ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 62 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1221 - 1240 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1221 | รายงานสถานการณ์น้ำในรอบสัปดาห์ (วันที่ 8 - 14 มีนาคม 2554) | ทส | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสถานการณ์น้ำในรอบสัปดาห์ (วันที่ ๘ - ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔) สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำในภาพรวม สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำเก็บกักประมาณร้อยละ ๕๙ อยู่ในเกณฑ์ดี สำหรับเขื่อนที่มีปริมาณน้ำมาก โดยมีน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๑ คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนลำตะคอง เขื่อนกระเสียว เขื่อนประแสร์ และเขื่อนบางลาง ส่วนเขื่อนที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย โดยมีน้ำน้อยกว่าร้อยละ ๓๐ คือ เขื่อนทับเสลา เขื่อนปราณบุรี และเขื่อนแก่งกระจาน ในส่วนของสภาพน้ำในแม่น้ำสายสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้อย ซึ่งเป็นระดับปกติในฤดูร้อน ๒. สถานการณ์ภัยแล้ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (ภัยแล้ง) จำนวน ๔๒ จังหวัด สำหรับการให้ความช่วยเหลือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ ได้จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์น้ำและช่วยเหลือภัยแล้งในพื้นที่สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค ๑ - ๑๐ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปาง สระบุรี หนองคาย ขอนแก่น นครราชสีมา ปราจีนบุรี ราชบุรี สงขลา พิษณุโลก และสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามและรายงานสถานการณ์น้ำ โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีการแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภค - บริโภค และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและสนับสนุนชุดประปาเคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย นอกจากนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้และกรมควบคุมมลพิษ ได้เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องและกำลังคน เพื่อช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภค - บริโภค และการเกษตรบางส่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
1222 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 7 ราย 1.นายศิริ เกวลินสฤษดิ์ ฯลฯ) | ทส | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิลำดับที่ ๑ - ๖ ให้แต่งตั้งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ครบวาระให้มีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี ส่วนลำดับที่ ๗ แต่งตั้งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ถึงแก่อนิจกรรมให้มีวาระการดำรงตำแหน่งถึงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายศิริ เกวลินสฤษดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่ดิน ๒. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดที่ดินตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ๓. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวางผังเมือง ๔. นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕. นายพจน์ สุขมหา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่ดิน ๖. นายพยุง นพสุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรป่าไม้และการใช้รูปถ่ายทางอากาศ ๗. นายโชติ ตราชู ผู้ทรงคุณวุฒิด้านน้ำบาดาล (แต่งตั้งแทนนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช)
|
|||||||||||||||||||||||||||
1223 | การเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Climate Change Talks, Bangkok) | ทส | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ประเทศไทย โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Climate Change Talks, Bangkok) ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ องค์การสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ตามวันและเวลาที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำหนด (ในระหว่างวันที่ ๓๐ มีนาคม - ๘ เมษายน ๒๕๕๔) ๒. เห็นชอบหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยกับเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้ยกร่างขึ้น และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว (Host Country Agreement)
|
|||||||||||||||||||||||||||
1224 | การปรับปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย | ทส | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติยให้กระทรวงมหาดไทยรับเรื่อง การปรับปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ไปประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อมูลและเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังไม่ได้ดำเนินการหรืออยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองเป็นลำดับแรก และหากมีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติด้านอุทกภัยของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยให้เสนอขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1225 | บริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด ขอเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อขอรับโอนประทานบัตรเหมืองแร่ประทานบัตรที่ 24828/13873 ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผ่อนผันและขยายระยะเวลาให้บริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด เข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เอ็ม เป็นการเฉพาะราย จนถึงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดอายุประทานบัตรของผู้ขอรายนี้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้บริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ของบริษัทฯ ในคราวการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ อย่างเคร่งครัด และให้กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมในเรื่องการมีส่วนร่วมและการยอมรับของประชาชนและท้องถิ่น รวมทั้งมีมาตรการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ซึ่งเป็นข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1226 