ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 63 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1241 - 1260 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1241 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ | ทส | 28/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมขององค์การสหประชาชาติก่อตั้งโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme, : UNEP) เป็นจำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๗๔๘,๘๓๕ บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดย ๑ ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ ๒๙.๙๕๓๔ บาท) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการบริจาคเงิน ซึ่งเป็นการบริจาคเงินตามความสมัครใจ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1242 | ห้ามมิให้นำเข้าไปหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยานแห่งชาติ | ทส | 28/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง ห้ามมิให้นำเข้าไปหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยในอุทยานแห่งชาติ และป้องกันมิให้เกิดการส่งเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่นักท่องเที่ยว และรบกวนสัตว์ป่า ตลอดจนสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1243 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 1 และการประชุมคณะทำงาน ภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 7 | ทส | 21/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑ และการประชุมคณะทำงานภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมให้กรมควบคุมมลพิษพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
1244 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2553 | ทส | 21/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดทำรายละเอียดแนวทางที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมไปประกอบการพิจารณา และนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติต่อไป ๒. ให้นำเรื่องการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาอุทกภัยไปพิจารณาทบทวนเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมงานที่เพิ่มขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรี ๓. รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ ที่มีมติรับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ ๔. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ๕. รับทราบคำสั่งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการจัดการประชุมฯ ๖. รับทราบคำสั่งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ ๕/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ แต่งตั้งผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอนุกรรมการฯ ในคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ เพิ่มเติม ๗. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการจัดทำแผนพัฒนาการชลประทานระดับลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้เต็มศักยภาพ ๖๐ ล้านไร่ โดยกรมชลประทานเป็นหน่วยงานกลางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
1245 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝั่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งให้ประชาชนและชุมชนในท้องที่ได้มีส่วนร่วม ในการบำรุงรักษา การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและยั่งยืน ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1246 | การจัดทำความตกลงโครงการกับองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ | ทส | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำความตกลงโครงการ PPD 139/07 Rev.1 (M) การเสริมสร้างระบบข้อมูลด้านป่าไม้ ของชาติ “Strengthening of the National Forest Information System” และความตกลงโครงการ PD 470/07 Rev.1 (F) การพัฒนาและการดำเนินงานเรื่องเกณฑ์และตัวชี้วัดสำหรับการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่า “Development and Implementation of Criteria and Indicators for Sustainable Management of Planted Forests and Community Forests” ๑.๒ ให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็นผู้ลงนามในความตกลงโครงการทั้งสองฉบับดังกล่าว เมื่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) เพื่อให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็น ผู้แทนรัฐบาลลงนามในความตกลงโครงการดังกล่าวต่อไป ๒. สำหรับการขอยกเว้นอากรนำเข้าและภาษีอื่น ๆ สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการ PPD 139/07 Rev.1 (M) การเสริมสร้างระบบข้อมูลด้านป่าไม้ของชาติและโครงการ PD 470/07 Rev.1 (F) การพัฒนาและ การดำเนินงานเรื่องเกณฑ์และตัวชี้วัดสำหรับการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่า ให้เป็นไปตามกฎหมาย ภายในของไทย ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยว กับการดำเนินการเพื่อการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่าชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1247 | องค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 16 | ทส | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะ ตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. เห็นชอบเป็นหลักการว่า ต่อไปในกรณีที่มีการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งมีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน การกำหนดองค์ประกอบของคณะผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุม หากไม่มีกฎหมาย ระเบียบใดกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีผู้เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับการบริหารราชการเป็นผู้ที่ให้ความเห็นชอบได้แล้วแต่กรณี
|
|||||||||||||||||||||
1248 | การกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย และขอความเห็นชอบในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียในเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย | ทส | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ที่องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ แล้ว เป็นเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียตามนัยแห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย พ.ศ. ๒๕๓๘ มาตรา ๓ ๑.๒ ให้ อจน. ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาออกแบบรายละเอียด ก่อสร้าง และบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียในเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย ๑.๓ ให้ อจน. เข้าดำเนินการลงทุนตามนัยแห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย พ.ศ. ๒๕๓๘ มาตรา ๓๐(๑) เพื่อริเริ่มโครงการหรือกิจการต่อเนื่องที่เกี่ยวกับการจัดการน้ำเสีย ๑.๔ การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงาน ให้ อจน. ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้ อจน. ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ให้ อจน. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้ตามความจำเป็นเร่งด่วนและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามเงื่อนไขของการบริหารจัดการ ๓. ให้ อจน. รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียได้ในระยะยาวต่อไป รวมทั้งการเจรจาทำข้อตกลงร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีส่วนรับผิดชอบในการบริหารจัดการต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1249 | แผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งและแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง | ทส | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมพิจารณาให้การรับรองเอกสารการประชุมแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของโลก แผนแห่งชาติเพื่อฟื้นฟูประชา กรเสือโคร่งของประเทศไทย และแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง รวม ๓ ฉบับ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อ อนุรักษ์เสือโคร่งของประเทศไทย ๑.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าว ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายตามแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของโลกในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ตามแผนดังกล่าวมีระยะเวลาของแผน ๑๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๓ -๒๕๖๕) โดยในช่วงเวลา ๕ ปี แรกของแผนฯ ได้กำหนดประมาณการค่าใช้จ่ายไว้ จำนวน ๙๗.๖ ล้านดอลลาร์ สหรัฐ จำแนกเป็นเงินทุนจากภาครัฐ ๕๓.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแหล่งทุนภายนอก ๔๔.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแผนงานอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ผลผลิตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้รับการบริหารจัดการไว้แล้ว จำนวน ๓๘๐.๓๓๓๑ ล้านบาท ซึ่งสามารถดำเนินการให้ ครอบคลุมการอนุรักษ์เสือโคร่งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ด้วยแล้ว |
|||||||||||||||||||||
1250 | รายงานผลการเข้าร่วมประชุม Aichi - Nagoya Ministerial Meeting on REDD+Partnership ณ เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น (ระหว่างวันที่ 25 - 26 ตุลาคม 2553) | ทส | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการเข้าร่วม
ประชุม Aichi-Nagoya Ministerial Meeting on REDD+Partnership ณ เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ สรุป ได้ดังนี้ ๑. ที่ประชุมได้ยืนยันการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมกิจกรรม REDD+ ของประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ ประเทศ เบลเยียม ประเทศอิตาลี และสหราชอาณาจักร ๒. ที่ประชุมได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของการดำเนินงานตามโปรแกรม REDD+Partnership ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ในส่วนของความโปร่งใสด้านการเงินและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง website ที่จัดทำเพื่อการแลก เปลี่ยนและสื่อสารข้อมูลอันเป็นพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การปรับปรุงการดำเนินงาน REDD+ ได้อย่างต่อเนื่อง โดย ที่ประชุมได้เน้นถึงความสำคัญของการลดช่องว่างและหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนทางการเงินโดยให้เพิ่มศักยภาพการ ดำเนินงานและการสนับสนุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นให้แล้วเสร็จ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบที่จะให้หุ้นส่วนความร่วมมือดำเนินการเสริมศักยภาพทางการเงินและกิจกรรม REDD+ โดยการเสริมสร้างความโปร่งใส และเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงาน โดยขยายเวลาการดำเนินกิจกรรมภาย ใต้โปรแกรมงานปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งได้แก่การจัดตั้งหน่วยงานรองรับ (institutional arrangement) ด้าน REDD+ การเตรียมความพร้อมในการเสริมศักยภาพด้าน REDD+ การจัดทำโครงการนำร่องด้าน REDD+ กิจ กรรมที่อยู่บนพื้นฐานของผลสัมฤทธิ์ (result based action) REDD+ ที่มีกระบวนการรายงาน ติดตามผล และตรวจ สอบได้ และการเพิ่มศักยภาพด้านการเงิน (scaling up finance) พร้อมทั้งได้ย้ำถึงความจำเป็นจะต้องจัดทำโปร แกรมงานปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ๔. ที่ประชุมเห็นพ้องถึงความสำคัญของหุ้นส่วนความร่วมมือ REDD+ ในการใช้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความร่วมมือ เสริมศักยภาพกิจกรรมด้าน REDD+ และความช่วยเหลือทาง การเงินอันจะช่วยผลักดันและส่งเสริมกลไกที่สามารถสร้างแรงจูงใจทางบวกทางนโยบายและกิจกรรมด้าน REDD+ ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) โดยคาดหวังว่าการดำเนิน งานแบบค่อยเป็นค่อยไปของ REDD+Partnership จะทำให้กลไกของ REDD+ ภายใต้ UNFCCC จะได้รับการรับรอง ในที่ประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ ๑๖ ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก
|
|||||||||||||||||||||
1251 | ขออนุมัติให้ความเห็นชอบและลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] | ทส | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ๑. เห็นชอบในเนื้อหาสาระของตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายลงนามตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. อนุมัติมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเป็นผู้ลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||
1252 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ State Oceanic Adminstration | ทส | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ State Oceanic Administration และอนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และให้นำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป รวมทั้งมอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนาม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไปได้เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในบันทึกความเข้าใจฯ แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. หากรัฐสภาไม่ได้พิจารณาบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) นี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเสนอบันทึกความเข้าใจฯ ไปยังรัฐสภาในสมัยประชุมถัดไป โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก |
|||||||||||||||||||||
1253 | การถวายพระราชสมัญญา "พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ" แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ค.ศ. 2010 | ทส | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลาย
ทางชีวภาพ” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในปีสากลแห่งความหลาก หลายทางชีวภาพ ค.ศ. ๒๐๑๐ ตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ |
|||||||||||||||||||||
1254 | โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลโดยการสร้างปะการังเทียม | ทส | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการ อำนวยการโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนบูรณาการการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลโดยการสร้างปะการังเทียม โดยการจัด สร้างปะการังเทียมเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศในทะเล ปริมาณสัตว์น้ำ และส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง ทะเลอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระยะเวลาดำเนินงาน ๖ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔- ๒๕๕๙ งบประมาณดำเนินการรวม ๑๐,๐๔๓.๙๕ ล้านบาท และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาและกำกับ การจัดสร้างปะการังเทียมติดตามการดำเนินงานตามแผนบูรณาการฯ ต่อไป ๑.๒ รับทราบสถานการณ์ความเสื่อมโทรมในระดับวิกฤตของแนวปะการังเทียมอันเกิดจากการใช้ ประโยชน์อย่างไม่ยั่งยืนและปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจัดทำมาตรการการแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของแนวปะการัง ในพื้นที่วิกฤตเร่งด่วนและติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวและผลกระทบอย่างใกล้ชิดต่อไป ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนบูรณาการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลโดยการสร้าง ปะการัง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณและบูรณาการระหว่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้กำหนดวิธีดำเนินงานและลำดับความสำคัญของ พื้นที่ดำเนินการที่มีปัญหาเร่งด่วน แล้วให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อมิให้การดำเนินงานในพื้นที่มีผลกระทบและเกิด ความเสียหายต่อพื้นที่อื่น ๆ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม ๓. ให้คณะกรรมการอำนวยการโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความ เห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มเติม แนวทางและมาตรการด้านการอนุรักษ์และป้องกันความเสื่อมโทรมของทรัพยากรชายฝั่งทะเลและผลักดันให้เกิดผล ในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง รวมทั้งพิจารณาศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้และความเหมาะสมของเทคนิคที่เลือกใช้ใน การฟื้นฟูปะการังตามแผนฟื้นฟูทรัพยากรปะการังให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงพิจารณาสร้างปะการังเฉพาะในพื้นที่ที่มี ความจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากงบประมาณที่ใช้ในการจัดสร้างปะการังเทียมค่อนข้างสูง ไปพิจารณาดำเนินการใน ส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
1255 | รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 12 การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+3 ครั้งที่ 9 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ (The 12th Informal Asian Ministerial Meeting on the Environment - 12th IAMME) และการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๙ (The 9th ASEAN plus Three Environment Ministers Meeting - 9th EMM+3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องระหว่าง วันที่ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ เมือง Jerudong บรูไนดารุสซาลาม สรุปได้ดังนี้ ๑. การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ (12th IAMME) ที่ประชุม เห็นควรให้มีการจัดการประชุมหารือ (pre - consultation meeting) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเตรียม การสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๑๖ (16 th Session of the Conference of the Parties to the UNFCCC - COP16) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียว โต ครั้งที่ ๖ (the 6th session of the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol - CMP6) และรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการจัดการ ทรัพยากรน้ำ (ASEAN Strategic Plan on Water Resources Management) ความก้าวหน้าในการดำเนิน งานตามแผนสิ่งแวดล้อมศึกษาของอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๕๕ (ASEAN Environmental Education Plan 2008 - 2012) และความคืบหน้าการจัดทำร่างกลไกของอาเซียน เพื่อส่งเสริมการเฝ้าระวังและติดตามการลัก ลอบทิ้งของเสียที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งการทิ้งของเสียจากการเดินเรือทะเล (ASEAN Mechanism to Enhance Surveillance against Illegal Desludging and Disposal of Tanker Sludge at Sea) ๒. การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๙ (The ASEAN plus Three Environment Ministers Meeting - 9th EMM+3) รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนได้พบปะหารือกับประเทศคู่เจรจา+๓ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ในเรื่อง การดำเนินงานของ China - ASEAN Environmental Cooperation Centre และการปฏิบัติตาม China - ASEAN Strategy on Environmental Protec tion Cooperation การสนับสนุนจากกองทุน Japan ASEAN Integratde Fund (JAIF) ในการดำเนินโครงการ Promotion of Environmentally Sustainable Cities (ESC) in ASEAN Countries และ Taxonomic Capacity Building and Governance for Conservation and Sustainable Use of Biodiversity
|
|||||||||||||||||||||
1256 | ขอความเห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง | ทส | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของร่างปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิรก์ เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง ซึ่งรัฐบาลสหพันธ รัฐรัสเซียได้ร้องขอให้ผู้นำประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่ง ๑๓ ประเทศ ได้แก่ อินเดีย เนปาล ภูฏาน พม่า จีน ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และบังคลาเทศ ลงนามร่วมกัน โดย ในส่วนของประเทศไทย มอบให้นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เป็นผู้ลงนามในปฏิญญาดังกล่าว และใน กรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถร่วมลงนามได้เห็นสมควรให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพิจารณามอบ อำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามแทน ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการ ดำเนินการตามข้อ ๓ (เอ) ของร่างปฏิญญาฯ เรื่องการ Strengthened national legislation หากออกเป็นพระราช บัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา อาจเข้าข่ายมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย แต่หากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าสามารถดำเนินการตามข้อบทดังกล่าวได้ โดยใช้กฎหมายในระดับต่ำ กว่าพระราชบัญญัติ อาทิ กฎกระทรวง หรือประกาศ ร่างปฏิญญาฯ ก็ไม่น่าจะเข้าข่ายมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพัน ไปพิจารณา ด้วย |
|||||||||||||||||||||
1257 | การดำเนินงานของประเทศไทยภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส | 26/10/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้นำกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการเจรจาการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารโตเกียว สมัยที่ ๖ เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๑.๒ ให้นำหนังสือแสดงเจตนารมณ์การเข้าร่วมข้อตกลงโคเปนเฮเกน (Copenhagen Accord) เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนจัดส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป ๒. สำหรับองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย และการจัดตั้งสำนักงานเฉพาะกิจด้านการเจรจาภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ และ ๑๗ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
1258 | การรับรองปฏิญญากรุงเทพด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ครั้งที่ 5 ในระหว่างวันที่ 23 - 25 สิงหาคม 2553) | ทส | 19/10/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการประชุม
นานาชาติด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ ณ กรุงเทพมหา นคร ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย จำนวน ๒๒ ประเทศ และองค์การระหว่าง ประเทศที่ให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและภาคเอกชน โดยที่ประชุมฯ ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบ การณ์และบทเรียนด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรายงานความคืบหน้าของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เอเชียที่ได้ดำเนินการตามองค์ประกอบของการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมทั้งได้มีมติรับรองปฏิญญากรุงเทพ ด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนผลการดำเนินการตามปฏิญญาฯ จะมีการรายงานความคืบหน้าในการ ประชุมนานาชาติด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมครั้งต่อ ๆ ไป นอกจากนี้ ในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (German Tech nical Cooperation : GTZ) ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดับชาติ ต่อเนื่องจากการประชุมนานาชาติด้านการขนส่งที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๕ เรื่องการพัฒนาสู่เมืองอากาศสะอาด ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการความร่วม มือระหว่างสองหน่วยงาน (โครงการ Clean Air for Smaller Cities in the ASEAN Region) ซึ่งเป็นความร่วมมือของ รัฐบาลไทยกับ GTZ ผ่านทางสำนักงานเลขาธิการอาเซียนเพื่อจัดทำกลยุทธการลดมลพิษทางอากาศและการขนส่ง ในเมืองขนาดเล็ก โดยมีการประเมินประสิทธิภาพในการลดมลพิษ รวมทั้งผลประโยชน์ร่วม (co-benefits) ต่อ สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ในประเทศในภูมิภาคอาเซียน (จำนวน ๗ ประเทศ ยกเว้นสิงคโปร์ บรูไน และเมียนม่าร์)
|
|||||||||||||||||||||
1259 | รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง | ทส | 19/10/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการปฏิบัติ
หน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะมนตรี คณะกรรมาธิ การแม่น้ำโขง ดังนี้ ๑. จัดทำปฏิญญาหัวหิน ค.ศ. ๒๐๑๐ ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ระดับ นโยบายของประเทศที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ร่วมกับประเทศภาคีสมาชิกอีก ๓ ประเทศ (ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) โดย ผลักดันประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นประเด็นหลักของความร่วมมือ รวมทั้งผลักดัน ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒-๕ เมษายน ๒๕๕๓ ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นเวทีสนับสนุนให้ไทยมีบทบาทหลักในด้านการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค ๒. ร่วมกับประเทศภาคีสมาชิก คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิป ไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ในการเพิ่มพูนความสัมพันธ์อันดีกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ เสนอให้สาธารณรัฐประชาชนจีนแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกวิทยาในช่วงฤดูแล้งของปีที่ผ่านมา และการพิจารณาหลัก เกณฑ์การเข้าเป็นภาคีสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงของสหภาพพม่าได้ ๓. เป็นประธานการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๖ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมเมื่อวันที่ ๒๖-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผลงานที่สำคัญซึ่ง เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ดังนี้ ๓.๑ อนุมัติโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการในลุ่มน้ำโขง (Mekong Intergraded Water Resources Management : M-IWRM) เพื่อปรับปรุงขอบเขตการดำเนินงานและศักยภาพของคณะกรรมา ธิการแม่น้ำโขงให้มีบทบาทเป็นผู้อำนวยการพัฒนาทรัพยากรน้ำตามหลักการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ๓.๒ อนุมัติแผนงาน/กิจกรรมของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๐ จำนวน ๑๑ ด้าน ประกอบด้วย แผนพัฒนาลุ่มน้ำ แผนงานสิ่งแวดล้อม โครงการปรับตัวเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แผนงานการจัดการองค์ความรู้และข้อมูลข่าวสาร แผนงานเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรแบบองค์รวม โครงการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ แผนงานบริหารจัดการและบรรเทาอุทกภัย แผนงานการเกษตร ชล ประทานและป่าไม้ แผนงานการเดินเรือ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ และแผนงานประมง ๓.๓. เห็นชอบให้นำแนวทางการประเมินสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Environment Assess ment : SEA) มาใช้ในการพัฒนาลุ่มน้ำและโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ ๓.๔ เห็นชอบแนวนโยบายการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC Stake holder Engagement Policy) เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินโยบายมีความโปร่งใสและเปิดเผยได้ เพิ่มความเข้มแข็ง และบทบาทของประเทศภาคีสมาชิกในการเป็นเจ้าขององค์กร
|
|||||||||||||||||||||
1260 | แต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (นายโชติ ตราชู) | ทส | 12/10/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโชติ ตราชู เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ แทนนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
.....