ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 52 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 1021 - 1040 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1021 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีปัญหากระบวนการขอประทานบัตรเหมืองแร่เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และการประกอบกิจการเหมืองแร่อุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี | อก. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1022 | ขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตและยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตภายในระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตและยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตในระยะเวลาที่กำหนดตามมติดณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
และขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓
ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
ขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓) สามารถยื่นคำขออนุญาตได้ภายใน ๑๘๐
วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในครั้งนี้ (ภายในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๘)
โดยโครงการที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐจะขอยื่นคำขออนุญาตดังกล่าวข้างต้นได้
จะต้องเป็นโครงการที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓
เท่านั้น
และให้ทุกส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกำหนดเวลาข้างต้น (ภายในวันที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๘) อย่างเคร่งครัด โดยไม่ต้องจัดสรรงบประมาณค่าปลูกป่าทดแทนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง
การดำเนินโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า) ๑.๒
อนุมัติให้คณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นผู้อนุญาตให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม
(Zone C) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และคำขออนุญาตที่ได้รับการผ่อนผันตามข้อ ๑.๑
ใช้พื้นที่หรือเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม
(Zone C) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง
การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง
ผลการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้
ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มเติม) ๑.๓. ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และคำขออนุญาตที่ได้รับการผ่อนผันตามข้อ
๑.๑ ใช้พื้นที่หรือเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกกำหนดเป็นเขตกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ได้ โดยไม่ต้องเสนอขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ เป็นรายกรณีอีก ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
(Environmental Accounting
Report : EAR) กำหนด
และต้องปฏิบัติตามมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ อย่างเคร่งครัด ๑.๔ ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้ยื่นคำขออนุญาตตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และคำขออนุญาตที่ใด้รับการผ่อนผัน ตามข้อ ๑.๑
ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเข้าไปปรับปรุง ซ่อมแซม และบำรุงรักษาสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ตามคำขออนุญาตที่ได้ยื่นไว้ตามแต่กรณี
สามารถของบประมาณและเข้าไปดำเนินการดังกล่าวได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พิจารณาเพิ่มช่องทางเพื่อสร้างการรับรู้
และความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้กับทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง
เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาการเข้าใช้พื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และสภาพพื้นที่ป่าให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1023 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน และเศรษฐกิจชุมชน) | สผผ. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
วิสาหกิจชุมชน และเศรษฐกิจชุมชน) ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1024 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ และการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร กรณีพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ลำน้ำน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ | สคทช | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร
กรณีพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ บริเวณที่ ๑ - ๕ ได้แก่ ๑)
พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ๒)
พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนวนอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำลี ๓) พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
๔) พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และ ๕) พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านซึ่งได้จัดที่ดินให้ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) เร่งรัดดำเนินการแก้ไขแผนที่แนบท้ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐฯ
ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอในครั้งนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน
๑๘๐ วัน ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบ
และเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เห็นว่าการดำเนินการต้องเป็นไปตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และคำนึงถึงการสร้างสมดุลการใช้ประโยชน์ที่ดินและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1025 | การชดเชยเยียวยาชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน | นร.04 | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน
เพื่อให้เกิดความสมดุลของจำนวนเรือประมงพาณิชย์กับปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ เพื่อให้การใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลมีความยั่งยืน
และแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) และไม่เป็นไปตามกฎระเบียบสากล
อย่างไรก็ตาม
ในขณะนี้ยังมีชาวประมงบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการดังกล่าวและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
รับเรื่องนี้ไปพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชาวประมงกลุ่มนี้ให้ถูกต้อง
เหมาะสม ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1026 | แนวทางการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า | กค. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสำหรับผู้ถือบัตรฯ Version ๒.๕ ที่ใช้เกินวงเงิน
ดังนี้ (๑) ยกเลิกการชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน ๕๐๐ บาท ๑ ครั้งต่อเดือน
โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๖๑) และ (๒) ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ดำเนินการ ดังนี้ ๑)
ผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๕ ที่ใช้สิทธิเกินวงเงิน จำนวน
๒๔๖ ราย จำนวนเงิน ๑๒,๔๙๖ บาท
ให้กรมบัญชีกลางนำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินข้างต้นเบิกจ่ายจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมชำระให้แก่
รฟม. แทนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว และ ๒) ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ
ปี ๒๕๖๕ ที่ใช้สิทธิเกินวงเงินและยืนยันตัวตนแล้ว จำนวน ๓๕๖ ราย จำนวนเงิน ๑๕,๗๙๓ บาท ให้นำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าคณะกรรมการฯ อาจพิจารณาปรับเพิ่มวงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะจาก
๗๕๐ บาท ต่อคนต่อเดือน เป็น ๑,๕๐๐ บาท
ต่อคนต่อเดือน โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม
ได้ดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาท ตลอดสาย
ตามนโยบายของรัฐบาลสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง)
และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)
เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน และส่งเสริมการใช้ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
ซึ่งการเพิ่มวงเงินจะทำให้ผู้โดยสารมีวงเงินสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้งไปและกลับในโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางได้มากยิ่งขึ้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกันเร่งพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะจัดให้มีระบบการตรวจสอบสิทธิที่เพียงพอและพัฒนาบัตรประจำตัวประชาชนให้สามารถรองรับการบริการต่าง
ๆ ของภาครัฐ รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะแบบทันที (Real-time)
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นกลไกที่สำคัญของการพัฒนายกระดับบริการภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1027 | การควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า | นร.04 | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๙ เมษายน ๒๕๖๗ มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการปราบปราม จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง
เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการในเชิงป้องกันการเข้าถึงและการใช้บุหรี่ไฟฟ้าด้วย
นั้น ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ายังคงแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชน
นักเรียน และนักศึกษา จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นางสาวจิราพร สินธุไพร)
เป็นเจ้าภาพรับเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินมาตรการต่าง
ๆ ให้เหมาะสม ชัดเจน รวมตลอดถึงการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอันเนื่องมาจากบุหรี่ไฟฟ้า
ให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบันด้วย
แล้วให้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1028 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) | อว. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
(โครงการ วมว.) ๒.
คณะกรรมการบริหารโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
(โครงการ วมว.) ๓. คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลสถาบันไทยโคเซ็น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1029 | การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ | นร.04 | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรและเร่งกำหนดมาตรการการยกระดับรายได้ของเกษตรกร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าวเปลือก
มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ที่มีแนวโน้มว่าราคาจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ทั้งนี้ ขอให้พิจารณารวมถึงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสม
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้
และการศึกษาความต้องการของตลาดเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่เหมาะสม
มีคุณภาพ และนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรได้ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณในการชดเชย
ช่วยเหลือ เยียวยาแก่เกษตรกรได้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1030 | รัฐบาลสาธารณรัฐซูดานขอเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทย (นายฮัสซาน อับเดลซะลาม โอเมร) | กต. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮัสซาน อับเดลซะลาม โอเมร (Mr. Hassan Abdelsalam Omer) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นางซานา ฮะมัด
อะลาวัด กูราฟี (Mrs. Sanaa Hamad Alawad Gourafi) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1031 | มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 | นร.04 | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
(GDP) ปี ๒๕๖๗ ขยายตัวเฉลี่ยเพียงร้อยละ
๒.๕ แม้ว่าในช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๗ GDP มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
จากร้อยละ ๒.๓ เป็นร้อยละ ๓.๒ ในไตรมาสสุดท้าย แต่การขยายตัวของ GDP ปี ๒๕๖๗ ของไทย ยังต่ำกว่าการขยายตัวของ GDP ของประเทศเพื่อนบ้านอยู่พอสมควร
ดังนั้น เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้ GDP ปี ๒๕๖๘ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ประมาณร้อยละ
๓ - ๓.๕ จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
สำนักงาน ก.พ.ร. ธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งให้เชิญผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.)
เข้าร่วมด้วยเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้เหมาะสม ชัดเจน
และเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในระยะสั้น - ระยะกลางก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วให้นำผลการพิจารณาดังกล่าวพร้อมมาตรการที่เกี่ยวข้องเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยด่วนในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1032 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุรีย์พร อินทุเศรษฐ และนายรัชภูมิ เวียงสิมา) | นร.06 | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวสุรีย์พร อินทุเศรษฐ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ
(นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๔
ตุลาคม ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1033 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายราตรีสวัสดิ์ ธนานันต์) | ศธ. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายราตรีสวัสดิ์ ธนานันต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนักอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม
(นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1034 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินเเบ่งรัฐบาล (พลเอก ยุทธเกียรติ ล้วนไพรินทร์) | กค. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลเอก ยุทธเกียรติ ล้วนไพรินทร์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านสังคม) ในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ขอลาออกจากตำแหน่ง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) เป็นต้นไป และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนได้รับแต่งตั้งแทน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1035 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | กษ. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลพะตง
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างโครงการคลองระบายน้ำคลองตง
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒
บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และยังประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดต่อไป
ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานั้นจะสิ้นผลใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1036 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์) | กษ. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายวิศิษฐ์
ศรีสุวรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี เมื่อวันที่ ๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ต่อไปอีก (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ ทั้งนี้ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
จะเกษียณอายุราชการวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1037 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์) | พณ. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางพิมพ์ชนก
พิตต์ฟีลด์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต
คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ณ นครเจนีวา
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี
เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๙
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1038 | ขอความเห็นชอบอนุมัติใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม | มท. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมอีก จำนวนเงิน ๓,๖๕๓.๗๒๑ ล้านบาท และพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเติม
ในพื้นที่จังหวัดระนอง ทั้งนี้ ครัวเรือนที่จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีนี้
จะต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี ๒๕๖๗
มาแล้ว
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย
ผ่านธนาคารออมสิน ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุนลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป
รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๒๘๙๙ ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายที่มีแล้ว ให้ทันต่อสถานการณ์ และตรวจสอบการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้มีความชัดเจน
ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1039 | ขอความเห็นชอบกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา (พ.ศ. 2567-2571) | กค. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา
ในระยะ ๕ ปีแรก วงเงิน ๔๐๒.๘๑๘ ล้านบาท
โดยให้ใช้จ่ายจากเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และกองทุนส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอ
มอบหมายให้หน่วยงานผู้ดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีฯ ได้แก่
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
และกรมประมงเสนอขอรับจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
และ/หรือแหล่งเงินอื่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงานที่รับผิดชอบต่อไป และมอบหมายให้กระทรวงการคลังนำขอบเขตงาน
ตัวชี้วัด และกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา ในระยะ ๕
ปีแรก ดำเนินการเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก
พร้อมจัดทำรายละเอียดของเอกสารที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้หน่วยงานดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีฯ
สามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการก่อสร้างโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาฯ
ของกรมทางหลวงชนบท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1040 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย ระยะที่ 11 (พ.ศ. 2567 - 2571) | มท. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย
ระยะที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๑) ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๓๒,๖๓๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการ
โดยการสร้างระบบออนไลน์ เช่น การรับสมัคร คู่มือ หรือการติดตามผู้เข้าร่วมโครงการ
เป็นต้น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกำกับติดตามการดำเนินงานให้มีความสอดคล้องเพื่อมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน |