ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 81 | การบริจาคเงินในการเพิ่มทุนของสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ ครั้งที่ 21 | กค. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการบริจาคเงินเพิ่มทุนของสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ
(International
Development Association : IDA) ครั้งที่ ๒๑ (IDA21) ของประเทศไทย จำนวน ๔๒๐,๓๑๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งชำระออกเป็น ๔ งวด
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙-๒๕๗๒
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 82 | มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย | กค. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
โดยมีหลักการเช่นเดียวกับมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
สำหรับที่อยู่อาศัยปี ๒๕๖๙ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๖๗)
ซึ่งสิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรดำเนินมาตรการเท่าที่จำเป็นเพื่อลดแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางการคลังที่อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป
อาจพิจารณาปรับลดเพดานมูลค่าที่อยู่อาศัย
รวมทั้งควรกำหนดให้มีการประเมินผลเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินมาตรการ
เพื่อประเมินความคุ้มค่า ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ เพื่อนำมาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย
๑๐ ปี (ปี ๒๕๖๙ - ๒๕๗๘) และปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ ๒๐ ปี (ปี
๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์สูงสุงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 83 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการตรวจติดตามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนแล้ว
กำหนดระยะเวลาการขอขึ้นทะเบียนใหม่กรณีผู้ประกอบการถูกเพิกถอนรายชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบการ
และปรับอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการตรวจติดตาม
รวมทั้งกำหนดให้มีการปรับลดระดับชั้นของผู้ประกอบการในกรณีที่เกิดความเสียหายจากการปฏิบัติงานด้วย
เพื่อความเหมาะสมของกรอบระยะเวลาการตรวจติดตาม
เพิ่มโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ถูกเพิกถอนรายชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบการ
และเพื่อความเหมาะสมของอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนในการดำเนินการตามสภาพการณ์ในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้พิจารณาขยายขอบเขตของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการก่อสร้างอาคารด้วย
และให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๗
การกำหนดประเภทชั้น
การเลื่อนชั้นและการลดระดับชั้นของผู้ประกอบการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการราคากลางกำหนดตามมาตรา ๕๑ วรรคสามหรือมาตรา ๕๒ วรรคสอง
แล้วแต่กรณี ควรมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ประกอบการใหม่ทั้งหมด
โดยไม่มีการยกเว้นคุณสมบัติด้านผลงาน บุคลากร เครื่องมือ เครื่องจักร
และอุปกรณ์การก่อสร้าง เนื่องจากเหตุแห่งการถูกปรับลดระดับชั้นของผู้ประกอบการอาจมีสาเหตุมาจากการขาดคุณสมบัติตามระดับชั้นเดิมที่ผู้ประกอบการได้ขึ้นทะเบียนไว้และการพิจารณากำหนดระยะเวลาการลดระดับชั้นของผู้ประกอบการต้องไม่น้อยกว่าระยะเวลาการตัดสิทธิ์ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการ
วิธีการ
หรือกระบวนการในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนให้มีความรอบคอบและเป็นปัจจุบัน
รวมทั้งกำหนดมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักวิชาการช่างในงานก่อสร้างอย่างมีคุณภาพ
และไม่ให้เกิดความเสียหายจากการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางศึกษาหามาตรการอื่น
ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะมาตรการที่เข้มงวดซึ่งครอบคลุมทั้งโทษทางแพ่งและอาญาสำหรับการลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักวิชาช่างในงานก่อสร้างหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามร่างกฎกระทรวงฯ
ที่กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน การตรวจติดตามผู้ประกอบการงานก่อสร้าง
ตามร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.
๒๕๔๖ หากมีการกำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ของหน่วยงานราชการต้องมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
และต้องไม่เป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนเกินกว่าที่จำเป็นหรือเกินสมควร ดังนั้น
กรมบัญชีกลางควรมีการวิเคราะห์ถึงต้นทุนที่เหมาะสมในการดำเนินการจดทะเบียนผู้ประกอบการของกรมบัญชีกลาง
ซึ่งที่ผ่านมากรมทางหลวงได้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเพียง ๕๐๐.- บาท
เนื่องจากการจดทะเบียนของกรมทางหลวงเป็นภารกิจที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอันไม่เหมาะสมหรือเกินสมควรแก่ประชาชนอีก สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการเพิ่มประเภทอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจติดตามผู้ประกอบการ
และอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจเครื่องมือ เครื่องจักร
และอุปกรณ์การก่อสร้างตามบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายกฎกระทรวงฯ
เป็นการออกกฎหมายที่เกินอำนาจกฎหมายแม่บทในมาตรา ๕๓ วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่กำหนดให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้างและผู้ประกอบการพัสดุอื่นเท่านั้น
เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมครอบคลุมต้นทุนในการควบคุมหรือกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขึ้นทะเบียนตามข้อ ๑ วรรคสอง และข้อ ๓ (๑)
ของหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการตรวจสอบคุณสมบัติเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องจักรตามข้อ
๓ (๙)
แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการฯ
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 84 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พ.ศ. .... | กค. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ รวม ๖ ชนิด ได้แก่ ๑)
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ชนิดราคาสามหมื่นบาท ประเภทขัดเงา ๒) เหรียญกษาปณ์ทองคำ
ชนิดราคาสามหมื่นบาท ประเภทธรรมดา ๓) เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคาหนึ่งพันบาท
ประเภทขัดเงา ๔) เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคาหนึ่งพันบาท ประเภทธรรมดา ๕)
เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทขัดเงา และ ๖)
เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทขัดธรรมดา เพื่อเป็นที่ระลึกในวโรกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ในวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 85 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นางสาวศุกร์ศิริ อภิญญานุวัฒน์) | กค. | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวศุกร์ศิริ
อภิญญานุวัฒน์
เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
แทนประธานกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 86 | การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ ๒.
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่กำกับดูแลกรมบัญชีกลาง รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงคมนาคม กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๖. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๗. ปลัดกระทรวงกลาโหม กรรมการ ๘. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ ๙. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ ๑๐. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการ ๑๑. ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กรรมการ ๑๒. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการ ๑๓. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรรมการ ๑๔. ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑๕. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กรรมการ ๑๖. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๑๗. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๑๘. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๑๙. อธิบดีกรมบัญชีกลาง กรรมการ ๒๐. ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรรมการ ๒๑.
ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรรมการ ๒๒. ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กรรมการ ๒๓. ที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย กรรมการ และเลขานุการร่วม ๒๔.
ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการ สคร. มอบหมาย กรรมการ และเลขานุการร่วม ๒๕.
ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการ สบน. มอบหมาย กรรมการ และเลขานุการร่วม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 87 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่) | กค. | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายเพื่อการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
(รถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้า) ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ โดยให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ๒ เท่า
สำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ผลิตหรือประกอบในประเทศไทย
และให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ๑.๕ เท่าสำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ประกอบสำเร็จรูปและนำเข้ามาทั้งคัน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนโดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรกำหนดขอบเขตคำนิยามของ “ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่” ไว้ในร่างพระราชกำหนดให้ชัดเจน
และเห็นว่าสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวควรจะต้องครอบคลุมถึงรายจ่ายที่ผู้ประกอบการต้องลงทุนสำหรับอุปกรณ์การอัดประจุไฟฟ้า
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางการเพิ่มรายได้ภาษี
เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมายและเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการคลังในอนาคต
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรเร่งรัดพัฒนาการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
รองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างแท้จริง เร่งรัดและส่งเสริมให้เกิดระบบการจัดเก็บและการจัดการแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพให้ถูกต้อง
และเหมาะสมตามหลักวิชาการ และมุ่งเน้นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ผลิตหรือประกอบในประเทศเป็นหลัก
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างงานในประเทศไทย กระทรวงพลังงาน เห็นว่านอกจากมาตรการส่งเสริมทางภาษีแล้วควรมีมาตรการสนับสนุนส่งเสริมผู้ผลิตเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วย
และควรพิจารณาการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ตามเส้นทางประจำเพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการอัดประจุไฟฟ้าที่เหมาะสมซึ่งต้องใช้กำลังไฟฟ้าสูงได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 88 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 89 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีการรับมรดก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีการรับมรดก
(ฉบับที่..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การคำนวณมูลค่าหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ต.ล.ท.) โดยให้คำนวณมูลค่าหุ้นที่ต้องเสียภาษีการรับมรดกเท่ากับมูลค่าทางบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้นนั้น
เพื่ออำนวยความสะดวกและลดความซับซ้อนให้แก่ผู้ได้รับมรดกที่มีหน้าที่เสียภาษีการรับมรดกและเจ้าพนักงานประเมินในการคำนวณและตรวจสอบการคำนวณมูลค่าหุ้น
รวมทั้งจะเป็นการดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักภาษีอากรที่ดี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 90 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน/นักศึกษา | กค. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๘๓๘.๖๔๙๒ ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน/นักศึกษากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษารับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๑.๑/๓๔๓๘
ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นควรพิจารณาดำเนินการกระตุ้นการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินอย่างเร่งด่วน
เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการขาดงบประมาณในการเบิกจ่ายให้แก่ผู้กู้ยืมเงินต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณากำหนดกรอบการให้กู้ยืมที่สอดคล้องกับจำนวนนักเรียนและนักศึกษา
และงบประมาณของกองทุนที่มีอยู่ และเนื่องจากปัจจุบันพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖
มีการลดอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ซึ่งกระทบต่อรายรับของกองทุนในการกำหนดมาตรการจูงใจให้ลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาชำระเงินคืน
โดยการลดเงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ อาจยิ่งส่งผลกระทบต่อกองทุนฯ
และอาจเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับลูกหนี้กลุ่มอื่นให้ผิดนัดชำระหนี้ (moral hazard) อีกด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 91 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (เพิ่มเติม) | กค. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (เพิ่มเติม)
และอนุมัติกรอบวงเงินในการดำเนินการตามมาตรการฯ จำนวน ๑,๑๑๓,๒๕๖,๐๐๐ บาท สำหรับเงินเยียวยาที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น
ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยจะต้องเป็นเงินค่าปรับตามสัญญาที่ได้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้วตามเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการฯ
(เพิ่มเติม) ดังกล่าว และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๓๔๙
ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๘) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรให้ผู้ประกอบการที่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ
จัดทำคำขอ โดยระบุเหตุผลความจำเป็นและหลักฐานหรือที่มาของปัญหาหรือผลกระทบฯ เช่น
การขาดแคลนแรงงาน การปรับขึ้นของวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
และจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลประกอบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
รวมถึงใช้ประกอบการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และคำนึงถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือร้านค้าชุมชนที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบฯ
และไม่ได้เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐด้วยเช่นกัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 92 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ | กค. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติจำหน่ายหนี้เป็นสูญของโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ ๑.๑
โครงการส่งเสริมการปลูกชาจีนในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงราย ลูกหนี้ค้างชำระ จำนวน
๑๖๘ ราย วงเงินรวม ๘,๕๑๙,๓๔๖.๒๕
บาท ๑.๒
โครงการความร่วมมือไตรภาคี (ปลูกไผ่กิมซุ่ง) จังหวัดกาญจนบุรี ลูกหนี้ค้างชำระ จำนวน
๒๘๓ ราย วงเงินรวม ๑๗,๒๙๘,๗๕๙.๗๓
บาท ส่วนโครงการเลี้ยงวัวกลุ่มโล๊ะไม้อ้อในพื้นที่นิคมเศรษฐกิจพอเพียง
อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ลูกหนี้ค้างชำระ จำนวน ๔๑ ราย วงเงินรวม ๒,๐๐๗,๑๔๑.๗๓ บาท
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจำหน่ายหนี้เป็นสูญ ตามหน้าที่และอำนาจ
ตามนัยมติสภาบริหารคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ (เรื่อง ขออนุมัติจำหน่ายบัญชีลูกหนี้ค่าจำหน่ายสลากของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและขออนุมัติในหลักการเรื่องจำหน่ายหนี้เงินและทรัพย์สินออกจากบัญชี) ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรพิจารณาถึงความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินโครงการ
อาทิ การบริหารจัดการโครงการด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงสภาพพื้นที่ให้เหมาะสม ศักยภาพและโอกาสด้านการผลิต
การตลาด เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
มีการจัดทำแผนและติดตามประเมินผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
กำหนดแนวทางการบริหารจัดการด้านการเงินให้ครอบคลุม รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ในการดำเนินโครงการและการบริหารจัดการด้านการเงินให้แก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร
ตลอดจนถอดบทเรียนจากการดำเนินการที่ผ่านมา เพื่อเป็นการลดภาระการดำเนินงานของกองทุน
ภาระต่องบประมาณในอนาคต และลดปัญหาหนี้สูญที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดให้มีการวิเคราะห์และจัดทำแนวทางป้องกันและจัดการความเสี่ยง
รวมทั้งการติดตามความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถป้องกันและดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของเกษตรกร
และส่งผลต่อเนื่องให้ต้องมีการขอจำหน่ายหนี้สูญให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ การจัดการและการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนพัฒนาสหกรณ์
พ.ศ. ๒๕๕๐ และมติสภาบริหารคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ (เรื่อง
ขออนุมัติจำหน่ายบัญชีลูกหนี้ค่าจำหน่ายสลากของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและขออนุมัติในหลักการเรื่องจำหน่ายหนี้เงินและทรัพย์สินออกจากบัญชี)
ในส่วนของการกำหนดวงเงินการจำหน่ายหนี้เป็นสูญเกินกว่า ๕ ล้านบาท
ที่ต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ขอจำหน่ายหนี้สูญตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา จำกัด) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 93 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายเสรี นนทสูติ) | กค. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเสรี นนทสูติ
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 94 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 1 | กค. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๑ โดยในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๓
มกราคม ๒๕๖๘ โดยการปรับปรุงแผนฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
การปรับเพิ่มวงเงินกู้โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างได้เพิ่มขึ้น
(๒) การปรับลดวงเงินกู้โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร (ปีการผลิต ๒๕๕๔/๒๕๕๕
และปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖) จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้รับเงินงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินต้นแล้ว
และ (๓) การปรับเพิ่มวงเงินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่จะครบกำหนด ในปีงบประมาณ
๒๕๖๙ - ๒๕๗๒ จำนวน ๗๗,๘๙๐.๐๒ ล้านบาท เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด
เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการบริหารจัดการหนี้สาธารณะในระยะต่อไป
จะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังมีแนวโน้มของความผันผวนอยู่ในเกณฑ์สูง
รวมทั้งแรงกดดันทางการคลังที่เพิ่มขึ้นตามภาระหนี้รัฐบาลจากการดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
และผลจากการกู้เงินเพื่อดูแลแก้ไขผลกระทบจากวิกฤติโควิด-๑๙
