ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 70 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1381 - 1400 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1381 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่พริก ป่าแม่เสลียม ป่าแม่ทาน ป่าแม่จางฝั่งซ้าย ป่าแม่สรอย ป่าแม่เกิ๋ง ป่าแม่ปง และป่าแม่ลอง บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | ทส | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่พริก ป่าแม่เสลียม
ป่าแม่ทาน ป่าแม่จางฝั่งซ้าย ป่าแม่สรอย ป่าแม่เกิ๋ง ป่าแม่ปง และป่าแม่ลอง บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่ปะ อำเภอ เถิน จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่พริก ป่าแม่เสลียม ป่าแม่ทาน ป่าแม่ จางฝั่งซ้าย ป่าแม่สรอย ป่าแม่เกิ๋ง ป่าแม่ปง และป่าแม่ลอง บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน จังหวัด ลำปาง เนื้อที่ 134-1-60 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ปะ (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1382 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2552 | ทส | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เสนอมติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2552 โดยมีเรื่องที่สำคัญรวม 5 เรื่อง ดังนี้ 1. การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2546 2. ร่าง รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2551 3. โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโสมง จังหวัดปราจีนบุรี 4. การพัฒนาระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา 67 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 5. ความก้าวหน้าของการดำเนินการ กรณีการประกอบกิจการของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||
1383 | รายงานผลการประชุม The High Level Conference: Fighting Climate Change with Carbon Capture and Storage | ทส | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม The
High Level Conference : Fighting Climate Change with Carbon Capture and Storage ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 พฤษภาคม 2552 ณ เมืองเบอร์เกน ราชอาณาจักรนอร์เวย์ โดยการประชุม ฯ ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้ 1. การอภิปรายร่วมของผู้นำ (Leadership Panel) ซึ่งได้มีการอภิปรายร่วมใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย (1) National Focus : วิสัยทัศน์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (2) A Global dilemma : วิสัยทัศน์ในการ พัฒนาประเทศที่เหมาะสมภายในทศวรรษหน้าท่ามกลางสภาวการณ์ที่จำเป็นต้องลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกแต่ ประชากรและความต้องการทรัพยากรมีเพิ่มมากขึ้น และ (3) Financing and international cooperation : วิสัย ทัศน์ด้านการเงินและความร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนาและแผ่ขยายการดำเนินงานด้าน CCS ให้รวดเร็ว และกว้างขวางยิ่งขึ้น 2. การประชุมระดับผู้เชี่ยวชาญ (Expert Session) สาระสำคัญของการประชุม ฯ ได้มีการกล่าวถึง การดำเนินงานที่ผ่านมาของประเทศนอร์เวย์และนานาชาติ ตลอดจนประโยชน์ ความจำเป็น ทิศทางการพัฒนา และปัญหาอุปสรรคในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเก็บกักคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage : CCS) รวมทั้งได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้าน CCS ในระดับนานาชาติ เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ จากภาคพลังงาน การให้ความสำคัญกับสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้การขนส่งและกักเก็บ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญกับโอกาสและสิ่งท้า ทายของการลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการดำเนินการด้าน CCS ที่มีต่อการบริหารจัดการ ด้านพลังงานของโลก รวมทั้งการให้ความสำคัญกับมาตรการจูงใจ (incentive) ทางการเงิน ได้แก่ มาตรการ สร้างคุณค่าให้กับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมาตรการลดความเสี่ยงทางการเงินจากการดำเนินงาน CCS เช่น การพัฒนาระบบซื้อขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการพัฒนาระบบภาษีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1384 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าจอมทอง ป่าแม่ขาน และป่าแม่วาง ในท้องที่ตำบลสันติสุข ตำบลยางคราม ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ ตำบลบ้านหลวง ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง และตำบลทุ่งปี้ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่วาง) | ทส | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าจอมทอง ป่าแม่ขาน และป่าแม่วาง
