ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1153 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23041 - 23060 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23041 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบงบประมาณ) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบงบประมาณ) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องปฏิรูป ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการปฏิรูป รวมทั้งข้อเสนอขั้นตอนและกรอบระยะเวลาการปฏิรูป ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้สำนักงบประมาณจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
|||||||||||||||||||||
23042 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 2 | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๐-๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าวซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายการค้าที่ ๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๓ แผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนเวียดนาม-ไทย ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๓ ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงการขนส่ง ความร่วมมือด้านการธนาคาร ความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา ความร่วมมือด้านการลงทุน ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้า ความร่วมมือด้านพลังงาน ความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน และความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคและภูมิภาค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23043 | สรุปผลการประชุม ASEAN Plus Three Health Ministers' Special VDO Conference on the Threat of MERS - CoV in the Region | สธ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุม ASEAN Plus Three Health Ministers’ Special VDO Conference on the Threat of MERS-CoV in the Region ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีสาระสำคัญของการประชุม สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดการประเมินความเสี่ยงของโรค การเตรียมความพร้อม การตอบสนอง และการสื่อสารสาธารณะที่มีประสิทธิภาพในโรคเมอร์ส สรุปได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ควบคุมโรคได้สำเร็จ ได้แก่ ทุกประเทศมีความตื่นตัวและจัดระบบเพื่อควบคุมและป้องกันโรคเมอร์ส สามารถค้นหาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว การคัดกรองและติดตามผู้สัมผัสอย่างใกล้ชิด มีระบบควบคุมและป้องกันโรคในโรงพยาบาล (Infection Prevention and Control system) ที่ดี การสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการระดมสรรพกำลังหลายด้าน และได้มีการเตรียมความพร้อมบุคลากร การพัฒนาทักษะและวิชาการไว้ล่วงหน้า ๒. ประเทศต่าง ๆ ขอบคุณไทย เวียดนาม และเกาหลีสำหรับการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีผ่านระบบประชุมทางไกลเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางด้านภัยสุขภาพ รวมถึงแสดงความชื่นชมไทย เกาหลี มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในกรณีโรคเมอร์ส ซึ่งแต่ละประเทศได้ให้คำมั่นในการเตรียมความพร้อมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยการเพิ่มความเข้มแข็งในระบบการเฝ้าระวังโรคโดยเฉพาะการตรวจจับโรคได้อย่างรวดเร็ว (early warning system) และการติดตามผู้ป่วยให้ความสำคัญในการตรวจสอบ (detection) ป้องกัน (prevention) และตอบโต้ (response) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล และพัฒนาแผนระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ๓. ที่ประชุมได้เห็นชอบต่อแถลงการณ์ร่วมที่ผ่านความเห็นชอบจากการประชุมเตรียมการของเจ้าหน้าที่อาวุโส (Preparation for Senior Officials Meeting : Prep SOM) เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยรัฐมนตรีมีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) เพิ่มความเข้มแข็งของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในการเฝ้าระวังโรค และยกระดับกลไกการประเมินความเสี่ยงระดับภูมิภาคของโรคเมอร์ส (๒) การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างรวดเร็วระหว่างประเทศสมาชิกเมื่อพบผู้ป่วยโรคเมอร์สรายใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประเมินความเสี่ยง (๓) การประสานความร่วมมือระหว่างชายแดนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการติดตามผู้เดินทาง และความร่วมมือในการสอบสวนโรคผ่านความร่วมมือพหุภาคี รวมทั้งเครือข่ายฝึกอบรมด้านระบาดวิทยาภาคสนามอาเซียนบวกสาม (๔) สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการที่สามารถวินิจฉัยโรคได้ รวมทั้งการมีมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ตลอดจนการสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และ (๕) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและถ่ายทอดบทเรียนร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อสนับสนุนให้เกิดการทบทวนและสังเคราะห์การดำเนินงานที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการโรคเมอร์สในภูมิภาค
|
|||||||||||||||||||||
23044 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปิง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปิง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปิง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23045 | รายงานการตรวจสอบสินค้านำเข้าและมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบรายการสินค้านำเข้าและมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการด้านมาตรฐานสินค้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ มาตรการเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ๑.๓ มาตรการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสินค้าภายในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ๑.๔ สนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลหรือพลังงานทดแทนที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ รวมถึงการรณรงค์ให้ใช้พลังงานอย่างประหยัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการเร่งรัดการดำเนินการให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งรวบรวมผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบภายใน ๖ เดือน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า มาตรการเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้า และมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีบทบาททำหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายในการควบคุมการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้ามาในราชอาณาจักร ได้แก่ ยา อาหาร เครื่องสำอาง วัตถุอันตราย วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และยาเสพติด นอกจากนี้ การนำมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นมาใช้ ควรคำนึงถึงความตกลงที่ไทยได้ผูกพันไว้ภายใต้กรอบเจรจาต่าง ๆ เพื่อไม่ให้คู่เจรจามองว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า รวมทั้งมีการติดตาม ประเมินผลมาตรการดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันต่อสภาวะการแข่งขันทางการค้าในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
