ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1158 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23141 - 23160 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23141 | รายงานเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยสรุปว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติได้ลงมติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๘ จึงมีผลให้ Road Map ของคณะรัฐมนตรีขยายออกไปจากเดิมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ๑.๑ ขั้นตอนและกรอบระยะเวลาการดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ ภายหลังที่สภาปฏิรูปแห่งชาติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ๑.๒ โครงสร้างของรัฐตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๘ ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ จะประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่การบริหาร การปฏิรูป และการปรองดอง กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทำหน้าที่รักษาความสงบแห่งชาติ และเป็นกลไกให้คณะรัฐมนตรีในการบริหารและกลไกในการขจัดความขัดแย้ง การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ๑.๓ ในระหว่างการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งจะแต่งตั้งขึ้นใหม่ ให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการสร้างผลงานตามยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลให้เป็นประโยชน์สูงสุด ๒. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วยว่า เพื่อให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นที่ยอมรับของคนในชาติ เห็นควรให้มีการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบและเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาหรือสถานการณ์ของประเทศไทยที่ผ่านมาก่อนวันที่๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยให้มีการวิเคราะห์สาเหตุที่สภาปฏิรูปแห่งชาติลงมติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากเหตุหลายประการ เช่น บทบัญญัติยังไม่ครอบคลุมกลไกเกี่ยวกับการปฏิรูป การขจัดความขัดแย้ง การปรองดอง และกลไกการแก้ปัญหาเพื่อวางรากฐานของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป เพื่อจะได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ กรอบระยะเวลาการดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญจะทำให้เร็วขึ้นได้ก่อนเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ หากคนในชาติทุกคนร่วมมือกันและไม่มีความขัดแย้งกัน โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ต้องสร้างความรับรู้กับประชาชนให้เข้าใจกลไก ขจัดความขัดแย้งด้วย โดยศึกษาตำราจากต่างประเทศ เพื่อช่วยนำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืน มั่นคง ต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งนำนโยบายของรัฐบาลหรือผลการพิจารณาที่ได้ข้อยุติแล้ว นำไปขับเคลื่อนให้ส่วนราชการดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ๔. ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินำผลการพิจารณาการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาศึกษาและรวบรวมแจ้งให้ส่วนราชการทราบ หากเรื่องใดสามารถดำเนินการได้ ให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว แต่หากมีความจำเป็นเร่งด่วนและเพื่อประโยชน์ของรัฐ ให้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23142 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 4 ราย 1. พลเอก สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ฯลฯ) | ศธ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ๒. นายไมเคิล เดวิด เซลบีย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์) ๓. พันเอก รัตนะโชติ อ่างทอง ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์)] ๔. หม่อมหลวงปริยดา ดิศกุล ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์)] |
|||||||||||||||||||||
23143 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทน | ปช | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการตั้งครรภ์แทน ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าวและสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภาพรวมส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านนโยบาย โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้มีการประกาศใช้เรียบร้อยแล้ว เห็นควรให้รัฐบาลกำกับดูแล และติดตามการบังคับใช้กฎหมายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด และต้องศึกษาหาแนวทางบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ในส่วนของจริยธรรมและสิทธิมนุษยชนเห็นควรให้มีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อการคุ้มครองและป้องกันปัญหาในด้านศีลธรรม ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือปัญหาการค้ามนุษย์ด้วย ๒. ด้านการกำกับติดตามและดำเนินคดีความ ได้แก่ การดำเนินการโดยมิชอบของสถานพยาบาลที่อยู่ภายใต้ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย การควบคุม ดูแลและตรวจสอบสถานพยาบาลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ การบูรณาการร่วมกันระหว่างแพทยสภา (โดยผ่านทางราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย) กับกรมสนับสนุนการบริการสุขภาพ การปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (เจ้าหน้าที่ของรัฐ) การอนุญาตรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แนวทางการศึกษาวิจัยเพื่อป้องกันไม่ให้หญิง "รับจ้าง" ตั้งครรภ์แทนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เวชระเบียนโรงพยาบาลรัฐ ๓. ด้านการดำเนินงานขององค์กรวิชาชีพ แพทยสภาในฐานะหน่วยงานควบคุม ดูแล การปฏิบัติงานของแพทย์ต้องเข้มงวดในเรื่องจริยธรรมของแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เป็นกรณีพิเศษและมีบทลงโทษต่อแพทย์ผู้ฝ่าฝืนมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อย่างรวดเร็วและจริงจัง