ในท้องที่ตำบลสันติสุข ตำบลยางคราม ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ ตำบลบ้านหลวง ตำบลข่วงเปา อำเภอ จอมทอง และตำบลทุ่งปี้ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่วาง) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแลัว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มี สาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าจอมทอง ป่าแม่ขาน และป่าแม่วาง ในท้องที่ตำบลสันติสุข ตำบลยางคราม ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ ตำบลบ้านหลวง ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง และตำบลทุ่งปี้ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติแม่วาง) และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1385 | คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ | ทส | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเลขาธิการสำนัก
งานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่า ไม้ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1386 | โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล | ทส | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสถานการณ์ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งได้แก่ แนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเลป่าชายเลน และพื้นที่ชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. เห็นชอบในหลักการโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการจัดสร้างแนวปะการังเทียมปีละ 226 แห่ง ดำเนินการภายในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2553-2557) รวมจัดสร้างแนวปะการังเทียม 1,130 แห่ง ๆ ละ 1.5 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ปะการังเทียมรวม 1,700 ไร่ ทั้งนี้ การดำเนินการวางปะการังเทียมบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั่วประเทศ นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสตร์) เป็นประธานรับไปดำเนินการบูรณาการในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานระดับสำนักเพื่อดำเนินการจัดการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะการกัดเซาะชายฝั่ง และการจัดสร้างปะการังเทียมขึ้นเป็นการเฉพาะ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 (ให้ส่วนราชการต่างๆ ระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน รวมทั้งการขอจัดตั้งองค์การมหาชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหารและหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษเพิ่มใหม่ชั่วคราว) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินงานและประมาณการค่าใช้จ่าย รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ชัดเจน เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับความจำเป็นและแผนการดำเนินงานในแต่ละปี ไปประกอบการพิจารณาด้วย 3. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งเรื่อง การขอตั้งหน่วยงานในระดับสำนัก ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาตามขั้นตอน เมื่อมีความชัดเจนในบทบาทและอำนาจหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
1387 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยยอดมน และป่าบุณฑริก ในท้องที่ตำบลช่องเม็ก ตำบลโนนก่อ อำเภอสิรินธร และตำบลคอแลน ตำบลโพนงาม ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบุณฑริก - ยอดมน) | ทส | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยยอดมน และป่าบุณฑริก ใน
ท้องที่ตำบลช่องเม็ก ตำบลโนนก่อ อำเภอสิรินธร และตำบลคอแลน ตำบลโพนงาม ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยยอดมน และ ป่าบุณฑริก ในท้องที่ตำบลช่องเม็ก ตำบลโนนก่อ อำเภอสิรินธร และตำบลคอแลน ตำบลโพนงาม ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบุณฑริก-ยอดมน) และ ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1388 | การจัดตั้งผู้ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Officer : CCO) | ทส | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการของการจัดตั้งผู้ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Officer : CCO) เพื่อพัฒนาระบบการประสานงานระหว่างกระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิ ภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการบูรณาการการทำงานให้เป็นไปด้วยความราบรื่นมากขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนัก งบประมาณ ที่เห็นควรให้มีการปรับเปลี่ยนอักษรย่อ "CCO" เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการแต่งตั้งผู้ บริหารการเปลี่ยนแปลง (Chief Change Officer : CCO) ทั้งระดับกระทรวง กรม และจังหวัด ไปพิจารณาด้วย 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาความเหมาะสมจำเป็นในภาพรวมทั้งระบบในการจัดตั้งสำนัก งานประสานการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้สังกัดสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม โดยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ที่เห็นชอบมาตรการ ระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน รวมทั้งการขอจัดตั้งองค์การมหาชนหรือหน่วยงานอื่นของ รัฐในสังกัดฝ่ายบริหาร และหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษเพิ่มใหม่ชั่วคราว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงสิ้นปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 และเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจดังกล่าว ส่วนราชการก็อาจเกลี่ยอัตรากำลัง เจ้าหน้าที่ที่มีอยู่มาปฏิบัติงานดังกล่าวได้ตามความจำเป็น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1389 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเก้า บางส่วน ในท้องที่ตำบลโคกม่วง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... | ทส | 01/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเก้า บางส่วน ใน