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 9 ราย 1. นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ฯลฯ) | ทส | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๙ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานกรรมการ ๒. นายสมชัย อภิวัฒนพร กรรมการ ๓. นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา กรรมการ ๔. นายบุญนำ นิกรเทศ กรรมการ ๕. นายสุวิทย์ วิชชาวุธ กรรมการ ๖. นายวรสิทธิ์ เติมจิตรอารีย์ กรรมการ ๗. นายอำนาจ เดชะ กรรมการ ๘. ร้อยตรี กฤษฎา การุญ กรรมการ ๙. นางอุไร ร่มโพธิหยก กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1227 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) (นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์) | ทส | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1228 | ขอแก้ไขข้อความการระบุกลุ่มเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินทำกิน (การแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า 13 นิคมสหกรณ์) | ทส | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบการขอแก้ไขข้อความการระบุกลุ่มเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินทำกิน (การแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า ๑๓ นิคมสหกรณ์) ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๔ ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ “สมาชิกผู้เช่าที่ดินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า” เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เรียกร้องการแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า ๑๓ นิคมสหกรณ์ ต่อเนื่องมาโดยตลอด และสอดคล้องกับการดำเนินการของคณะกรรมการศึกษาแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า ๑๓ นิคมสหกรณ์ อีกทั้งการพิจารณาให้สิทธิจะได้เฉพาะสมาชิกนิคมสหกรณ์การเช่าที่ดินตามข้อมูลบัญชีรายชื่อสมาชิกนิคมสหกรณ์การเช่าที่ดินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) เท่านั้น ๑.๒ ขอขยายระยะเวลาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๔ ที่มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการศึกษาแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิฯ ดำเนินการสำรวจและจัดทำข้อมูลรายละเอียดในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนสิ้นเดือนกุมภาพัน์ ๒๕๕๔ ออกไปอีก ๑ เดือน ๒. ทั้งนี้ ยังให้คงข้อความการระบุกลุ่มเป้าหมาย “สมาชิกผู้เช่าที่ดินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า“ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๔ |
|||||||||||||||||||||||||||
1229 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กรณีอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี) | ทส | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามโครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กรณีอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี) สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมตรวจสอบควบคุมเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ใช้งบประมาณจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒. กิจกรรมการติดตาม ประเมินผล อำนวยการ และประชาสัมพันธ์ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ๓. กิจกรรมจัดสร้างและวางปะการังเทียม ได้ดำเนินการก่อสร้างหล่อแท่งคอนกรีต (ปะการังเทียม) เสร็จเรียบร้อย และอยู่ในขั้นตอนการวางปะการังเทียมในพื้นที่เป้าหมาย ใช้งบประมาณจำนวน ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจ้างบริษัท แสงวิชัยวัสดุก่อสร้าง จำกัด จัดวางปะการังเทียมในอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๔. กิจกรรมทำความสะอาดบ้านปลา ดำเนินการที่ท่าเทียบเรือประมงหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และที่สวนสน กลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองปราณ อำเภอปราณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ๕. กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ดำเนินการที่ท่าเทียบเรือประมงหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และที่สวนสน กลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ๖. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ พบว่าการให้ความเห็นชอบและอนุญาตตามกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าช้า โดยการอนุญาตเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ และการอนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมประมง และกรมเจ้าท่า ตามลำดับ อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาต ในส่วนของกองทัพเรือได้ให้ความเห็นชอบจุดพิกัดเรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
1230 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา) | ทส | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1231 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ( ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ดังนี้
๑. เพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นรองประธานกรรมการคนที่ ๒ เนื่องจากมีภารกิจรับผิดชอบด้านกิจการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศในภาพรวม ๒. เพิ่มเติมกรรมการโดยตำแหน่งอีกห้าตำแหน่ง คือ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และปลัดกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามภารกิจที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงาน ๓. เพิ่มเติมให้ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคนที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||||||||
