ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 66 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1301 - 1320 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1301 | รายงานผลกระทบและความเสียหายกรณีการตัดไม้จากการดำเนินการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) | ทส | 08/06/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยก ทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช่วงระหว่าง กม. 2+000-กม. 10+100 ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ 2. สำหรับการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยก ทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ดำเนินการไปแล้ว ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟู สภาพภูมิทัศน์และระบบนิเวศ เช่น การปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูพื้นที่เสียหาย และการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการ พังทลายของดิน เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนต้นไม้ที่ได้ตัดฟันไปแล้วนั้น ให้ใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ เฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติเท่านั้น 3. ให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการเพื่อ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตัดฟันต้นไม้ไหล่ทางบนทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยก ทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช่วงระหว่าง กม. 2+000-กม. 10+100 ให้แล้วเสร็จโดย เร็ว และรายงานนายกรัฐมนตรีต่อไป 4. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ยุติการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงฯ ในส่วน ที่ตัดต่อจาก กม.10+100 และให้สำนักงบประมาณรับไปปรับลดงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ที่ เตรียมจัดสรรไว้เพื่อการดำเนินโครงการในส่วนนี้ของกรมทางหลวงให้สอดคล้องกันด้วย 5. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาและกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เพื่อ กำหนดให้พื้นที่โดยรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รวมทั้งป่าอนุรักษ์ใกล้เคียงให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 45 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 6. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ และ ระยะเวลาในการจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) ให้ แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อไป 7. ส่วนการดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงและทางอื่นใดต่อไปในอนาคต ให้กระทรวง คมนาคมประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อ ให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างเหมาะสมถูกต้องตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1302 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2552 | ทส | 02/06/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะฝ่ายเลขานุการ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 6/2552 เมื่อ วันที่ 24 ธันวาคม 2552 ดังนี้ 1. ที่ประชุมเห็นชอบกับร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครง การหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพตามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของฝ่ายเลขานุการ รวมทั้งข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรม การแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ได้เสนอให้มีการ ทบทวน ทั้งนี้ ให้ปรับแก้ถ้อยคำในข้อ 3 และข้อ 6 ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 2. ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำประกาศกระทรวงตามข้อ 1 เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาลงนามต่อไป 3. ให้นำประเด็นข้อสังเกตและข้อห่วงใยของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอต่อคณะกรรมการ แก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1303 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เข้าไปดำเนินการในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่นซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงจำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ 1.1 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เข้าไปดำเนินการในแหล่งซากดึกดำ บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการ ขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เข้าไป ดำเนินการในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 5 และมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 กำหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ กำหนดในกฎกระทรวง 1.2 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือ ซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่นซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณา จักรออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการส่งหรือนำ ซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพ หรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น ซึ่งเป็นซากดึกดำ บรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 5 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง ซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 กำหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 1.1 เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเข้าไปดำเนิน การในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ ควรกำหนดให้ชัดเจนว่า ต้องเป็นการอนุญาตเป็น หนังสือจากหน่วยงาน และควรกำหนดประเภทของการดำเนินการที่สามารถอนุญาตให้เข้าไปดำเนินการในเขต แหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนได้ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่แหล่งซากดึกดำบรรพ์ ที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ในที่ดินของรัฐ รวมทั้งเป็นการจำกัดประเภทของการดำเนินการที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับ แหล่งซากดึกดำบรรพ์ให้สามารถกระทำได้เท่าที่จะเป็นและเหมาะสมเท่านั้น 2.2 ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 1.2 เกี่ยวกับการส่งหรือนำออกนอกราชอาณาจักรซึ่งซากดึกดำบรรพ์ ว่าจะต้องมีการตรวจพิสูจน์โดยเจ้าหน้าที่ก่อนการอนุญาตเพื่อให้เกิดความชัดเจน ควรกำหนดตำแหน่งข้าราชการ ในสังกัดกรมทรัพยากรธรณีที่สามารถทำการตรวจพิสูจน์ หรือกำหนดผู้ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์ในลักษณะของคณะ กรรมการ ส่วนกรณีที่กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องจัดหาหลักประกันเป็นจำนวนร้อยละห้าของราคาประเมิน ซากดึกดำบรรพ์กลับเข้ามาในราชอาณาจักรตามระยะเวลาที่กำหนดในใบอนุญาต โดยมิได้ระบุถึงที่มาของราคา ประเมิน หรือผู้กำหนดราคาประเมินของซากดึกดำบรรพ์ว่า ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นธรรมจากบุคคลที่มีความรู้ /ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ ไม่ใช่การประเมินโดยปราศจากหลักการ หรือผู้มีความรู้/ความสามารถ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1304 | ขอความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับเอกสาร REDD+Partnership | ทส | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาการให้การรับรองเอก สารหุ้นส่วนความร่วมมือ (REDD+Partnership) และการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ (REDD+Partnership) ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติมว่า เอกสาร REDD+Partnership มีความเกี่ยวพันกับร่างข้อตกลง Copenhagen Accord ข้อ 3 วรรคสอง ซึ่งกำหนดให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว 6 ประเทศ ที่เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 15 (the 15th United Nations Climate Chang Conference : COP15) สนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมสำหรับกองทุนจำนวน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินทุนเริ่มต้นในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาป่าเสื่อมโทรม และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ให้ดี ขึ้น ระหว่างปี ค.ศ. 2010-2012 และในการประชุม COP15 ได้พิจารณาร่างข้อตกลง Copenhagen Accord โดย ประเทศไทยได้มีหนังสือแสดงท่าทีต่อร่างข้อตกลงดังกล่าวไว้กับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้วว่า เบื้องต้นประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารดังกล่าวตามขั้นตอนภาย ในประเทศ และเพื่อความสมบูรณ์ในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ REDD+Partnership เห็นควรให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอกรอบการเจรจาเกี่ยวกับร่างข้อตกลง Copenhagen Accord เพื่อขอความเห็นชอบ จากรัฐสภาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1305 | การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง เพื่อการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง | ทส | 11/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินไม่เกิน 18,412,600 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้ 1. สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระและช่วย เหลือการดำเนินการขององค์การอิสระ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย จำนวน 14,292,600 บาท 2. สมทบคืนกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จำนวน 4,120,000 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1306 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (จำนวน 11 คน 1. นางรตยา จันทรเทียร ฯลฯ) | ทส | 11/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
ชุดใหม่ จำนวน 11 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระ ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (11 พฤษภาคม 2553) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นางรตยา จันทรเทียร ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร 2. ร้อยเอกปัญญา ยังประภากร ผู้แทนสมาคมสวนสัตว์ไทย 3. นายพยุง นพสุวรรณ ผู้แทนมูลนิธิพุทธอุทยานโลก 4. รศ.อุทิศ กุฏอินทร์ ผู้แทนสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ 5. รศ.ปานเทพ รัตนากร ผู้แทนมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย 6. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผู้แทนสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าประเทศไทย 7. นายสมชัย เพียรสถาพร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 8. นายชวาล ทัฬหิกรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 9. รศ.นริศ ภูมิภาคพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 10. นายพนัส ทัศนียานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ 11. นายธงชัย ณ นคร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นผู้แทนของสมาคมหรือมูลนิธิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1307 | รายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีประเทศเอเชียด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 (The 1st Asia Ministerial Conference on Tiger Conservation : The 1st AMC) | ทส | 11/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมในระหว่างวันที่ 27-30 มกราคม 2553 ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการประชุมแบ่งเป็น การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาทบทวนสถานภาพและยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศใน การอนุรักษ์เสือโคร่ง รวมทั้งการพิจารณาสาระสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์เสือโคร่ง และการประชุมระดับ รัฐมนตรีประเทศเอเชียด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 ซึ่งมีหัวข้อการประชุม ได้แก่ ผลการพิจารณารางวัล J. Paul Getty Award for conservation การนำเสนอทิศทางการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่งของประเทศไทยที่เป็นแหล่ง อาศัยของเสือโคร่ง การพิจารณาให้ความเห็นชอบปฏิญญาหัวหิน เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง รวมทั้งการจัดงานรณรงค์ การอนุรักษ์เสือโคร่งของประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่ง 13 ประเทศ 2. เห็นชอบปฏิญญาหัวหิน เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามปฏิญญาดังกล่าว 3. เห็นชอบให้มีการจัดงานรณรงค์เพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินกิจกรรม ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2553 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1308 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขุดค้นในเขตสำรวจและการศึกษาวิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย พ.