ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1152 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23021 - 23040 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23021 | ผลการดำเนินงานของกรมการบินพลเรือนในปีงบประมาณ 2558 | คค | 25/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ กรมการบินพลเรือนได้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยโดยเร่งดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบ ได้แก่ ท่าอากาศยานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๙ แห่ง เช่น ปรับปรุงท่าอากาศยานอุดรธานีในส่วนของอาคารที่พักผู้โดยสารให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น และแผนพัฒนาการก่อสร้างต่อเติมลานจอดเครื่องบินเพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินขนาด Boeing 737 ได้เพิ่มขึ้น ท่าอากาศยานในภาคใต้ ๙ แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างใหม่อีก ๑ แห่ง คือ ท่าอากาศยานเบตง เพื่อแก้ปัญหาเส้นทางการคมนาคมทางบกไปยังอำเภอเบตง และท่าอากาศยานในภาคเหนือ ๑๐ แห่ง มีการดำเนินการปรับปรุงขยายท่าอากาศยาน จำนวน ๓ แห่ง คือ ท่าอากาศยานลำปาง ท่าอากาศยานน่านนคร และท่าอากาศยานแม่สอด ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และกระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินการเรื่องดังต่อไปนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหามาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) (๒) การแก้ไขปัญหาการขาดทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ (๓) การดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ ๒.๒ จัดทำแผนการพัฒนาปรับปรุงท่าอากาศยานจังหวัดต่าง ๆ ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ โดยร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจัดทำรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาการดำเนินการ จำนวนและแหล่งที่มาของงบประมาณ ให้มีความชัดเจนครบถ้วน โดยให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนเข้าร่วมทุน (PPP) ด้วย รวมทั้งเร่งรัดการขยายอาคารผู้โดยสาร อาคาร ๒ และอาคารจอดรถของท่าอากาศยานดอนเมือง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.๓ ในการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา ให้กระทรวงคมนาคม (กรมการบินพลเรือน) คำนึงถึงมิติด้านความมั่นคงเป็นสำคัญ รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการขยายทางวิ่งขึ้นลงอากาศยาน (Runway) ของท่าอากาศยานนราธิวาสให้มีระยะทางยาวขึ้นเพื่อรองรับการขึ้นลงของอากาศยานขนาดใหญ่ ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องมีการส่งความช่วยเหลือหรือขนย้ายประชาชนหรือสิ่งของด้วย ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ติดตามการดำเนินการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมทางรถไฟไปยังท่าอากาศยานอู่ตะเภาเพื่อรองรับการเปิดให้บริการเป็นท่าอากาศยานพาณิชย์ต่อไป
|
||||||||||||||||||
23022 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 25/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๒/๒๕๕๘ วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๕๓/๒๕๕๘ วันศุกร์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||
23023 | เส้นทางการปฏิรูป | นร | 25/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเกี่ยวกับเส้นทางการปฏิรูป สรุปได้ว่า ๑.๑ เส้นทางการปฏิรูป มี ๓ องค์กรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ที่มีหน้าที่ปฏิรูป คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และสภาปฏิรูปแห่งชาติ ๑.๒ แนวทางการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญฯ ๑.๒.๑ เป็นหน้าที่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และประชาชนต้องรับรู้และเข้าใจเข้าถึงและพัฒนา ๑.๒.๒ ปฏิรูป ๑๑ ด้าน ตามที่รัฐธรรมนูญฯ บัญญัติไว้ ๑.๒.๓ แบ่งระยะเวลาออกเป็น ๓ ระยะ คือ (๑) เรื่องที่ทำทันที (๒) เรื่องที่ทำระยะต่อไป (๓) เรื่องที่ทำเพื่อความยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลถัดไปดำเนินการต่อไป ๑.๓ ความหมายของคำว่า “ปฏิรูป” คือ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจากแบบเดิมเป็นแบบใหม่ โดยอาจเป็นการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ โครงสร้าง วิธีทำงาน หรือระบบบุคลากร ๑.๔ กรอบในการปฏิรูปประเทศปัจจุบัน ได้แก่ ๑.๔.๑ กรอบปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญฯ ๑๑ ด้าน (Area Base) ๑.๔.๒ กรอบนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑๑ ด้าน (Problem Base) ๑.๔.๓ กรอบนโยบายคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๑๑ ข้อ (Agenda Base) ๑.๔.๔ กรอบวาระการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ๓๗ เรื่อง ๑.๕ แผนแม่บทการปฏิรูป ๓๗ เรื่อง ที่นายกรัฐมนตรีได้รับมอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาส่งเรื่องดังกล่าวให้ ๑.๕.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑.๕.๒ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) และคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) หรือ ๑.๕.๓ คณะทำงานกลั่นกรองที่จะแต่งตั้งต่อไปในอนาคต ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและกำหนดแนวทางการปฏิรูปในระยะที่ ๒ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
