ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 21 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 26/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๒,๙๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 22 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 26/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุเกี่ยวกับการแก้ไขหรือป้องกันสถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือภัยคุกคามทางทหาร
ซึ่งส่งผลกระทบหรืออาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของหน่วยงานของรัฐหรือประเทศ
สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้โดยวิธีเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุอันเป็นเครื่องมือในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวให้คลี่คลายไปโดยเร็วที่สุดและภายในระยะเวลาที่จำกัด
สามารถรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและมีความคล่องตัวสูง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงกลาโหม เห็นควรกำหนดคำนิยามของคำว่า
ภัยคุกคามทางไซเบอร์และภัยคุกคามทางทหารในร่างกฎกระทรวงฯ
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้โดยมิต้องใช้ดุลพินิจในการตีความคำดังกล่าว สำนักงบประมาณ
เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับหน่วยงานของรัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโนโอกาสแรก
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ
และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 23 | ความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท และการใช้วงเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจส่วนที่เหลือ | กค. | 26/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีได้มีมติ ดังนี้ ๑.
รายงานความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน
๑๕๗,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ และการใช้วงเงินงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ส่วนที่เหลือ ตามที่กระทรวงการคลัง
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวง/หน่วยงานต้นสังกัด
และหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจัดสรรงบประมาณเป็นหน่วยงานรับผิดชอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการดำเนินโครงการ
การติดตามและประเมินผลตามกลไกที่กำหนด โดยดำเนินการอย่างรอบคอบ
โปร่งใส เป็นธรรม และทันตามกรอบระยะเวลา เพื่อไม่ให้งบประมาณพับไปตามผลของกฎหมาย
ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด ผลสัมฤทธิ์
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และขอให้กระทรวง/หน่วยงานต้นสังกัด กำกับดูแล ติดตาม
และตรวจสอบการดำเนินการในทุกขั้นตอนให้สอดคล้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วน ๒. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรงบประมาณโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ ซึ่งยังไม่ได้จัดส่งคำขอรับจัดสรรงบประมาณให้สำนักงบประมาณเร่งดำเนินการส่งคำขอรับจัดสรรงบประมาณส่งให้สำนักงบประมาณ
เพื่อให้สำนักงบประมาณดำเนินการอนุมัติจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว เร่งดำเนินการกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งกำหนดแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ
ให้มีความชัดเจน โดยครอบคลุมทั้งมิติความคืบหน้าและผลของการดำเนินโครงการ
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรพิจารณาให้การดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณอื่นที่เกี่ยวข้อง
มุ่งเน้นไปยังโครงการหรือมาตรการที่ช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้าและการประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้
(reciprocal tariff) หรือที่สนับสนุนให้ภาคเศรษฐกิจปรับตัวได้ในระยะยาว
ซึ่งจะเอื้อต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต
เพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ที่ไทยเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และควรต้องติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการใช้งบประมาณภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ
อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นรูปธรรมและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 24 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายนรพรรษ เพ็ชรตระกูล) | กค. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนรพรรษ เพ็ชรตระกูล ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการเศรษฐกิจ) สูง]
กองนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25 | การออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) | กค. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการกู้ยืมเงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อสังคมเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของ
สพพ. วงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
[สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)] รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าการออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social bond) จะเป็นการช่วยพัฒนาตลาดการเงินและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุน
โดย สพพ. ควรพิจารณาการกู้ยืมเงินรูปแบบอื่นประกอบ
เพื่อรองรับกรณีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 26 | รายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา | กค. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงนามสัญญาเงินกู้โครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข ๗ ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภากับธนาคารพัฒนาเอเชีย
เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำรับรองทางกฎหมาย
ให้สัญญาเงินกู้มีผลบังคับใช้ ภายใน ๔ กันยายน ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 27 | ร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะและมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ | กค. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ .. ) พ.ศ.
... ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถหักลดหย่อนค่าซื้องานศิลปะด้านทัศนศิลป์
โดยการยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้องานศิลปะมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทในแต่ละปีภาษี
สำหรับการซื้องานศิลปะ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ - ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๗๐ และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา
๔๐ (๖) แห่งประมวลรัษฎากรที่มีเงินได้จากวิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรมสามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ
๓๐ เป็นร้อยละ ๖๐ ตั้งแต่ปีภาษี ๒๕๖๘ เป็นต้นไป เป็นการถาวร รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม ที่เห็นควรสนับสนุนการซื้อขายงานศิลปะหรือศิลปวัตถุจากร้านค้าจำหน่ายงานศิลปะหรือศิลปวัตถุที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าศิลปวัตถุอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย
และในส่วนร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ควรกำหนดขอบเขตของ “วิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรม”
ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
มอบหมายกระทรวงวัฒนธรรมร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ
รวมทั้งร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้ และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังเป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังเร่งผลักดันการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนทางการคลัง
โดยให้ความสำคัญกับการทบทวนและดำเนินมาตรการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเป็นการชั่วคราวที่ทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ให้มีเท่าที่จำเป็นเพื่อสร้างความเข้มแข็งของฐานะการคลังในระยะยาว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 28 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... | กค. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ
(Nation Credit Guarantee Agency : NaCGA) โดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์
ขอบเขตการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการ และการกำกับดูแลการดำเนินการของ
NaCGA รวมทั้งกำหนดแนวทางและระยะเวลาในการจัดตั้ง NaCGA
ตลอดจนแนวทางการผนวกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
กับ NaCGA เพื่อยกระดับกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมความยั่งยืนทางการคลัง และสามารถส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายได้ด้วยต้นทุนทางการเงินในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง
(Risk-based Pricing) มากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ
และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าในประเด็นที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลให้แก่สถาบัน
NaCGA เพื่อเป็นฐานข้อมูลและแบบจำลองด้านเครดิตตามภารกิจของสถาบันฯ
ภายใต้ร่างมาตรา ๕๓ อาจต้องพิจารณากฎหมายของหน่วยงานของรัฐนั้นประกอบด้วย
เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายอื่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมบทบาทสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ
ในด้านการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบ (Formalization) และให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการทบทวนภารกิจและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐอื่นที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมผู้ประกอบการ
SMEs ในลักษณะที่เกี่ยวเนื่องและคล้ายคลึงกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานและช่วยลดภาระทางการคลัง ทั้งนี้ ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานหรือลูกจ้างตามมาตรา
๑๓๐ ของร่างพระราชบัญญัติฯ
ควรให้มีการดำเนินการโดยให้ความสำคัญกับความคล่องตัวและการสร้างประสิทธิภาพให้กับ NaCGA
ตามรูปแบบองค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย
สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรกำหนดกลไกการบริหารความเสี่ยง
การตรวจสอบความคุ้มค่า และการควบคุมการใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม
เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงทางการคลังของประเทศในระยะยาว
และป้องกันไม่ให้เกิดหนี้สินแฝงที่อาจกระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศในอนาคต สำนักงาน ก.พ. เห็นควรมีการพัฒนาความรู้ความสามารถบุคลากรที่มีอยู่ให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับภารกิจที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
รวมถึงพิจารณาการถ่ายโอนภารกิจบางส่วนให้ภาคเอกชนดำเนินการแทน
เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐในระยะยาว และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สนับสนุนการปฏิบัติงาน
เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจของสถาบันฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 29 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ 17 มิถุนายน 2568 | กค. | 05/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๗๖๗
ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note :
PN) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๓ จำนวน ๑,๗๖๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์) | กค. | 05/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
แทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ สิงหาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 31 | ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ระยะที่ 2 | กค. | 05/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... | กค. | 29/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยยังคงหลักการเดิม
และปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับบทนิยาม
วงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอและจังหวัด
และขยายระยะเวลาในการจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงิน
และการกำหนดบทเฉพาะกาล ตลอดจนการปรับปรุงถ้อยคำ
เพื่อให้การดำเนินการและการใช้จ่ายเงินทดรองราชการฯ
เป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชัดเจน ถูกต้อง และเหมาะสม
รวมทั้งสอดคล้องกับสภาพการณ์ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นควรให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 33 | แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (1. ศาสตราจารย์กิตติคุณจรัส สุวรรณเวลา ฯลฯ รวม 5 คน) | กค. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา รวม ๕ คน
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์กิตติคุณจรัส สุวรรณเวลา ประธานกรรมการ ๒. นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงิน) ๓. รองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการศึกษา) ๔. นางชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการประเมินผล) ๕. นายนิกร เภรีกุล กรรมการและเลขานุการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 34 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพลจักร นิ่มวัฒนา) | กค. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพลจักร นิ่มวัฒนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
ตั้งแต่วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 35 | ขอเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายวิทัย รัตนากร) | กค. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร
ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจากนายเศรษฐพุฒิ
สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 36 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ฯลฯ จำนวน 6 ราย) | กค. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ๒. นายพรชัย ฐีระเวช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต ๓. นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๔. นายอรรถพล อรรถวรเดช ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 37 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ ของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร | กค. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ
เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ ของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง
สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการพิจารณา จำนวนรวม ๔ ประเด็น ดังนี้ ๑)
การลดต้นทุนเพิ่มรายได้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
โดยการยาสูบแห่งประเทศไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการผลิต ควบคุม
และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
และมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต ๒)
การปรับโครงสร้างภาษียาสูบ โดยกรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีที่เหมาะสมในทุกมิติอย่างรอบด้าน
ซึ่งการยาสูบแห่งประเทศไทยเห็นว่า การกำหนดอัตราภาษี ๓ อัตรา สามารถลดช่องว่างระหว่างบุหรี่ถูกกฎหมายและบุหรี่ผิดกฎหมาย
๓) การป้องกันและปราบปราม โดยกรมสรรพสามิตได้เสริมศักยภาพในด้านการป้องกันการกระทำผิดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายและบุหรี่ไฟฟ้า
และกรมศุลกากรได้จัดทำแผนแนวทางปฏิบัติร่วมในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ประเทศไทย
และ ๔) การปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบหรือการประกอบอาชีพอื่น
โดยกรมสรรพสามิตได้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรให้เพาะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ
และกรมส่งเสริมการเกษตรตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำมาตรการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบและการปรับเปลี่ยนอาชีพสำหรับชาวไร่
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการเกษตรให้แก่เกษตรกร
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 38 | ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... | กค. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินของโลก
(Financial Hub) และดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยผ่านกลไกในการส่งเสริม
กำกับดูแล และการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการที่เข้ามาประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial
Hub เพื่อให้บริการแก่นิติบุคคลหรือบุคคลที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
(Non-residents) อันจะช่วยพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงินและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
รวมทั้งสามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจเป้าหมายในประเทศไทย
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรกำกับดูแลความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
(AML/CFT) ของการประกอบธุรกิจใน Financial
Hub ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานในระบบการเงินหลักของประเทศและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
เตรียมหน่วยงานกำกับดูแลการประกอบธุรกิจใน Financial Hub ให้พร้อมก่อนอนุญาตให้มีการประกอบธุรกิจใน
Financial Hub รวมทั้งการกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการจัดตั้ง
Financial Hub โดยประเมินจุดแข็งของประเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและดึงดูดให้มีการมาประกอบธุรกิจใน
Financial Hub เป็นลำดับแรก รวมถึงพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ
ที่จะเกิดขึ้นอย่างรัดกุมและรอบด้าน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 39 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ) | กค. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพสามิต ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต
(นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔
ตุลาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 40 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... | กค. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่เสนอได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
