ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 61 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1201 - 1220 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1201 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ | ทส | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เรื่อง การเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการศึกษาสำรวจเพื่อประเมินสภาพเชิงวิศวกรรม ความเสียหาย และมูลค่าของความเสียหายของสิ่งก่อสร้างภายใต้โครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โดยขอความเห็นชอบให้หยุดการศึกษาสำรวจกรณีดังกล่าวไว้ก่อนและให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาความเหมาะสมที่จะให้มีการศึกษาสำรวจดังกล่าวต่อไป ๒. อนุมัติการนำงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในการดำเนินการศึกษาสำรวจเพื่อประเมินสภาพทางวิศวกรรม ความเสียหาย และมูลค่าความเสียหายของสิ่งก่อสร้าง ภายใต้โครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ งบประมาณจำนวน ๑๒,๘๘๑,๔๐๐ บาท ไปจ่ายเป็นเงินค่าธรรมเนียมศาลจำนวน ๑๑,๘๔๘,๙๑๕ บาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเพื่อคัดค้านคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการในส่วนอื่น ๆ หากมีงบประมาณเหลือหลังจากเสร็จสิ้นคดีจะส่งคืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1202 | การจัดทำบันทึกความตกลงการขยายเวลาให้ลูกหมีแพนด้ายักษ์ (หลินปิง) อยู่ในประเทศไทยต่อไปอีก 2 ปี | ทส | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำและลงนามในบันทึกความตกลงบันทึกข้อตกลงการขอขยายเวลาการส่งคืนหมีแพนด้ายักษ์ (หลินปิง) ออกไปอีก ๒ ปี ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกข้อตกลงฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ฯ เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนการจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนงานอนุรักษ์สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นการแสดงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์หมีแพนด้ายักษ์ และในระยะต่อไป ควรหารือข้อตกลงกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในด้านการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการในการขยายพันธุ์หมีแพนด้ายักษ์ในประเทศไทย และขยายระยะเวลาในการอยู่ในประเทศไทยเป็นการถาวร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1203 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ | ทส | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพบางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ ๑๕ ไร่ เพื่อให้ที่พักสงฆ์ดอยปุยตั้งเป็นวัดดอยปุยได้ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1204 | ขอถอนเรื่อง การดำเนินงานของประเทศไทยภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอขอถอนเรื่อง การดำเนินงานของประเทศไทยภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา เนื่องจากคณะรัฐมนตรีอาจมีการพิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1205 | คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการเจรจากกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก | ทส | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการเจรจากรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น ๒๒ คน มีอำนาจหน้าที่เจรจาร่วมกับภาคีและองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่ข้อยุติการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก พิจารณา กำหนดท่าทีในการเจรจากรณีปราสาทพระวิหาร แต่งตั้งคณะทำงานตามความจำเป็น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1206 | การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดโครงการของหน่วยงานของรัฐที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (วันที่ 13 กันยายน 2537) | ทส | 26/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบ ดังนี้
๑. การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดโครงการของหน่วยงานของรัฐที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (๑๓ กันยายน ๒๕๓๗) ดังนี้ ๑.๑ โครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (environmental impact assessment) จำนวน ๕ โครงการ ๑.๒ โครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (initial environmental examination) จำนวน ๘ โครงการ ๑.๓ โครงการที่ต้องจัดทำรายการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (environmental checklist) พร้อมมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ โครงการทุกชนิดที่ไม่เข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ให้จัดทำรายการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๒. กลไกการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการต่าง ๆ ดังนี้ ๒.๑ โครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและโครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ให้เสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ๒.๒ โครงการที่ต้องจัดทำรายการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม เสนอให้กรมป่าไม้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ๒.๓ การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ให้นำแนวทางการจัดทำรายงานตามเอกสารท้ายประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาใช้โดยอนุโลม ทั้งนี้ หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ที่ได้รับความเห็นชอบ และจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการเสนอต่อสำนักงานนโยบายแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกรมป่าไม้ อย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||
1207 | รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขงเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 1 และการประชุมคณะทำงานภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขงเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 7 | ทส | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขงเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑ และการประชุมคณะทำงานภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขงเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๒๔ - ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ณ จังหวัดกระบี่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้ร่วมหารือเพื่อกำหนดนโยบาย/แผนงาน/มาตรการในการแก้ไขปัญหาการเผาในที่โล่งและมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคแม่โขง และได้กำหนดให้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ต้องลดจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) สะสมในอนุภูมิภาคแม่โขง ลงเหลือไม่เกิน ๗๕,๐๐๐ จุด และลดลงเหลือไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ จุด ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของความร่วมมือระดับทวิภาคีระหว่างไทย - ลาว และไทย - พม่า ตามที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า ได้ร้องขอให้ประเทศไทยสนับสนุนด้านการพัฒนาศักยภาพในการติดตามตรวจวัดคุณภาพอากาศ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดการฝึกอบรมด้านการติดตามตรวจวัดคุณภาพอากาศให้แก่เจ้าหน้าที่ของประเทศสมาชิกอาเซียน และขอให้ประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบจัดการฝึกอบรม โดยอาจเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก European Commission ๔. ที่ประชุมได้หารือประเด็นการพัฒนาระบบการพยากรณ์ระดับความรุนแรงของไฟ (Fire Danger Rating System : FDRS) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประเมินความสามารถในการเกิดและแพร่กระจายของไฟ โดยอาศัยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศ ปริมาณเชื้อเพลิง และคุณสมบัติของดิน ให้มีความละเอียดและครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียนทั้งพื้นที่ป่าบกและป่าพรุ ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ประเทศสมาชิกจัดส่งข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาและข้อมูลป่าพรุให้กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศมาเลเซีย ๖. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของโครงการ ASEAN/IFAD-GEF Project on Rehabilitation and Sustainable Use of Peatland Forests in Southeast Asia ซึ่งได้มีการตีพิมพ์เอกสารและจัดทำวีดิทัศน์นำเสนอปัญหาการบุกรุกป่าพรุในภูมิภาคอาเซียนและแนวทางการจัดการแก้ไขปัญหา โดยขอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาให้ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวีดิทัศน์ดังกล่าวให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และแจ้งต่อสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ภายในวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔ ๗. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของโครงการ ASEAN Peatland Forests Project (APFP) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการป่าพรุอย่างยั่งยืนในอาเซียน และเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดไฟในพื้นที่ป่าพรุ ๘. ที่ประชุมรับทราบการอนุมัติงบประมาณ จำนวน ๑.๘ ล้านยูโร จาก European Commission สำหรับโครงการ “Thematic Programme for Environment and Sustainable Development of Natural Resources” โดยมีระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี ซึ่งเงินสนับสนุนดังกล่าวจะถูกใช้เพื่อขยายผลการดำเนินงานด้านการจัดการป่าพรุจากโครงการ APFP โดยเน้นประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง ๙. ที่ประชุมเห็นชอบให้สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศฯ ครั้งที่ ๒ และการประชุมคณะทำงานภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศฯ ครั้งที่ ๘ โดยมีกำหนดการเบื้องต้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
1208 | รายงานการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 17 | ทส | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๗ ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ ณ นครโฮจิมินท์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยที่ประชุมคณะมนตรีฯ ได้มีมติอนุมัตินโยบายและการดำเนินงานที่สำคัญ จำนวน ๕ เรื่อง สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. งบประมาณบริหารองค์กร พ.ศ. ๒๕๕๔ (Operation Expenses Budget : OEB) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ องค์กรมียอดรายรับ จำนวน ๓,๔๔๖,๒๖๑ ดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖ เมื่อเปรียบเทียบกับรายรับในปี พ.