ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 62 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1221 - 1240 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1221 | ขอความเห็นชอบต่อการจัดทำปฏิญญาระดับรัฐมนตรีในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 9 (The Ninth Session of the United Nations Forum on Forests: UNFF9) | ทส | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อประเด็นเตรียมการสำหรับประกอบการพิจารณาจัดทำปฏิญญาระดับรัฐมนตรีในการประชุม UNFF9 ซึ่งเสนอโดยสำนักงาน UNFF9 (Building Blocks for the UNFF9 Ministerial Declaration Proposed by the UNFF9 Bureau) เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ที่การยืนยันความสำคัญในด้านต่าง ๆ ของป่าไม้ และความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกันระหว่างป่าไม้กับมนุษย์ และเป้าหมายระดับสากลเกี่ยวกับป่าไม้ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายพิจารณาให้การรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการหยิบยกประเด็นเรื่องการจัดการป่าไม้โดยชุมชนของไทยในการกล่าวถ้อยแถลงระหวางการประชุม UNFF9 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1222 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ 3 (3rd APEC Oceans - Related Ministerial Meeting, AOMM 3) | ทส | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ ๓ (3rd APEC Oceans - Related Ministerial Meeting, AOMM 3) ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ สาธารณรัฐเปรู โดยมีนายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุม โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและรับรองร่างปฏิญญาปาราคัส (Paracas Declaration) ว่าด้วยมหาสมุทร Third APEC Oceans - Related Ministerial Meeting - AOMM 3, “Healthy Oceans and Fisheries Management towards Food Security” ทั้งนี้ ปฏิญญาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองด้านสิ่งแวดล้อมในเรื่องมหาสมุทรและความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล การส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในมหาสมุทร โดยสร้างความตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนและเน้นการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล การส่งเสริมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเล สำหรับแนวทางดำเนินงานที่ปรากฏในปฏิญญาฯ ของสมาชิกในกลุ่มเขตเศรษฐกิจครอบคลุมด้านการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการสร้างสรรค์ ซึ่งจะส่งผลให้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
1223 | ผลการลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ 12 ของเครือข่าย EANET | ทส | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ ๑๒ ของเครือข่าย EANET (The Twelfth Session of the Intergovernmental Meeting on EANET) โดยผู้แทนประเทศเครือข่าย EANET จำนวน ๑๓ ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย มองโกเลีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สหภาพพม่า สหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ ๑๒ (IG12) ของเครือข่าย EANET โดยวาระสำคัญของการประชุม IG12 คือ การลงนามตราสารเพื่อสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก พิธีลงนามตราสารฯ จัดขึ้นในการประชุมระดับสูง (High Level Segment) ของการประชุม IG12 มีผู้แทนประเทศเครือข่าย EANET ๗ ประเทศ จาก ๑๓ ประเทศ ได้ลงนามตราสารฯ ร่วมกัน ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา ญี่ปุ่น มองโกเลีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเกาหลี สหภาพพม่า และประเทศไทย ส่วนประเทศเครือข่ายที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่อลงนามตราสารฯ ต่อไป ทั้งนี้ ตราสารฯ จะมีผลในทางปฏิบัติ (becom operational) ณ วันที่ซึ่งประเทศเครือข่ายลงนามครบทุกประเทศ หรือ ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||
1224 | ระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality) | ทส | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างระเบียบปฏิบัติ เรื่อง คุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality) ตามผลการประชุมคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๘ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มีมติให้จัดทำระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality : PWQ) เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการรักษาคุณภาพน้ำที่ดี/ยอมรับได้ อันจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง โดยร่างระเบียบปฏิบัติฯ เป็นเอกสารแสดงคำมั่นของประเทศภาคีสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์และได้รับประโยชน์ร่วมกันจากการใช้น้ำของลุ่มแม่น้ำโขงอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรมในอาณาเขตประเทศตน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างระเบียบปฏิบัติดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย โดยสามารถปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||
1225 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๖ ได้ตรวจพิจารณา และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดบทนิยาม “การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ” “หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย” “หน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพ” “ชุมชนท้องถิ่น” “หนังสืออนุญาต” และ “ข้อตกลง” ๒. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายและหน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพซึ่งมิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไว้โดยเฉพาะ จะอนุญาตให้มีการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพได้ เมื่อได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพตามแบบที่คณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ (กอช.) กำหนด ๓. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอ ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ ๔. กำหนดให้ในกรณีที่การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพใดมีแหล่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใด ให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอสอบถามความเห็นจาก อปท. นั้น และให้ อปท. นั้นมีหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาต ๕. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาต หรือนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ถูกต้องครบถ้วน แล้วแต่กรณี ๖. กำหนดให้ข้อตกลงต้องระบุถึงความตกลงระหว่างหน่วยงานของรัฐที่ได้ออกหนังสืออนุญาตกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย สิทธิและประโยชน์ตอบแทนในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไม่ว่าจะคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่ ที่หน่วยงานของรัฐ ผู้ได้รับอนุญาต และชุมชนท้องถิ่นพึงจะได้รับ ค่าภาษีอากร และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามกฎหมาย ๗. กำหนดเนื้อหาในข้อตกลงที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ และข้อตกลงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ ๘. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตต้องทำความตกลงกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับการรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงตามระยะเวลาที่จะตกลงกัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๓ เดือนต่อหนึ่งครั้ง และการรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพเมื่อหนังสืออนุญาตสิ้นผล ๙. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม และกำกับดูแล ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตปฏิบัติตามข้อตกลงโดยเคร่งครัด และรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงให้ กอช. ทราบตามระยะเวลาที่ กอช. กำหนด รวมทั้งรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพให้ กอช. ทราบ เมือหนังสืออนุญาตสิ้นผล
|
|||||||||||||||||||||
1226 | แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายประสงค์ เอี่ยมอนันต์ ฯลฯ) | ทส | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มกราคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายประสงค์ เอี่ยมอนันต์ (ภาคเอกชน)ประธานกรรมการที่ปรึกษาสมาคมนักผังเมืองไทย (ด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ศิลปกรรมและผังเมือง) ๒. นายสุทิน อยู่สุข (ภาคเอกชน) กรรมการกลางสมาคมวิศวกรรมแห่งประเทศไทย (ด้านมลพิษ) ๓. นายวิเชียร กีรตินิจกาลผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๔. นายพนัส ทัศนียานนท์ นักวิชาการอิสระ (ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม) ๕. นายสันทัด สมชีวิตา (ภาคเอกชน)กรรมการมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (ด้านบริหารจัดการ) ๖. นายพยุง นพสุวรรณ (ภาคเอกชน)รองประธานมูลนิธิรักษ์โลก (ด้านทรัพยากรป่าไม้) ๗. รองศาสตราจารย์ ศิรินธรา สิงหรา ณ อยุธยาหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี (ด้านสาธารณสุขและสุขภาพ) ๘. นางสาวแสงจันทร์ ลิ้มจิรกาลผู้อำนวยการหลักสูตรสหสาขาวิชาสิ่งแวดล้อม การพัฒนา และความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ)
|
|||||||||||||||||||||
1227 | การประชุม International Forum on Tiger Conservation | ทส | 04/01/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุม International Forum on Tiger Conservation ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยที่ประชุมฯ ได้หารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับแนวทางการสร้างความร่วมมือให้ชุมชนรอบป่ามีส่วนร่วมอนุรักษ์เสือโคร่ง โดยนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้เชิญชวนทุกประเทศร่วมให้การรับรองปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ที่มีสาระสำคัญหลักเพื่อร่วมมือกันเพิ่มจำนวนประชากรเสือโคร่งในป่าของประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่งเป็นสองเท่าภายในปี ๒๕๖๕ (๑๒ ปีข้างหน้า) ป้องกันและคุ้มครองพื้นที่อาศัยของเสือโคร่งและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งร่วมกันแก้ไขปัญหาการลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายโดยสร้างความเข้มแข็งให้กับกฎหมายระดับชาติ และความร่วมมือทวิภาคีและความร่วมมือพหุภาคี ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งในเวทีนานาชาติเกี่ยวกับความร่วมมือและการประสานงานเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง สำหรับกรณีที่องค์การป้องกันการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ หรือ TRAFFIC รายงานว่าประเทศจีนเป็นแหล่งค้าเสือโคร่งที่ผิดกฎหมาย นั้น นายกรัฐมนตรีจีนได้ให้คำมั่นว่าจีนได้ออกกฎหมายมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ ห้ามใช้ชิ้นส่วนและอวัยวะจากเสือโคร่งโดยเด็ดขาดแล้วและได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันการค้าเสือโคร่งระหว่างประเทศอย่างจริงจังด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของโลก และปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ประเทศไทยได้ร่วมให้การรับรองในการประชุมฯ
|
|||||||||||||||||||||
1228 | การเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) | ทส | 04/01/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เนื่องจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานตรงกับเกณฑ์ข้อที่ ๑๐ คือ “ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ในถิ่นที่อยู่ (In-situ conservation) ของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงถิ่นที่อยู่ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ที่มีความโดดเด่นเป็นสากลทั้งจากมุมมองของวิทยาศาสตร์หรือการอนุรักษ์” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพให้กระทรวงกลาโหมทราบ เนื่องจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานมีพื้นที่บางส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม คือ มีเขตปลอดภัยทางทหารอยู่ในพื้นที่แนวเชื่อมต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและกุยบุรี และเห็นควรปฏิบัติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการตรวจสอบพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยกรมแผนที่ทหารให้รอบคอบก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหาเขตแดนไทย-พม่า รวมทั้งให้ขอความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติก่อนจะนำเรื่องเสนอเข้าบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในการดำเนินการเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และให้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและชุมชนในพื้นที่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1229 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ | ทส | 28/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมขององค์การสหประชาชาติก่อตั้งโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme, : UNEP) เป็นจำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๗๔๘,๘๓๕ บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดย ๑ ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ ๒๙.