23046 | ผลการประชุมหารือระดับรัฐมนตรีด้านการคมนาคมไทย - ลาว | คค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีคมนาคมไทย-ลาว เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนลาว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางถนนระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ทั้งสองฝ่ายรับทราบความพร้อมของเวียดนามในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือสามฝ่ายเพื่อจัดทำความตกลงว่าด้วยการเดินรถโดยสารประจำทางไทย-ลาว-เวียดนาม ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ และฝ่ายไทยได้เสนอขอให้ฝ่ายลาวพิจารณาทบทวนการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามพรมแดน ณ จุดผ่านแดนเชียงของ-ห้วยทราย และบ่อเต็น-โมฮาน ที่ไทย ลาว และจีนได้เคยเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกันเมื่อปี ๒๕๕๓ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว รวมทั้งเสนอให้ฝ่ายลาวสนับสนุนการเพิ่มเส้นทาง R12 ให้รวมอยู่ในพิธีสาร ๑ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS CBTA) ซึ่งฝ่ายลาวเห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายไทย แต่ยังไม่มีความพร้อม ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเสนอให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ให้การสนับสนุนในการดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการเส้นทาง R12 (ท่าแขก-ยมมะราด-ลังคัง-น้ำพาว) เพื่อปรับปรุงเส้นทางให้ได้มาตรฐานทางหลวงอาเซียน ๑.๒ การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟไทย-ลาว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ทบทวนการพิจารณากำหนดจุดที่เหมาะสมสำหรับก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่เพื่อให้เกิดความรอบคอบและเกิดผลกระทบน้อยที่สุด ฝ่ายไทยยินดีพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายลาวกรณีขอเปลี่ยนแปลงการใช้เงินกู้จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) กระทรวงการคลัง วงเงิน ๑,๖๕๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการซ่อมบำรุงถนนในนครหลวงเวียงจันทน์ และทำรั้วสำหรับเขตสงวนรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารและสินค้าท่านาแล้ง และฝ่ายลาวเสนอให้มีการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในเส้นทางอุบลราชธานี-ช่องเม็ก ซึ่งฝ่ายไทยจะดำเนินการของบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อจ้างที่ปรึกษาสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ในเส้นทางดังกล่าว ๑.๓ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฝ่ายไทยแจ้งความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ บึงกาฬ-ปากซัน และพร้อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนในการขอรับการสนับสนุนของฝ่ายลาวสำหรับการสำรวจและออกแบบสะพานมิตรภาพ แห่งที่ ๖ (อุบลราชธานี-แขวงสาละวัน) รวมทั้งยินดีพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงบริเวณบ้านเชียงแมนข้ามมายังตัวเมืองหลวงพระบาง นอกจากนี้ ฝ่ายไทยแจ้งเรื่องที่สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ยินดีให้ความช่วยเหลือสำหรับโครงการปรับปรุงท่าอากาศยานปากเซและสะหวันนะเขต ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาดำเนินการต่าง ๆ ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อให้ความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบคมนาคมไทย-ลาว เป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเส้นทางรถไฟระหว่างสถานีหนองคาย-สถานีท่านาแล้ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการพัฒนาโครงการรถไฟลาว-จีน (บ่อเต็น-เวียงจันทน์) แล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการหารือแนวทางการใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟระหว่างสถานีหนองคาย-สถานีท่านาแล้ง ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนดังกล่าวเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
23047 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (ASEAN Economic Community 2025 Blueprint) | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (ASEAN Economic Community 2025 Blueprint) ซึ่งเป็นเอกสารที่กำหนดทิศทางการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนในระยะ ๑๐ ปีข้างหน้า (๒๐๑๖-๒๐๒๕) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในปัจจุบัน และแนวทางการรับมือต่อประเด็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาเซียนอาจต้องเผชิญในอนาคต อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายใน ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) เศรษฐกิจที่มีการรวมตัวและเชื่อมโยงในระดับสูง (๒) มีความสามารถในการแข่งขัน มีนวัตกรรม และมีพลวัต (๓) ส่งเสริมการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจและการรวมตัวรายสาขา (๔) ความสามารถในการปรับตัว ครอบคลุมทุกภาคส่วน และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และ (๕) การเป็นส่วนสำคัญของประชาคมโลก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรใช้เวทีอาเซียนในการผลักดันให้อาเซียนกำหนดเป้าหมายและมาตรการเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในแต่ละเรื่องที่ชัดเจนมากขึ้น และควรมีการเตรียมการภายในประเทศเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในทิศทางการดำเนินงานของอาเซียน หลังปี ๒๕๕๘ รวมทั้งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีของร่างแผนงานฯ ที่เพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างใกล้ชิดในเรื่องเป้าหมายและประเด็นการพัฒนาความร่วมมือใหม่ ๆ และจัดทำแผนติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายภายหลังร่างแผนงานฯ ได้รับความเห็นชอบแล้ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๗ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ เข้าร่วมรับรอง (endorse) ร่างแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
