ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1155 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23081 - 23100 จากข้อมูลทั้งหมด 123969 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23081 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนมติของคณะรัฐมนตรี (23 กรกฎาคม 2545) (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5) คดีระหว่าง นายชัยพฤกษ์ สิทธิศักดิ์ ที่ 1 กับพวกรวม 11 คน ผู้ฟ้องคดี สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ผู้ถูกฟ้อง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา | นร05 | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๘/๒๕๕๘ ระหว่างนายชัยพฤกษ์ สิทธิศักดิ์ ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๑ คน ผู้ฟ้องคดี สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๕ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕) ซึ่งศาลปกครองสุงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ เฉพาะในส่วนที่ให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ใช้ประโยชน์บนที่ดินราชพัสดุและที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดยมิได้มีการจ่ายค่าตอบแทน โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ดำเนินการให้กระทรวงการคลังกำหนดค่าตอบแทนและให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการกำหนดค่าตอบแทนและให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้แผ่นดินตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23082 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการควบรวมกองทุนเพื่อกำหนดกรอบการชดเชยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้พระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมถึงเร่งการจัดทำแผนพัฒนาการดำเนินงานให้แล้วเสร็จในคราวเดียวกัน โดยให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรฐานการประกอบอาชีพธุรกิจการท่องเที่ยว และมาตรฐานเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว รวมทั้งพิจารณาเร่งรัดการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะเร่งพัฒนาศักยภาพด้านการบริหาร ทักษะการให้บริการ ทักษะด้านภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. โดยที่ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการท่องเที่ยว พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เสนอมาในคราวเดียวกันยังมีหลักการที่ซ้ำซ้อนกันและมีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของหลายส่วนราชการ จึงมีมติให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ อาจพิจารณาดำเนินการปรับปรุงรวมกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นฉบับเดียวกัน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
23083 | การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 | ปช | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการขออนุมัติหลักการให้ข้าราชการ ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรณีข้าราชการพลเรือนปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อันตรายว่าสมควรจะให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจ/ทหาร อย่างไร เนื่องจากมีข้าราชการหลายหน่วยงานร้องขอรับสิทธิการได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ซึ่งโดยปกติจะพิจารณาให้เฉพาะข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยและกระทบต่อความมั่นคงเท่านั้น ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23084 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับผู้บริจาคหรือสนับสนุนการกีฬาให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย กรมพลศึกษา กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยขยายระยะเวลาตามมาตรการต่อไปอีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้บริจาคเพื่อการกีฬาบางกรณี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลมาตรการทางภาษีต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อจะได้มีการทบทวนมาตรการให้มีความเหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และมิก่อให้เกิดการเสียโอกาสในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23085 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม) | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรปรับแก้ข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ เพื่อให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถได้รับสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนจากรายจ่ายอย่างอื่นได้ ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อสิ้นสุดการสนับสนุนในปี ๒๕๖๒ ควรจัดให้มีการประเมินผลกระทบที่เกิดจากการสนับสนุน เพื่อปรับแนวทางการสนับสนุนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และเป้าหมายของการพัฒนาประเทศในขณะนั้นต่อไป รวมทั้งให้มีการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนรับรู้อย่างทั่วถึง ตลอดจนมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การเพิ่มการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในเรื่องนี้จะมีผลทำให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธินำค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปเพื่อการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปถือเป็นรายจ่ายได้เพิ่มขึ้น ทำให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง ดังนั้น กระทรวงการคลังควรมีกลไกรองรับในกรณีที่รายได้ของรัฐลดลงในส่วนนี้ด้วย และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควรมีกลไกที่สนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายของรัฐบาลด้าน ๘ “การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม” ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23086 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สอดคล้องด้านมาตรฐานการศึกษาและการประกันคุณภาพการศึกษา ข้อจำกัดการจัดการศึกษา