ซึ่งจะต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้กระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
ตลอดจนเป็นข้อจำกัดต่อกรอบงบประมาณสำหรับการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 95 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร | กค. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพและยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล นำไปสู่การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ท่ามกลางสถานการณ์การลงทุนของประเทศที่ชะลอตัว
โดยการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นไทยและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสร้างกลไกหรือมาตรการระยะสั้นและระยะยาว
เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ESG
ปรับตัวและเตรียมรับมือกับมาตรฐาน ESG ให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 96 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (1. นายประยูร อินสกุล ฯลฯ รวม 13 คน) | กค. | 03/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
รวม ๑๓ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘
มีนาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายประยูร อินสกุล รองประธานกรรมการ ๒. นางภัทรพร วรทรัพย์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๓. นายพชร อนันตศิลป์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายพีรพันธ์ คอทอง กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๕. นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ กรรมการ (ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์) ๖. นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ กรรมการ
(ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) ๗. นางวิเรขา สันตะพันธุ์ กรรมการ (ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย) ๘. นางนิภา ไพโรจน์ กรรมการ (ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น) ๙. นายกษาปณ์ เงินรวง กรรมการ ๑๐. นายจรูญเดช เจนจรัสสกุล กรรมการ ๑๑. นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง กรรมการ ๑๒. นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กรรมการ ๑๓. นายพิสุทธิ์ จันทรสุรินทร์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 97 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 03/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน ที่ดำเนินการในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวนรวม ๑,๒๒๔,๑๐๘.๙๘
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๓.๕๖
ของวงเงินที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 98 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2567 | กค. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๓ ปี
๒๕๖๗ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังเห็นว่า การกำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินและการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน
กนง. ควรคำนึงถึงนโยบายแห่งรัฐ สภาวะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
เพื่อให้แนวนโยบายการเงินและแนวนโยบายแห่งรัฐสามารถทำงานสอดประสานกันกับสภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
โดยรายงานฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจโลก
ประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๘ และ ๒.๖ ในปี ๒๕๖๗ และปี ๒๕๖๘ ตามลำดับ
โดยมีแรงขับทางเศรษฐกิจหลักมาจากภาคบริการเป็นสำคัญ ๒) เศรษฐกิจไทย
มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ ๒.๗ และ ๒.๙ ในปี ๒๕๖๗ และปี ๒๕๖๘
ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น
การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
ปี ๒๕๖๗ และการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวตามอุปสงค์สินค้าโลก และ ๓) ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้น
โดยสินเชื่อโดยรวมชะลอลงโดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่
๓๔.๗๘ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 99 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 31 และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี 2567 | กค. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๓๑ และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี ๒๕๖๗
เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู โดยผลการประชุมฯ
และถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ
๓.๑ ใน ๕ ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรระมัดระวัง เช่น
การชะลอตัวของเศรษฐกิจหลัก ต้นทุนการขนส่ง และสถานการณ์หนี้สาธารณะ โดยผู้แทน IMF ได้เสนอแนะเชิงนโยบายแก่สมาชิกเขตเศรษฐกิจว่า
ควรรักษาพื้นที่เชิงนโยบายและเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
และใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงร่วมฯ
มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕
ตุลาคม ๒๕๖๗ โดยเป็นการเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ตลอดจนเน้นย้ำถึงแผนความเชื่อมโยงของเอเปค
ซึ่งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาความรู้ทางการเงิน
และให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการทางการคลังและการเงินที่ผสมผสานเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ
ซึ่งสาระสำคัญของถ้อยแถลงร่วมฯ
จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มบทบาทของไทยในเวทีโลก
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 100 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๕๐ ปี กระทรวงการคลัง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคาห้าสิบบาท (ประเภทธรรมดา) เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๑๕๐ ปี กระทรวงการคลัง
ในวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๕๐ ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคายี่สิบบาท จำนวน ๒ ประเภท (ประเภทธรรมดาและประเภทขัดเงา)
เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๑๕๐ ปี กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.
๒๕๖๘ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
