ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 60 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 1181 - 1200 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1181 | ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี | นร.05 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในโอกาสที่ปี
๒๕๖๘ เป็นปีแห่งการครบรอบ ๕๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาดำเนินภารกิจ/จัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามหน้าที่และอำนาจเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เช่น กระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์แบบเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดของไทยกับเมืองหรือมณฑลของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว
๓๘ คู่ความสัมพันธ์ โดยอาจกำหนดเป้าหมายให้เพิ่มเป็น ๕๐ คู่ความสัมพันธ์
กระทรวงคนาคมเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค
(ซึ่งเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐประชาชนจีน)
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1182 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
จำนวน ๑๑,๕๖๕,๑๖๔,๘๐๐ บาท
และงบประมาณของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา จำนวน ๗๐๒,๒๑๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1183 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568 | ปสส. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๙ มกราคม
๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1184 | ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ดศ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นการเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ
โดยเพิ่มหน้าที่ให้หน่วยงานของรัฐหรือผู้ให้บริการหมายเลขโทรศัพท์ในการสั่งระงับหรือยกเลิกการให้บริการเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ถูกใช้หรืออาจถูกใช้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
กำหนดขั้นตอนหรือกระบวนการพิจารณาโดยเฉพาะเพื่อให้การคืนเงินแก่ผู้เสียหายให้เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
และเพิ่มโทษการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงยุติธรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าการเสนอร่างบทบัญญัติที่เพิ่มบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์
ซึ่งอาจต้องพิจารณาความสอดคล้องในการกำหนดโทษของการพนันออนไลน์ซึ่งเป็นความผิดหลักตามพระราชบัญญัติการพนัน
พุทธศักราช ๒๔๗๘ กับบทนิยามคำว่า “อาชญากรรมทางเทคโนโลยี”
ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ และคำว่า
“ระบบคอมพิวเตอร์” ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรกำหนดหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
ตลอดจนการบังคับใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัล
ให้เป็นไปในแนวทางและมาตรฐานเดียวกับสถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจ
ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น
ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง และสื่อสังคมออนไลน์
ควรให้หน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจแต่ละประเภทเป็นผู้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่พึงปฏิบัติในวิชาชีพ
เพื่อเป็นหลักเกณฑ์หรือปัจจัยประกอบการพิจารณาความรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1185 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานศาลปกครอง จำนวน ๔,๓๕๕,๔๒๓,๖๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว
เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1186 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม
จำนวน ๓๗,๓๖๑,๘๑๔,๖๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1187 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ | ศร. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗๘,๓๐๐,๗๐๐
บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว
เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1188 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง | ลต. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน ๕,๑๒๕,๘๐๘,๒๐๐ บาท และกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1189 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุข (โครงการก่อสร้างสถาบันมะเร็งแห่งชาติแห่งใหม่ สาขาบางขุนเทียน) | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงสาธารณสุข โครงการก่อสร้างสถาบันมะเร็งแห่งชาติแห่งใหม่
สาขาบางขุนเทียน จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๓๐๗,๗๑๖,๑๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(กรมการแพทย์และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมถึงข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กรมการแพทย์จัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมรายละเอียดของกิจกรรมรายปี พร้อมระบุวงเงินแต่ละกิจกรรมอย่างชัดเจนภายใต้แผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
รวมทั้งควรมีการเตรียมการในเรื่องการจัดทำแผนความต้องการครุภัณฑ์ทางการแพทย์
แผนอัตรากำลังคนในสาขาเฉพาะทางที่ปัจจุบันยังมีความขาดแคลนจำนวนมาก
และแนวทางการออกแบบอาคารที่ต้องรองรับกับอุปกรณ์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงด้านรังสีรักษาที่จำเป็นต้องมีความสอดคล้องกับขนาดของพื้นที่ ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1190 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของนายกรัฐมนตรี (การพัฒนาเส้นทางรถไฟช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก) | นร. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม
๒๕๖๘ ได้มีการเร่งรัด ติดตามความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบขนส่งทางรางจากทางเดี่ยวเป็นทางคู่
เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุม รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า
และการท่องเที่ยว
รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำเสนอเส้นทางการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ระยะที่ ๒ จำนวน ๓ เส้นทาง ได้แก่ (๑) ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี (๒)
ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่ -
ปาดังเบซาร์ เพื่อช่วยลดต้นทุนทางโลจิสติกส์ ทั้งด้านการขนส่งสินค้า
และผู้โดยสารในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างเส้นทางรถไฟช่วงหาดใหญ่ -
สุไหงโกลก จากปัจจุบันที่เป็นทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ ถือเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟที่จะช่วยให้สามารถขนส่งสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกสินค้าเกษตรชนิดต่าง ๆ จากในพื้นที่ ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย)
เร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปในการพัฒนาเส้นทางดังกล่าวเพิ่มเติมให้ชัดเจนและแล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อการนี้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1191 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา ระยะที่ 2 | ศธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ ของกระทรวงศึกษาธิการ โครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา
ระยะที่ ๒ งบประมาณจำนวน ๒๙,๗๖๕,๒๕๓,๖๐๐ บาท และอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการจัดหาอุปกรณ์ฯ
ระยะที่ ๒ เป็นระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙-๒๕๗๓ วงเงินทั้งสิ้น ๒๙,๗๖๕.๒๕ ล้านบาท โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน
๕,๙๕๓.๐๕ ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหาอุปกรณ์ฯ ระยะที่ ๒ และส่วนที่เหลือจำนวน
๒๓,๘๑๒.๒๐ ล้านบาท ขอผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๗๐ - ๒๕๗๓ ต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการดำเนินโครงการเดิมให้มีความก้าวหน้าก่อน
เพื่อให้สามารถติดตามประเมินผลโครงการสำหรับนำข้อมูลมาใช้ปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพตามมติคณะรัฐมนตรีได้
เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินโครงการยังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียดของการจัดหาพัสดุและงานจ้าง
และควรมีการจัดทำแผนการดำเนินงานในภาพรวมที่เชื่อมโยงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพในทุกพื้นที่
และการพัฒนาสื่อดิจิทัลที่สอดคล้องกับนักเรียนแต่ละช่วงชั้นและบริบทของแต่ละพื้นที่
รวมทั้งการกำหนดผลสัมฤทธิ์ของโครงการที่สามารถสะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เห็นควรนำดิจิทัลแพลตฟอร์มเข้ามาสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอนให้มีช่องทางที่หลากหลาย
เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้
และส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้แก่นักเรียนและครูผู้สอนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณ
วงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1192 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ | ปช. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๕,๒๕๕,๘๖๖,๑๐๐ บาท และกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๕๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1193 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง พ.ศ. .... | รง. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง
และผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบของนายจ้างและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างตามมาตรา
๔๗ วรรคสอง และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงจากวาตภัยและอุทกภัย
ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และพัทลุง ในงวดเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗
ถึงงวดเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้างและผู้ประกันตน และ ๑.๒
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการลดหย่อนการออกเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้าง
ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ และผู้ประกันตนมาตรา ๓๙
ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง โดยให้การลดหย่อนการออกเงินสมทบมีผลใช้บังคับในงวดเดือนพฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงงวดเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ รวม
๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการปรับลดอัตราเงินสมทบดังกล่าว
จะทำให้รายรับของกองทุนประกันสังคมลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว
กระทรวงแรงงานจึงควรมีแผนการรองรับผลกระทบดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงแรงงานจะประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1194 | การขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ทดแทนและเพิ่มเติม และโครงการเช่าบริการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV System) และเทคโนโลยีอื่น เพื่อการควบคุมทางศุลกากร | กค. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการคลัง สำหรับโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ทดแทนและเพิ่มเติม
และโครงการเช่าบริการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV System) และเทคโนโลยีอื่น เพื่อการควบคุมทางศุลกากร ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคมนาคม เห็นควรดำเนินโครงการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และข้อบังคับให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด
และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าด่านศุลกากรเชียงของ และด่านศุลกากรแม่สอด
ที่ปัจจุบันยังคงมีจำนวนตู้สินค้าอยู่ในระดับต่ำและอาจมีความเสี่ยงของจำนวนตู้สินค้าผ่านด่านในอนาคต
ควรให้กรมศุลกากรพิจารณาความคุ้มค่าในการจัดหาระบบตรวจสอบตู้ฯ แบบขับผ่าน (Drive - Through) โดยอาจพิจารณาระบบตรวจสอบตู้ฯ
แบบเคลื่อนที่ได้ (Mobile) เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการระบบตรวจสอบตู้ฯ
ในพื้นที่ดังกล่าวให้สอดคล้องกับความต้องการขนส่งสินค้าและแผนการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งที่เกี่ยวข้องในอนาคต
และมอบหมายให้กรมศุลกากร
พิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพด้านพิธีการทางศุลกากรในเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการเปิดให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
อาทิ โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือแหลมฉบัง ระยะที่ ๓ เพื่อให้การพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินพิธีการศุลกากรสอดคล้องและบูรณาการกัน ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1195 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ 2 คลองหก | ทส. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๑
โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ ๒ คลองหก จำนวนเงิน ๔,๕๘๖,๗๓๙,๑๓๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณการราคารวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังและคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็นตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุน
และรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด ให้เหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอน และกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1196 | การเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของกระทรวงมหาดไทย สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณและมีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป | มท. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๓ โครงการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๕,๖๙๓.๔๔๔๒ ล้านบาท ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืน ยันความพร้อมของรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณราคา
รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ เป็นต้น ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1197 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถของอาคารรัฐสภา (เพิ่มเติม) บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ตามแนวถนนสามเสน | สผ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถของอาคารรัฐสภา (เพิ่มเติม) บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา
ตามแนวถนนสามเสน วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๔,๕๙๓,๒๗๓,๙๖๓ บาท ทั้งนี้
ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถของอาคารรัฐสภา
(เพิ่มเติม) บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ตามแนวถนนสามเสน
เป็นอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษหรือส่วนหนึ่งของอาคารเดิมที่ได้รับอนุญาตเป็นอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ไว้แล้วจะเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ
ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๐
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๔ วรรคสอง สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณการ หรือผลการสืบราคา
รายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ
รวมถึงดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1198 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาทุกที่ทุกเวลา : จัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา | ศธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงศึกษาธิการ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาทุกที่ทุกเวลา
จำนวน ๓,๓๐๒,๑๓๓,๑๒๐
บาท
เป็นโครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา
งบประมาณ จำนวน ๓,๒๑๒,๑๓๓,๑๒๐ บาท และโครงการผลิตสื่อวีดิทัศน์หรือสื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษาอาชีวศึกษา
สำหรับการเรียนรู้แบบออนไลน์
และบริการหน่วยประมวลผลและพื้นที่หรืออุปกรณ์จัดเก็บสื่อดิจิทัล
และการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบงานหรือระบบฐานข้อมูลภายนอก
เพื่อขยายช่องทางเผยแพร่สื่อดิจิทัล งบประมาณจำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว
โดยกำหนดวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของรายการ รายละเอียด คุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการราคาหรือผลการสอบราคา สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ชัดเจน และพิจารณาดำเนินการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาตามคุณลักษณะที่เหมาะสมและสอดคล้องกับจำนวนนักเรียนที่จำเป็นต้องใช้งานของสถานศึกษาในแต่ละประเภทวิชาและสาขาวิชาระยะเวลาการใช้งานแต่ละภาคการศึกษาและความพร้อมของสื่อและระบบที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
และเนื่องจากเป็นโครงการที่จัดหาคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณตั้งแต่ ๑๐๐
ล้านบาทขึ้นไป ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
ตามหนังสือสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/๑๓๓๗๖ ลงวันที่ ๑๒
พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อประกอบการพิจารณา ตลอดจนกำหนดให้มีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหากจะขยายการดำเนินโครงการนี้ต่อไปควรให้มีการดำเนินการในส่วนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้แล้วเสร็จก่อน
และเพื่อให้รู้ถึงปัญหาอุปสรรคและข้อควรระวังก่อนจะมีการผูกพันงบประมาณในระยะยาวต่อไป
ควรพิจารณาทบทวนแนวทางการจัดสรรอุปกรณ์ให้สอดคล้องความจำเป็นทั้งในมิติของสาขาวิชาเรียน
ระดับชั้น และการเลือกประเภทโรงเรียนเพื่อการนำร่อง พร้อมทั้งกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน
เพื่อให้สะท้อนวัตถุประสงค์ของโครงการในการยกระดับคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1199 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม | คค. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคม
(สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม) จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่
ระยะเวลาดำเนินการ ปี ๒๕๖๙ - ๒๕๗๑ วงเงินรวม ๔,๕๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการราคา รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมดำเนินตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อาคารและสิ่งปลูกสร้างโครงการและพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ
เช่น กระทรวงคมนาคม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
ควรพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการจราจรบริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
(สถานีกลางบางซื่อ) และพื้นที่บริเวณใกล้เคียง
เพื่อป้องกันและลดปัญหาการจราจรติดขัดในบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1200 | โครงการสถาบันการแพทย์ศิริราชระดับนานาชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล | อว. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงิน
ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการสถาบันการแพทย์ศิริราชระดับนานาชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยมหิดล (ปีงบประมาณ ๖๕๖๙ - ๒๕๗๔) มูลค่า ๑๖,๙๖๐,๕๙๔,๓๐๐ บาท และสนับสนุนโครงการให้แล้วเสร็จ โดยขออนุมัติจากเงินงบประมาณ
ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๔ จำนวน ๑๑,๐๔๘,๓๒๙,๑๒๐ บาท และเงินนอกงบประมาณ จำนวน ๕,๙๑๒,๒๖๕,๑๘๐ บาท
เป็นงบลงทุนค่าก่อสร้าง ครุภัณฑ์การแพทย์ และงบบุคลากร (หมวดเงินเดือน)
โดยเป็นลักษณะเงินอุดหนุน ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอในขั้นขออนุญาตก่อสร้าง
หรือหากใช้วิธีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
โดยไม่ยื่นขอรับใบอนุญาต ให้เสนอในขั้นการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้วแต่กรณี
และจะต้องจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง
แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๖ ด้วย กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรเพิ่มเติมข้อมูลการเปิดบริการในแต่ละปีงบประมาณ
แผนการสรรหาบุคลากรวิชาชีพเฉพาะตามการจัดระบบบริการ
และแผนอัตรากำลังจำแนกตามแผนกที่เปิดบริการให้ชัดเจน
โดยคำนึงถึงหลักความประหยัดและความคุ้มค่าในด้านทรัพยากรประเทศ
ภาระผูกพันในการจัดสรรงบประมาณด้านบุคลากรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต |