ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 53 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 1041 - 1060 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1041 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 | ปสส. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒
ครั้งที่ ๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่
๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1042 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการการดำเนินกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD | นร.11 สศช | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และ เห็นชอบการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๑๓,๒๑๕,๙๙๖ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการการดำเนินกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1043 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ | มท. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์)
ในประเด็นการกำหนดสายการบินในการขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ จาก กำหนดให้สายการบินแห่งชาติที่รัฐบาลประเทศชาอุดีอาระเบียมอบหมาย
และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
รับผิดชอบในการขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทยแบบเช่าเหมาลำตามความตกลงระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยกับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์
และกรมการบินพลเรือนซาอุดีอาระเบีย ที่จะมีขึ้นในแต่ละปี ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.
๒๕๖๒ เป็นต้นไป เป็น การขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทยให้ดำเนินการตามความตกลงระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยกับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์
และสำนักงานการบินพลเรือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียที่จะมีขึ้นในแต่ละปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์)
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย
คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าในการทำความตกลงให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยกับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์
และสำนักงานการบินพลเรือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียที่จะมีขึ้นในแต่ละปี ตั้งแต่ปี
พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ควรคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดต่อผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทย และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1044 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568) | ปสส. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่
..) พ.ศ.
.... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1045 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568 และวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 | นร.11 สศช | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
(สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๐
มกราคม ๒๕๖๘ และวันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และเห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
ของข้อเสนอโครงการที่มีความพร้อมและดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๑ ปี ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
จำนวน ๒๓ โครงการ กรอบวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้สำนักงบประมาณพิจารณาความพร้อม
ความคุ้มค่าของโครงการและความเหมาะสมของวงเงินตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และเห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอกลุ่มจังหวัดฯ ของภาคเอกชน จำนวน ๑๒
โครงการ กรอบวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำข้อเสนอโครงการ
โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ
โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอกลุ่มจังหวัดฯ
ของภาคเอกชน ในส่วนที่เหลือจำนวน ๒๑ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติที่ประชุมฯ ไปพิจารณาเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยรับงบประมาณที่เป็นเจ้าของโครงการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1046 | ข้อเสนอโครงการของจังหวัดเพื่อฟื้นฟูซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ชายแดน | นร.11 สศช | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการจังหวัดเพื่อฟื้นฟูซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค
สาธารณูปการ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ ๓ จังหวัดภาคใต้ชายแดน
ที่เห็นควรสนับสนุน จำนวน ๒๒ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๓๐๔,๗๙๕,๔๐๐ บาท โดยให้จังหวัดยะลา
จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความซ้ำช้อนของโครงการและงบประมาณต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
โดยในส่วนของงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดยะลา
จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้จังหวัดจัดทำโครงการและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน
พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการดำเนินโครงการตามข้อเสนอดังกล่าว
ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1047 | การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาสายพันธ์ุกุ้งเพื่อการส่งออกของประเทศไทย | นร.04 | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ได้เข้าเยี่ยมชมกิจการของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลประเภทต่าง
ๆ แห่งหนึ่งที่อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ทำให้ทราบถึงประเด็นปัญหาและข้อเสนอของภาคเอกชนหลายประการ
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง
และการเพาะเลี้ยงกุ้ง อย่างจริงจัง
รวมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงกุ้งได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี
เพื่อฟื้นฟูความเข้มแข็งด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออกของไทยที่เคยเป็นอันดับต้น
ๆ ของโลกให้กลับคืนมาอีกครั้ง ทั้งนี้
ให้จัดทำรายละเอียดของแผนงาน/โครงการเพื่อการดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น
แล้วเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขั้นตอนเพื่อดำเนินการต่อไปโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1048 | การเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา | นร.04 | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยว
รวมถึงการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ (Cruise) ด้วย จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญที่มีมาตรฐานรองรับการท่องเที่ยวทางทะเล
เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจจากการนำเรือสำราญและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ในพื้นที่เพื่อส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่และท้องถิ่นต่าง ๆ
ของจังหวัดสงขลาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ น่าดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว
และสามารถยกระดับไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลกได้ต่อไป ทั้งนี้ มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพและเป็นศูนย์กลางการประสานการดำเนินงานดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1049 | รายงานผลการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว | นร. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
รายงานว่า ตามที่รัฐบาล (สำนักนายกรัฐมนตรี) ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
(พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และเนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี
๒๕๖๘ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๔
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๗๓ วัน นั้น
ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีประชาชนเข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
เป็นจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น ๒,๙๙๓,๗๓๗ คน และเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ ได้จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน
รวมทั้งได้ลงนามส่งมอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นับได้ว่าการจัดงานดังกล่าวข้างต้นได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งไว้ทุกประการ ทั้งนี้
ฝ่ายจีนได้แสดงความชื่นชมและประทับใจกับการดำเนินงานของฝ่ายไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับประเทศไทยและแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศอย่างชัดเจนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1050 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ปี 2567 | นร. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) ไตรมาสที่สี่ของปี
๒๕๖๗ ทั้งปี ๒๕๖๗ และแนวโน้มปี ๒๕๖๘ ไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ นั้น จะเห็นว่า
GDP ในไตรมาสที่สี่ของปี
๒๕๖๗ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ ๓.๒
เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าซึ่งขยายตัวร้อยละ ๓
สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดมาเกิดผลดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น
แต่จำนวนการใช้กำลังการผลิตในประเทศ (Capital Utilization) กลับลดลง
จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งดำเนินมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วนที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1051 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดพัทลุงและสงขลาของนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดพัทลุงและสงขลา
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และได้รับฟังปัญหาต่าง ๆ
จากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงขอมอบหมายการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑.
การส่งเสริมการปลูกพืชและการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกกล้วยสายพันธุ์ของจังหวัดพัทลุง
และทุเรียนภูบรรทัดให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
รวมตลอดถึงการจัดหาตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าชุมชนทั้งสองชนิดดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้นด้วย ๒.
การฟื้นฟูการประมงและส่งเสริมอาชีพในพื้นที่ทะเลน้อยให้มีศักยภาพสูงขึ้นทั้งด้านการท่องเที่ยวและการประมงเพื่อช่วยสร้างรายได้แก่ประชาชน ๒.๑
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการในการขุดลอกทะเลน้อย
การกำจัดวัชพืช เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศให้คืนสู่สภาพธรรมชาติ ให้เหมาะสมและชัดเจน
แล้วให้จัดทำรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อเสนอของบประมาณตามขั้นตอน เพื่อดำเนินการตามแนวทาง/มาตรการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ๒.๒
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการในการฟื้นคืนอาชีพประมง
และส่งเสริม
สนับสนุนองค์ความรู้ทางวิชาการอย่างถูกต้องสำหรับการทำประมงในพื้นที่ทะเลน้อย เพื่อยกระดับรายได้ของประชาชนในพื้นที่ให้เพิ่มมากขึ้น
เช่น การเลี้ยงปลาดุกนา ทั้งในส่วนของการจัดทำระบบการหมุนเวียนน้ำ
การเลือกพันธุ์ปลา ๒.๓
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่ทะเลน้อยให้มากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1052 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย | นร.11 สศช | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1053 | การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยอย่างยั่งยืน | นร. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เมื่อเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
(จังหวัดสงขลา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช
และจังหวัดพัทลุง)
การแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็ดำเนินการในลักษณะของการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นคราว
ๆ ไป ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร
จึงมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้ ๑. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งพิจารณาจัดทำแผนการบริหารจัดการอุทกภัยในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยอย่างยั่งยืน
ให้เป็นระบบ ครบถ้วนทุกมิติ เช่น การวางแผนพื้นที่รองรับน้ำ การลดความเสี่ยงจากอุทกภัย
การขุดลอกคูคลองและกำจัดวัชพืช การบริหารจัดการการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับสภาพตามธรรมชาติและไม่กีดขวางทางน้ำไหล
เพื่อใช้เป็นกรอบ/แนวทางในการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาวต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ ๓ จังหวัด (จังหวัดสงขลา
จังหวัดพัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช) บริเวณริมทะเลสาบสงขลาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่
เพื่อสร้างพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่ช่วยกระจายรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนและชุมชนในพื้นที่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1054 | การกำหนดพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง | นร. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการป้องกัน แก้ไขปัญหา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือดูแลเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในส่วนของพื้นที่จังหวัดสงขลาเป็นไปอย่างเหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และตอบสนองต่อความต้องการของทุกภาคส่วนในพื้นที่ในภาพรวมมากยิ่งขึ้น
จึงมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
รับเรื่องการกำหนดพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงในส่วนของพื้นที่จังหวัดสงขลา
ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงยุติธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
ให้ชัดเจน โดยให้คำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ ให้ครบถ้วน
รอบด้านทั้งในทางความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม
แล้วรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1055 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายบรรณรักษ์ เสริมทอง และนายนิกร ศิรโรจนานนท์) | ทส. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายบรรณรักษ์ เสริมทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1056 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายมงคล วิมลรัตน์) | กก. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมงคล วิมลรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1057 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | คค. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อเปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศในส่วนมูลค่าความเสียหายที่ผู้ขนส่งต้องรับผิดต่อคนโดยสาร
สัมภาระของคนโดยสาร และของตามสัญญารับขน ในกรณีที่คนโดยสารถึงแก่ความตาย
บาดเจ็บทางร่างกาย การล่าช้าในการรับขนคนโดยสาร สัมภาระถูกทำลาย สูญหาย เสียหายหรือสัมภาระล่าช้า
และในกรณีที่ของที่ขนส่งถูกทำลาย สูญหาย เสียหายหรือขนส่งของล่าช้า
เพื่อให้เป็นไปตามการพิจารณาทบทวนเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามอนุสัญญามอนตริออล
ค.ศ. ๑๙๙๙ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International
Civil Aviation Organization : ICAO) ตามรอบระยะเวลา ๕ ปี (ตั้งแต่ ปี ค.ศ. ๒๐๑๙
ถึง ค.ศ. ๒๐๒๓) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1058 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนดในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 | กค. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนดในวันที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๓,๕๗๕ ล้านบาท ได้แก่ ๑)
การชำระคืนต้นเงินตั๋วสัญญาใช้เงินจากเงินในบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท และ ๒)
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตามพระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง
พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑,๕๗๕
ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1059 | รายงานผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 | กค. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1060 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ 17 ธันวาคม 2567 | กค. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง
พ.ศ. ๒๕๔๕ จำนวน ๓๐,๐๐๐
ล้านบาท ด้วยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|