๙๕๓๔ บาท) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการบริจาคเงิน ซึ่งเป็นการบริจาคเงินตามความสมัครใจ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1230 | ห้ามมิให้นำเข้าไปหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยานแห่งชาติ | ทส | 28/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง ห้ามมิให้นำเข้าไปหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยในอุทยานแห่งชาติ และป้องกันมิให้เกิดการส่งเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่นักท่องเที่ยว และรบกวนสัตว์ป่า ตลอดจนสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1231 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 1 และการประชุมคณะทำงาน ภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 7 | ทส | 21/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑ และการประชุมคณะทำงานภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมให้กรมควบคุมมลพิษพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
1232 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2553 | ทส | 21/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดทำรายละเอียดแนวทางที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมไปประกอบการพิจารณา และนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติต่อไป ๒. ให้นำเรื่องการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาอุทกภัยไปพิจารณาทบทวนเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมงานที่เพิ่มขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรี ๓. รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ ที่มีมติรับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ ๔. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ๕. รับทราบคำสั่งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการจัดการประชุมฯ ๖. รับทราบคำสั่งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ ๕/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ แต่งตั้งผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอนุกรรมการฯ ในคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ เพิ่มเติม ๗. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการจัดทำแผนพัฒนาการชลประทานระดับลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้เต็มศักยภาพ ๖๐ ล้านไร่ โดยกรมชลประทานเป็นหน่วยงานกลางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
1233 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝั่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งให้ประชาชนและชุมชนในท้องที่ได้มีส่วนร่วม ในการบำรุงรักษา การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและยั่งยืน ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1234 | การจัดทำความตกลงโครงการกับองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ | ทส | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำความตกลงโครงการ PPD 139/07 Rev.1 (M) การเสริมสร้างระบบข้อมูลด้านป่าไม้ ของชาติ “Strengthening of the National Forest Information System” และความตกลงโครงการ PD 470/07 Rev.1 (F) การพัฒนาและการดำเนินงานเรื่องเกณฑ์และตัวชี้วัดสำหรับการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่า “Development and Implementation of Criteria and Indicators for Sustainable Management of Planted Forests and Community Forests” ๑.๒ ให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็นผู้ลงนามในความตกลงโครงการทั้งสองฉบับดังกล่าว เมื่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) เพื่อให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็น ผู้แทนรัฐบาลลงนามในความตกลงโครงการดังกล่าวต่อไป ๒. สำหรับการขอยกเว้นอากรนำเข้าและภาษีอื่น ๆ สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการ PPD 139/07 Rev.1 (M) การเสริมสร้างระบบข้อมูลด้านป่าไม้ของชาติและโครงการ PD 470/07 Rev.1 (F) การพัฒนาและ การดำเนินงานเรื่องเกณฑ์และตัวชี้วัดสำหรับการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่า ให้เป็นไปตามกฎหมาย ภายในของไทย ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยว กับการดำเนินการเพื่อการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่าชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1235 | องค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 16 | ทส | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะ ตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. เห็นชอบเป็นหลักการว่า ต่อไปในกรณีที่มีการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งมีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน การกำหนดองค์ประกอบของคณะผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุม หากไม่มีกฎหมาย ระเบียบใดกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีผู้เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับการบริหารราชการเป็นผู้ที่ให้ความเห็นชอบได้แล้วแต่กรณี
|
|||||||||||||||||||||
1236 | การกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย และขอความเห็นชอบในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียในเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย | ทส | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ที่องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ แล้ว เป็นเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียตามนัยแห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย พ.ศ. ๒๕๓๘ มาตรา ๓ ๑.๒ ให้ อจน. ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาออกแบบรายละเอียด ก่อสร้าง และบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียในเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย ๑.๓ ให้ อจน. เข้าดำเนินการลงทุนตามนัยแห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย พ.ศ. ๒๕๓๘ มาตรา ๓๐(๑) เพื่อริเริ่มโครงการหรือกิจการต่อเนื่องที่เกี่ยวกับการจัดการน้ำเสีย ๑.