ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 56 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 1101 - 1120 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1101 | การประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. 2023 (WRC - 23) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) | กสทช. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม
ค.ศ. ๒๐๒๓ (WRC - 23) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) มีสาระสำคัญเพื่อพัฒนา ส่งเสริม
สร้างความร่วมมือช่วยเหลือ
และเสริมสร้างกิจการโทรคมนาคม
รวมทั้งกำหนดการใช้คลื่นความถี่ในแต่ละย่านความถี่ของแต่ละภูมิภาค ซึ่งการประชุม WRC เป็นการประชุมในระดับนานาชาติภายใต้
ITU โดยจัดให้มีการประชุมทุก ๓ - ๔ ปี เพื่อพิจารณาแก้ไขปรับปรุงข้อบังคับวิทยุ (Radio Regulations)
ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดคลื่นความถี่และการกำกับดูแลการใช้วงโคจรดาวเทียม
เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ จากผลการศึกษาของ ITU และข้อเสนอต่าง ๆ ของประเทศสมาชิก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1102 | การขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะ MOU ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 | รง. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะ MOU ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว เมียนมา
และเวียดนามซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ ๑๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา
และเวียดนามซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติลาวและเวียดนามตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
.... ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติลาวและเวียดนามตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
.... รวม
๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า โดยที่แนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่กระทรวงแรงงานได้เสนอมาในครั้งนี้
ซึ่งจะต้องมีการออกประกาศตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
และพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐
เพื่อให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อขออนุญาตทำงานให้ถูกต้อง และมิให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่จะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ
และโดยที่การออกประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดผลดังกล่าวและเกิดความต่อเนื่องจึงมีกรอบระยะเวลาสำหรับการดำเนินการที่จำกัด
สมควรที่กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณาและมีความเห็นในสาระสำคัญของร่างประกาศที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันตั้งแต่ในชั้นการเสนอร่างประกาศ
เพื่อประโยชน์ต่อการตรวจพิจารณาร่างประกาศดังกล่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1103 | มาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายในที่ดินของรัฐ | มท. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการเรื่อง
มาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายในที่ดินของรัฐ
ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการฯ
และผลการดำเนินการและความเห็นในภาพรวม เช่น ๑) ให้กรมที่ดินเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาลดขั้นตอน
ระยะเวลาเกี่ยวกับกระบวนการอนุญาตที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ๒)
กรมที่ดินอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย
พ.ศ. ๒๕๔๖ และ ๓) ให้จังหวัดแต่งตั้งคณะทำงานตรวจตรา ควบคุมดูแล
รับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อควบคุมดูแลให้การดำเนินการดูดทรายเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดโดยเคร่งครัด
ประกอบกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๓๒ บัญญัติให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการความเห็น
และข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีและเมื่อคณะรัฐมนตรีได้รับแจ้งมาตรการฯ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว
หากเป็นกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ ให้แจ้งปัญหาและอุปสรรคต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ทั้งนี้
ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1104 | ร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พน. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการติดตั้ง ถัง ท่อ
อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ และระบบท่อก๊าซธรรมชาติ
การจัดให้มีคู่มือวิธีปฏิบัติกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และการรายงานการเกิดอุบัติเหตุภายในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติเพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ
ความเสียหาย หรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน
หรือสิ่งแวดล้อมจากการประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งรัดการร่างกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
(ฉบับที่ .) พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และพิจารณาเพิ่มเติมนิยามของเหตุฉุกเฉิน
และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามข้อกำหนดในร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ข้อ ๔.๑/๑ ๔๑/๒ และ ๔๑/๓ ได้แก่
ผู้ประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ และผู้รับใบอนุญาต ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงคมนาคม เห็นว่าหากการดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติระบบท่อก๊าซธรรมชาติ และการดำเนินการก่อสร้างสิ่งอื่นใดที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาอยู่ในเขตทางหลวงให้ดำเนินการขออนุญาตตามพระราชบัญญัติทางหลวง
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยผู้ขออนุญาตต้องคำนึงถึงผู้ใช้ทางเป็นหลัก กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่า “การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง”
