ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1151 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23001 - 23020 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23001 | การรับรองร่างเอกสารผลการประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ. 2015 | กต | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้คณะผู้แทนไทยซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะร่วมรับรองเอกสาร “Transforming Our World : The 2030 Agenda for Sustainable Development” ในการประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ (UN Summit to adopt the Post-2015 Development Agenda) ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ กันยายน ๒๕๕๘ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ๑.๒ ให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่สำคัญในการเสนอแนะนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงหรือความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นกลไกหลักในระดับประเทศในการขับเคลื่อนให้หน่วยงานไทยนำวาระการพัฒนา ๒๐๓๐ ไปปฏิบัติ ติดตามผลการดำเนินงาน รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ภายหลังจากที่ได้มีการรับรองเอกสารผลการประชุมฯ แล้ว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับร่างเอกสารฯ เป้าหมายที่ ๔ ข้อ ๔.๑ เป้าประสงค์ ควรเพิ่มประเด็นเรื่องการรอบรู้สารสนเทศ (Information Literacy) และการรับรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) เป้าหมายที่ ๗ ข้อ ๗.๒ กลไกการดำเนินงาน ควรขยายความให้ครอบคลุมเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือในการค้นคว้าวิจัยและการเข้าถึงผลการวิจัยด้านพลังงานสะอาดและเทคโนโลยี เป้าหมายที่ ๙ เพิ่มข้อความ “... โดยเร่งมีให้มีการสนับสนุนด้านการเงินและเทคโนโลยี การสนับสนุนการพัฒนาทางเทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมในประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสารอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs)” และเป้าหมายที่ ๑๐ ควรเพิ่มประเด็นเรื่องการลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ (digital divide) ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศนำข้อมูลเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป้าประสงค์ในร่างเอกสาร “Transforming Our World : The 2030 Agenda for Sustainable Development” ไปพิจารณาในประเด็นความสอดคล้องกับวาระปฏิรูป ๓๗ ประเด็น และ ๖ วาระการพัฒนาของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบให้นายกรัฐมนตรีกล่าวในเวทีประชาคมโลก ๔. ให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนนำวาระปฏิรูปฯ ไปพิจารณาด้วย เพื่อให้การเสนอแนะนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศสอดคล้องกันและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||
23002 | แผนการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย สำหรับปี 2559 - 2561 | กต | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแผนการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ซึ่งเป็นแผนการหารือฉบับที่ ๓ เพื่อหารือประเด็นเกี่ยวกับ (๑) ความร่วมมือระดับทวิภาคี (๒) ความร่วมมือระดับพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในด้านการเมือง ความมั่นคงและการรวมตัวทางเศรษฐกิจ (๓) ประเด็นซึ่งเป็นข้อห่วงกังวลหรือเป็นที่สนใจร่วมกันในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ อาทิ สหประชาชาติ และเวทีระหว่างประเทศอื่น ๆ (๔) ความร่วมมือระดับทวิภาคีในการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ อาชญากรรมข้ามชาติ และการผลิตและการลักลอบค้ายาเสพติด (๕) พัฒนาการในปัจจุบันในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (๖) กิจการในยุโรป (๗) การสนับสนุนข้อสนเทศสำหรับการดำเนินนโยบายต่างประเทศและประชาสัมพันธ์ และ (๘) การกงสุล
|
|||||||||||||||||||||
23003 | การขอความเห็นชอบต่อการขยายระยะเวลาสำหรับแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการตามปฏิญญากรุงพนมเปญว่าด้วยข้อริเริ่มด้านการพัฒนาภายใต้การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit : EAS) (พ.ศ. 2557 - 2558) | กต | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การขยายระยะเวลาของแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการตามปฏิญญากรุงพนมเปญว่าด้วยข้อริเริ่มด้านการพัฒนาภายใต้การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit : EAS) (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘) เป็นเวลา ๒ ปี (ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งยืนยันการรับรองแผนปฏิบัติการฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความในแผนปฏิญญาฯ ข้อที่ ๑.๔.๑ เป็น “ASEAN Plan of Action for Energy Cooperation : APAEC 2016-2020” เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน ระยะที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN Plan of Action for Energy Cooperation : APAEC 2016-2020) และเห็นควรเสนอให้เพิ่มธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) ในข้อ ๙ กลไกทางการเงินในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ (Institutional and Financial Arrangement for the Implementation of this Plan of Action) ในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
23004 | โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี | นร | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามที่กรมราชองครักษ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ เพื่อให้กรมราชองครักษ์เป็นผู้เบิกจ่ายงบประมาณของโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ด้านการศึกษาและด้านการสาธารณสุข โดยประสานกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงบประมาณ เพื่อจัดทำแผนงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๒ พิจารณาความเหมาะสมในการลงนามในบันทึกความตกลงโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาทั้งสองด้าน คือ ด้านการศึกษาและด้านการสาธารณสุข ทั้งนี้ โดยให้สมุหราชองครักษ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากสมุหราชองครักษ์ เป็นผู้ลงนามแทน ๑.๓ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายสนับสนุนการดำเนินการ เรื่องการก่อสร้าง การซ่อมแซม การปรนนิบัติบำรุง การพัฒนาบุคลากร หลักสูตรการศึกษา และตำรา ฯลฯ ตามที่คณะกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องตามโครงการพระราชทานฯ ที่กรมราชองครักษ์มีคำสั่งแต่งตั้งได้ร้องขอ โดยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบปฏิบัติของราชการต่าง ๆ โดยอนุโลม ๑.๔ ให้กรมราชองครักษ์พิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการดำเนินการ และคณะกรรมการอื่น ๆ เท่าที่จำเป็นและเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินโครงการพระราชทานฯ จนเสร็จสิ้นต่อไป ๒. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า กรมราชองครักษ์ขอแก้ไขวันเริ่มต้นของโครงการและวันที่ลงนามในร่างความตกลงโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ด้านการศึกษา ระหว่างกรมราชองครักษ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการเยาวชน และการกีฬาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียลและการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมราชองครักษ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกัมพูชา-ไทย ในการควบคุมโรคมาลาเรีย โรคไข้เลือดออก และโรคอื่น ๆ ที่มียุงเป็นพาหะ ในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากเดิม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็น ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘ หรือวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ (ตามที่จะตกลงกับฝ่ายกัมพูชา) เป็นต้นไป ๓. เห็นชอบร่างความตกลงฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยให้สมุหราชองครักษ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากสมุหราชองครักษ์เป็นผู้ลงนาม ๔. เห็นชอบให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายสนับสนุนการดำเนินการเรื่องการก่อสร้าง การซ่อมแซม การปรนนิบัติบำรุง การพัฒนาบุคลากร หลักสูตรการศึกษา และตำรา ฯลฯ ตามที่คณะกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องตามโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่กรมราชองครักษ์มีคำสั่งแต่งตั้งได้ร้องขอ โดยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบปฏิบัติของราชการต่าง ๆ โดยอนุโลม ๕. ในส่วนการขอให้กรมราชองครักษ์เป็นผู้เบิกจ่ายงบประมาณโครงการพระราชทาน นั้น ให้กรมราชองครักษ์ดำเนินการตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๒๒ ที่กำหนดให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณจะมอบหมายให้ส่วนราชการอื่นเป็นผู้เบิกเงินแทนก็ได้ ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณโครงการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๖. ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ที่จะลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๗. ให้กรมราชองครักษ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอน โดยให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาสายวิชาชีพในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในประเทศและรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน อันเป็นการสนับสนุนความสามารถในการประกอบอาชีพ การสร้างรายได้ และการนำความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาประเทศ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23005 | ขออนุมัติโครงการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า | คค | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติโครงการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่าเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางมารีน่าของอาเซียน (Thailand : Marina Hub of ASEAN) ในกรอบวงเงิน จำนวน ๑๕ ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๑.๒ เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า และคณะอนุกรรมการสาขาต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตามหน้าที่ที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์การจัดงานอย่างต่อเนื่อง และให้ประชาชน/ชุมชนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงาน ส่วนการจ้างให้เอกชนผู้รับจัดงาน (Organizer) งานโฆษณาและงานประชาสัมพันธ์ ที่มีวงเงินจัดจ้างเกินกว่า ๕ ล้านบาทขึ้นไป จะต้องรายงานให้ คตร. ทราบก่อนดำเนินการจัดจ้าง และให้ คตร. รวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรี สำหรับงบประมาณการดำเนินโครงการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า ควรสนับสนุนตามที่ใช้จ่ายจริง โดยใช้งบประมาณจากเงินรายได้จากการจัดงานและงบประมาณการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติ จะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23006 | การมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบงานตามภารกิจที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้แล้ว | นร05 | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รับผิดชอบงานตามภารกิจที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติ (๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘) มอบหมายไว้แล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23007 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนายมิตร ภู่เพชร ที่ 1 กับพวกรวม 36 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนายมิตร ภู่เพชร ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๖ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23008 | ร่างพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23009 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่ประชุมฯ ตามที่ประธานกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกเสนอ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาในพื้นที่เขตเมืองระยองและบ้านฉาง และการจัดทำเส้นทางสำหรับรถบรรทุกเป็นการเฉพาะ แยกออกจากเส้นทางสัญจรปกติ รวมทั้งผลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้แก่ สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี ความก้าวหน้าโครงการเร่งด่วนภายใต้แผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร แผนปฏิบัติการโครงการบริหารจัดการขยะครบวงจรโดยแปลงขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า และผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการพัฒนาแหล่งน้ำสำรองในบริเวณลุ่มน้ำคลองทับมา แทนการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และพิจารณาการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองระโอกซึ่งอยู่ใกล้แนวท่อสายหลักของการประปาส่วนภูมิภาคตามแนวถนนสุขุมวิท แทนการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ รวมทั้งเห็นควรเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยและการบริหารจัดการขยะให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
23010 | รายงานความคืบหน้าการแก้ไขข้อบกพร่องจากการตรวจสอบโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization - ICAO) | คค | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าการแก้ไขข้อบกพร่องจากการตรวจสอบโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization-ICAO) ที่พบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern-SSC) ด้านกระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ และกระบวนการรับรองการขนส่งสินค้าอันตรายทางอากาศ และข้อบกพร่องอื่น ๆ ซึ่งกระทรวงคมนาคม (กรมการบินพลเรือน) ได้ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องจากผลการตรวจสอบตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล (Universal Safety Oversight Audit Programme-USOAP) โดยมีประเด็นต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ เช่น การปรับปรุงกระบวนการรับรองการขนส่งสินค้าอันตราย การเตรียมการด้านกฎระเบียบเพื่อการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่รับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ การรายงานแผนการแก้ไขต่อสำนักบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (FAA) ส่วนประเด็นที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น การขอรับการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่จากต่างประเทศ การรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศระหว่างประเทศใหม่ (ดำเนินการแล้ว ๓ สายการบิน จาก ๒๘ สายการบิน) การเข้ารับการตรวจสอบจากองค์การกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินประชาคมยุโรป (EASA) และ ICAO และการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรด้านการบินของประเทศไทย (อยู่ระหว่างขั้นตอนการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง) สำหรับกำหนดเวลาที่จะสามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐานของ ICAO จะขึ้นอยู่กับกระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศระหว่างประเทศใหม่ว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้เมื่อใด
|
|||||||||||||||||||||
23011 | ข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีศึกษาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ Ao โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด และท่าเทียบเรือ B1 โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล 1 จำกัด) | คค | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการหารือเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลการถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของท่าเทียบเรือ A0 (โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด) และท่าเทียบเรือ B1 (โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล ๑ จำกัด) ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ไม่สอดคล้องกับการรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการของกระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การรายงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทยใช้ฐานข้อมูลจากการตรวจสอบในพื้นที่จริงและสถิติตู้สินค้าผ่านท่าของท่าเทียบเรือ A0 ที่ใช้ปั้นจั่นหน้าท่าทั้งหมด ๔ ตัว และสถิติตู้สินค้าผ่านท่าของท่าเทียบเรือ B1 ที่ใช้ปั้นจั่นหน้าท่าทั้งหมด ๔ ตัว ในขณะที่การรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนใช้ฐานข้อมูลจากการรับรองของผู้สอบบัญชีและสถิติการยกตู้สินค้าเฉพาะปั้นจั่นหน้าท่าที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเท่านั้น โดยท่าเทียบเรือ A0 ได้รับสิทธิตามโครงการส่งเสริมการลงทุนในปี ๒๕๕๐-๒๕๕๘ จำนวน ๒ ตัว และท่าเทียบเรือ B1ได้รับสิทธิตามโครงการส่งเสริมการลงทุนในปี ๒๕๔๗-๒๕๕๕ จำนวน ๑ ตัว และได้รับสิทธิตามโครงการส่งเสริมการลงทุนในปี ๒๕๕๒-๒๕๖๐ จำนวน ๒ ตัว ดังนั้น การรายงานของทั้งสองหน่วยงานจึงใช้ฐานข้อมูลที่แตกต่างกัน ทำให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกัน ๒. สำหรับประเด็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนและพยานเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้กรมสรรพากรพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามประมวลรัษฎากรต่อไปนั้น กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังได้มีหนังสือแจ้งความคืบหน้าเพิ่มเติม โดยกรมสรรพากรได้ออกหมายเรียกตรวจสอบการเสียภาษีอากรทั้งสองบริษัท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๐-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาการรับรู้รายได้จากการให้บริการ ซึ่งเอกสารหลักฐานทางบัญชีที่รับรู้รายได้ไม่ตรงกับข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยมีหลักเกณฑ์การคิดต่างกันและจะได้แจ้งผลการตรวจสอบให้ทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23012 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 2/2558 | กค | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. มาตรการเร่งรัดการดำเนินโครงการในกลุ่มโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับโครงการตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบกลางปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๙ เห็นควรเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับโครงการที่เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๙ ให้เร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามมาตรการเร่งรัดของกรมบัญชีกลาง โครงการเงินกู้ตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน เห็นควรเร่งรัด (๑) โครงการที่ลงนามในสัญญาแล้วให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนงาน และขอความร่วมมือผู้รับจ้างให้เบิกเงินล่วงหน้า (Advance Payment) ร้อยละ ๑๕ ตามวงเงินสัญญา โดยกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ไม่น้อยกว่า ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท (๒) โครงการที่ยังไม่ลงนามในสัญญา ให้เร่งรัดการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (๓) โครงการที่อยู่ระหว่างรอสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรที่มีผลประกวดราคาแล้ว เห็นควรให้สำนักงบประมาณจัดสรรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ และ (๔) โครงการที่ยังไม่มีผลประกวดราคา เห็นควรให้เร่งรัดดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและลงนามในสัญญาเมื่อได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ ๒. มาตรการเร่งรัดการดำเนินโครงการในกลุ่มโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมเริ่มประกวดราคาได้ในปี ๒๕๕๘ เห็นควรเร่งรัดขั้นตอนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ตั้งไว้ รวมทั้งเร่งรัดและติดตามให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามกระบวนการประกวดราคาให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ ๓. มาตรการเร่งรัดการดำเนินโครงการในกลุ่มโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมเริ่มประกวดราคาได้ในปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ สำหรับกลุ่มโครงการที่อยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรี เห็นควรเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอโครงการที่มีความพร้อมให้ดำเนินโครงการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติภายในไตรมาสที่ ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๘ กลุ่มโครงการที่ยังไม่ได้อนุมัติ EIA เห็นควรเร่งรัดกระบวนการอนุมัติ EIA โดยกำหนดให้เป็นโครงการ “Fast Track” กลุ่มโครงการรถไฟขนาดทางมาตรฐาน (ไทย-ญี่ปุ่น/ช่วง กรุงเทพฯ-หัวหิน/กรุงเทพฯ-ระยอง) เห็นควรให้รัฐรับภาระเฉพาะค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน การให้สิทธิ์การใช้ราง (Right of Way) และให้เอกชนร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายอื่นทั้งหมดในรูปแบบ PPP Net Cost และกำหนดค่าโดยสารเอง รวมทั้งต้องมีการกำหนดระยะเวลาการร่วมลงทุนที่ชัดเจนด้วย และโครงการร่วมพัฒนารถไฟความเร็วปานกลาง (ไทย-จีน) จึงต้องให้ความสำคัญกับการพิจารณาด้านต้นทุนโครงการให้เหมาะสม จึงควรกำหนดมาตรการเพื่อเร่งรัดขั้นตอนการดำเนินการในรูปแบบ EPC ให้มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบต้นทุนของโครงการได้ ในการนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยควรต้องจ้างที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบและประเมินค่าใช้จ่ายของโครงการในส่วนที่ฝ่ายจีนเป็นผู้ออกแบบรายละเอียดและกำหนดต้นทุนของโครงการให้ชัดเจน ๔. การส่งเสริมการลงทุนควรเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้วให้มีการลงทุนจริงโดยเร็ว โดยลดระยะเวลาการถือบัตรส่งเสริมให้สั้นลง ๕. การจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs เพื่อแก้ไขปัญหาข้อจำกัดของทุนจดทะเบียน เห็นควรให้มีการแปลงสินทรัพย์ถาวรเป็นทุนจดทะเบียนก่อนทำการร่วมทุน และสำหรับการแปลงสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนเห็นควรให้มีการเปิดกว้างเอาไว้ โดยระบุเรื่องดังกล่าวเอาไว้ในสัญญาร่วมลงทุนและหากจะนำสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนมาใช้ขอเพิ่มเงินร่วมลงทุนจากกองทุนฯ ในภายหลัง จำเป็นต้องได้รับการประเมินมูลค่าตามวิธีมาตรฐานและแปลงเป็นทุนจดทะเบียนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ๖. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมของมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23013 | สรุปผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 24 - 25 สิงหาคม 2558 | ยธ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมงานสถาปนาครบรอบ ๗๐ ปี กระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์และสานต่อความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขยายผลความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) ระหว่างสองประเทศ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และได้หารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นความร่วมมือทางด้านกฎหมาย ซึ่งภายหลังการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการดำเนินการ (๑) จัดการฝึกอบรมแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านกฎหมาย และ (๒) แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎหมาย ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวแล้ว กระทรวงยุติธรรมไทยอยู่ในระหว่างการประสานงานจัดทำแผนงานโครงการ รวมถึงการจัดฝึกอบรมแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ระหว่างกันกับฝ่ายเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||
23014 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบีย | กก | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Tourism of Wellness) ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบีย โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับทวิภาคีระหว่างไทยและโคลอมเบีย เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนและกระจายสู่การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ โดยมีประเด็นความร่วมมือ ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการตลาด การปรับปรุงคุณภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การวิจัยและการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการประสานงานและความร่วมมือ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ (โดยระบุตำแหน่ง) ๒. หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดกับผลประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ใช้ประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างไทยและโคลอมเบียเพื่อสานต่อการดำเนินงานส่งเสริมความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
23015 | การปรับเงินเดือนเพิ่ม 1 ขั้น และการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของอาสาสมัครทหารพราน | กห | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับเงินเดือนเพิ่ม ๑ ขั้น ให้กับอาสาสมัครทหารพราน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ) ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของอาสาสมัครทหารพราน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวนประมาณ ๒๖๙,๐๙๕,๐๕๐ บาท ให้กองทัพบกและกองทัพเรือใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีเงินเหลือจ่ายมาเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้กองทัพบกและกองทัพเรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้กองทัพบกและกองทัพเรือเร่งรัดการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณให้กับอาสาสมัครทหารพรานโดยเร็วและทั่วถึงเมื่อได้รับการเห็นชอบ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่และไม่เกิดการร้องเรียน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23016 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 เพิ่มเติม (ค่าใช้จ่ายในการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพบก) | กห | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เพิ่มเติม จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๐๓๓,๕๘๘,๘๕๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพบกที่ใช้ในภารกิจช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ในภาพรวม เว้นการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดการจัดหายุทโธปกรณ์เมื่อได้รับการสนับสนุนงบประมาณ โดยการดำเนินการให้มีความโปร่งใส ถูกต้องทันเวลา เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ และพร้อมรับการตรวจสอบการดำเนินการทุกขั้นตอนจากหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ) ดำเนินการสำรวจและตรวจสอบความพร้อมของยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัย หากพบว่ายุทโธปกรณ์ไม่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ให้กระทรวงกลาโหมเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดหายุทโธปกรณ์ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23017 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (กระทรวงพลังงาน) (พลเอก ธนา วิทยวิโรจน์) | พน | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลเอก ธนา วิทยวิโรจน์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23018 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (พันเอก ณัฐพงษ์ เพราแก้ว) | ศธ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พันเอก ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23019 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23020 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลโท นาวิน ดำริกาญจน์) | นร04 | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง พลโท นาวิน ดำริกาญจน์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง [รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....