และปัญหาด้านการบริหารงานบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเกิดขึ้นจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับกำหนดให้สภาสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มีอำนาจออกข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่ออกโดยองค์กรกลางบริหารงานบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ควรต้องคำนึงถึงมาตรฐานในการดำเนินการเมื่อเทียบกับสถาบันการศึกษาอื่นในลักษณะเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23087 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเพดานอัตราค่าตอบแทนให้แก่ผู้เสียหายในคดีอาญา ปรับปรุงอัตราค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เพื่อให้การคุ้มครองและช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย และจำเลยในคดีอาญามีความเป็นธรรม ครอบคลุมความเสียหายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าทนายความขั้นต่ำในการดำเนินคดีแก่จำเลยในคดีอาญา ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานตามร่างกฎกระทรวงฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจ่ายได้ในช่วงต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับเพื่อการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
23088 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติเรื่อง การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ....) | สผ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... สรุปได้ว่า ประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ประเทศไทยมีการพัฒนาที่ล้าหลังกว่าประเทศในกลุ่มอาเซียน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปฏิรูปกระบวนการพัฒนาประเทศและการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยการจัดตั้งองค์กรระดับชาติที่เป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง และเป็นกลไกในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวของประเทศอย่างน้อย ๒๐ ปี ที่สะท้อนความต้องการของชาติและประชาชน และเป็นกรอบในการขับเคลื่อนการพัฒนาและจัดทำแผนพัฒนากลุ่มภารกิจในแต่ละช่วง โดยการจัดทำเป็นแผนพัฒนาประเทศระยะกลาง (๕ ปี) ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน สภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ผลักดันให้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ และได้มีคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ไว้เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ชาติควบคู่ไปกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และมีความจำเป็นจะต้องตรากฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้การพัฒนาประเทศและการบริหารราชการแผ่นดินในอนาคตขับเคลื่อนไปอย่างมีเอกภาพและทรงพลัง ๒. มอบให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในประเด็นความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งในส่วนขององค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
23089 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของไทยและญี่ปุ่น และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและญี่ปุ่น มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการเจรจาการบินร่วมกัน โดยมีการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน การยกเลิกข้อกำหนดการคิดค่าสัมประสิทธิ์แบบอากาศยาน และการเปิดเสรีสิทธิความจุความถี่ ซึ่งจะส่งผลให้สายการบินสามารถเพิ่มจุดทำการบินต่าง ๆ และเพิ่มเที่ยวบินได้อย่างเต็มที่ตามแผนความต้องการ เพื่อรองรับตลาดการบินระหว่างสองประเทศที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาตลาดการบินของทั้งสองประเทศให้สามารถขยายตัวได้อย่างกว้างขวาง ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกการหารือดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||
23090 | ขอความเห็นชอบโครงการ Conserving Habitats for Globally Important Flora and Fauna in Production Landscape | ทส | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างข้อเสนอโครงการ Conserving Habitats for Globally Important Flora and Fauna in Production Landscape มีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์และถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์ที่มีความสำคัญระดับโลกและอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ โดยให้ความสำคัญกับชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ จำนวนรวม ๓ ชนิด ได้แก่ (๑) นกชายเลนปากช้อน ในพื้นที่อ่าวไทยตอนใน (๒) นกกระเรียน ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และ (๓) พลับพลึงธาร ในพื้นที่จังหวัดระนองและจังหวัดพังงา ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการ Conserving Habitats for Globally Important Flora and Fauna in Production Landscape โดยมอบหมายให้เลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามร่วมกับผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program : UNDP) ในเอกสารโครงการ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างข้อเสนอโครงการดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ส่งผลกระทบผูกพันเชิงนโยบาย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับเงินสมทบของรัฐบาลไทยควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของยุทธศาสตร์ประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