ท้องที่ตำบลโคกม่วง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภู เก้า บางส่วน ในท้องที่ตำบลโคกม่วง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ เนื้อที่ 2,277 ไร่ เพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำบอง (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) เพื่อกักเก็บน้ำช่วยบรรเทาความเดือด ร้อนจากการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และเพื่ออุปโภคบริโภคให้กับเกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าว ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1390 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ฯ) | ทส | 01/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อทดแทนผู้เกษียณ อายุราชการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนกังานปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. นายโชติ ตราชู ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล 3. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
|
||||||||||||||||||||||||
1391 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเขาลำปี และหาดท้ายเหมืองบางส่วน ในท้องที่ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. .... | ทส | 01/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเขาลำปี และหาดท้าย
เหมือง บางส่วน ในท้องที่ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เพิกถอน อุทยานแหงชาติป่าเขาลำปี และหาดท้ายเหมือง บางส่วน ในท้องที่ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัด พังงา เนื้อที่ 50 ไร่ เพื่อจัดตั้งสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา เพื่อเป็นสถานศึกษาในระดับอุดม ศึกษาให้กับชาวจังหวัดพังงาและจังหวัดใกล้เคียง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1392 | รายงานผลการประชุม World Ocean Conference 2009 | ทส | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการประชุม World
Ocean Conference 2009 (WOC 2009) ซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ เมืองมานาโด จังหวัดสุลา เวสีเหนือ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11-15 พฤาภาคม 2552 โดยสาระสำคัญของการประชุม ฯ ได้มี การพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และบทบาทของมหาสมุทรใน การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งประเทศไทยได้เสนอให้เพิ่มความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อการวิจัยและ โดยเฉพาะองค์กรภายใต้สหประชาชาติ UN ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรอินเดียซึ่งเป็นพื้นที่ที่มี ข้อมูลและการศึกษาน้อย และประเด็นเรื่องอนาคตของมหาสมุทรและชายฝั่ง นอกจากนี้ ที่ประชุม ฯ ได้พิจารณา และรับรองร่างปฏิญญามานาโดว่าด้วยมหาสมุทร Draft Manado Ocean Declaration (MOD) โดยร่างปฏิญญา ฯ กล่าวถึงถ้อยแถลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมหาสมุทร รวม ถึงแนวทางแก้ไข (การปรับตัวและลดผลกระทบ) เพื่อจัดการกับผลกระทบในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และ มีมติให้นำประเด็นต่าง ๆ ที่พิจารณาในที่ประชุม World Ocean Conference 2009 ให้ที่ประชุมภาคีประเทศสมาชิก อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC COP 15) รับทราบและพิจารณาถึง บทบาทของมหาสุมทรกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะพิจารณาโครงการการปรับตัวต่อสภาพภูมิ อากาศในด้านการจัดการมหาสมุทรและชายฝั่ง
|
||||||||||||||||||||||||
1393 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยอินทนนท์ บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง ตำบลสันติสุข ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส | 11/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยอินทนนท์ บางส่วน ใน
ท้องที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง ตำบลสันติสุข ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยอินทนนท์ บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ 315 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา ออกจากการเป็น อุทยานแห่งชาติ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1394 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 | ทส | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เสนอมติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 โดยมีเรื่องที่สำคัญรวม 9 เรื่อง ดังนี้ 1. (ร่าง) กรอบนโยบายและแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการพัฒนาทรัพยากรแร่ 2. แผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2552-2556) 3. การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มี ความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ 4. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้ม ครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... 5. ผลกระทบด้านมลพิษทางเสียงของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 6. การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์สามล้อ 7. การกำหนดมาตรฐานความสั่นสะเทือนโดยทั่วไปเพื่อป้องกันผลกระทบต่ออาคาร 8. ความเห็นต่อรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ จังหวัด อุตรดิตถ์ 9. รายงานความก้าวหน้าของการกำหนดให้ท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด และพื้นที่บริเวณใกล้ เคียง เป็นเขตควบคุมมลพิษ