|
|||||||||||||||||||||
23144 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีประเด็นปฏิรูปที่สำคัญ ดังนี้
๑. หลักการและแนวคิดในการจัดตั้งองค์การมหาชน ๒. การกำหนดและจัดบทบาทภารกิจ และการให้บริการสาธารณะ ๓. ระบบการบริหารและโครงสร้าง ๔. ระบบค่าตอบแทน ๕. ระบบการติดตามและประเมินผล ๖. ข้อเสนอการดำเนินการในลำดับต่อไป ประกอบด้วย การดำเนินงานระยะเร่งด่วน (ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) ระยะกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘)
|
|||||||||||||||||||||
23145 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปการเงินฐานราก และร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. ....) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปการเงินฐานราก และร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณาดำเนินการในการลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในระดับฐานราก วางกรอบนโยบายและแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนสำหรับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในการส่งเสริมองค์กรการเงินระดับฐานรากของชุมชนให้เข้มแข็ง เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบการเงินระดับฐานรากของประเทศ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23146 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติรวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับโทษปรับ การรอการกำหนดโทษและรอการลงโทษ และแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของผู้ใช้และผู้ถูกใช้) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. เห็นชอบให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้เสนอ) ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. เห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) จากสภานิติบัญญัติแหงชาติ เพื่อให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนำมารวมพิจารณาทบทวนกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้เสนอ) อีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
23147 | ร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท จำนวน 147 ฉบับ พ.ศ. .... | มท | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท จำนวน ๑๔๗ ฉบับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท จำนวน ๑๔๗ ฉบับ เพื่อกำหนดเรื่องการคิดคำนวณพื้นที่ใช้สอยอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23148 | การประชุมคณะรัฐมนตรี (วันอังคารที่ 29 กันยายน 2558) | นร05 | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปราชการต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๙ กันยายน ๒๕๕๘ ดังนั้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๘ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน ทั้งนี้ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๙/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน
|
|||||||||||||||||||||
23149 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 | นร12 | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป โดยสาระสำคัญของรายงานฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมการพัฒนาระบบราชการ ประกอบด้วย เป้าหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย สถานภาพของระบบราชการไทย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ หน่วยงานภาครัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร กำลังคนภาครัฐในฝ่ายพลเรือน รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในส่วนของงบค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐ และผลการประเมินภาพรวม ซึ่งสะท้อนสมรรถนะของระบบราชการไทยในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ทำการประเมินโดยองค์กรในระดับนานาชาติ ๒. ความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบราชการไทย ประกอบด้วย ผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของหน่วยงานในกำกับของฝ่ายบริหาร ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ข้าราชการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการพัฒนาระบบราชการในภาพรวม และผลที่เกิดจากการผลักดันการพัฒนาระบบราชการไทยในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๓. การดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบด้วย การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ และผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ ความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ก.พ.ร. กับหน่วยงานต่างประเทศ รวมทั้งข้อมูลแสดงโครงสร้าง อัตรากำลัง งบประมาณ และงบแสดงฐานะการเงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||
23150 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้เสนอ) ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23151 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | มท | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23152 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพกรณีผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ) | สม | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอ เรื่อง รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีผู้ประกอบการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ตไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการแนวทางการจัดระเบียบการประกอบอาชีพเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยของสังคม โดยรัฐจะต้องดำเนินการให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และต้องถือปฏิบัติในทุกพื้นที่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23153 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 17 - 21 สิงหาคม 2558) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป รอบที่ ๒ (วันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23154 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ....) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเรื่อง การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเพื่อปฏิรูป ๔ องค์ประกอบ ที่จำเป็นต่อการบังคับใช้กฎหมาย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สาระของกฎหมาย โดยปรับปรุงหรือกำหนดบทนิยาม หลักเกณฑ์ ระเบียบ และแนวปฏิบัติให้ชัดเจน ครบถ้วน มีสภาพบังคับตามกฎหมายและยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพการประกอบธุรกิจในอนาคต ๑.๒ ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีความเสมอภาคกับผู้ประกอบธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน และขยายขอบเขตให้ครอบคลุมการกระทำผิดนอกประเทศที่ส่งผลต่อภาวการณ์แข่งขันภายในประเทศ ๑.๓ ผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยการปรับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า รวมทั้งกำหนดระเบียบปฏิบัติหรือหลักเกณฑ์การดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ๑.๔ การสืบสวนการดำเนินคดีและบทลงดทษโดยการใช้อำนาจคณะกรรมการในการกำหนดโทษปรับและ/หรือให้ฟ้องคดีอาญาและค่าสเยหายต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านธุรกิจทางการค้า และปรับบทลงโทษให้เหมาะสม ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประะทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23155 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ แผนงานพัฒนาและเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการ ผลผลิตการส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน ๕ แห่ง วงเงิน ๑๐๗,๕๘๙,๙๐๐ บาท รายการค่าเช่ารถยนต์ ๕ คัน วงเงิน ๑๓,๕๙๒,๐๐๐ บาท และรายการค่าเช่าคลังเก็บวัสดุ ๑ แห่ง วงเงิน ๓๑๒,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๑๑ รายการ ภายในวงเงิน ๑๒๑,๔๙๓,๙๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย ทั้งนี้ ในการจัดหาเพื่อเช่าอาคารสำนักงาน เช่ารถยนต์สำนักงาน และเช่าคลังเก็บวัสดุดังกล่าว ให้ ททท. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ และต่อรองค่าเช่าจนได้ราคาต่ำสุด โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๓๙,๑๔๒,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๘๒,๓๕๑,๙๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้ ททท. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาการเช่าหรือซื้ออาคารและรถยนต์โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้จ่ายเงินงบประมาณของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงาน ททท.) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และวางแผนการใช้จ่ายเงินให้มีความสอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณต่อไป และควรมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงาน ททท. ทั้งในและต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำคำของบประมาณสำหรับค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามระเบียบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการเช่าอาคารสำนักงานของ ททท. ให้ ททท. นำนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก) ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
23156 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย - เมียนมา ครั้งที่ 29 | กห | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๒๙ (The 29th Thailand-Myanmar Regional Border Committee Meeting : RBC-29) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Mechanism of Township Border Committee : TBC) ความร่วมมือทวิภาคีในการปรามปรามยาเสพติด การแลกเปลี่ยนการเยือน และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ มาตรการเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน ความร่วมมือในพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดและการลักลอบค้าอาวุธ ความร่วมมือเกี่ยวกับการก่อสร้างบริเวณพื้นที่ชายแดน ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเขตแดน ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชายแดน การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านบริเวณชายแดน และการแจ้งเตือนต่อการบินรุกล้ำน่านฟ้า ๓. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกให้คณะผู้แทนไทยที่เข้าไปดำเนินงานโครงการความร่วมมือในเมียนมา กิจกรรมและความร่วมมือในแม่น้ำเมย ความร่วมมือในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ข้อเสนอในการทบทวนบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค และการเตรียมการสำหรับการเดินทางกลับผู้หนีภัยการสู้รับ ๔. การกำหนดวันที่และสถานที่ของการประชุมคณะกรรมการ RBC-30 ซึ่งฝ่ายเมียนมาแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า การประชุมคณะกรรมการ RBC-30 กำหนดจัดขึ้นที่เมียนมา สำหรับวันที่และสถานที่จะแจ้งให้ทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23157 | ผลกระทบและแนวทางพื้นฟูการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ | กก | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลกระทบและแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลกระทบหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ ประเทศในแถบเอเชียได้มีการยกเลิกการจองแพ็คเกจนำเที่ยวและยกเลิกการบินมาไทยในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ๒๕๕๘ ได้แก่ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง และเวียดนาม ส่วนการจองบัตรโดยสารเครื่องบินทั่วโลกเฉพาะเที่ยวบินประจำที่รวบรวมโดยระบบ Forwardkeys เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ พบว่า มีการยกเลิกการจองตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ไปประมาณครึ่งหนึ่งของยอดจองทั้งหมด สำหรับตลาดคนไทย ในภาพรวมนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงเดินทางท่องเที่ยวเป็นปกติ ยกเว้นพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ที่อาจได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดเกิดเหตุ ๒. แนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยตลาดต่างประเทศ ได้เน้นประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์และสอดแทรกภาพข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับคนไทยและประเทศไทยผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งในระดับโลกและในพื้นที่ตลาด การสร้างกระแสและเสริมบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว เร่งจัดทำแคมเปญโฆษณาและโลโก้ “Amazing Thailand” ตัวใหม่ พร้อมทั้งจัดมหกรรมงานประเพณีแห่งความสุข (Mega event) เสริมบรรยากาศที่เข้าสู่ภาวะปกติ ชักชวนให้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย รวมทั้งการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว โดยเน้นเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เป็นตลาดหลักระยะใกล้ และเปิดตัวการใช้โลโก้ใหม่และแคมเปญโฆษณาใหม่ ภายใต้แนวคิด “Discover Amazing Stories” เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับ “วิถีไทย” ในส่วนของตลาดในประเทศ จะเรียกขวัญและกำลังใจของคนไทยกลับมา โดยจัดกิจกรรม “กรุงเทพฯ เดิน (เท้า) เที่ยว” การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวผ่านรายการโทรทัศน์/รายการวิทยุ และเน้นโฆษณาเพื่อสร้างกระแสและเสริมสร้างบรรยากาศในการท่องเที่ยวให้คนไทยกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยจัดทำแคมเปญโฆษณา “กอดเมืองไทย ให้หายเหนื่อย” เผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||
23158 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายวีระ โรจน์พจนรัตน์)
|
|||||||||||||||||||||
23159 | การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และ กรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23160 | ประสิทธิภาพการดำเนินงานวิจัยของหน่วยงานภาครัฐประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 - 2555 | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบประสิทธิภาพการดำเนินงานวิจัยของหน่วยงานภาครัฐประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๕ จากการติดตามผลการดำเนินงานการใช้จ่ายงบประมาณการวิจัยของหน่วยงานภาครัฐยังมีโครงการวิจัยจำนวนมากที่มีความล่าช้าในการรายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งผลการติดตามพบว่าประสิทธิภาพการดำเนินงานวิจัยของหน่วยงานภาครัฐมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ๑.๒ เห็นชอบมาตรการในการเร่งรัดหน่วยงานภาครัฐที่ยังคงค้างรายงานผลการดำเนินการวิจัยในระบบบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (National Research Project Management System : NRPM) ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ จนถึงปีปัจจุบัน โดยหากนักวิจัยในหน่วยงานใดไม่รายงานผลการดำเนินงานดังกล่าว นักวิจัยผู้นั้นจะไม่สามารถของบประมาณการวิจัยในปีงบประมาณถัดไป ๑.๓ เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐรายงานผลการดำเนินงานวิจัยในระบบ NRPM เป็นประจำรายไตรมาสอย่างเคร่งครัด เพื่อสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติจะได้ดำเนินการประมวลผลความสำเร็จของการวิจัยของหน่วยงานภาครัฐเพื่อการบริหารงบประมาณวิจัยของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดการนำผลงานวิจัยมาใช้เพื่อการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศได้อย่างสมบูรณ์ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานวิจัยและการจัดสรรงบประมาณวิจัย ให้หน่วยงานควรมีมาตรการผ่อนปรนในกรณีเกิดเหตุสุดวิสัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่องานวิจัย และมีมาตรการจูงใจเพื่อเพิ่มสัดส่วนนักวิจัยในหน่วยงานให้มากขึ้น รวมทั้งระบบการรายงานผลการดำเนินการวิจัยควรเป็นระบบที่ไม่ซับซ้อนสะดวกต่อการใช้งาน ส่วนการใช้ข้อมูลในระบบ NRPM เป็นฐานในการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานวิจัยของหน่วยงานเป็นหลัก ควรมีการพัฒนาระบบให้มีความเสถียรและให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการจำแนกโครงการวิจัยที่มีการดำเนินงานในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้การติดตามและรายงานผลการดำเนินการวิจัยของหน่วยงานภาครัฐมีประสิทธิภาพและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ให้ความสำคัญเร่งด่วนกับการติดตามโครงการที่อยู่ในแผนงานวิจัยเชิงบูรณาการที่ตอบสนองต่อนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล มีการรวบรวมแผนงานการวิจัยของหน่วยงานในระยะ ๓-๕ ปี เพื่อใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณวิจัยของภาครัฐ ควรบูรณาการแผนการวิจัยตามกลุ่มหัวข้อวิจัยหลักเป็นแผน ๕ ปี เพื่อใช้ในการเสนองบบูรณาการวิจัยรายปี ควรกำหนดช่วงระยะเวลาในการให้หน่วยงานภาครัฐรายงานผลการวิจัยในระบบ NRPM เป็นราย ๖ เดือน เพื่อให้การรายงานผลสามารถแสดงความก้าวหน้าของผลการวิจัยได้อย่างชัดเจน ตลอดจนกำหนดให้หน่วยงานที่ต้องรายงานสถานภาพการดำเนินการโครงการวิจัยครอบคลุมถึงองค์การมหาชนอื่น ๆ และมีการวัดสถานภาพการดำเนินงานโครงการวิจัยในเชิงคุณภาพของโครงการวิจัยในการนำไปใช้ประโยชน์ด้วย เพื่อใช้เป็นกรอบในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ควรมีการรายงานผลประสิทธิภาพการดำเนินงานการวิจัยในปีงบประมาณที่ผ่านมา มีการพิจารณาในด้านประสิทธิผลของการวิจัยด้วย และมีการปรึกษาหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่มีปัญหาความล่าช้าในการรายงานผลการดำเนินงานวิจัยเพื่อให้ทราบรายละเอียดของปัญหาและนำไปสู่การกำหนดแนวทางหาทางออกร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....