23024 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 | นร | 25/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า ๑.๑ จากการตรวจสอบข้อกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีหลักการที่แตกต่างกันระหว่างคนไทยและชาวต่างชาติ เช่น ชาวต่างชาติที่เสียชีวิตได้รับการช่วยเหลือสูงสุดประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ขณะที่คนไทยได้รับการช่วยเหลือสูงสุด ๒๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งยังถือว่าเป็นการช่วยเหลือในอัตราที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับกรณีการช่วยเหลือชาวต่างชาติ ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) มีข้อสังเกตเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาว่า ควรพิจารณาเทียบเคียงกับวงเงินที่บริษัทประกันภัยจ่ายชดเชยให้แก่ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ๑.๓ หลักในการพิจารณา (๑) วงเงินช่วยเหลือควรเหมาะสมและเพียงพอกับความสูญเสียของผู้เสียหาย (๒) ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ของทางราชการเพื่อป้องกันการตรวจสอบในอนาคต และ (๓) กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ ควรชดเชยทั้งในส่วนค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งกรณีชาวต่างชาติที่กลับไปรักษาตัวที่ประเทศของตนเอง ๒. ให้คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เป็นประธาน รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ไปประกอบการพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ควรให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือให้แล้วเสร็จก่อนที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๒-๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ นี้ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมประสานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พิจารณาความเป็นไปได้ในการยกเว้นค่าบัตรโดยสารสำหรับญาติผู้เสียชีวิตหรือญาติผู้ได้รับบาดเจ็บที่ต้องเดินทางมายังประเทศไทยและเดินทางกลับประเทศ และการยกเว้นการเก็บค่าขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ
|
||||||||||||||||||
23025 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติการโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
23026 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||
23027 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมระดับสูงในโอกาสครบรอบ 10 ปี ReCAAP | กต | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย (Regional Cooperation Agreement on Combating Piracy and Armed Robbery against Ships in Asia Information Sharing Centre : ReCAAP ISC) มีสาระสำคัญ (๑) สนับสนุนให้หน่วยประสานงานของรัฐภาคีแต่ละฝ่ายร่วมมือกับ ReCAAP ISC อย่างใกล้ชิด (๒) เห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนของรัฐภาคีทำหน้าที่จัดทำแผนงานเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับ ReCAAP ISC เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศ (๓) ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของ ReCAAP ISC ในการปราบปรามโจรสลัดและการปล้นเรือในทะเลร่วมกับภูมิภาคอื่น และ (๔) เน้นย้ำถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศนี้เข้าร่วมเป็นภาคีความตกลง ReCAAP ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้ผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารตามข้อ ๑ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||
23028 | รัฐบาลสาธารณรัฐไซปรัสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายดีมีทรีออส เอ. ทีโอฟีลักตู (Mr. Demetrios A. Theophylactou)] | กต | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายดีมีทรีออส เอ. ทีโอฟีลักตู (Mr. Demetrios A. Theophylactou) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไซปรัสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทน นางมาเรีย มิคาอิล (Mrs. Maria Michail) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
23029 | รายงานสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด | กษ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด โดยสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๔ อ่างฯ รวม ๗,๔๒๗ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๐ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ ๗๓๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ สัปดาห์ที่ผ่านมา (๒๗ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๕๘) ๓๓๐.๔๗ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายสัปดาห์ที่ผ่านมา (๒๗ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๕๘) ๑๓๓.๑๗ ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด ลงพื้นที่ในรูปแบบชุดปฏิบัติการช่วยเหลือและเยี่ยมเยียนเกษตรกรทุกตำบล รวมทั้งได้มีการเตรียมแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ และการเตรียมการช่วยเหลือระยะต่อไป โดยเสนอขออนุมัติในหลักการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๕๙ กรอบวงเงินรวม ๑,๓๔๐.๕๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างการผลิตในพื้นที่เขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา และพัฒนาแหล่งอาหารของชุมชน สร้างรายได้ และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางการเกษตรจากความแห้งแล้ง
