ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 66 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1301 - 1320 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1301 | โครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย | ทส | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบโครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งของ ประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์การระหว่าง ประเทศ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for the Conservation of Nature : IUCN) โดย วัตถุประสงค์หลักการของโครงการฯ คือ การเพิ่มความเข้มแข็งด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาชายฝั่ง และส่งเสริมการลงทุนและความพยายามในการจัดการระบบนิเวศชายฝั่ง โดยลักษณะของโครงการฯ เป็นโครงการ ขนาดใหญ่ดำเนินการในพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลอันดามัน 18 แห่ง และพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลอ่าวไทย 4 แห่ง ได้รับ งบประมาณสนับสนุน จำนวน 280,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากโครงการป่าชายเลนเพื่ออนาคต (Mangroves for the Future Initiative : MFF) ระยะเวลาในการดำเนินงาน 2 ปี 2. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ พืช เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล และชายฝั่งของประเทศไทย และลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์ การระหว่างประเทศ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for the Conservation of Nature : IUCN) ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1302 | ขอความร่วมมือในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การลดใช้ถุงพลาสติก (วันที่ 22 เมษายน - 5 มิถุนายน 2553) | ทส | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอความร่วมมือ
จากประชาชน และหน่วยงานทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัด ในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการลดปริมาณขยะ ภายใต้แนวความคิด ลดถุงพลาสติก ลดโลกร้อน และการใช้ถุงผ้า หรือตระกร้า เพื่อลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติก ลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกร้อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1303 | โครงการพุทธอุทยาน พระสงฆ์ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การดำเนินโครงการพุทธอุทยาน พระสงฆ์ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. มีพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ นำผ้าป่ามาถวาย จำนวน 5,000 กอง รวมทั้งมีผู้บริจาคเงินเพื่อจัดตั้ง "พุทธอุทยานโลก" และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เข้าบัญชี ออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกรมสรรพากร ชื่อบัญชี "กองทุนศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก" รวมยอดเงิน ที่ได้รับ พร้อมดอกผล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 รวมเป็นเงิน 823,752.83 บาท 2. มีการจัดตั้งมูลนิธิพุทธอุทยานโลกขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานดำเนินการและบริหารจัดการโครงการ ฯ สำหรับเงินที่ได้รับจากการทำบุญถวายผ้าป่า พร้อมดอกผล จำนวน 823,752.83 บาท นั้น กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้มอบให้มูลนิธิ ฯ เพื่อเป็นเงินเริ่มต้นในการดำเนินการจัดตั้งพุทธอุทยานโลก โดย กรมป่าไม้ และมูลนิธิ ฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการจัด ตั้งพุทธอุทยานโลก ต่อไป 3. การพิจารณาคัดเลือกพื้นที่เพื่อจัดตั้งพุทธอุทยานโลก ได้มอบให้กรมป่าไม้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนิน พิจารณาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการดำเนินการจัดตั้งพุทธอุทยานโลก ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1304 | เลิกจ้าง นายทนง ตันติธีรวิทย์ และให้พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายทนง ตันติธีรวิทย์ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย พ้นจาก
ตำแหน่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1305 | สรุปผลการประชุมนานาชาติ "Asia Forum : Low Cabon Asia" และการประชุมหารือภายใต้ข้อตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและการประชุมหารือกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของสาธารณรัฐประชาชนจีน (ระหว่างวันที่ 8 - 9 เมษายน 2553) | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอสรุปผลการประชุม
นานาชาติ "Asia Forum : Low Carbon Asia" การประชุมหารือภายใต้ข้อตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์ในพระบรม ราชูปถัมภ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีน (The China Wildlife Conservation Association) และการประชุมหารือกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน (Ministry of Water Resources of China: MWR) ระหว่างวัน ที่ 8-9 เมษายน 2553 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. การประชุมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป่าไม้จีนและสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีน เกี่ยวกับการจัด ตั้งศูนย์วิจัยแพนด้าในประเทศไทยและการขยายเวลาการอยู่เมืองไทยของหลินปิง ผลการประชุมหารือฝ่ายจีนจะได้ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาการจัดตั้งศูนย์วิจัยหมีแพนด้าในประเทศไทย และพิจารณาการปรับปรุง เพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับระยะเวลาที่จะให้หลินปิงอยู่ในประเทศไทยโดยจะพิจารณาหาคู่ให้กับหลินปิงและ จะส่งผู้เชี่ยวชาญมาเยือนไทยตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. การประชุมหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน ได้มีการหารือเพื่อเจรจาแลก เปลี่ยนความร่วมมือในการจัดการน้ำ รวมถึงการใช้น้ำจากแม่น้ำโขง โดยกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนเห็นด้วยที่จะ ความร่วมมือกับประเทศไทยใน 2 ระดับ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ กล่าวคือ ความร่วมมือสืบเนื่องจากคณะกรรมาธิการลุ่มแม่น้ำโขง และความร่วมมือในระดับทวิภาคีในลักษณะความ ร่วมมือทางวิชาการ (Technical Cooperation) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ เรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนและคณะเยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงฯ เพื่อดำเนิน การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจครั้งแรกที่ประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1306 | กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2559 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะในพื้นที่จังหวัดชาย ฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2559 รวมระยะเวลา 6 ปี วงเงิน 19,580.8 ล้านบาท จำนวน 933 โครงการ จำแนกเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 วงเงิน 4,436.9 ล้านบาท จำนวน 202 โครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2559 วงเงิน 15,143.9 ล้านบาท จำนวน 731 โครงการ โดยเป็นโครงการที่มีความสำคัญต้องดำเนิน การเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 วงเงิน 2,490.5 ล้านบาท จำนวน 31 โครงการ 1.2 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วย งานรับผิดชอบประสานการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 1.3 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ ให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ และกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่อยู่ในกรอบแผนบูรณาการงบ ประมาณฯ หน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญเพื่อดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ส่วน โครงการที่ไม่ปรากฎในกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการและเป็นโครงการที่สอด คล้องกับยุทธศาสตร์ และ/หรือแผนปฏิบัติการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถ พิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ แผนบูรณาการงบประมาณฯ ควรปรับปรุงเป็นระยะตามความ เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นต้น รวมทั้งความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาความเหมาะสมเชิงเทคนิคในส่วนโครงการ ที่ยังไม่มีแผนแม่บทรองรับก่อน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการเพื่อมิให้การดำเนินโครงการเกิดผลกระทบต่อ เนื่องต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเล และการเปลี่ยนแปลงทางสมุทรศาสตร์ในภาพรวมได้ในภายหลัง นอก จากนี้ ควรประเมินผลกระทบของระบบนิเวศทางทะเลต่อการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลให้มี ความชัดเจนก่อนดำเนินโครงการที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการ ตลอดจนเร่งติดตามประเมินประสิทธิภาพโครงสร้างป้อง กันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ผ่านมา และในระยะยาวควรให้ความสำคัญกับแผนงานฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม และระบบนิเวศโดยเฉพาะการปลูกป่าชายเลน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งประสานไปยังจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เกี่ยวข้องเพื่อ ให้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ เกี่ยวกับการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่จังหวัด หรือ อปท. จะดำเนินการ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบ เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการการ ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1307 | การขออนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กรมทรัพยากรน้ำนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2553 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 มาปรับใช้ในการพิจารณาการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่ง ปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ที่ได้รับ อนุมัติมาใช้กับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมทรัพยากรน้ำกรณีไม่มีเอกสารสิทธิโครงการอื่น ๆ ด้วย 1.2 แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ยืนต้น พืชล้มลุก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกรมทรัพยา กรน้ำ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำกับ ควบคุม และกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับ การจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคารฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของกรมทรัพยากรน้ำ และกำหนด ราคาค่าขนย้ายฯ ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาแหล่ง น้ำของกรมทรัพยากรน้ำ ตลอดจนประสานงานและขอความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนิน การเกี่ยวกับจ่ายเงินค่าขนย้ายฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิสูจน์ความถูก ต้องจากภาพถ่ายทางอากาศตามมาตรการของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ รวมทั้งตรวจสอบ เอกสารสิทธิของราษฎรที่นำมาอ้างอิงให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้รับข้อสังเกต ของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดราคาจ่ายเงินชดเชย ควรนำระยะเวลา (จำนวนปี) ที่ราษฎรได้บุกรุกเข้า ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐมาประกอบการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกไม่ให้มีเพิ่มขึ้น ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกับการก่อสร้าง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการเรียกร้องค่าชดเชยของผู้ที่บุกรุกที่ดินภายหลัง รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้ใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อประกอบการดำเนิน งานของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้การตรวจสอบสิทธิและทรัพย์สินของราษฎรมีความเที่ยงตรงตามข้อเท็จจริง ไป พิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1308 | ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญาโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (โครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล) | ทส | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน
ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2 รายการ 111 แห่ง งบประมาณ 134.975 ล้านบาท ตามมติคณะ รัฐมนตรีวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 จากวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. โครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รายการสำรวจและพัฒนา แหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียน จำนวน 44 แห่ง งบประมาณ 60.94 ล้านบาท 2. โครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รายการจัดหาน้ำสะอาด ให้กับหมู่บ้านภัยแล้ง จำนวน 67 แห่ง งบประมาณ 74.035 ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1309 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ | ทส | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รับเรื่อง ขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง 2. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของโครงการฯ (Feasibility Study) ควบคู่ไปกับการดำเนิน โครงการสำรวจ ออกแบบ โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนงานลงทุนด้านน้ำของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยว ข้อง และแผนงานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ด้วย และจัดทำประมาณการงบประมาณปี พ.ศ. 2553 ที่ เหลือจ่ายของกรมทรัพยากรน้ำที่สามารถนำไปใช้กับโครงการฯ ส่วนแผนงานที่ยังไม่ได้จัดสรรเงินให้ขอใช้งบประมาณ ปกติ ปี พ.ศ. 2554 ต่อไป สำหรับโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และโครงการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างด้านแหล่งน้ำภาย ใต้โครงการฯ ควรมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการฯ ศึกษาความพร้อมด้านต่าง ๆ และประสานกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ก่อนการดำเนินการเพื่อให้เกิด ความชัดเจนและยอมรับร่วมกัน รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้มีการศึกษาความเหมาะสม ของโครงการฯ การวิเคราะห์ทางเลือกในเชิงเปรียบเทียบต้นทุน ความคุ้มค่าในการดำเนินงาน และการศึกษาถึงผล กระทบสิ่งแวดล้อมแยกเป็นรายโครงการ และกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในแต่ละโครงการ/รายการให้เหมาะสมและ สอดคล้องตามสภาพปัญหาและความจำเป็นเร่งด่วนโดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องน้ำมาร่วมพิจารณาในเชิงบูรณา การเพื่อให้ได้ข้อสรุปในรายละเอียด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1310 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 4 ราย 1. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ฯลฯ) | ทส | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้น ไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 2. นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรธรณี 3. นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1311 | ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (จำนวน 30 รายการ งบประมาณ 160.8959 ล้านบาท) | ทส | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16
กุมภาพันธ์ 2553 [เรื่อง มาตรการเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท)] จากวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 30 เมษายน 2553 เฉพาะกรณีงานทำเองที่ดำเนินการโดยกรมการทหารช่างที่รับมอบโอนงานโครงการจากกรมทรัพยากรน้ำ ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1312 | ขออนุมัติจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกโลก (Expert Working Group Meeting) | ทส | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้า