23091 | การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 49 พ.ศ. 2560 | ศธ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๔๙ พ.ศ. ๒๕๖๐ เริ่มดำเนินการโครงการตั้งแต่เตรียมก่อนปีการจัดการแข่งขัน ๒ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ และปีการจัดการแข่งขันปี พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมระยะเวลา ๓ ปี ทั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และเพื่อเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณของประเทศให้นานาชาติได้รับทราบและเป็นที่ยอมรับทางวิชาการมากยิ่งขึ้นอันจะก่อประโยชน์ต่อประเทศและชาวไทยโดยส่วนรวมต่อไป ๑.๒ อนุมัติงบประมาณให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ดำเนินการจำนวน ๖๓,๑๔๐,๐๐๐ บาท โดยปี พ.ศ. ๒๕๕๘ สสวท. จะใช้งบประมาณของ สสวท. ในหมวดเงินอุดหนุนทั่วไป โครงการพัฒนานักเรียนและจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โอลิมปิก ประจำปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑,๑๐๓,๐๐๐ บาท และของบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๖๒,๐๓๗,๐๐๐ บาท ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณในการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ สสวท. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แผนงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผลผลิตผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ได้รับการพัฒนาและส่งเสริม งบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนสำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงาน จำนวน ๑,๑๐๓,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แผนงาน ผลผลิต และงบรายจ่ายดังกล่าวรองรับไว้แล้ว จำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ สสวท. คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและรายได้จากแหล่งอื่นที่จะได้รับในการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าวให้ สสวท. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรพิจารณาใช้งบประมาณตามความจำเป็นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ถึงวัตถุประสงค์และประโยชน์ของการจัดงานเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนและประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี รวมทั้งควรมีมาตรการในการส่งเสริมและจูงใจเยาวชนที่มีศักยภาพด้านวิชาการให้มีโอกาสแสดงศักยภาพอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมให้ประกอบอาชีพที่สามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังเยาวชนรุ่นหลัง อาทิ อาจารย์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ เพื่อสามารถต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่การสร้างนวัตกรรมในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้ เห็นควรนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการจัดการแข่งขันไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตร สื่อการสอนและคุณภาพของผู้สอน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาคุณภาพของนักเรียนไทยเพื่อให้เกิดการเรียนรู้วิชาเคมีอย่างเหมาะสมกับบริบทของศตวรรษที่ ๒๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23092 | ขยายพื้นที่เป้าหมายและวงเงินในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขยายพื้นที่เป้าหมายเพิ่มเติม จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ ไร่ และวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๕๔,๘๔๒,๐๓๐ บาท ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๕๘ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินโครงการให้เกิดความต่อเนื่องและสามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรในเรื่องการทำประกันภัย ๑.๒ ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑๕๔,๘๔๒,๐๓๐ บาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR)+๑% ในปีงบประมาณถัดไป ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ธ.ก.ส. และกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกรผู้เอาประกันภัยข้าวเพื่อรับค่าสินไหมทดแทน (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการรับประกันภัย) เพื่อมิให้เกิดปัญหาความล่าช้าเวลาจ่ายค่าสินไหมทดแทน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ในปีต่อ ๆ ไป ควรปรับปรุง พัฒนารูปแบบ และวิธีการทำประกันภัยข้าว โดยกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยทั้งในส่วนของเกษตรกรและการอุดหนุนของภาครัฐ รวมทั้งการกำหนดอัตราสินไหมทดแทนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และขยายผลไปสู่พืชชนิดอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป การศึกษาความเป็นไปได้ในการนำโครงการประกันภัยพืชผลเป็นเครื่องมือในการดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมให้สอดคล้องกับศักยภาพการผลิต (Zoning) โดยภาครัฐควรพิจารณาทบทวนการจ่ายเงินสมทบในการทำประกันภัยแก่เกษตรกรที่ปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชนั้น ๆ เพื่อจูงใจให้เกษตรกรปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ การปรับปรุงระบบการเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
23093 | มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงิน (Cash Rebate) | กก | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการที่จะมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงิน (Cash Rebate) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ (๑) ภาพยนตร์ที่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทยตั้งแต่ ๓๐ ล้านบาทขึ้นไป อัตราการคืนเงิน ร้อยละ ๑๕ (๒) ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมไทย และมีการนำภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศออกเผยแพร่ อัตราการคืนเงิน เพิ่มเติมไม่เกินร้อยละ ๑๐ และ (๓) ภาพยนตร์ดังกล่าวมีการจ้างคนไทยในตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ นักแสดงหลัก นักแสดงรอง ผู้กำกับ และผู้ช่วยผู้กำกับ อัตราการคืนเงิน เพิ่มเติมไม่เกินร้อยละ ๕ ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑,๕๐๐ ล้านบาท (ปีละ ๕๐๐ ล้านบาท) ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง พิจารณาหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และรูปแบบในการคืนเงิน ซึ่งรวมถึงภาษีและค่าธรรมเนียม และการอำนวยความสะดวกในการอนุมัติอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการ โดยศึกษาเปรียบเทียบกับการดำเนินการของต่างประเทศ รวมถึงผลตอบแทนที่จะได้รับและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