|
||||||||||||||||||||||||
1395 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... และในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 และในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 รวม 2 ฉบับ | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศรวม 4 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกระบี่ ให้เป็นเขตอนุรักษ์ และเขตควบคุมอาคาร โดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับออกเป็น 4 บริเวณ ได้แก่ บริเวณที่ 1 คือ พื้นที่บนแผ่นดินที่อยู่ในบริเวณสุสานหอยเจ็ดสิบห้าล้านปี หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะ พีพี เป็นต้น บริเวณที่ 2 พื้นที่เกาะพีพีดอน บริเวณที่ 3 พื้นที่ในเกาะต่าง ๆ และบริเวณที่ 4 พื้นที่น่านน้ำทะเล ภายในบริเวณที่กำหนด โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการ บางประเภทที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดการห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ และกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม 2. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้ม ครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัด เพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นเขตควบคุมมลพิษและเขตอนุรักษ์ โดย แบ่งพื้นที่การใช้บังคับใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมออกเป็น 7 บริเวณ คือ พื้นที่บนแผ่นดิน พื้นที่ในบริเวณที่วัด จากแนวชายฝั่งออกไปในทะเลระยะ 3,000 เมตร และพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี 22 สิงหาคม 2543 โดย กำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการบางประเภทที่อาจมีผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดการห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ และ กำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) 3. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้น ที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนด เขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตร การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้น ไป 4. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้น ที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอ ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพ ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอ ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วัน ที่ 31 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
1396 | นางสาวปริศนา อุดมรัตน์ ขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อทำเหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ตามประทานบัตรที่ 19918/13774 และที่ 19919/13773 ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผ่อนผันให้นางสาวปริศนา อุดมรัตน์ เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธ บาทและป่าพุแค เพื่อทำเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ตามประทานบัตร ที่ 19918/13774 เลขที่ 19919/13773 ท้องที่จังหวัดสระบุรี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ผู้ขออนุญาตปฏิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาต รวมทั้งดำเนินการตาม เงื่อนไขเพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 อย่างเคร่งครัด ไปดำเนิน การต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1397 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศ จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคือ กำหนดเขตพื้นที่และ มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมโดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้เป็นเขตควบคุม มลพิษ เขตผังเมืองรวม และเขตอนุรักษ์ โดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับออกเป็น 2 บริเวณคือ พื้นที่บนแผ่นดินใหญ่รวมพื้น ที่เกาะ และพื้นที่ส่วนที่เป็นทะเล โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบ กิจการบางประเภทที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ รวมทั้งกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวด ล้อมเบื้องต้น (IEE) 2. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เป็นเขตควบคุมอาคารตามพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระ ราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2534 โดยแบ่งพื้นที่เพื่อการบังคับใช้มาตรการ ออกเป็น 9 บริเวณ โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการบาง ประเภทที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยน แปลงของระบบนิเวศน์ รวมทั้งกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE)
|
||||||||||||||||||||||||
1398 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 15
กรกฎาคม 2552 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการศึกษา สำรวจ ออกแบบโครงการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 รวมทั้งให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการสำรวจและพัฒนา แหล่งน้ำบาดาลตามที่ได้เสนอของบประมาณภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP 2) รอบที่ 2 โดยกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถปรับปรุงรายละเอียดให้เหมาะสม และให้เสนอขอแปรญัตติงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 2. ที่ประชุมมีมติเรื่อง การโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในส่วนที่เกี่ยวกับ ระบบ ดังนี้ 2.1 จัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศโดย มีกรมทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ 2.2 จัดทำแผนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศทั้งระบบ ได้แก่ การสำรวจออกแบบ ก่อสร้าง การปรับปรุงซ่อมแซม ดูแล และบำรุงรักษา รวมทั้งการบริหารจัดการ โดยให้กรม ทรัพยากรน้ำเสนอของบประมาณดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.3 ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ท้องถิ่นในการจัดหาแหล่งน้ำในพื้นที่หา น้ำยาก โดยพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลและจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน 2.4 ให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ เสนอเรื่องขอทบทวนการถ่ายโอนภารกิจที่เกี่ยวกับการก่อสร้างและปรับปรุง ซ่อมแซมระบบประปาให้คณะกรรมการกระจายอำนาจ ฯ พิจารณา ในกรณีที่ อปท. ไม่สามารถดำเนินการได้หรือ ดำเนินการได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพ ให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการแทน
|
||||||||||||||||||||||||
1399 | การเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุม AWG-LCA ครั้งที่ 7 และ AWG-KP ครั้งที่ 9 (Bangkok Climate Change Talks 2009) | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ประเทศไทย โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้า ภาพร่วมในการจัดประชุม AWG-LCA ครั้งที่ 7 และ AWG-KP ครั้งที่ 9 (Bangkok Climate Change Talks 2009) ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 28 กันยายน-9 ตุลาคม 2552 โดยนายก รัฐมนตรีเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมในวันแรก 2. อนุมัติวงเงินงบประมาณ จำนวน 5,000,000 บาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุมดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
1400 | รายงานผลการประชุม UNEP High-level Ministerial Conference on Strengthening Transboundary Freshwater Governance | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการประชุม UNEP High-level Ministerial Conference on Strengthening
Transboundary Freshwater Governance ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักเลขาธิการสิ่ง แวดล้อมแห่งสหประชาติ (United Nations Environment Program : UNEP) จัดการประชุมดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 20 22 พฤษภาคม 2552 โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแผนการดำเนินงานกรุงเทพ ฯ และตกลงรับรอง "แผนการดำเนินงานกรุงเทพ ฯ" เพื่อให้มีการนำไปดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการ บริหารจัดการน้ำพรมแดนในแต่ละภูมิภาค โดยที่ประชุมขอให้รัฐบาลชาติต่าง ๆ ตระหนึกถึงข้อเสนอแนะที่ได้รับจาก การประชุมระดับรัฐมนตรีในครั้งนี้ ที่ปรากฏอยู่ใน Chair''s Summary และทำงานร่วมกับ UNEP และหุ้นส่วนอื่น ๆ ในการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะดังกล่าว รวมทั้งทบทวนและพิจารณาการประชุมของสหประชาชาติ เรื่อง Non- Navigational Uses of International Watercourses และร่างสนธิสัญญาน้ำบาดาลข้ามพรมแดน กับให้ UNEP จัด เวทีการหารือสำหรับลุ่มน้ำพรมแดน เพื่อช่วยให้มีการปรับปรุงความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้มีการแลก เปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างองค์กรลุ่มน้ำโดยการจัดเวทีครั้งแรกจะจัดในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 และให้ UNEP ส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อมในกรอบกฎหมายน้ำในทุกระดับและให้เกิดความสมานฉันท์ในระดับลุ่ม น้ำพรมแดน ตลอดจนเกิดการพัฒนากรอบความร่วมมือด้านการบริหารจัดการระบบนิเวศน้ำลุ่มน้ำพรมแดน กับให้ UNEP ส่งเสริมมิติด้านสิ่งแวดล้อมของชั้นน้ำบาดาลในระดับวิชาการและระดับการเมือง เพื่อสนับสนุนความพยายาม ของกรรมาธิการกฎหมายนานาชาติ UNESCO และอื่น ๆ นอกจากนี้ ให้ UNEP UNESCO และองค์กรนานาชาติที่ เกี่ยวข้องส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบผสมผสานในระดับลุ่มน้ำพรมแดน
|
.....