ภาพร่วมในการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกโลก (Expert Working Group Meeting) ในระหว่างวันที่ 26-29 เมษายน 2553 ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับค่าใช้ จ่ายในการจัดประชุมดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง ราย การเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินไม่เกิน 2,200,000 บาท โดยให้ขอทำความตกลงใน รายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1313 | ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | ทส | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ
ไทยเข้มแข็ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 จากวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 30 เมษา ยน 2553 จำนวน 27 รายการ งบประมาณ 77.9476 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1314 | มาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปี 2553 | ทส | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่งและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปี 2553 ประกอบด้วย มาตรการระยะเร่งด่วน ได้แก่ การขยายระยะเวลาการจ้างประชาชนปฏิบัติงานดับไฟป่า จากเดิมที่ สิ้นสุดการจ้างในเดือนเมษายน 2553 เป็นสิ้นสุดการจ้างในเดือนมิถุนายน 2553 ภายใต้วงเงินงบประมาณเท่า เดิมที่ได้รับการจัดสรร และสนับสนุนการดำเนินโครงการความร่วมมือในการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศใน อนุภูมิภาคแม่โขงโดยจัดส่งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่เข้าตรวจวัดคุณภาพอากาศในสหภาพพม่า และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในช่วงหน้าแล้ง และมาตรการระยะยาว ได้แก่ การติดตั้งสถานีตรวจ วัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การทำเกษตรปลอดการเผา การทำเกษตรที่สูงปลอดการ เผา รวมทั้งการดำเนินโครงการการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อการติดตามและ ประเมิน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย คณะกรรม การนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกรณีเกษตร กรที่ไม่มีเอกสารสิทธิจะมีสิทธิเข้าร่วมโครงการประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีการผลิต 2553/2554 ได้ ต้อง เป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ในปีการผลิต 2552/2553 แล้วเท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1315 | ยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติ | ทส | 09/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการ แก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่วิกฤต และการติดตามเฝ้าระวังไม่ให้มีการบุกรุกทำลายในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และ ป่าสงวนแห่งชาติทั่วไป โดยมีพื้นที่เป้าหมายคือ พื้นที่ทั่วไป ประกอบด้วย พื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าชายเลน และพื้นที่วิกฤต ประกอบด้วย พื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าสงวน แห่งชาติ และป่าชายเลน ที่ประสบภาวะวิกฤตและล่อแหลมต่อการถูกบุกรุกทำลาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. การดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำราย ละเอียดข้อมูล และความพร้อมในการดำเนินงาน ประกอบการนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อขอรับการจัดสรรเงินตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (SP2) ตาม ขั้นตอนในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และหากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการตามยุทธการดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไปดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็น สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2557 ให้จัดลำดับความสำคัญของแผนการดำเนินงานตามความจำเป็นเร่งด่วน โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย ผลลัพธ์ ผลผลิต กิจกรรมและตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติ และประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อใช้ ประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของ กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มยุทธการในแผนงานฟื้นฟูสภาพป่ากิจกรรมควบคุมมิให้มีการขยายพื้นที่บุกรุกและป้องกันรักษาป่า โดย เร่งรัดการดำเนินโครงการปรับปรุงเขตพื้นที่ป่าไม้ (Reshape) ให้เกิดความต่อเนื่องและเสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อจัดการ แผนที่แสดงขอบเขตที่ดินทุกประเภทของประเทศให้ชัดเจนสอดคล้องกับข้อเท็จจริงไม่ทับซ้อนกัน และช่วยแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้งเรื่องแนวเขตที่ดินระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือรัฐกับเอกชน นอกจากนี้ ควรประเมินผลการดำเนินงานตามแผนและ มาตรการป้องกันรักษาและฟื้นฟูสภาพป่า (พ.