23094 | แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ | คค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศรับไปพิจารณาแนวทางในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางในภาพรวมทั้งระบบให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่จะมีสิทธิได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าโดยสาร การจัดทำฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อย การวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนที่เคยได้รับสิทธิมาก่อน รวมถึงมาตรการในการช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจของผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับกรณีการยกเว้นค่าโดยสารตามมาตรการใหม่สำหรับทหารผ่านศึก ทหารกองเกิน และทหารประจำการ พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี อาจมีความซ้ำซ้อนกับการขอรับการชดเชยจากรัฐตามกฎข้อบังคับของการรถไฟแห่งประเทศไทยว่าด้วยการบรรทุกส่งผู้โดยสารและสัมภาระของผู้โดยสารตามทางรถไฟ พ.ศ. ๒๔๖๙ ข้อ ๓๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ จึงเห็นควรที่กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาทบทวนการขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้ง ส่วนกรณีฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยควรให้มีการตรวจสอบสถานะของผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนและได้รับการออกบัตรผู้มีรายได้น้อยทุก ๆ สิ้นปีงบประมาณ เพื่อให้การชดเชยจากภาครัฐมีความถูกต้อง ไม่ซ้ำซ้อน และสอดคล้องตามข้อเท็จจริง และให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง) ร่วมกันพิจาณาแนวทางการสนับสนุนงบประมาณสำหรับดำเนินการตามมาตรการใหม่ในช่วงระหว่างที่กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบบัตรโดยสารร่วมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒ โดยอาจจะพิจารณาจากฐานข้อมูลของผู้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยหรือการสนับสนุนทางการเงินผ่านทางโครงสร้างอัตราค่าโดยสาร และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากมีความพร้อมของบุคลากรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลของประชาชน นอกจากนี้ ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจในเรื่องดังกล่าว รวมถึงคุณภาพการให้บริการ และมีการตรวจสอบการดำเนินงานและประเมินผลความพึงพอใจของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23095 | การจัดประชุมวิชาการนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พืชวงศ์ขิง - ข่า ครั้งที่ 7 "ขิง - ข่า เพื่อชีวิต" (The 7th International Symposium on the Family ZINGIBERACEAE : Gingers for Life) | ทส | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พืชวงศ์ขิง-ข่า ครั้งที่ ๗ “ขิง-ข่า เพื่อชีวิต” (The 7th International Symposium on the Family ZINGIBERACEAE : Gingers for Life) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. ประเทศไทย โดยองค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเลือกจากนานาชาติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะที่ทรงเป็น “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ” และเพื่อเฉลิมพระเกียติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสปีพระราชสมภพครบ ๖๐ พรรษา ซึ่งทรงเป็นองค์อุปถัมภ์สำคัญด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรพืชของประเทศไทย รวมทั้งเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ วิชาชีพ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพืชวงศ์ขิง-ข่าและวงศ์ใกล้เคียงสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน และนานาประเทศจะได้รับทราบบทบาทความเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพันธุ์พืชพื้นเมืองของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ระดับประชาคมอาเซียนและระดับโลก ๒. องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอบรับเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยจะทรงมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมและจะทรงแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ขิง-ข่า ในวัฒนธรรมไทย” รวมทั้งทรงประทับฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “The World of Gingers : What We Know, What We Do Not Know, and What We Must Know.” โดย Professor Dr.W. J.Kress, Smithsonian Institution, USA. (Chairman of International Scientific Committee) และทอดพระเนตรผลงานวิจัยและนิทรรศการด้วย ๓. คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯ จำนวน ๒๕๐ คน ประกอบด้วย นักวิชาการ นักวิจัย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกร นักศึกษา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
23096 | การสนับสนุนมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานแนวทางดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งกับหน่วยงานของรัฐเจ้าของทุนหมุนเวียน จำนวน ๑๕ กองทุน สรุปได้ ดังนี้
๑. ขยายเวลาการชำระหนี้ และ/หรืองดการจัดเก็บดอกเบี้ย/ค่าปรับ ซึ่งมีทุนหมุนเวียนที่สามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ของทุนหมุนเวียนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จำนวน ๑๐ กองทุน ๒. พัฒนาแหล่งน้ำเดิมและจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม โดยการขุดเจาะบ่อบาดาล ลอกคูคลอง ขุดลอกทางน้ำชลประทาน โดยใช้แรงงานที่เป็นเกษตรกรในท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งและไม่สามารถเพาะปลูกได้ตามฤดูกาล มีทุนหมุนเวียนเข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือ จำนวน ๒ กองทุน ๓. สนับสนุนแหล่งเงิน และ/หรือปัจจัยการผลิตด้านการเกษตร โดยการลดดอกเบี้ยและต้นทุนปัจจัยการผลิตมีทุนหมุนเวียนที่สามารถดำเนินมาตรการในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนปัญหาภัยแล้ง จำนวน ๖ กองทุน ทั้งนี้ มี ๓ กองทุน (กองทุนพัฒนาสหกรณ์ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร) ที่สามารถกำหนดช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งได้ทั้งข้อ ๑ และ ๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