ศ. ๒๕๕๓) และมียอดประมาณการรายจ่ายจำนวน ๓,๔๔๕,๗๔๒ ดอลลาร์สหรัฐ และยอดประมาณการคงเหลือจำนวน ๕๑๙ ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ประมาณการจากยอดรายจ่ายจากการดำเนินงานของการมีที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง จำนวน ๒ แห่ง คือ นครหลวงเวียงจันทน์ และกรุงพนมเปญ ๒. แผนกลยุทธ์ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ มุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรโดยนำหลักการ “การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ (Integrated Water Resource Management : IWRM) มาดำเนินการให้ครอบคลุมทุกมิติ ควบคู่กับวางแนวทางปฏิบัติงานหรือบทบาทหลักขององค์กร (Core Function) ที่ดีขึ้น และปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพรองรับการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจะมีการถ่ายโอนภารกิจหลักแก่ประเทศภาคีสมาชิก รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของ MRC ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ (MRC Financial Autonomy) ๓. ยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำบนพื้นฐานการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (IWRM - based Basin Development Strategy) เป็นการตั้งเป้าหมายว่าภายในระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำควรเป็นไปในทิศทางต่าง ๆ ได้แก่ การระบุโอกาสและผลที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาลุ่มน้ำ การขยายพื้นที่ชลประทานเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การเพิ่มพูนความยั่งยืนของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม การจัดเตรียมองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการลดความเสี่ยง และความไม่แน่นอนอันเกิดจากการพัฒนาลุ่มน้ำ เป็นต้น ๔. ระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedure for Water Quality : PWQ) คณะมนตรีฯ ได้มีพิธีลงนามในระเบียบปฏิบัติฯ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ พร้อมกับการประชุมกลุ่มผู้สนับสนุนคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๕ โดยในส่วนของประเทศไทยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ เห็นชอบต่อร่างระเบียบดังกล่าว เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการรักษาคุณภาพน้ำที่ดี/ยอมรับได้ อันจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง ๕. กรอบการดำเนินงานความริเริ่มเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปรับตัวในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๖๘ จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาแนวทางในการปรับตัวต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง และแบ่งกรอบระยะเวลาดำเนินการออกเป็น ๔ ระยะ รวม ๑๖ ปี ประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ได้แก่ การกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อการปรับตัว การจัดทำกลยุทธ์การปรับตัวของลุ่มน้ำโขง (Mekong Adaptation Strategy) และการบูรณาการกับนโยบายระดับชาติและระดับภูมิภาค การประเมินสถานการณ์ความอ่อนไหวในปัจจุบัน การประเมินความเสี่ยงของภูมิภาคในอนาคต การกำหนดแผนการปรับตัวของลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
1209 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (โอนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชไปรวมกับกรมป่าไม้) | ทส | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อโอนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปรวมกับกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินการออกแบบโครงสร้างองค์กรของกรมป่าไม้เพื่อรองรับภารกิจใหม่ควบคู่ไปกับการเสนอกฎหมายเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน เพื่อให้สามารถออกกฎกระทรวงได้รวดเร็ว และองค์กรสามารถปฏิบัติภารกิจการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ให้มีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียด โดยคำนึงถึงความซ้ำซ้อนในประเด็น โครงสร้าง บทบาท อำนาจหน้าที่ และตำแหน่งงานต่าง ๆ ของหน่วยงานที่จะจัดตั้งใหม่ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคให้ชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1210 | แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายอรรถพล ชัยนันท์สมิตย์) | ทส | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายอรรถพล ชัยนันท์สมิตย์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1211 | ร่างบันทึกความเข้าใจการเป็นเจ้าภาพจัดการอบรม The Regional Training Workshop on Repair, Refurbishment, Reconditioning of Used EEE and Recycling and Final Disposal of E-Wastes | ทส | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ลงนามในบันทึกความเข้าใจการเป็นเจ้าภาพจัดการอบรม The Regional Training Workshop on Repair, Refurbishment, Reconditioning of Used EEE and Recycling and Final Disposal of E - Wastes ร่วมกับศูนย์ภูมิภาคอนุสัญญาบาเซลสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Basel Convention Regional Centre for South-East Asia : BCRC - SEA) ในระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1212 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำชุมชน และการบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งมีผลความคืบหน้าในการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องตามพระราชดำริ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับรองรับการพัฒนาฐานข้อมูลและการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยจัดทำโปรแกรมระบบฐานข้อมูลและสารสนเทศด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสามารถนำเข้า สืบค้น เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการบริหารตัดสินใจและบริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความพร้อมของประเทศในการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นแนวทางการพัฒนารองรับสถานการณ์อย่างเป็นระบบในระยะยาว นอกจากนี้ ได้มีการประสานและเสนอผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ร่วมทำงานและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change - IPCC) ๒. การจัดการน้ำชุมชน ได้จัดทำโครงการการจัดการน้ำชุมชน เพื่อให้มีการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาโดยกระบวนการของชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่และเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เข้ามามีส่วนร่วมและใช้สิทธิในการจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอง ๓. การบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ได้ดำเนินการสร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชน องค์กรชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ชายฝั่งของประเทศ และฟื้นฟูแนวชายฝั่งด้วยระบบธรรมชาติทั้งป่าชายเลน และป่าชายหาด รวมทั้งศึกษาวิจัยรูปแบบและวิธีป้องกัน รักษา และฟื้นฟูป่าชายเลนและป่าชายหาดที่เสื่อมโทรมจากการกัดเซาะชายฝั่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1213 | การขออนุมัติงบประมาณในการจัดนิทรรศการงาน Yeosu International Exposition 2012 | ทส | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบโครงการจัดนิทรรศการ Yeosu International Exposition 2012 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒ พฤษภาคม - ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งรายละเอียดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. เห็นชอบให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินงานจัดนิทรรศการงาน Yeosu International Exposition 2012 ภายในวงเงินรวม ๒๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรับไปพิจารณาทบทวนการดำเนินงานให้เป็นไปโดยประหยัดและเหมาะสม สอดคล้องกับหัวข้อหลักในการนำเสนอ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้จัดสรรให้แล้ว จำนวน ๑๘,๕๐๙,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒๗๖,๔๙๑,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อสำนักงบประมาณ เพื่อรองรับการดำเนินงานต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรใช้โอกาสนี้เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผ่านโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ ในด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่บนพื้นฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยอาจเสนอตัวอย่างโครงการในพระราชดำริที่ประสบความสำเร็จและสามารถใช้เป็นต้นแบบของการพัฒนา (success stories) ให้ประเทศอื่น ๆ ได้ รวมถึงการนำเสนอบทบาทและผลงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมด้วย ส่วนคณะกรรมการด้านสารัตถะที่จัดตั้งขึ้นแล้ว ควรเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก (eminent person) ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมในแง่บทบาทและผลงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง เข้าร่วมในคณะกรรมการฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1214 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 4 ราย 1. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ฯลฯ) | ทส | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรธรณี ๒. นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๓. นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. นายชำนาญ เอกวัฒนโชตกูร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||
1215 | รายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ ที่สหภาพพม่าและผลกระทบต่อประเทศไทย | ทส | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด ๖.๗ ริกเตอร์ ที่สหภาพพม่า และผลกระทบต่อประเทศไทย สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า เมื่อเวลา ๒๐.๕๕ น. วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔ เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด ๖.๗ ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ละติจูด ๒๐.๘๗ องศาเหนือ ลองติจูด ๙๙.๙๑ องศาตะวันออก ที่ระดับความลึก ๑๐ กิโลเมตร บริเวณรัฐฉาน สหภาพพม่า โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้ รู้สึกทั่วทั้งพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และกรุงเทพมหานคร พบผู้เสียชีวิต ๑ ราย ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อาคาร บ้านเรือน โบราณสถาน ถนน และพื้นดินแตกร้าวหลายแห่ง โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ๒. กรมทรัพยากรธรณี ได้ดำเนินการเฝ้าระวังเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด ๖.๗ ริกเตอร์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยรวบรวม วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลแผ่นดินไหวเพื่อแจ้งผ่านข้อความสั้น (SMS) ให้สื่อมวลชนและเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยทราบ และดำเนินการตรวจสอบ ติดตามสถานการณ์ผลกระทบจากแผ่นดินไหวจากเว็บไซต์ สื่อมวลชนและเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย รวมทั้งได้จัดทำแผนที่ประเมินความรุนแรงแผ่นดินไหว ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าที่บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายมีความรุนแรงระดับ ๖ เมอร์คัลลี่ (ต้นไม้สั่น บ้านแกว่ง สิ่งปลูกสร้างบางชนิดพัง) ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีความรุนแรงระดับ ๔ เมอร์คัลลี่ (อาคารสูงแกว่ง คนที่สัญจรไปมารู้สึกได้) แผ่นดินไหวในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากที่สุด นอกจากนี้ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมการเลื่อนตัวของรอยเลื่อนมีพลังของประเทศ โดยติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนขนาดเล็ก และเครื่องตรวจวัดอัตราเร่งของพื้นดินในจังหวัดเชียงราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1216 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2553 | ทส | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อ (ร่าง) กรอบแนวคิดและทิศทางของแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) นำเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำประเด็นยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ภายใต้ (ร่าง) กรอบแนวคิดฯ บรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ๒. เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อมภูมิทัศน์ ตามที่คณะอนุกรรมการจัดการสิ่งแวดล้อมด้านมลทัศน์เสนอ และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จัดทำแผนปฏิบัติการในการจัดการสิ่งแวดล้อมภูมิทัศน์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแปลงยุทธศาสตร์ฯ ไปสู่การปฏิบัติ ๓. เห็นชอบการทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดโครงการของหน่วยงานของรัฐที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าเพิ่มเติม และกลไกการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการต่าง ๆ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ สผ. ตรวจสอบการกำหนดประเภทและขนาดโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติมให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ จำนว ๓๔ ประเภท ก่อนนำความเห็นของคณะกรรมการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน เกี่ยวกับการควบคุมความสูงของอาคารบริเวณรอบรัฐสภาแห่งใหม่ และให้กรุงเทพมหานครประสานกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินการออกประกาศกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นในการควบคุมความสูงของอาคารบริเวณโดยรอบรัฐสภาแห่งใหม่เป็นการเร่งด่วน รวมทั้งให้ สผ. ประสานกรุงเทพมหานครและกรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นและมติของคณะกรรมการฯ ๕. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ .. (พ.ศ. ๒๕๕๓) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ สผ. จัดทำร่างประกาศฯ เสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาลงนามต่อไป ๖. เห็นชอบต่อมาตรการเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการแก้ไขปัญหามลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนเรื่องน้ำมัน Euro 4 ให้กระทรวงพลังงานพิจารณาส่งเสริมให้มีการนำมาใช้ในพื้นที่มาบตาพุดก่อนกำหนดที่บังคับใช้ตามกฎหมาย (วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕) และให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานและพลังงานจังหวัดระยอง และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มเติมฯ โดยให้กรมควบคุมมลพิษประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการฯ ทราบทุก ๖ เดือน รวมทั้งให้ สผ. แจ้งกระทรวงอุตสาหกรรม โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สผ. เพื่อเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการฯ ทราบต่อไป ๗. เห็นชอบรายงานการศึกษาทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยรี จังหวัดอุตรดิตถ์ และให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการศึกษาทบทวนรายงานการวิเคราะห์ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ กรมชลประทานรับผิดชอบในการขอจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ๘. เห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๔ สายตรัง - พัทลุง ตอน บ้านนาโยงเหนือ - เขาพับผ้า (บ้านนาวง) ของกรมทางหลวง ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคม ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน โดยให้กรมทางหลวงถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้กรมทางหลวงปฏิบัติตามมาตรการฯ เพิ่มเติมใน ๓ มาตรการ ได้แก่ การตัดต้นไม้ในเขตทางให้ดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็น โดยไม่ให้ตัดต้นไม้นอกเขตพื้นผิวจราจรที่จะก่อสร้าง กำกับดูแลในระหว่างจัดเตรียมพื้นที่และการก่อสร้างมิให้ขุดตักดินในเขตทางและบริเวณใกล้เคียงมาใช้ในการก่อสร้างและให้คงสภาพตามลักษณะภูมิประเทศเดิม และกำกับผู้รับจ้างออกแบบก่อสร้าง และ/หรือผู้ดำเนินการก่อสร้างให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลโครงการด้วย ๙. เห็นชอบรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย สผ. แจ้งจังหวัดกระบี่และจังหวัดพังงาเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่อไป ๑๐. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ หินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาว และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด คำขอประทานบัตรที่ ๑๕/๒๕๕๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๙ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมถลุงหรือแต่งแร่ ทั้งนี้ ให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ และให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการสั่งอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ของบริษัทฯ โดยให้ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยแร่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1217 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 16 (COP16) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 6 (CMP6) ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก | ทส | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ (The 16th United Nations Climate Change Conference : COP16) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๖ (The 6th Session of the Conference of the Parties serving as the meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP6) ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน - ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยสาระสำคัญของการประชุม COP16 ที่ประชุมเห็นชอบกับข้อตกลงที่เรียกว่า “ข้อตกลงแคนคูน” (Cancun Agreement) ซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือระยะยาวภายใต้อนุสัญญาฯ (Long Term Cooperative Action under the Convention : LCA) โดยมีการเจรจาในประเด็นการดำเนินการในอนาคตร่วมกันของประเทศสมาชิก ส่วนการเจรจาในภาพรวมภายใต้แผนปฏิบัติการบาหลี (Bali action Plan) ได้กำหนดเป้าหมายในการจำกัดการเพิ่มของอุณหภูมิของโลกไม่เกิน ๒ องศาเซลเซียส โดยให้มีการจัดตั้งกองทุน “Green Clemate Fune” เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวเพื่อรับมือจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และให้สนับสนุนการดำเนินงานด้านป่าไม้แก่ประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะการสนับสนุน REDD+ ไปพัฒนาโครงการในลักษณะสมัครใจ โดยไม่มีการผูกมัดใด ๆ จากประเทศพัฒนา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดตั้งกระบวนการ International Consultation and Analysis (ICA) และให้มีการดำเนินการตามมาตราการ Measurement, Reporting and Verification : MRV สำหรับการลดก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการสนับสนุนระหว่างประเทศและภายในประเทศ ส่วนผลการประชุม CMP6 ที่ประชุมมีความเห็นพ้องให้มีข้อตกลงตามพันธกรณีรอบที่สอง โดยประเทศกำลังพัฒนายืนยันให้มีการต่ออายุพิธีสารเกียวโตหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๒ และให้มีการลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ ๒๕ - ๔๐ ภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ สำหรับปีฐานการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงใช้ปี ค.ศ. ๑๙๙๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับเอกสารผลการประชุม COP 16 ได้ละเว้นการกล่าวอ้างถึงหลักการสำคัญ ๆ ของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยเฉพาะเรื่อง historical responsibility ซึ่งเป็นผลประโยชน์สำคัญของประเทศกำลังพัฒนา จึงเห็นควรติดตามประเด็นเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และควรเร่งรัดการจัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นอย่างเป็นทางการ และส่งเสริมการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพันธกรณีที่ไทยมีกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อสามารถร่วมกันกำหนดท่าทีของไทยในเชิงรุกทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีให้มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานของประเทศไทยเพื่อให้เกิดการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๓.๑ เตรียมความพร้อมในการรับมือหากประเทศไทยต้องมีการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากพันธกรณีดังกล่าว เช่น ภาคการพลังงาน ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร โดยให้มีการจัดทำกรอบทิศทางและแนวทางการวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศอย่างเป็นระบบ ๓.๒ ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility study) และศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคต่าง ๆ (Nationalily Approplate Mitigation Actions : NAMAs) เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการวางแผนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๓.๓ ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility study) ของการดำเนินโครงการ REDD+ ในประเทศไทย ๓.๔ ให้มีการใช้ประโยชน์จากกลไก The ASEAN Working Group on Climate Change : AWGCC ในการผลักดันการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาคให้เป็นรูปธรรม โดยให้มีการจัดประชุมคณะทำงานดังกล่าวเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาค ๓.๕ เร่งรัดการจัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นอย่างเป็นทางการภายใต้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน ๔. เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นอย่างเป็นทางการภายใต้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน โดยให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1218 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การดำเนินการของรัฐต่อการคิดค่าความเสียหายจากประชาชนในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน | ทส | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การดำเนินการของรัฐต่อการคิดค่าความเสียหายจากประชาชนในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ไปพิจารณาในรายละเอียดรวมกับเรื่องข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ (เรื่อง ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป) แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1219 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) (นายฐากร ตัณฑสิทธิ์) | ทส | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1220 | การทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง | ทส | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้คงคณะกรรมการไว้ จำนวน ๑๐ คณะ ได้แก่ ๑.๑ คณะกรรมการอำนวยการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ ๕๐ ๑.๒ คณะกรรมการบริหารโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ ๕๐ ๑.๓ คณะกรรมการกองทุนโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ ๕๐ ๑.๔ คณะกรรมการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ ๕๐ ประจำจังหวัดทุกจังหวัด ๑.๕ คณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ๑.๖ คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ ๑.๗ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๑.๘ คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ ๑.๙ คณะกรรมการกำหนดราคา ค่าขนย้าย ค่ารื้อย้าย อาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ๑.๑๐ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ โดยเพิ่มผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเป็นกรรมการด้วย ๒. ยกเลิกคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ เนื่องจากโครงการได้สิ้นสุดการดำเนินงานตามระยะเวลาที่กำหนด
|