ศ. 2551-2555) และมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปราม การบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และการป้องกันไฟป่าที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเพื่อทบทวนยุทธการแก้ ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติให้มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติมากขึ้นและเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างมาตรการ เดิมและมาตรการที่เสนอมาใหม่ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินการทำฝนเทียมในพื้นที่ประสบภัยแล้งและมีภาวะวิกฤต ด้านหมอกควันและฝุ่นละอองโดยด่วน เช่น พื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ เป็นต้น โดยประสานการดำเนินการกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1316 | โครงการจัดการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (Conference of the Parties to the CITES Convention) ครั้งที่ 16 (CoP16) | ทส | 09/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้ประเทศไทย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม สมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (Conference of the Parties to the CITES Convention) ครั้งที่ 16 (CoP 16) ในปี พ.ศ. 2556 2. อนุมัติเงินงบประมาณ จำนวน 250 ล้านบาท โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ ดำเนินการตั้งงบประมาณสำหรับการจัดการประชุมดังกล่าว โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป เพื่อจัดเตรียมสำนักงานคณะกรรมการจัดการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา ฯ (CITES) ครั้งที่ 16 (CoP 16) 3. อนุมัติให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการประชุมสามัญภาคีอนุสัญญา ฯ (CITES) ครั้งที่ 16 (CoP 16) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1317 | ขออนุมัติลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพยากรธรณีกับศูนย์ศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติสาธารณรัฐฝรั่งเศส | ทส | 02/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพยากรธรณีกับศูนย์ศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยบันทึกความเข้าใจ ฯ มีขอบเขตความร่วมมือในเรื่องบรรพชีวินวิทยา การสำรวจและวิจัย ซากดึกดำบรรพ์ และการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาในลักษณะการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และข้อมูล ทางวิชาการ การเยือน การฝึกอบรม การสัมมนา การอบรมเชิงปฏิบัติการ การประชุม การทำวิจัยร่วมกัน รวม ถึงกิจกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการและความร่วมมือในรูปแบบอื่น ๆ ที่จะเห็นชอบร่วมกันในภายหลัง 2. อนุมัติให้อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่ไม่ กระทบต่อเนื้อหาสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าว ให้อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีสามารถเปลี่ยน แปลงถ้อยคำดังกล่าวได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1318 | การประชุมคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษที่ 11 (The 11th Special Session of the Governing Council/Global Ministerial Environment Forum of the United Nations Environment Programme) | ทส | 16/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่าง Nusa Dua Declaration/Statement/Communique-Bali, 2010 ซึ่งเป็น
การแสดงเจตนารมณ์ทางนโยบายของประเทศที่เข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่ง สหประชาชาติ สมัยพิเศษที่ 11 (The 11th Special Session of the Governing Council/Global Ministerial Environ ment Forum of the United Nations Environment Programme) ต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ธรรมา ภิบาลสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน เศรษฐกิจสีเขียว และความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ โดยการ ประชุม ฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2553 ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1319 | ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางในการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส | 16/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางในการอนุรักษ์ฟื้นฟู
แหล่งน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1320 | โครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | ทส | 02/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อ เป็นค่าใช้จ่ายโครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการจัดสร้างปะการังเทียมใน อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี เป็นลำดับแรกก่อน จำนวน 24,500,000 บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบดำเนินงาน จำนวน 1,500,000 บาท และงบลงทุนค่าสิ่งก่อสร้าง จำนวน 23,000,000 บาท 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) รับความเห็นของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคม ที่เห็นควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชาวประมงและผู้ซึ่งมี ส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อกำหนดพื้นที่และจุดพิกัดในการจัดวางแท่งปะการังเทียม การศึกษาความ เหมาะสมของพื้นที่ การเลือกใช้วัสดุที่มีความคงทนและสามารถตรึงให้อยู่ในพื้นที่โครงการโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ ต่อการเดินเรือ หรือการใช้ประโยชน์ทางทะเลอื่น ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งดำเนิน การให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|