๔ การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงาน ให้ อจน. ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้ อจน. ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ให้ อจน. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้ตามความจำเป็นเร่งด่วนและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามเงื่อนไขของการบริหารจัดการ ๓. ให้ อจน. รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียได้ในระยะยาวต่อไป รวมทั้งการเจรจาทำข้อตกลงร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีส่วนรับผิดชอบในการบริหารจัดการต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1237 | แผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งและแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง | ทส | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมพิจารณาให้การรับรองเอกสารการประชุมแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของโลก แผนแห่งชาติเพื่อฟื้นฟูประชา กรเสือโคร่งของประเทศไทย และแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง รวม ๓ ฉบับ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อ อนุรักษ์เสือโคร่งของประเทศไทย ๑.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าว ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายตามแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของโลกในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ตามแผนดังกล่าวมีระยะเวลาของแผน ๑๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๓ -๒๕๖๕) โดยในช่วงเวลา ๕ ปี แรกของแผนฯ ได้กำหนดประมาณการค่าใช้จ่ายไว้ จำนวน ๙๗.๖ ล้านดอลลาร์ สหรัฐ จำแนกเป็นเงินทุนจากภาครัฐ ๕๓.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแหล่งทุนภายนอก ๔๔.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแผนงานอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ผลผลิตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้รับการบริหารจัดการไว้แล้ว จำนวน ๓๘๐.๓๓๓๑ ล้านบาท ซึ่งสามารถดำเนินการให้ ครอบคลุมการอนุรักษ์เสือโคร่งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ด้วยแล้ว |
|||||||||||||||||||||
1238 | รายงานผลการเข้าร่วมประชุม Aichi - Nagoya Ministerial Meeting on REDD+Partnership ณ เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น (ระหว่างวันที่ 25 - 26 ตุลาคม 2553) | ทส | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการเข้าร่วม
ประชุม Aichi-Nagoya Ministerial Meeting on REDD+Partnership ณ เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ สรุป ได้ดังนี้ ๑. ที่ประชุมได้ยืนยันการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมกิจกรรม REDD+ ของประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ ประเทศ เบลเยียม ประเทศอิตาลี และสหราชอาณาจักร ๒. ที่ประชุมได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของการดำเนินงานตามโปรแกรม REDD+Partnership ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ในส่วนของความโปร่งใสด้านการเงินและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง website ที่จัดทำเพื่อการแลก เปลี่ยนและสื่อสารข้อมูลอันเป็นพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การปรับปรุงการดำเนินงาน REDD+ ได้อย่างต่อเนื่อง โดย ที่ประชุมได้เน้นถึงความสำคัญของการลดช่องว่างและหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนทางการเงินโดยให้เพิ่มศักยภาพการ ดำเนินงานและการสนับสนุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นให้แล้วเสร็จ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบที่จะให้หุ้นส่วนความร่วมมือดำเนินการเสริมศักยภาพทางการเงินและกิจกรรม REDD+ โดยการเสริมสร้างความโปร่งใส และเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงาน โดยขยายเวลาการดำเนินกิจกรรมภาย ใต้โปรแกรมงานปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งได้แก่การจัดตั้งหน่วยงานรองรับ (institutional arrangement) ด้าน REDD+ การเตรียมความพร้อมในการเสริมศักยภาพด้าน REDD+ การจัดทำโครงการนำร่องด้าน REDD+ กิจ กรรมที่อยู่บนพื้นฐานของผลสัมฤทธิ์ (result based action) REDD+ ที่มีกระบวนการรายงาน ติดตามผล และตรวจ สอบได้ และการเพิ่มศักยภาพด้านการเงิน (scaling up finance) พร้อมทั้งได้ย้ำถึงความจำเป็นจะต้องจัดทำโปร แกรมงานปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ๔. ที่ประชุมเห็นพ้องถึงความสำคัญของหุ้นส่วนความร่วมมือ REDD+ ในการใช้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความร่วมมือ เสริมศักยภาพกิจกรรมด้าน REDD+ และความช่วยเหลือทาง การเงินอันจะช่วยผลักดันและส่งเสริมกลไกที่สามารถสร้างแรงจูงใจทางบวกทางนโยบายและกิจกรรมด้าน REDD+ ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) โดยคาดหวังว่าการดำเนิน งานแบบค่อยเป็นค่อยไปของ REDD+Partnership จะทำให้กลไกของ REDD+ ภายใต้ UNFCCC จะได้รับการรับรอง ในที่ประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ ๑๖ ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก
|
|||||||||||||||||||||
1239 | ขออนุมัติให้ความเห็นชอบและลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] | ทส | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ๑. เห็นชอบในเนื้อหาสาระของตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายลงนามตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. อนุมัติมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเป็นผู้ลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||
1240 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ State Oceanic Adminstration | ทส | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ State Oceanic Administration และอนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และให้นำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป รวมทั้งมอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนาม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไปได้เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในบันทึกความเข้าใจฯ แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. หากรัฐสภาไม่ได้พิจารณาบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) นี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเสนอบันทึกความเข้าใจฯ ไปยังรัฐสภาในสมัยประชุมถัดไป โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก |
.....