|
||||||||||||||||||
23030 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร05 | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๗๖๒,๕๒๕ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐๐,๖๑๔ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ
|
||||||||||||||||||
23031 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/08/2558 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชี้แจงให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งแนวทางเตรียมการเพื่อป้องกันสถานการณ์น้ำขาดแคลน โดยให้ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนทั้งชุมชนเมืองและภาคเกษตรกรรมในการประหยัดการใช้น้ำในช่วงเวลานี้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในระยะต่อไป เพื่อให้สามารถเตรียมการรองรับได้อย่างเหมาะสม นั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลผลิตที่กำลังจะมาถึง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนสำหรับการทำการเกษตรอย่างมีนัยสำคัญให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีกำหนด และแจ้งให้เกษตรกรทราบล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ ด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการขุดลอกและกำจัดวัชพืชในคูคลองให้แล้วเสร็จ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้วเป็นอันดับแรก ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยร่วมกันศึกษาการดำเนินการของกลุ่มเกษตรกรที่มีวิธีการช่วยเหลือตนเองในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงที่เกิดปัญหาภัยแล้ง เช่น การขุดสระเก็บกักน้ำ การสร้างถังเก็บกักน้ำ การปลูกข้าวแบบน้ำไหลผ่าน การปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อนำเทคนิคหรือวิธีการดังกล่าวไปเผยแพร่ให้เกษตรกรในพื้นที่อื่น ๆ นำไปใช้ต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินโครงการที่มีลักษณะเป็นการฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรในเรื่องต่าง ๆ ติดตามและประเมินผลว่า เกษตรกรผู้เข้ารับการอบรมได้นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ อย่างไร เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินโครงการในครั้งต่อไปให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับวิถีการทำการเกษตรของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ด้วย
|
||||||||||||||||||
23032 | รายงานสภานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๕๖๑,๙๑๑ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๘๒,๖๗๙ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ ๒. ให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดการดำเนินงานและตรวจรับงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้งนี้ ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. รายจ่ายลงทุนที่ส่วนราชการดำเนินการก่อหนี้ผูกพันไม่ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ขอให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แนวทางการดำเนินงานและปฏิทินโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ๔. โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรกที่ไม่สามารถดำเนินการทำสัญญาได้ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๕ หน่วยงาน ๕ รายการ เป็นเงิน ๑๒ ล้านบาท ให้ส่งคืนงบประมาณและเงินกู้เพื่อนำเงินไปใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
23033 | สรุปผลการดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ในสหราชอาณาจักรในนามรัฐบาลไทย | วธ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในสหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่องาน “เทศกาลไทยในสหราชอาณาจักร-ไทยแท้แท้” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ จัดขึ้นในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยคณะศิลปินนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ กรมศิลปากร ณ โรงละครรอยัล อัลเบิร์ท ฮอลล์ กรุงลอนดอน ตลอดการแสดงโขนผู้ชมได้ให้ความสนใจในเนื้อหาสาระของเรื่อง เครื่องแต่งกายโขน เครื่องประดับ และความอ่อนช้อยของการใช้มือจีบและการตั้งวงซึ่งมีความงดงามตระการตา รวมถึงการบรรเลงดนตรีที่มีความไพเราะ เสียงพากย์และลูกคู่ร้องบท รวมถึงแสง สี เสียง ฉากที่สร้างความงดงาม สร้างความประทับใจและความชื่นชมอย่างมาก โดยได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องตลอดการแสดงจากผู้ชม ๒. เทศกาลภาพยนตร์ไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ สถาบันศิลปะภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งอังกฤษ (BAFTA) โดยจัดฉายภาพยนตร์ไทยคุณภาพที่ได้รับความนิยม รวม ๗ เรื่อง ณ โรงฉายภาพยนตร์ Princess Anne Theatre ของ BAFTA ประกอบด้วย คิดถึงวิทยา แผลเก่า เกมปลุกผี ต้มยำกุ้ง ๒ ปู่สมบูรณ์ ภวังค์รัก พระมหาชนก (แอนนิเมชั่น) สำหรับพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์ไทยมีขึ้นในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ เริ่มด้วยการกล่าวเปิดของเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ตามด้วยการฉายภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยา และการให้สัมภาษณ์ของผู้กำกับภาพยนตร์และนักแสดงนำโดยสื่อมวลชนและผู้สนใจ นับว่าการฉายภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยาในวันเปิดเทศกาลครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวไทยและชาวต่างชาติ
|
||||||||||||||||||
23034 | สรุปสถานการณ์และการปฏิบัติต่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 | นร | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปสถานการณ์และการปฏิบัติต่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรายงาน สรุปได้ว่า ตามที่ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ หลังเกิดเหตุหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๑ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ และอำนวยความสะดวกในการนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ๒. มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์การปิดล้อมพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์มิให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก การติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งการคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุดเพื่อการสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนและชาวต่างประเทศ ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนและต่างประเทศได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการใช้สถานการณ์ดังกล่าวเพื่อสร้างความสามัคคีและความเข้มแข็งให้กับประเทศและประชาชนต่อไป เช่น การรณรงค์ใช้ถ้อยคำที่จะสร้างภาพพจน์และความเชื่อมั่นที่ดีให้แก่ประเทศไทยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น ๔. มอบหมายให้กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ดังกล่าว และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยดำเนินการให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เหมาะสม ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ของทางราชการ รวมทั้งไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||
23035 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | สผ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะดังกล่าวของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๔ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. การปฏิรูประบบ โครงสร้างองค์กร และกฎหมายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. การสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||
23036 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... | พณ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... สรุปได้ว่า ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์มีหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค (สำนักงานพาณิชย์จังหวัด) ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานทุกจังหวัด อันเป็นกลไกการตรวจสอบและกำกับดูแลกิจการคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็นทั่วประเทศ หากผู้มีคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็นที่เก็บรักษาสินค้าของตนเองไปประกอบกิจการคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็น โดยมิได้รับอนุญาต ย่อมมีความผิดตามร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
23037 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... | สว | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ดังนี้ ๑.๑ เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... มีบทบัญญัติที่ครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดตั้ง การกำกับ ตลอดจนการบริหารทุนหมุนเวียน จึงควรตัดคำว่า "จัดตั้ง" เพื่อให้เหตุผลมีความครบถ้วน ครอบคลุม และสอดคล้องกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ประกอบกับความโปร่งใสเป็นส่วนหนึ่งของหลักธรรมาภิบาล ดังนั้น จึงเห็นควรเสนอให้แก้ไขเหตุผลโดยตัดคำว่า "ความโปร่งใส" ๑.๒ การกำหนดคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์ตามมาตรา ๘ (๒) แห่งร่างพระราชบัญญัตินี้ หากพิจารณาจากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันจะพบว่ามีบุคลากรซึ่งเป็นผู้สูงอายุจำนวนมากที่มีศักยภาพและมีประสบการณ์เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ประโยชน์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ทำให้งานมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในอนาคตจึงควรมีการศึกษาทบทวนเกี่ยวกับการขยายอายุของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยกำหนดให้มีอายุไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงข้างต้น ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23038 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... | กค | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23039 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. .... | รง | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างต้องมีระบบบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียงที่ได้มาตรฐาน อันจะทำให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียงยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23040 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองบัว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองบัว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองบัว ในท้องที่ตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....