23097 | กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) รับไทยเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ | กต | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ในการประชุมสุดยอดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก ครั้งที่ ๑๐ ณ เมืองปารากัส สาธารณรัฐเปรู ได้มีการลงนามในปฏิญญาปารากัส (Paracas Declaration) ซึ่งระบุว่า กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) ยินดีต้อนรับไทย (รวมทั้งออสเตรีย เดนมาร์ก จอร์เจีย กรีซ เฮติ ฮังการี อินโดนีเซีย โปแลนด์ และสวีเดน) เข้าเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ทางการเมืองของไทยไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการขยายความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก และกับประเทศสมาชิก รวมถึงการผลักดันให้มีความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างอาเซียนกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก อีกทั้งยังจะเป็นโอกาสให้ไทยผลักดันความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก ซึ่งไทยจะเป็นผู้ประสานงานของอาเซียนสำหรับกลไกความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกในปี ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
23098 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร04 | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และคณะกรรมการต่าง ๆ ตามระเบียบฯ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว ยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน ในระหว่างการโอนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไปยังกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
23099 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 5 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (The 5th Meeting of the Joint Committee on Railway Cooperation between Thailand and China) ณ จังหวัดนครราชสีมาและกรุงเทพ ฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน เป็นประธานร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ทั้งสองฝ่ายได้ทบทวนผลการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๔ และแสดงความพอใจต่อความก้าวหน้าของการดำเนินการ การศึกษาความเป็นไปได้ การประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม และการฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ๒. ความร่วมมือด้านการเงิน ๓. ฝ่ายไทยเสนอว่าภายใต้กรอบสัญญาอีพีซีทั้งสองฝ่ายจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-จีน เพื่อลงทุนระบบรถไฟรวมถึงการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง และด้านโครงสร้างพื้นฐาน ๔. องค์การรถไฟของจีน (ซีอาร์ซี) นำเสนอความก้าวหน้าการศึกษาความเป็นไปได้และการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๕. การพิจารณาความก้าวหน้าของการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ปัจจุบัน ๖. ฝ่ายจีนแสดงความพึงพอใจในการอำนวยความสะดวกของฝ่ายไทยในเรื่องการตรวจลงตราและใบอนุญาตทำงานให้แก่ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายจีน ๗. ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาการจัดทำร่างกรอบความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ๘. ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์การควบคุมและบริหารการเดินรถกลางและการวางแนวเส้นทาง ๙. หลักสูตรการฝึกอบรมและการถ่ายทอดองค์ความรู้ ๑๐. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในหลักการให้จัดการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๖ ณ นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๖-๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ |
|||||||||||||||||||||||||||
23100 | มติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 2/2558 | ทก | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้รับทราบเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะทำงานภายใต้คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวม ๕ ชุด ได้แก่ คณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ คณะทำงานศูนย์ข้อมูลในประเทศ คณะทำงานด้านการส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัล คณะทำงานการเรียนรู้ตลอดชีวิต และคณะทำงานติดตามกฎหมายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล รวมทั้งการประชุมแบบลดกระดาษ เพื่อให้สอดรับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และเพื่อเป็นแบบอย่างในการทำงานที่ส่งเสริมการนำดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการและกิจกรรม การประชุมคณะกรรมการเตรียมการฯ และคณะทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ทั้ง ๕ ชุด จะปรับรูปแบบการประชุมจากเดิมที่จัดทำเอกสารประกอบการประชุมเป็นกระดาษเข้าแฟ้ม เป็นเอกสารในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ เห็นชอบแนวทางการประชุมแบบลดกระดาษ เนื่องจากเป็นการลดการใช้กระดาษ ประหยัดทรัพยากร ประหยัดงบประมาณ และยังเป็นการช่วยลดมลภาวะ ทั้งนี้ ได้ให้ข้อสังเกตว่าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ยังคงต้องมีเอกสารในรูปแบบกระดาษอยู่ เนื่องจากต้องใช้เป็นหลักฐานประกอบทางกฎหมาย ๒. ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะทำงานการเรียนรู้ตลอดชีวิต การดำเนินงานของคณะทำงานศูนย์ข้อมูลในประเทศ การดำเนินงานของคณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ การใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน (Infrastructure sharing) การเตรียมการประมูลคลื่นความถี่ในกิจการโทรคมนาคมของ กสทช. การดำเนินงานของคณะทำงานติดตามกฎหมายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล การดำเนินโครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพภายใต้คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการบริหารโครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ โครงการนำร่องเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ทั้งนี้ เห็นชอบให้เพิ่มผู้แทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในคณะทำงานด้านการส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัล (Digital Commerce) การส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล (Digital Entrepreneur) และการส่งเสริมเนื้อหาดิจิทัล (Digital Content)
|
.....