1232 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 12 การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 11 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+๓ ครั้งที่ ๑๑ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาและสถานที่จัดประชุม ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมตามข้อ ๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายละเอียดและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1233 | ขอความเห็นชอบต่อการจัดทำปฏิญญาระดับรัฐมนตรีในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 9 (The Ninth Session of the United Nations Forum on Forests: UNFF9) | ทส | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อประเด็นเตรียมการสำหรับประกอบการพิจารณาจัดทำปฏิญญาระดับรัฐมนตรีในการประชุม UNFF9 ซึ่งเสนอโดยสำนักงาน UNFF9 (Building Blocks for the UNFF9 Ministerial Declaration Proposed by the UNFF9 Bureau) เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ที่การยืนยันความสำคัญในด้านต่าง ๆ ของป่าไม้ และความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกันระหว่างป่าไม้กับมนุษย์ และเป้าหมายระดับสากลเกี่ยวกับป่าไม้ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายพิจารณาให้การรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการหยิบยกประเด็นเรื่องการจัดการป่าไม้โดยชุมชนของไทยในการกล่าวถ้อยแถลงระหวางการประชุม UNFF9 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1234 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ 3 (3rd APEC Oceans - Related Ministerial Meeting, AOMM 3) | ทส | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ ๓ (3rd APEC Oceans - Related Ministerial Meeting, AOMM 3) ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ สาธารณรัฐเปรู โดยมีนายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุม โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและรับรองร่างปฏิญญาปาราคัส (Paracas Declaration) ว่าด้วยมหาสมุทร Third APEC Oceans - Related Ministerial Meeting - AOMM 3, “Healthy Oceans and Fisheries Management towards Food Security” ทั้งนี้ ปฏิญญาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองด้านสิ่งแวดล้อมในเรื่องมหาสมุทรและความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล การส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในมหาสมุทร โดยสร้างความตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนและเน้นการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล การส่งเสริมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเล สำหรับแนวทางดำเนินงานที่ปรากฏในปฏิญญาฯ ของสมาชิกในกลุ่มเขตเศรษฐกิจครอบคลุมด้านการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการสร้างสรรค์ ซึ่งจะส่งผลให้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
1235 | ผลการลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ 12 ของเครือข่าย EANET | ทส | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ ๑๒ ของเครือข่าย EANET (The Twelfth Session of the Intergovernmental Meeting on EANET) โดยผู้แทนประเทศเครือข่าย EANET จำนวน ๑๓ ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย มองโกเลีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สหภาพพม่า สหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ ๑๒ (IG12) ของเครือข่าย EANET โดยวาระสำคัญของการประชุม IG12 คือ การลงนามตราสารเพื่อสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก พิธีลงนามตราสารฯ จัดขึ้นในการประชุมระดับสูง (High Level Segment) ของการประชุม IG12 มีผู้แทนประเทศเครือข่าย EANET ๗ ประเทศ จาก ๑๓ ประเทศ ได้ลงนามตราสารฯ ร่วมกัน ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา ญี่ปุ่น มองโกเลีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเกาหลี สหภาพพม่า และประเทศไทย ส่วนประเทศเครือข่ายที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่อลงนามตราสารฯ ต่อไป ทั้งนี้ ตราสารฯ จะมีผลในทางปฏิบัติ (becom operational) ณ วันที่ซึ่งประเทศเครือข่ายลงนามครบทุกประเทศ หรือ ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
1236 | ระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality) | ทส | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างระเบียบปฏิบัติ เรื่อง คุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality) ตามผลการประชุมคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๘ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มีมติให้จัดทำระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality : PWQ) เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการรักษาคุณภาพน้ำที่ดี/ยอมรับได้ อันจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง โดยร่างระเบียบปฏิบัติฯ เป็นเอกสารแสดงคำมั่นของประเทศภาคีสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์และได้รับประโยชน์ร่วมกันจากการใช้น้ำของลุ่มแม่น้ำโขงอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรมในอาณาเขตประเทศตน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างระเบียบปฏิบัติดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย โดยสามารถปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1237 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๖ ได้ตรวจพิจารณา และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดบทนิยาม “การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ” “หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย” “หน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพ” “ชุมชนท้องถิ่น” “หนังสืออนุญาต” และ “ข้อตกลง” ๒. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายและหน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพซึ่งมิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไว้โดยเฉพาะ จะอนุญาตให้มีการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพได้ เมื่อได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพตามแบบที่คณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ (กอช.) กำหนด ๓. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอ ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ ๔. กำหนดให้ในกรณีที่การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพใดมีแหล่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใด ให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอสอบถามความเห็นจาก อปท. นั้น และให้ อปท. นั้นมีหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาต ๕. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาต หรือนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ถูกต้องครบถ้วน แล้วแต่กรณี ๖. กำหนดให้ข้อตกลงต้องระบุถึงความตกลงระหว่างหน่วยงานของรัฐที่ได้ออกหนังสืออนุญาตกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย สิทธิและประโยชน์ตอบแทนในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไม่ว่าจะคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่ ที่หน่วยงานของรัฐ ผู้ได้รับอนุญาต และชุมชนท้องถิ่นพึงจะได้รับ ค่าภาษีอากร และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามกฎหมาย ๗. กำหนดเนื้อหาในข้อตกลงที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ และข้อตกลงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ ๘. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตต้องทำความตกลงกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับการรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงตามระยะเวลาที่จะตกลงกัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๓ เดือนต่อหนึ่งครั้ง และการรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพเมื่อหนังสืออนุญาตสิ้นผล ๙. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม และกำกับดูแล ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตปฏิบัติตามข้อตกลงโดยเคร่งครัด และรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงให้ กอช. ทราบตามระยะเวลาที่ กอช. กำหนด รวมทั้งรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพให้ กอช. ทราบ เมือหนังสืออนุญาตสิ้นผล
|
|||||||||||||||||||||||||||
1238 | แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายประสงค์ เอี่ยมอนันต์ ฯลฯ) | ทส | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มกราคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายประสงค์ เอี่ยมอนันต์ (ภาคเอกชน)ประธานกรรมการที่ปรึกษาสมาคมนักผังเมืองไทย (ด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ศิลปกรรมและผังเมือง) ๒. นายสุทิน อยู่สุข (ภาคเอกชน) กรรมการกลางสมาคมวิศวกรรมแห่งประเทศไทย (ด้านมลพิษ) ๓. นายวิเชียร กีรตินิจกาลผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๔. นายพนัส ทัศนียานนท์ นักวิชาการอิสระ (ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม) ๕. นายสันทัด สมชีวิตา (ภาคเอกชน)กรรมการมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (ด้านบริหารจัดการ) ๖. นายพยุง นพสุวรรณ (ภาคเอกชน)รองประธานมูลนิธิรักษ์โลก (ด้านทรัพยากรป่าไม้) ๗. รองศาสตราจารย์ ศิรินธรา สิงหรา ณ อยุธยาหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี (ด้านสาธารณสุขและสุขภาพ) ๘. นางสาวแสงจันทร์ ลิ้มจิรกาลผู้อำนวยการหลักสูตรสหสาขาวิชาสิ่งแวดล้อม การพัฒนา และความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ)
|
|||||||||||||||||||||||||||
1239 | การประชุม International Forum on Tiger Conservation | ทส | 04/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุม International Forum on Tiger Conservation ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยที่ประชุมฯ ได้หารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับแนวทางการสร้างความร่วมมือให้ชุมชนรอบป่ามีส่วนร่วมอนุรักษ์เสือโคร่ง โดยนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้เชิญชวนทุกประเทศร่วมให้การรับรองปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ที่มีสาระสำคัญหลักเพื่อร่วมมือกันเพิ่มจำนวนประชากรเสือโคร่งในป่าของประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่งเป็นสองเท่าภายในปี ๒๕๖๕ (๑๒ ปีข้างหน้า) ป้องกันและคุ้มครองพื้นที่อาศัยของเสือโคร่งและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งร่วมกันแก้ไขปัญหาการลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายโดยสร้างความเข้มแข็งให้กับกฎหมายระดับชาติ และความร่วมมือทวิภาคีและความร่วมมือพหุภาคี ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งในเวทีนานาชาติเกี่ยวกับความร่วมมือและการประสานงานเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง สำหรับกรณีที่องค์การป้องกันการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ หรือ TRAFFIC รายงานว่าประเทศจีนเป็นแหล่งค้าเสือโคร่งที่ผิดกฎหมาย นั้น นายกรัฐมนตรีจีนได้ให้คำมั่นว่าจีนได้ออกกฎหมายมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ ห้ามใช้ชิ้นส่วนและอวัยวะจากเสือโคร่งโดยเด็ดขาดแล้วและได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันการค้าเสือโคร่งระหว่างประเทศอย่างจริงจังด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของโลก และปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ประเทศไทยได้ร่วมให้การรับรองในการประชุมฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1240 | การเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) | ทส | 04/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เนื่องจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานตรงกับเกณฑ์ข้อที่ ๑๐ คือ “ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ในถิ่นที่อยู่ (In-situ conservation) ของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงถิ่นที่อยู่ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ที่มีความโดดเด่นเป็นสากลทั้งจากมุมมองของวิทยาศาสตร์หรือการอนุรักษ์” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพให้กระทรวงกลาโหมทราบ เนื่องจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานมีพื้นที่บางส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม คือ มีเขตปลอดภัยทางทหารอยู่ในพื้นที่แนวเชื่อมต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและกุยบุรี และเห็นควรปฏิบัติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการตรวจสอบพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยกรมแผนที่ทหารให้รอบคอบก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหาเขตแดนไทย-พม่า รวมทั้งให้ขอความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติก่อนจะนำเรื่องเสนอเข้าบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในการดำเนินการเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และให้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและชุมชนในพื้นที่ด้วย
|
.....