าบริการ และความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐอินเดีย | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการลงนามความตกลงด้านการค้าบริการ และความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐอินเดีย ที่ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าหมายให้มีการลงนามความตกลงทั้งสองฉบับในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามความตกลงทั้งสองฉบับ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในความตกลงดังกล่าว ขอให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมายให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์ ตามความเหมาะสมที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่นลงนามความตกลงทั้งสองฉบับ ๑.๔ ภายหลังจากการลงนาม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในประเทศ เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามความตกลงทั้งสองฉบับ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียนว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้ความตกลงทั้งสองฉบับมีผลใช้บังคับ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องนี้ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. โดยที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐอินเดียมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาแน่นแฟ้นยาวนาน และสาธารณรัฐอินเดียได้ยืนยันที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงานของฝ่ายไทยเพื่อให้เกิดความสงบสุขและความมีเสถียรภาพของประเทศไทยทั้งด้านความมั่นคง การค้า เศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว ดังนั้น ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์พิจารณาเร่งรัดขยายความร่วมมือกับสาธารณรัฐอินเดียในด้านต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และขยายตลาดสินค้าของประเทศไทยเพราะสาธารณรัฐอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมากและเป็นตลาดที่มีปริมาณการบริโภคสินค้าที่สำคัญในภูมิภาค |
.....