นับเป็นเรื่องที่ดีหากการซ้อมแผนข้างต้นเป็นไปด้วยความรัดกุมและรอบคอบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1105 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (AMCA) ครั้งที่ 11 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองมะละกา มาเลเซีย | วธ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๑๑ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ เมืองมะละกา มาเลเซีย โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเน้นย้ำบทบาทสำคัญของวัฒนธรรมและศิลปะในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมเพื่อส่งเสริมเอกภาพของอาเซียน
การนำเสนอแนวคิดการดำรงตำแหน่งประธานรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะของมาเลเซีย
รวมทั้งระบุถึงความร่วมมือที่สำคัญ เช่น
ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ด้านวัฒนธรรมและศิลปะของอาเซียน (พ.ศ. ๒๕๕๙
- ๒๕๖๘) และการพัฒนาแผนปฏิบัติการฉบับใหม่และความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาภายใต้แผนงานอาเซียนบวกสาม
(สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี)
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1106 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพกรณีการส่งเสริมหรือสนับสนุนผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) และพัสดุส่งเสริมการผลิตภายในประเทศให้ผู้ประกอบการ
SMEs ได้แต้มต่อด้านราคาในการจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐ
แล้วแต่กรณี เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังขาดศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการทั่วไปให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ที่เห็นว่าในระยะต่อไปอาจพิจารณากำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการ
SMEs โดยวิธีการคัดเลือกแบบมุ่งเป้าตามบัญชีสินค้าและบริการที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมประกาศกำหนดเป็นรายปีโดยความเห็นชอบของกรมบัญชีกลาง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1107 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 56 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN
Economic Ministers’ Meeting : AEM) ครั้งที่ ๕๖
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๒ กันยายน ๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการประชุม AEM
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) การประชุม AEM
ครั้งที่ ๕๖ มีประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่ สปป.ลาว
ผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จในปี ๒๕๖๗ แล้ว ๓ ประเด็น ได้แก่
ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน
การทบทวนกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการบรรลุข้อสรุปสำคัญของการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
๓.๐ และ (๒) การประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ ๓๘ มีความคืบหน้า
เช่น การเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods
Agreement : ATIGA) โดยหาแนวทางในการบรรลุการเปิดตลาดเพิ่มเติม
และเร่งรัดการเจรจาเพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๘
และลงนามความตกลงได้ในช่วงการประชุม ครั้งที่ ๓๙ ในเดือนกันยายนปี ๒๕๖๘ ทั้งนี้
กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำตารางติดตามผลการประชุม AEM ครั้งที่
๕๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้องแล้ว ๒. เอกสารผลลัพธ์การประชุม ที่ประชุม AEM ครั้งที่ ๕๖ ได้เห็นชอบและรับรองต่อเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๑๖
ฉบับ โดยมีเอกสารผลลัพธ์ จำนวน ๖ ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
(มิได้มีการปรับเปลี่ยนในสาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๓ และ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗) ได้แก่ (๑)
ร่างผลลัพธ์การจัดทำตัวชี้วัดเชิงนโยบายในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอาเซียน
ปี ค.ศ. ๒๐๒๔ (๒)
ร่างกรอบแบบจำลองสำหรับระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน (๓)
ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน
(๔) ร่างแถลงการณ์ร่วมในการสรุปผลการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
อย่างมีนัยสำคัญ (๕)
ร่างถ้อยแถลงผู้นำอาเซียนบวกสามว่าด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค
และ (๖) ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศสมาชิกสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1108 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | กษ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานการเงินแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1109 | การเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการ
และจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในเดือนมีนาคม
๒๕๖๘ นี้ นั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน
สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็ว
อันจะส่งผลดีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับไปประสานกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1110 | การสรรหาพันธมิตรของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย | กค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) โดยสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีความรู้
ความเชี่ยวชาญด้านการเงินตามหลักศาสนาอิสลามเพื่อเข้าร่วมลงทุนใน ธอท.
โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
และให้ความสำคัญกับการให้บริการในทุกพื้นที่ที่มีชาวไทยมุสลิม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ
ธอท. ในการให้บริการทางการเงินที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม
รองรับความต้องการของชาวไทยมุสลิมได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งกระทรวงการคลังจะไม่เพิ่มทุนใน
ธอท. โดยการสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนจะต้องไม่ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังใน
ธอท. ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ในช่วง ๑ ปี นับจากวันที่การสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนเสร็จสมบูรณ์
และพันธมิตรร่วมลงทุนจะต้องมีข้อเสนอเกี่ยวกับการดูแลพนักงาน ธอท.
