ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 65 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1281 - 1300 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1281 | รายงานผลการประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกโลก (Expert Working Group Meeting) | ทส | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมผู้
เชี่ยวชาญด้านมรดกโลก (Expert Working Group Meeting) ระหว่างวันที่ 26-29 เมษายน 2553 ณ กรุงเทพมหา นคร โดยที่ประชุมได้ให้ข้อคิดเห็นต่อการปรับปรุงกระบวนการ "upstream processes" ดังนี้ 1. จุดมุ่งหมายของการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก (Strong focus upon World Heritage) ควรให้ ประเทศภาคีสมาชิกได้เข้าถึงกลไกทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติในการตระหนักและปก ป้องแหล่งมรดกและทางเลือกเบื้องต้นในการให้ประเทศภาคีสมาชิกเข้าร่วมโดยความสมัครใจเพื่อเข้ารับคำปรึกษา ในกระบวนการขึ้นทะเบียนมรดกโลก 2. ควรอธิบายขั้นตอนที่จำเป็นต่อการส่งบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Role of Tentative Lists) และรวบรวม เอกสารที่จะใช้ในการอธิบายไว้ในกระบวนการฝึกอบรมพัฒนาชุดเครื่องมือในการทำบัญชีรายชื่อเบื้องต้นและร่าง เอกสารการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพื่อรับการประเมินและผลตอบรับจากศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษา 3. ควรทำการแนะแนวแก่ประเทศภาคีสมาชิกในเรื่องการวิเคราะห์เปรียบเทียบและการศึกษาความเชื่อม โยง (Comparative analysis and thematic studies) ที่ชัดเจน และให้องค์กรที่ปรึกษามาช่วยเหลือประเทศภาคี สมาชิกในการพัฒนาการวิคราะห์เปรียบเทียบระหว่างกระบวนการเตรียมเอกสารการขึ้นทะเบียนมรดกโลก 4. ความชัดเจนและความซับซ้อน (Clarity and complexity) ควรพัฒนาวิธีการและคำอธิบายที่เข้าใจง่าย และคงความต่อเนื่องในการสร้างความเข้าใจแก่ประเทศภาคีสมาชิก โดยให้มีส่วนร่วมในการประชุมคณะกรรมการ มรดกโลก 5. ควรให้ความสำคัญต่อกระบวนการเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capacity building) และควรพัฒนา กระบวนการให้ง่ายขึ้นเพื่ออนุสัญญาฯ สามารถเป็นที่เข้าใจแก่ประเทศภาคีสมาชิกได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมีสื่อเพื่อการ อธิบายกระบวนการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก 6. การจัดการในอนาคต (Managing expectation) ควรมีเครื่องมือใช้สำหรับสื่อสาร และกระตุ้นเตือน อย่างต่อเนื่องและชัดเจนต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับบรรจุไว้ในแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ในเว็บไซต์ของศูนย์มรดกโลก ในเอสารต่าง ๆ หรือโดยผู้เชี่ยวชาญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1282 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึงและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ แห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึงและได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างระเบียบฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึงและได้รับ ประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพในราชอาณาจักรไทย ให้มีแนวทางการปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ระหว่างหน่วยงานของรัฐและบุคลากรของรัฐที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทาง ชีวภาพ 1.2 ร่างระเบียบฯ แบ่งออเป็น 2 ส่วน คือ 1.2.1 ส่วนที่ 1 หลักเกณฑ์การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ 1.2.2 ส่วนที่ 2 การทำข้อตกลงการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ 1.2.3 ส่วนที่ 3 สิทธิและประโยชน์ตอบแทนกรณีขอเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ 1.2.4 ส่วนที่ 4 การตรวจสอบ ติดตาม กำกับดูแล และการรายงานผล 1.2.5 ส่วนที่ 5 อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ 1.2.6 ส่วนที่ 6 บทลงโทษ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับร่างระเบียบฯ ไปพิจารณาทบทวนแล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1283 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2553 | ทส | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวัน
ที่ 15 มิถุนายน 2553 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่ง ชาติเสนอ ดังนี้ 1. ให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการโครงการระบบเครือข่ายน้ำในพื้นที่วิกฤตน้ำ 19 พื้นที่ โดยทำการศึกษา ความเหมาะสมของโครงการฯ (Feasibility Study : FS) ศึกษาการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environ mental Assessment : SEA) ในระดับลุ่มน้ำโขง ชี มูล รวมเป็นเงินงบประมาณ 917 ล้านบาท โดยผูกพันงบประมาณ ข้ามปี พ.ศ. 2553-2555 ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 1.1 งบประมาณปี พ.ศ. 2553 ใช้งบประมาณจากการปรับแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 200 ล้านบาท 1.2 ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2554 จำนวน 400 ล้านบาท 1.3 ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2555 จำนวน 317 ล้านบาท 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมทรัพยากรน้ำ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รับไปหารือและตกลงร่วมกันเกี่ยวกับโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการอีก 11 โครงการ รวมทั้งไปพิจารณาถึงขอบเขต บทบาท ภารกิจของหน่วยงานทั้งสองในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้าน นโยบาย การบริหาร การก่อสร้าง และอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดภารกิจและการปฏิบัติงานของแต่ ละหน่วยงานต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1284 | รายงานสถานการณ์ไฟป่าและการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช | ทส | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ไฟป่าและการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรี
ธรรมราช และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่าและการบุกรุก พื้นที่ป่าพรุ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยรายงานสถานการณ์ไฟป่าและการบุกรุก พื้นที่ป่าพรุฯ สรุปได้ดังนี้ 1. สถานการณ์การเกิดไฟป่าบริเวณป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เริ่มมีไฟไหม้ป่าตั้งแต่ช่วง เดือนเมษายน 2553 จนถึงปัจจุบัน สาเหตุจากปริมาณน้ำในป่าพรุลดลงเนื่องจากภัยแล้ง ประกอบกับการบุกรุก แผ้วถางและเผาป่าเสม็ด ปัจจุบันไฟไหม้ทำความเสียหายแก่ป่าพรุไปแล้ว 17,053 ไร่ อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเล น้อยและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อ ท้องที่อำเภอชะอวด อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช 2. สภาพปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุ พบการบุกรุกแผ้วถางป่าต้นเสม็ดขาว เพื่อปรับสภาพพื้นที่และขุด ร่องปลูกปาล์มน้ำมันเป็นบริเวณกว้าง ปัจจุบันพื้นที่ป่าพรุได้ถูกบุกรุกและถูกดำเนินคดีไปแล้วกว่า 3,000 ไร่ และ มีพื้นที่บุกรุกอีกจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเนื่องจากมีการอ้างเอกสารแสดงสิทธิการครอบครองที่ดิน อีกเป็นจำนวนมาก 3. แนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่าและการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุ อาทิ มอบให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังประสานหน่วยงานกรมป่าไม้ ฝ่ายปกครอง และกองทัพภาคที่ 4 จัดชุดลาดตระเวน ป้องกันและปราบปรามให้ครอบคลุมพื้นที่ เพื่อป้องกันการบุกรุกและการลักลอบจุดไฟเผาป่า และมอบให้ผู้ว่าราช การจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบแก้ไขปัญหาไฟป่าและการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควน เคร็งโดยดำเนินการตรวจสอบการถือครองพื้นที่ป่าพรุของราษฎรที่มีการอ้าง สค.1 สปก.4-01 นส. 3 นส. 3 ก และโฉนดที่ดินว่าเป็นเอกสารโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายว่า ด้วยการป่าไม้ในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งโดยเฉียบขาด และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้อัยการร้องขอต่อศาลให้ริบของ กลางในคดีการกระทำผิดบุกรุกพื้นที่ป่าพรุและคดีเกี่ยวกับการป่าไม้ทุกคดี เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
1285 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ รวม 8 ฉบับ (ร่างพระราชบัญญัติการยกเลิกการสงวนหวงห้ามที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของทางราชการ พ.ศ. ....) | ทส | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติการยกเลิกการสงวนหวงห้ามที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของทางราชการ พ.ศ. .... (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอ) รวม 8 ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทน ราษฎรภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า บทบัญญัติที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอ รวม 8 ฉบับดังกล่าวนั้น เป็นหลักการเดียวกันกับกรณีที่มีกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินหรือกฎหมายเฉพาะอื่น ซึ่งสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว จึงเป็นการตรากฎหมายที่มีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่ให้อำนาจเหนือกว่าบรรดากฎ หมายอื่นที่มีบทบัญญัติในเรื่องเดียวกัน รวมทั้งเป็นการตรากฎหมายที่ขัดต่อหลักการตรากฎหมายที่ต้องมีผลใช้บังคับ เป็นการทั่วไป 2. เพื่อให้มีแนวทางในการใช้มาตรการทางการบริหารหรือเครื่องมืออื่นใดมาช่วยแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจนใน กรณีที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎหมายในเรื่องนี้ได้ ประกอบกับเพื่อให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติได้มี ข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องนี้ จึงมอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับไปประสานกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาพิจารณาปรึกษาหารือร่วมกัน |
|||||||||||||||||||||||||||
1286 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (จำนวน 11 ราย 1. หม่อมหลวงอนุพร เกษมสันต์ ฯลฯ) | ทส | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จำนวน 11 คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ ดำรงตำแหน่งครบกำหนดสองปีตามวาระ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2552 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเสนอ 2. ให้แก้ไขชื่อสกุลของบุคคลที่เสนอแต่งตั้งเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ในลำดับที่ 9 และลำดับที่ 10 ให้ถูกต้อง (ตามหนังสือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ด่วนที่สุด ที่ ทส 0910.802/ 10586 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2553) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1287 | การประชุมทวิภาคีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ทส | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างสรุปบันทึกการประชุมทวิภาคีระดับรัฐมนตรี เรื่อง ความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากร น้ำและสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 1 (Summary Record of the First Ministerial Meeting on Cooperation in Water Resources and Environment Management) โดยร่างสรุปบันทึกการประชุมฉบับนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทาง การเมืองระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือด้านการจัด การทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมระหว่างสองประเทศ โดยมีขอบเขตความร่วมมือ ดังนี้ 1.1 การจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ 1.2 การศึกษาร่วมด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม 1.3 การเสริมสร้างศักยภาพคณะกรรมการ/องค์กรลุ่มน้ำ 1.4 การจัดการทรัพยากรประมง 1.5 การไหลของน้ำและนิเวศวิทยาของแม่น้ำ 1.6 ความหลากหลายทางชีวภาพ 1.7 ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในสรุปบันทึกการประชุมฯ ในนามรัฐบาลไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1288 | การขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ | ทส | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการ
ทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอว่า ตามที่ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรี เรื่องโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณา การ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2553 ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าวแล้วเสนอ คณะรัฐมนตรีภายใน 1 เดือน นั้น เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีรายละเอียดเป็นจำนวนมาก ผู้เกี่ยวข้องไม่สามารถ ดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติจึงขอขยายระยะเวลา ออกไป และจะเร่งรัดให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
1289 | รายงานผลกระทบและความเสียหายกรณีการตัดไม้จากการดำเนินการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) | ทส | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยก ทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช่วงระหว่าง กม. 2+000-กม. 10+100 ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ 2. สำหรับการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยก ทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ดำเนินการไปแล้ว ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟู สภาพภูมิทัศน์และระบบนิเวศ เช่น การปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูพื้นที่เสียหาย และการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการ พังทลายของดิน เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนต้นไม้ที่ได้ตัดฟันไปแล้วนั้น ให้ใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ เฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติเท่านั้น 3. ให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการเพื่อ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตัดฟันต้นไม้ไหล่ทางบนทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยก ทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช่วงระหว่าง กม. 2+000-กม. 10+100 ให้แล้วเสร็จโดย เร็ว และรายงานนายกรัฐมนตรีต่อไป 4. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ยุติการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงฯ ในส่วน ที่ตัดต่อจาก กม.10+100 และให้สำนักงบประมาณรับไปปรับลดงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ที่ เตรียมจัดสรรไว้เพื่อการดำเนินโครงการในส่วนนี้ของกรมทางหลวงให้สอดคล้องกันด้วย 5. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาและกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เพื่อ กำหนดให้พื้นที่โดยรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รวมทั้งป่าอนุรักษ์ใกล้เคียงให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 45 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 6. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ และ ระยะเวลาในการจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) ให้ แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อไป 7. ส่วนการดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงและทางอื่นใดต่อไปในอนาคต ให้กระทรวง คมนาคมประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อ ให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างเหมาะสมถูกต้องตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1290 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2552 | ทส | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะฝ่ายเลขานุการ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 6/2552 เมื่อ วันที่ 24 ธันวาคม 2552 ดังนี้ 1. ที่ประชุมเห็นชอบกับร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครง การหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพตามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของฝ่ายเลขานุการ รวมทั้งข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรม การแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ได้เสนอให้มีการ ทบทวน ทั้งนี้ ให้ปรับแก้ถ้อยคำในข้อ 3 และข้อ 6 ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 2. ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำประกาศกระทรวงตามข้อ 1 เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาลงนามต่อไป 3. ให้นำประเด็นข้อสังเกตและข้อห่วงใยของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอต่อคณะกรรมการ แก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1291 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เข้าไปดำเนินการในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่นซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงจำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ 1.1 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เข้าไปดำเนินการในแหล่งซากดึกดำ บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการ ขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เข้าไป ดำเนินการในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 5 และมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 กำหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ กำหนดในกฎกระทรวง 1.2 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือ ซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่นซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณา จักรออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการส่งหรือนำ ซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพ หรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น ซึ่งเป็นซากดึกดำ บรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 5 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง ซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 กำหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 1.1 เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเข้าไปดำเนิน การในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ ควรกำหนดให้ชัดเจนว่า ต้องเป็นการอนุญาตเป็น หนังสือจากหน่วยงาน และควรกำหนดประเภทของการดำเนินการที่สามารถอนุญาตให้เข้าไปดำเนินการในเขต แหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนได้ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่แหล่งซากดึกดำบรรพ์ ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ รวมทั้งเป็นการจำกัดประเภทของการดำเนินการที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับ แหล่งซากดึกดำบรรพ์ให้สามารถกระทำได้เท่าที่จะเป็นและเหมาะสมเท่านั้น 2.2 ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 1.2 เกี่ยวกับการส่งหรือนำออกนอกราชอาณาจักรซึ่งซากดึกดำบรรพ์ ว่าจะต้องมีการตรวจพิสูจน์โดยเจ้าหน้าที่ก่อนการอนุญาตเพื่อให้เกิดความชัดเจน ควรกำหนดตำแหน่งข้าราชการ ในสังกัดกรมทรัพยากรธรณีที่สามารถทำการตรวจพิสูจน์ หรือกำหนดผู้ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์ในลักษณะของคณะ กรรมการ ส่วนกรณีที่กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องจัดหาหลักประกันเป็นจำนวนร้อยละห้าของราคาประเมิน ซากดึกดำบรรพ์กลับเข้ามาในราชอาณาจักรตามระยะเวลาที่กำหนดในใบอนุญาต โดยมิได้ระบุถึงที่มาของราคา ประเมิน หรือผู้กำหนดราคาประเมินของซากดึกดำบรรพ์ว่า ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นธรรมจากบุคคลที่มีความรู้ /ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ ไม่ใช่การประเมินโดยปราศจากหลักการ หรือผู้มีความรู้/ความสามารถ |
|||||||||||||||||||||||||||
1292 | ขอความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับเอกสาร REDD+Partnership | ทส | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาการให้การรับรองเอก สารหุ้นส่วนความร่วมมือ (REDD+Partnership) และการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ (REDD+Partnership) ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติมว่า เอกสาร REDD+Partnership มีความเกี่ยวพันกับร่างข้อตกลง Copenhagen Accord ข้อ 3 วรรคสอง ซึ่งกำหนดให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว 6 ประเทศ ที่เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 15 (the 15th United Nations Climate Chang Conference : COP15) สนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมสำหรับกองทุนจำนวน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินทุนเริ่มต้นในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาป่าเสื่อมโทรม และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ให้ดี ขึ้น ระหว่างปี ค.ศ. 2010-2012 และในการประชุม COP15 ได้พิจารณาร่างข้อตกลง Copenhagen Accord โดย ประเทศไทยได้มีหนังสือแสดงท่าทีต่อร่างข้อตกลงดังกล่าวไว้กับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้วว่า เบื้องต้นประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารดังกล่าวตามขั้นตอนภาย ในประเทศ และเพื่อความสมบูรณ์ในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ REDD+Partnership เห็นควรให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอกรอบการเจรจาเกี่ยวกับร่างข้อตกลง Copenhagen Accord เพื่อขอความเห็นชอบ จากรัฐสภาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1293 | การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง เพื่อการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง | ทส | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินไม่เกิน 18,412,600 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้ 1. สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระและช่วย เหลือการดำเนินการขององค์การอิสระ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย จำนวน 14,292,600 บาท 2. สมทบคืนกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จำนวน 4,120,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
1294 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (จำนวน 11 คน 1. นางรตยา จันทรเทียร ฯลฯ) | ทส | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
ชุดใหม่ จำนวน 11 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระ ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (11 พฤษภาคม 2553) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นางรตยา จันทรเทียร ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร 2. ร้อยเอกปัญญา ยังประภากร ผู้แทนสมาคมสวนสัตว์ไทย 3. นายพยุง นพสุวรรณ ผู้แทนมูลนิธิพุทธอุทยานโลก 4. รศ.อุทิศ กุฏอินทร์ ผู้แทนสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ 5. รศ.ปานเทพ รัตนากร ผู้แทนมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย 6. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผู้แทนสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าประเทศไทย 7. นายสมชัย เพียรสถาพร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 8. นายชวาล ทัฬหิกรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 9. รศ.นริศ ภูมิภาคพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 10. นายพนัส ทัศนียานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 11. นายธงชัย ณ นคร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1295 | รายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีประเทศเอเชียด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 (The 1st Asia Ministerial Conference on Tiger Conservation : The 1st AMC) | ทส | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมในระหว่างวันที่ 27-30 มกราคม 2553 ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการประชุมแบ่งเป็น การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาทบทวนสถานภาพและยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศใน การอนุรักษ์เสือโคร่ง รวมทั้งการพิจารณาสาระสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์เสือโคร่ง และการประชุมระดับ รัฐมนตรีประเทศเอเชียด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 ซึ่งมีหัวข้อการประชุม ได้แก่ ผลการพิจารณารางวัล J. Paul Getty Award for conservation การนำเสนอทิศทางการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่งของประเทศไทยที่เป็นแหล่ง อาศัยของเสือโคร่ง การพิจารณาให้ความเห็นชอบปฏิญญาหัวหิน เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง รวมทั้งการจัดงานรณรงค์ การอนุรักษ์เสือโคร่งของประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่ง 13 ประเทศ 2. เห็นชอบปฏิญญาหัวหิน เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามปฏิญญาดังกล่าว 3. เห็นชอบให้มีการจัดงานรณรงค์เพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินกิจกรรม ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2553 |
|||||||||||||||||||||||||||
1296 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขุดค้นในเขตสำรวจและการศึกษาวิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย พ.ศ. .... | ทส | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การ อนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขุดค้นในเขตสำรวจและการศึกษา วิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขต สำรวจและศึกษาวิจัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตการ อนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขุดค้นในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจ และศึกษาวิจัยตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดขุดค้น ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือ ซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวง วัฒนธรรม ที่เห็นควรมีการแนบเอกสารพื้นที่ที่กรมทรัพยากรธรณีกำหนดเป็นพื้นที่อนุรักษ์ว่า อยู่บริเวณใด และ ครอบคลุมอาณาบริเวณเท่าใด และควรกำหนดตำแหน่งหรือตัวบุคคลที่จะรับเอกสารที่ใช้ประกอบการขออนุญาต ทั้งหมด รวมทั้งกำหนดนิยามคำว่า "อธิบดี" ให้หมายถึง "อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี" ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1297 | กรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ | ทส | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบกับกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุข ภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ และเป็นแนวทางในการสร้างกลไกในการเยียวยาและ แก้ไขปัญหาต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในระยะยาว ถึงแม้ว่าโครงการพัฒนาจะสิ้นสุดลงแล้ว ประกอบด้วย 1.1.1 ยุทธศาสตร์และแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจาก การพัฒนาทรัพยากรแร่ 4 ยุทธศาสตร์ คือ -ยุทธศาสตร์ที่ 1 การป้องกันปัญหา เป็นการจัดเตรียมกระบวนการเพื่อการทำเหมืองแร่ที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการป้องกันปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มโครงการ -ยุทธศาสตร์ที่ 2 การกระจายประโยชน์ที่เป็นธรรมและหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย เป็น ยุทธศาสตร์ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายตามลักษณะปัญหาที่เกิดขึ้น -ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาโดยอาศัยกลไกราคา และความคุ้มค่าต่อสังคม โดยการสนับ สนุนกลไกตลาดให้เกิดการพัฒนาแหล่งแร่ที่ยั่งยืนและมีโอกาสที่จะเลือกทางเลือกที่เอื้อประโยชน์สูงสุด -ยุทธศาสตร์ที่ 4 การติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง และฟื้นฟูพื้นที่ โดยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการมากขึ้นในรูปแบบของการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชน 1.1.2 ข้อเสนอแนะมาตรการทางการคลังในการเยียวยาปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการพัฒนาทรัพยากรแร่ ให้มีการศึกษาการนำมาตรการทางการคลังมาใช้ในการเยียวยาปัญหาผลกระทบและ สุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ เช่น ระบบกองทุน โดยให้ความสำคัญกับ -กองทุนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงสาธารณะด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ -ระบบเงินประกันความเสี่ยง -ระบบเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการเฝ้าระวังปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจาก การประกอบกิจการเหมืองแร่ -ระบบเงินประกันการฟื้นฟูพื้นที่จากการทำเหมืองแร่ 1.2 มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบภายใต้ยุทธศาสตร์และแนวทางการป้องกันและแก้ ไขปัญหาฯ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สภาการเหมืองแร่ สภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่น ๆ นำกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฯ ไป ดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวง สาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควร พิจารณาความจำเป็นในการพัฒนาแร่เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ปริมาณที่เหมาะสมใน การนำแร่มาใช้ประโยชน์ ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่รวมค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมและมูลค่าในอนาคต และทบทวน แนวทางการส่งออกแร่ในรูปวัตถุดิบที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ควรเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) มีส่วนร่วมรับรู้ในทุกขั้นตอนของการดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในภาย หลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1298 | ชี้แจงเพิ่มเติมการขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ครั้งที่ 2 | ทส | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รับเรื่อง ชี้แจงเพิ่มเติมการ
ขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ครั้งที่ 2 ของกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาทบทวนในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง โดยให้เชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน เข้าร่วมประชุมด้วย แล้วให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภาย ใน 1 เดือน |
|||||||||||||||||||||||||||
1299 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม หรือทำลาย แหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือขุดค้นสิ่งใดๆ หรือปลูกสร้างอาคารในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน และซ่อมแซม เปลี่ยนแปลง หรือทำลาย ซึ่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ขุดค้น เคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำ ลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย ฉบับละ 1,500 บาท ใบอนุญาต ให้เข้าไปดำเนินการในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในที่ดินของรัฐ ฉบับละ 10,000 บาท ใบอนุญาตให้ ทำการค้าซากดึกดำบรรพ์ ฉบับละ 10,000 บาท 1.2 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ถูก แปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น ซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณา จักร สำหรับซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน ชิ้นละ 2,500 บาท และที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนโดยเป็นซากดึกดำบรรพ์ พืช ชิ้นละ 100 บาท และหากเป็นซากดึกดำบรรพ์สัตว์ ชิ้นละ 500 บาท 1.3 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแต่ละ ฉบับ และค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100 บาท 1.4 กำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแก่กรมทรัพยากรธรณี หรือหน่วยงานของรัฐหรือใน กำกับของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย การส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกแปรสภาพ หรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น ซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร เพื่อ การศึกษา วิเคราะห์ การวิจัย ฯลฯ 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบ อนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม หรือ ทำลายแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือ ขุดค้นสิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคารในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน และซ่อมแซมเปลี่ยนแปลง หรือทำลาย ซึ่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 2.1 กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาตตามที่อธิบดีกำหนดในการซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อ ถอน ต่อเติม หรือทำลายแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ ขึ้นทะเบียน หรือขุดค้นสิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคารในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน และกำหนดแบบใบ อนุญาตและแบบการขอต่ออายุใบอนุญาตและแบบการขอต่ออายุใบอนุญาต ตามแบบและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.2 กำหนดแบบคำขอรับใบแทนใบอนุญาตกรณีใบอนุญาตสูญหาย หรือชำรุด ให้เป็นตามแบบและ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.3 กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาตตามที่อธิบดีกำหนดในการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลง หรือทำลาย ซึ่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน พร้อมแนบวิธีการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนแปลงตามหลักวิชาการ และกำหนดแบบ ใบอนุญาตและแบบการขอต่ออายุตามแบบและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.4 กำหนดแบบคำขอรับใบแทนใบอนุญาตกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือชำรุด ให้เป็นไปตามแบบ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.5 กำหนดสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต กรณีแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนหรือซากดึกดำ บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กรมทรัพยากรธรณี กรณีอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ธรณีวิทยาและธรรมชาติวิทยาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
1300 | โครงการอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น - อุดรธานี | ทส | 27/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานสถานภาพผลการดำเนินงานโครงการอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น-อุดร ธานี และอนุมัติในหลักการแผนดำเนินโครงการอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น-อุดรธานี (ปี พ.ศ. 2554- 2556) ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการระยะที่ 1 (ปี พ.ศ. 2552-2553) ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานตามแผนงานของปีงบประมาณ พ.ศ. 2554- 2556 จำนวน 2,647,183,000 บาท สำนักงบประมาณมีข้อสังเกตว่าการแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (AQUARIUM) และ การให้บริการขนส่งทางเคเบิ้ลชมสัตว์ ควรพิจารณาให้เอกชนเข้ามาวิเคราะห์ตลาดและผลตอบแทนจากการลงทุน และการร่วมดำเนินงานกับองค์การสวนสัตว์ในลักษณะพันธมิตรธุรกิจ 2. มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพัฒนางานด้าน การอนุรักษ์และคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่า และการจัดการศึกษา เพื่อให้สวนสัตว์เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ มีความหลากหลาย และให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านการอนุรักษ์และคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าโดยเน้นสัตว์ป่า ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมภาพรวมของแผนงานโครงการ และแนวทางการ ดำเนินงาน การประเมินกลุ่มเป้าหมายและจำนวนผู้มาเยี่ยมชม การจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมและขนาด โครงการให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย และแผนบริหารกิจการหลังการลงทุน รวมทั้งปรับปรุงรายละเอียดการก่อ สร้างศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (AQUARIUM) และระบบบริการขนส่งทางเคเบิ้ลชมสัตว์ เกี่ยวกับความจำเป็นความคุ้ม ค่าของโครงการ และแนวทางการบริหารจัดการให้ชัดเจน เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
.....