ศ. .... | ทส | 11/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การ อนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขุดค้นในเขตสำรวจและการศึกษา วิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขต สำรวจและศึกษาวิจัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตการ อนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขุดค้นในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจ และศึกษาวิจัยตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดขุดค้น ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย หรือเคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือ ซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวง วัฒนธรรม ที่เห็นควรมีการแนบเอกสารพื้นที่ที่กรมทรัพยากรธรณีกำหนดเป็นพื้นที่อนุรักษ์ว่า อยู่บริเวณใด และ ครอบคลุมอาณาบริเวณเท่าใด และควรกำหนดตำแหน่งหรือตัวบุคคลที่จะรับเอกสารที่ใช้ประกอบการขออนุญาต ทั้งหมด รวมทั้งกำหนดนิยามคำว่า "อธิบดี" ให้หมายถึง "อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี" ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1309 | กรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ | ทส | 04/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบกับกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุข ภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ และเป็นแนวทางในการสร้างกลไกในการเยียวยาและ แก้ไขปัญหาต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในระยะยาว ถึงแม้ว่าโครงการพัฒนาจะสิ้นสุดลงแล้ว ประกอบด้วย 1.1.1 ยุทธศาสตร์และแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจาก การพัฒนาทรัพยากรแร่ 4 ยุทธศาสตร์ คือ -ยุทธศาสตร์ที่ 1 การป้องกันปัญหา เป็นการจัดเตรียมกระบวนการเพื่อการทำเหมืองแร่ที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการป้องกันปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มโครงการ -ยุทธศาสตร์ที่ 2 การกระจายประโยชน์ที่เป็นธรรมและหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย เป็น ยุทธศาสตร์ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายตามลักษณะปัญหาที่เกิดขึ้น -ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาโดยอาศัยกลไกราคา และความคุ้มค่าต่อสังคม โดยการสนับ สนุนกลไกตลาดให้เกิดการพัฒนาแหล่งแร่ที่ยั่งยืนและมีโอกาสที่จะเลือกทางเลือกที่เอื้อประโยชน์สูงสุด -ยุทธศาสตร์ที่ 4 การติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง และฟื้นฟูพื้นที่ โดยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการมากขึ้นในรูปแบบของการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชน 1.1.2 ข้อเสนอแนะมาตรการทางการคลังในการเยียวยาปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการพัฒนาทรัพยากรแร่ ให้มีการศึกษาการนำมาตรการทางการคลังมาใช้ในการเยียวยาปัญหาผลกระทบและ สุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ เช่น ระบบกองทุน โดยให้ความสำคัญกับ -กองทุนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงสาธารณะด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ -ระบบเงินประกันความเสี่ยง -ระบบเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการเฝ้าระวังปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจาก การประกอบกิจการเหมืองแร่ -ระบบเงินประกันการฟื้นฟูพื้นที่จากการทำเหมืองแร่ 1.2 มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบภายใต้ยุทธศาสตร์และแนวทางการป้องกันและแก้ ไขปัญหาฯ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สภาการเหมืองแร่ สภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่น ๆ นำกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฯ ไป ดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวง สาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควร พิจารณาความจำเป็นในการพัฒนาแร่เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ปริมาณที่เหมาะสมใน การนำแร่มาใช้ประโยชน์ ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่รวมค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมและมูลค่าในอนาคต และทบทวน แนวทางการส่งออกแร่ในรูปวัตถุดิบที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ควรเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) มีส่วนร่วมรับรู้ในทุกขั้นตอนของการดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในภาย หลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1310 | ชี้แจงเพิ่มเติมการขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ครั้งที่ 2 | ทส | 04/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รับเรื่อง ชี้แจงเพิ่มเติมการ
ขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ครั้งที่ 2 ของกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาทบทวนในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง โดยให้เชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน เข้าร่วมประชุมด้วย แล้วให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภาย ใน 1 เดือน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1311 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม หรือทำลาย แหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือขุดค้นสิ่งใดๆ หรือปลูกสร้างอาคารในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน และซ่อมแซม เปลี่ยนแปลง หรือทำลาย ซึ่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 04/05/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ขุดค้น เคลื่อนย้าย นำเอาไป ทำให้เสียหาย หรือทำ ลายซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ในเขตสำรวจและศึกษาวิจัย ฉบับละ 1,500 บาท ใบอนุญาต ให้เข้าไปดำเนินการในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในที่ดินของรัฐ ฉบับละ 10,000 บาท ใบอนุญาตให้ ทำการค้าซากดึกดำบรรพ์ ฉบับละ 10,000 บาท 1.2 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ถูก แปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น ซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณา จักร สำหรับซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน ชิ้นละ 2,500 บาท และที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนโดยเป็นซากดึกดำบรรพ์ พืช ชิ้นละ 100 บาท และหากเป็นซากดึกดำบรรพ์สัตว์ ชิ้นละ 500 บาท 1.3 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแต่ละ ฉบับ และค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100 บาท 1.4 กำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแก่กรมทรัพยากรธรณี หรือหน่วยงานของรัฐหรือใน กำกับของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย การส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกแปรสภาพ หรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น ซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร เพื่อ การศึกษา วิเคราะห์ การวิจัย ฯลฯ 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต อายุใบ อนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม หรือ ทำลายแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือ ขุดค้นสิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคารในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน และซ่อมแซมเปลี่ยนแปลง หรือทำลาย ซึ่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 2.1 กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาตตามที่อธิบดีกำหนดในการซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อ ถอน ต่อเติม หรือทำลายแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน หรือซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ ขึ้นทะเบียน หรือขุดค้นสิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคารในแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน และกำหนดแบบใบ อนุญาตและแบบการขอต่ออายุใบอนุญาตและแบบการขอต่ออายุใบอนุญาต ตามแบบและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.2 กำหนดแบบคำขอรับใบแทนใบอนุญาตกรณีใบอนุญาตสูญหาย หรือชำรุด ให้เป็นตามแบบและ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.3 กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาตตามที่อธิบดีกำหนดในการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลง หรือทำลาย ซึ่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน พร้อมแนบวิธีการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนแปลงตามหลักวิชาการ และกำหนดแบบ ใบอนุญาตและแบบการขอต่ออายุตามแบบและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.4 กำหนดแบบคำขอรับใบแทนใบอนุญาตกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือชำรุด ให้เป็นไปตามแบบ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2.5 กำหนดสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต กรณีแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนหรือซากดึกดำ บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กรมทรัพยากรธรณี กรณีอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ธรณีวิทยาและธรรมชาติวิทยาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1312 | โครงการอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น - อุดรธานี | ทส | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานสถานภาพผลการดำเนินงานโครงการอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น-อุดร ธานี และอนุมัติในหลักการแผนดำเนินโครงการอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น-อุดรธานี (ปี พ.ศ. 2554- 2556) ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการระยะที่ 1 (ปี พ.ศ. 2552-2553) ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานตามแผนงานของปีงบประมาณ พ.ศ. 2554- 2556 จำนวน 2,647,183,000 บาท สำนักงบประมาณมีข้อสังเกตว่าการแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (AQUARIUM) และ การให้บริการขนส่งทางเคเบิ้ลชมสัตว์ ควรพิจารณาให้เอกชนเข้ามาวิเคราะห์ตลาดและผลตอบแทนจากการลงทุน และการร่วมดำเนินงานกับองค์การสวนสัตว์ในลักษณะพันธมิตรธุรกิจ 2. มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพัฒนางานด้าน การอนุรักษ์และคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่า และการจัดการศึกษา เพื่อให้สวนสัตว์เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ มีความหลากหลาย และให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านการอนุรักษ์และคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าโดยเน้นสัตว์ป่า ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมภาพรวมของแผนงานโครงการ และแนวทางการ ดำเนินงาน การประเมินกลุ่มเป้าหมายและจำนวนผู้มาเยี่ยมชม การจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมและขนาด โครงการให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย และแผนบริหารกิจการหลังการลงทุน รวมทั้งปรับปรุงรายละเอียดการก่อ สร้างศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (AQUARIUM) และระบบบริการขนส่งทางเคเบิ้ลชมสัตว์ เกี่ยวกับความจำเป็นความคุ้ม ค่าของโครงการ และแนวทางการบริหารจัดการให้ชัดเจน เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1313 | โครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย | ทส | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบโครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งของ ประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์การระหว่าง ประเทศ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for the Conservation of Nature : IUCN) โดย วัตถุประสงค์หลักการของโครงการฯ คือ การเพิ่มความเข้มแข็งด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาชายฝั่ง และส่งเสริมการลงทุนและความพยายามในการจัดการระบบนิเวศชายฝั่ง โดยลักษณะของโครงการฯ เป็นโครงการ ขนาดใหญ่ดำเนินการในพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลอันดามัน 18 แห่ง และพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลอ่าวไทย 4 แห่ง ได้รับ งบประมาณสนับสนุน จำนวน 280,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากโครงการป่าชายเลนเพื่ออนาคต (Mangroves for the Future Initiative : MFF) ระยะเวลาในการดำเนินงาน 2 ปี 2. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ พืช เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล และชายฝั่งของประเทศไทย และลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์ การระหว่างประเทศ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for the Conservation of Nature : IUCN) ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1314 | ขอความร่วมมือในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การลดใช้ถุงพลาสติก (วันที่ 22 เมษายน - 5 มิถุนายน 2553) | ทส | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอความร่วมมือ
จากประชาชน และหน่วยงานทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัด ในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการลดปริมาณขยะ ภายใต้แนวความคิด ลดถุงพลาสติก ลดโลกร้อน และการใช้ถุงผ้า หรือตระกร้า เพื่อลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติก ลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกร้อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1315 | โครงการพุทธอุทยาน พระสงฆ์ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การดำเนินโครงการพุทธอุทยาน พระสงฆ์ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. มีพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ นำผ้าป่ามาถวาย จำนวน 5,000 กอง รวมทั้งมีผู้บริจาคเงินเพื่อจัดตั้ง "พุทธอุทยานโลก" และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เข้าบัญชี ออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกรมสรรพากร ชื่อบัญชี "กองทุนศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก" รวมยอดเงิน ที่ได้รับ พร้อมดอกผล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 รวมเป็นเงิน 823,752.83 บาท 2. มีการจัดตั้งมูลนิธิพุทธอุทยานโลกขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานดำเนินการและบริหารจัดการโครงการ ฯ สำหรับเงินที่ได้รับจากการทำบุญถวายผ้าป่า พร้อมดอกผล จำนวน 823,752.83 บาท นั้น กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้มอบให้มูลนิธิ ฯ เพื่อเป็นเงินเริ่มต้นในการดำเนินการจัดตั้งพุทธอุทยานโลก โดย กรมป่าไม้ และมูลนิธิ ฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการจัด ตั้งพุทธอุทยานโลก ต่อไป 3. การพิจารณาคัดเลือกพื้นที่เพื่อจัดตั้งพุทธอุทยานโลก ได้มอบให้กรมป่าไม้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนิน พิจารณาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการดำเนินการจัดตั้งพุทธอุทยานโลก ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1316 | เลิกจ้าง นายทนง ตันติธีรวิทย์ และให้พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายทนง ตันติธีรวิทย์ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย พ้นจาก
ตำแหน่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1317 | สรุปผลการประชุมนานาชาติ "Asia Forum : Low Cabon Asia" และการประชุมหารือภายใต้ข้อตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและการประชุมหารือกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของสาธารณรัฐประชาชนจีน (ระหว่างวันที่ 8 - 9 เมษายน 2553) | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอสรุปผลการประชุม
นานาชาติ "Asia Forum : Low Carbon Asia" การประชุมหารือภายใต้ข้อตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์ในพระบรม ราชูปถัมภ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีน (The China Wildlife Conservation Association) และการประชุมหารือกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน (Ministry of Water Resources of China: MWR) ระหว่างวัน ที่ 8-9 เมษายน 2553 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. การประชุมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป่าไม้จีนและสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีน เกี่ยวกับการจัด ตั้งศูนย์วิจัยแพนด้าในประเทศไทยและการขยายเวลาการอยู่เมืองไทยของหลินปิง ผลการประชุมหารือฝ่ายจีนจะได้ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาการจัดตั้งศูนย์วิจัยหมีแพนด้าในประเทศไทย และพิจารณาการปรับปรุง เพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับระยะเวลาที่จะให้หลินปิงอยู่ในประเทศไทยโดยจะพิจารณาหาคู่ให้กับหลินปิงและ จะส่งผู้เชี่ยวชาญมาเยือนไทยตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. การประชุมหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน ได้มีการหารือเพื่อเจรจาแลก เปลี่ยนความร่วมมือในการจัดการน้ำ รวมถึงการใช้น้ำจากแม่น้ำโขง โดยกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนเห็นด้วยที่จะ ความร่วมมือกับประเทศไทยใน 2 ระดับ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ กล่าวคือ ความร่วมมือสืบเนื่องจากคณะกรรมาธิการลุ่มแม่น้ำโขง และความร่วมมือในระดับทวิภาคีในลักษณะความ ร่วมมือทางวิชาการ (Technical Cooperation) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ เรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนและคณะเยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงฯ เพื่อดำเนิน การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจครั้งแรกที่ประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1318 | กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2559 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะในพื้นที่จังหวัดชาย ฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2559 รวมระยะเวลา 6 ปี วงเงิน 19,580.8 ล้านบาท จำนวน 933 โครงการ จำแนกเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 วงเงิน 4,436.9 ล้านบาท จำนวน 202 โครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2559 วงเงิน 15,143.9 ล้านบาท จำนวน 731 โครงการ โดยเป็นโครงการที่มีความสำคัญต้องดำเนิน การเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 วงเงิน 2,490.5 ล้านบาท จำนวน 31 โครงการ 1.2 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วย งานรับผิดชอบประสานการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 1.3 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ ให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ และกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่อยู่ในกรอบแผนบูรณาการงบ ประมาณฯ หน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญเพื่อดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ส่วน โครงการที่ไม่ปรากฎในกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการและเป็นโครงการที่สอด คล้องกับยุทธศาสตร์ และ/หรือแผนปฏิบัติการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถ พิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ แผนบูรณาการงบประมาณฯ ควรปรับปรุงเป็นระยะตามความ เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นต้น รวมทั้งความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาความเหมาะสมเชิงเทคนิคในส่วนโครงการ ที่ยังไม่มีแผนแม่บทรองรับก่อน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการเพื่อมิให้การดำเนินโครงการเกิดผลกระทบต่อ เนื่องต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเล และการเปลี่ยนแปลงทางสมุทรศาสตร์ในภาพรวมได้ในภายหลัง นอก จากนี้ ควรประเมินผลกระทบของระบบนิเวศทางทะเลต่อการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลให้มี ความชัดเจนก่อนดำเนินโครงการที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการ ตลอดจนเร่งติดตามประเมินประสิทธิภาพโครงสร้างป้อง กันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ผ่านมา และในระยะยาวควรให้ความสำคัญกับแผนงานฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม และระบบนิเวศโดยเฉพาะการปลูกป่าชายเลน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งประสานไปยังจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เกี่ยวข้องเพื่อ ให้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ เกี่ยวกับการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่จังหวัด หรือ อปท. จะดำเนินการ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบ เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการการ ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1319 | การขออนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กรมทรัพยากรน้ำนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2553 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 มาปรับใช้ในการพิจารณาการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่ง ปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ที่ได้รับ อนุมัติมาใช้กับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมทรัพยากรน้ำกรณีไม่มีเอกสารสิทธิโครงการอื่น ๆ ด้วย 1.2 แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ยืนต้น พืชล้มลุก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกรมทรัพยา กรน้ำ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำกับ ควบคุม และกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับ การจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคารฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของกรมทรัพยากรน้ำ และกำหนด ราคาค่าขนย้ายฯ ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาแหล่ง น้ำของกรมทรัพยากรน้ำ ตลอดจนประสานงานและขอความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนิน การเกี่ยวกับจ่ายเงินค่าขนย้ายฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิสูจน์ความถูก ต้องจากภาพถ่ายทางอากาศตามมาตรการของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ รวมทั้งตรวจสอบ เอกสารสิทธิของราษฎรที่นำมาอ้างอิงให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้รับข้อสังเกต ของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดราคาจ่ายเงินชดเชย ควรนำระยะเวลา (จำนวนปี) ที่ราษฎรได้บุกรุกเข้า ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐมาประกอบการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกไม่ให้มีเพิ่มขึ้น ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกับการก่อสร้าง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการเรียกร้องค่าชดเชยของผู้ที่บุกรุกที่ดินภายหลัง รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้ใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อประกอบการดำเนิน งานของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้การตรวจสอบสิทธิและทรัพย์สินของราษฎรมีความเที่ยงตรงตามข้อเท็จจริง ไป พิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1320 | ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญาโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (โครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล) | ทส | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน
ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2 รายการ 111 แห่ง งบประมาณ 134.975 ล้านบาท ตามมติคณะ รัฐมนตรีวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 จากวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. โครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รายการสำรวจและพัฒนา แหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียน จำนวน 44 แห่ง งบประมาณ 60.94 ล้านบาท 2. โครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รายการจัดหาน้ำสะอาด ให้กับหมู่บ้านภัยแล้ง จำนวน 67 แห่ง งบประมาณ 74.035 ล้านบาท |