23048 | การเข้าร่วมโครงการความร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบิน Cooperative Aviation Security Programme, Asia/Pacific Region (CASP-AP) Phase lll ระหว่างประเทศไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization - ICAO) | คค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้กรมการบินพลเรือนดำเนินการเข้าร่วมโครงการความร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบิน Cooperative Aviation Security Programme, Asia/Pacific Region (CASP-AP) Phase III ระหว่างประเทศไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบินที่จัดขึ้นสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการดำเนินการด้านการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้านการรักษาความปลอดภัยการบินของประเทศสมาชิกให้มีความทัดเทียมกัน และเป็นโครงการความร่วมมือต่อเนื่องจาก Phase I และ Phase II เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากลและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยด้านการบินในภูมิภาค ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการบินพลเรือนสามารถดำเนินการได้ โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมการบินพลเรือนเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยโดยการลงนามเข้าร่วมโครงการ CASP-AP Phase III เป็นการจัดทำความตกลงในนามกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐอื่นใดกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานนั้น ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการจัดทำความตกลงระหว่างหน่วยงาน ให้ผู้มีอำนาจลงนามของหน่วยงานนั้นหรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยไม่ต้องขอรับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการกรณีที่ประเทศสมาชิกจะต้องชำระค่าสมาชิกรายปี ปีละ ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จนถึงสิ้นสุดโครงการในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยค่าสมาชิกรายปีประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประมาณ ๘๘๗,๕๐๐ บาท (๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๕.๕๐ บาท) นั้น ให้กรมการบินพลเรือนปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกาศใช้บังคับแล้ว สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กรมการบินพลเรือนเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
23049 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 338 สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข 338 (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย ในท้องที่อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๘ สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๓๘ (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔-ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร-สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย ในท้องที่อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23050 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยซ่อมอากาศยาน จำนวน 5 ฉบับ | คค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงใบรับรองหน่วยซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับ การออก การกำหนดอายุ และการขอต่ออายุใบรับรองหน่วยซ่อม ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงผู้ดำเนินการหน่วยซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำเนินการหน่วยซ่อม ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการผลิตชิ้นส่วนของอากาศยาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตผลิตชิ้นส่วนของอากาศยานเพื่อใช้ในการบำรุงรักษาอากาศยานหรือส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอ การออก การพักใช้และการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศในราชอาณาจักร ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอ การออก แบบ อายุ การพักใช้และการเพิกถอนใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการบินพลเรือนเตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมการบิน เพื่อให้การกำกับดูแลหน่วยงานซ่อมอากาศยาน การควบคุมการผลิตอากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยานมีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23051 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558 | กษ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงพลังงานหารือร่วมกับผู้เกี่ยวข้องพิจารณาปรับสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซล จากเดิม “ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖ และไม่สูงกว่าร้อยละ ๗” เป็น “ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖.๕ และไม่สูงกว่าร้อยละ ๗” ๑.๒ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์ม ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ร่วมเป็นคณะทำงาน ๑.๓ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันปาล์มให้มีอัตราน้ำมันสูงและน้ำมันมีคุณภาพดี โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานอนุกรรมการ และคณะอนุกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนภาคเอกชน จำนวน ๓ ท่าน ร่วมเป็นคณะอนุกรรมการฯ ๑.๔ เห็นชอบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเก็บสต็อก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้องค์การคลังสินค้าเพิ่มปริมาณการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เก็บสต็อกของปี ๒๕๕๘ อีกจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัน โดยมีเงื่อนไขให้องค์การคลังสินค้ารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อเก็บสต็อก เมื่อราคาผลปาล์ม (อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๗) ที่เกษตรกรขายไม่ต่ำกว่าหรือมีแนวโน้มต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๔.๒๐ บาท ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่เห็นชอบในหลักการอนุมัติกรอบวงเงิน จำนวน ๒,๘๙๖.๔๕ ล้านบาท เพื่อให้องค์การคลังสินค้าดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพิ่มเติมอีก จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัน รวมเป็นจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัน ทั้งนี้ ให้เพิ่มเงื่อนไขสำหรับการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเติมอีก ๑๐๐,๐๐๐ ตัน โดยกำหนดให้มีการตรวจติดตามว่า เมื่อโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มได้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้องค์การคลังสินค้าแล้ว โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดังกล่าวจะต้องรับซื้อผลปาล์มเพิ่มจากเกษตรกรเพื่อแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มดิบมาเติมสต็อกแทนที่น้ำมันปาล์มดิบที่ระบายจำหน่ายให้องค์การคลังสินค้าไปแล้ว ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับและเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามมาตรการที่กำหนด และรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ เพื่อให้สามารถติดตามสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิด และปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23052 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2579 (PDP 2015) | พน | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (PDP 2015) โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงานฯ กระทรวงพลังงานพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์ และมีความสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานในการจัดทำแผน PDP 2015 ซึ่งกระทรวงพลังงานจะรับข้อเสนอแนะดังกล่าวมาเพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23053 | แจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จำนวน 1 ราย (นายสวัสดิ์ สมัครพงศ์) | อื่นๆ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงรายชื่อกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จำนวน ๑ ราย จาก “นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ ผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านทรัพยากรธรรมชาติ โครงการส่งเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา” เป็น “นายสวัสดิ์ สมัครพงศ์ ผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านทรัพยากรธรรมชาติ สมาคมเพื่อนเกลอเทือกเขาหลวง” โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ตามที่องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23054 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 6 - 10 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23055 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 13 - 17 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๑๓-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23056 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 20 - 24 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๒๐-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23057 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 27 - 29 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23058 | รายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | กษ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ่ายเงินชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สำนักงบประมาณได้อนุมัติให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๘ โดย ส.ป.ก. ได้โอนเงินงบประมาณดังกล่าวไปตั้งจ่ายทางสำนักงานคลังจังหวัดลพบุรี เพื่อเป็นค่าชดเชยพิเศษฯ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ และได้แจ้งให้ ส.ป.ก. จังหวัดลพบุรี ทราบเพื่อดำเนินการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรแล้ว ๒. กรณีเร่งรัดกระบวนการจ่ายค่าชดเชยสำหรับราษฎรส่วนที่เหลือ ๑,๓๓๐ ราย อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจังหวัดลพบุรีและสระบุรีเพื่อนำเสนอคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจ่ายเงินค่าชดเชยพิเศษ ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายทุจริตและมีการเลือกปฏิบัติ นั้น ไม่พบเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
23059 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน - แคนาดา ด้านการค้า และการลงทุน ปี 2016 - 2020 (2016 - 2020 Work Plan to Implement the ASEAN-Canada Joint Declaration on Trade and Investment) | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดา ด้านการค้าและการลงทุน ปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ (2016-2020 Work Plan to Implement the ASEAN-Canada Joint Declaration on Trade and Investment) ซึ่งมีขอบเขตการดำเนินกิจกรรมที่สานต่อจากแผนงานปี ๒๐๑๒-๒๐๑๕ ประกอบด้วย ๓ กิจกรรมหลัก ได้แก่ (๑) การยกระดับการหารือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา (๒) การกระตุ้นการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา และ (๓) การสนับสนุนกิจกรรมของภาคเอกชนเพื่อขยายการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมความร่วมมือในการส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนและแคนาดา เพื่อสร้างความหลากหลายและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ SMEs และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้โอกาสจากการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและการสร้างเครือข่ายร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการอาเซียนและแคนาดา รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลแผนการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี ๒๐๑๒-๒๐๑๕ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงแผนงานในปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา ครั้งที่ ๔ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ เข้าร่วมรับรอง (endorse) ร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดา ด้านการค้าและการลงทุนปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
23060 | การรับรองร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน - อินเดียและการรื้อฟื้นคณะกรรมการเจรจาการค้าอาเซียน - อินเดีย | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ประเด็นด้านการปฏิบัติตามพันธกรณี (๒) มาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า (๓) ความเป็นไปได้ในการเปิดเสรีสินค้าที่อยู่ในรายการอ่อนไหวและสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษี (๔) การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการค้าและการลงทุน และ (๕) การสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ทั้งนี้ ร่างเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงกรอบประเด็นที่อาเซียนและอินเดียจะต้องนำไปเจรจาหารือกันภายใต้คณะกรรมการเจรจาการค้าต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย และการรื้อฟื้นคณะกรรมการเจรจาการค้าอาเซียน-อินเดีย กับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดียในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๑๓ ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการผลักดันการเปิดตลาดสินค้าอ่อนไหวและสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษีที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มเติม เช่น ข้าว รถยนต์ เป็นต้น รวมทั้งทบทวนและแก้ไขปัญหาเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันภายใต้ความตกลง ตลอดจนประสานงานและหารือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างใกล้ชิดในรายละเอียดประเด็นการเจรจาต่าง ๆ เพื่อทบทวนสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะเอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากความตกลงเสรีทางการค้าให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....