ที่เหมาะสมและเป็นธรรม ขั้นตอนการสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนให้ดำเนินการให้เป็นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณารายละเอียดการถือหุ้น วิธีการ
ราคาและสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังที่เหมาะสม
โดยให้พิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1111 | ขออนุมัติกู้เงินระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน 1,500 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | คค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน
รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดย รฟท.
จะดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน
ให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง (หนังสือกระทรวงการคลัง
ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๙๐๔/๑๕๑๖๕ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๙/๙๘๐ ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๒๔/๑๐๗๖๐ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการตามแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย)
เพื่อแก้ไขปัญหาองค์กรภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคมให้เห็นผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งปรับปรุงรายละเอียดของแผนฟื้นฟูกิจการและดำเนินการตามแนวทางของแผนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะด้านการหารายได้และการพัฒนาขีดความสามารถของกิจการ
รวมทั้งการพิจารณารายละเอียดและส่งมอบทรัพย์สินที่มีศักยภาพให้กับบริษัทลูกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารสินทรัพย์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการขนส่งระบบราง
ให้มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์
สามารถสร้างรายได้ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1112 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียวระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | พน. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1113 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | สกพอ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์
สาธารณรัฐประชาชนจีน และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างไทย-จีน
โดยดำเนินการในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการลงทุนภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น
(๑) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (๒) สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านดิจิทัล (๓)
ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร เช่น
เครือข่ายบรอดแบนด์และระบบนำทางด้วยดาวเทียม (๔) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ
เช่น ระบบ AI
และเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ และ (๕) พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น
ระบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ และคลังสินค้าอัจฉริยะ
รวมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านดิจิทัลและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระหว่างกัน
ทั้งนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนาม
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ
เอกชน และสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อสามารถเชื่อมโยง ขยายผล และต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
ภายใต้กรอบความร่วมมือของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปยังพื้นที่อื่น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยการสร้างมูลค่าจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลได้ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1114 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | อว. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of
Understanding on Jointly Supporting the Building of Joint Laboratories in
Artificial Intelligence between the Ministry of Higher Education, Science,
Research and Innovation of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Science
and Technology of the People’s Republic of China) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์
(AI) และการประยุกต์ใช้ AI แบบบูรณาการระหว่างสถาบันวิจัย
มหาวิทยาลัย และสถาบันเทคโนโลยีขั้นสูงของทั้งสองประเทศ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและพัฒนานักวิจัย ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1115 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ
กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานศุลกากรจีน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ
โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการระบุหลักเกณฑ์ด้านการตรวจสอบและการกักกันโรคสำหรับผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกไปยังจีน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1116 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ | ดศ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนความร่วมมือด้านการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์
(Artificial Intelligence - AI) และการประยุกต์ใช้ AI แบบบูรณาการระหว่างสถาบันวิจัย
มหาวิทยาลัย และสถาบันเทคโนโลยีขั้นสูงของทั้งสองประเทศ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและพัฒนานักวิจัย โดยฝ่ายไทยและจีนจะพิจารณามอบหมายหน่วยงานในสังกัดที่มีภารกิจเกี่ยวข้องให้ร่วมจัดตั้งและพัฒนาห้องปฏิบัติการร่วมเพื่อดำเนินกิจกรรมความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1117 | แนวทางปฏิบัติในการดำเนินการร่างอนุบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว | นร. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ร่างอนุบัญญัติมีผลใช้บังคับได้โดยเร็วและสามารถนำมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรณีร่างอนุบัญญัติซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหรืออนุมัติหลักการ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว
โดยยังคงเป็นไปตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีมีมติและมิได้แก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ
จึงมีมติให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้
โดยไม่ต้องนำเรื่องมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1118 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ
เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์
รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1119 | ร่างถ้อยแถลงร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วน ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านและการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย - จีน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น ผ่านวิสัยทัศน์ที่มุ่งมองไปข้างหน้าและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง | กต. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1120 | ร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี รักเสมอวงศ์ พ.ศ. .... | กค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลดงเย็น
อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี รักเสมอวงศ์ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้โอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะในท้องที่ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี
รักเสมอวงศ์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของนางมี รักเสมอวงศ์
ที่ปัจจุบันทางราชการได้เข้าใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งโรงเรียนบ้านป่าเป้า
จังหวัดอุดรธานี และได้นำส่งขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุไว้เรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
แก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามในแผนที่ท้ายพระราชบัญญัติให้เป็นไปตามปัจจุบัน
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|