ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 57 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 1121 - 1140 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1121 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริการไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและการไปรษณีย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | ดศ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริการไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและการไปรษณีย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมความร่วมมือการแลกเปลี่ยนด้านไปรษณีย์
และการพัฒนาบริการไปรษณีย์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ
ผ่านการจัดให้มีโครงการแลกเปลี่ยนทางไปรษณีย์ระหว่างสองประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้
ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน เช่น การพัฒนาอุตสาหกรรมไปรษณีย์
การวางแผนการพัฒนา ความปลอดภัยทางไปรษณีย์ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นระยะเวลา
๕ ปี ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1122 | การดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน | นร. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ผู้ก่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์
การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ
ตลอดจนการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติด
มักตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณชายแดนในเขตพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านและอาจใช้บริการสาธารณูปโภคต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ที่มีต้นกำเนิดจากฝั่งไทย ดังนั้น
เพื่อเป็นการขจัดต้นตอของปัญหาอาชญากรรมดังกล่าว
รวมทั้งเป็นการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน
จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เร่งดำเนินการจัดการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อพิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ชัดเจนและรอบด้าน
แล้วพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดนทุกประเภทเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
โดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1123 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers' Meeting: ALMM) ครั้งที่ 28 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 28 และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 13 | รง. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers’ Meeting : ALMM) ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๓๑
ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint
Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๘
และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม
ครั้งที่ ๑๓
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารดังกล่าว
ซึ่งประกอบด้วยการประชุมทั้งสิ้น ๔ การประชุม ได้แก่ ๑)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๐ ๒)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๒๒ ๓) การประชุม ALMM
ครั้งที่ ๒๘ และ ๔) การประชุม ALMM+3 ครั้งที่
๑๓ โดยได้มีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ของ ALMM ครั้งที่
๒๘ ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการตระหนักถึงปัญหาแรงงานขั้นพื้นฐานที่ต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ของ ALMM+3 ครั้งที่ ๑๓
ซึ่งมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนบวกสามเพื่อส่งเสริมสภาพแรงงานและการจ้างงาน
ความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านโครงการความร่วมมือต่าง ๆ
ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ และด้านวิชาการจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1124 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับหน่วยงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 ฉบับ | อว. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับหน่วยงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้
๑) ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน
เกี่ยวกับอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ไทย - จีน
ภายใต้พันธกิจอวกาศยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ หมายเลข ๗ โดยมีสาระสำคัญในการวางกรอบข้อตกลงและข้อกำหนดสำหรับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ไทย
- จีน ภายใต้พันธกิจอวกาศยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ หมายเลข ๗ และ ๒)
ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การพลังงานปรมาณูแห่งชาติจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ
มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ
การพัฒนาความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง และกำหนดให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับของทั้งสองประเทศ
ตลอดจนสนธิสัญญาและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่ากรณีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและความเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1125 | ขอรับการสนับสนุนการจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 | สขค | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการสนับสนุนการจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดิน
เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.)
ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เพื่อให้สำนักงาน กขค. มีรายได้ของสำนักงานจำนวนพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงาน
กขค. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๓๙๒.๙๙๕๕ ล้านบาท และอนุมัติให้ สำนักงาน กขค.
ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ เรื่อง เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า)
เสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1126 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) | ยธ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลผลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมตาราง ๕
ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยลดภาระในการจ่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีบางประการที่ไม่จำเป็น
เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการไม่สามารถชำระหนี้ได้
และยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1127 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการบังคับสูญหายบุคคลที่พำนักอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง | ยธ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการบังคับสูญหายบุคคลที่พำนักอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอลี้ภัยทางการเมืองของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1128 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ | กต. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙
สิงหาคม ๒๕๔๖ เรื่อง
การพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง
ๆ เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ
ตามที่คณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศเสนอ และรับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงฯ
ให้มีความชัดเจนและรัดกุมมากขึ้น
และเป็นประโยชน์ในการพิจารณาท่าทีสำหรับการเจรจาความตกลงฯ
ทั้งที่อยู่ระหว่างดำเนินการและที่มีแผนจะเจรจาต่อไปในอนาคต ตามที่คณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนใหม่นี้ให้แก่ส่วนราชการ
หน่วยงานของรัฐ รวมทั้งภาคเอกชน ให้ถูกต้องและทั่วถึง เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติในการจัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1129 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | สปสช. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ภายในวงเงิน ๒๖๕,๒๙๕,๕๘๒,๑๐๐ บาท
สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๒,๓๐๖,๔๙๘,๑๐๐ บาท
เห็นควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็นเหมาะสม
ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งดำเนินการและให้ความสำคัญในการสร้างจิตสำนึกด้านสุขภาพให้กับประชาชนผ่านการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และการใช้บริการทางด้านสาธารณสุขอย่างมีเหตุผล
รวมถึงเฝ้าระวังและป้องกันโรคไม่ติดต่อและโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงช่วยลดความจำเป็นในการใช้บริการทางการแพทย์และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาว
และพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นระบบเดียวกัน เป็นระบบ Service Data ที่เชื่อมโยงข้อมูลของผู้ป่วยในทุกสิทธิการรักษาพยาบาลอย่างครบถ้วนและทันสมัย
เพื่อช่วยลดความซ้ำซ้อนของบริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามผลการรักษา เป็นต้น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง
โดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประชาสัมพันธ์หน่วยบริการสถานพยาบาล
เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกสิทธิสามารถเข้าถึงการให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
และการให้บริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนอย่างทั่วถึงและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนคนไทยทุกสิทธิ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เห็นว่างบประมาณดังกล่าว
เป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยการต่อยอดนโยบาย
๓๐ บาทรักษาทุกที่ ซึ่งมุ่งเน้นการลดปัจจัยเสี่ยงและโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ
พร้อมทั้งการจัดบริการสุขภาพเชิงรุก รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพ
การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพอย่างครบวงจร
อันจะส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในทุกมิติได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1130 | ผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง สาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาสะพานถล่ม กรณีสะพานยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ | มท. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์) รายงานว่า ได้เข้าดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุกรณีสะพานยกระดับถนนอ่อนนุช
- ลาดกระบัง ถล่ม และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึง
เป็นธรรม และมีความเหมาะสมเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม มีโครงการขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานครที่มีปัญหาคล้ายคลึงกัน
เช่น กรณีสะพานกลับรถบนถนนพระราม ๒
เกิดเหตุถล่มเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นประเด็นปัญหาจากที่มีผู้รับเหมาช่วงในการดำเนินการก่อสร้างที่ประสิทธิภาพในการดำเนินการเป็นรองจากผู้รับเหมาที่ได้ชนะการประมูล
ดังนั้น
กรมบัญชีกลางควรเคร่งครัดกับการขึ้นทะเบียนจัดลำดับชั้นผู้ประกอบการงานก่อสร้างให้มีความเป็นปัจจุบันทุกปีและควบคุมประสิทธิภาพของผู้รับเหมา
รวมทั้งปัญหาผู้ควบคุมงานก่อสร้างควรต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์
หรือเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านวิศวกรรม เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างถูกต้อง
ปลอดภัย และมีคุณภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1131 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) | ปช. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(Environmental Impact Assessment : EIA) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1132 | ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม พ.ศ. .... | ปสส. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1133 | การเพิ่มองค์ประกอบในคณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้อมูลและคณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) | ดศ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเพิ่มองค์ประกอบกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะด้าน
ตามมาตรา ๑๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐
จำนวน ๒ คณะ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง)
ประธานกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. เพิ่มผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่
และผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
เป็นกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้อมูล ๒. เพิ่มปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เป็นกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1134 | ร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568) | ปสส. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1135 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร.01 | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องและเงินยังชีพรายเดือนแก่บุตรเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง
การรักษาความสงบเรียบร้อย และการปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ
ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ (คทช.) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1136 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีประจำประเทศไทย (นายเมาริซิโอ เมาโร เอปกัว โอบามา) | กต. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเมาริซิโอ เมาโร เอปกัว โอบามา (Mr. Mauricio Mauro Epkua
Obama) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายมานูเอล โมโต โตโม (Mr. Manuel Moto
Tomo) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1137 | รัฐบาลสาธารณรัฐตูนิเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตูนิเซียประจำประเทศไทย (นายมุฮัมมัด ฏรอเบลซี) | กต. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมุฮัมมัด ฏรอเบลซี (Mr. Mohamed Trabelsi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตูนิเซียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สืบแทน นายริอาด ดริดิ (Mr.
Riadh Dridi) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1138 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงอุตสาหกรรม) | อก. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี
จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘)เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ๒.
คณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1139 | ขออนุมัติดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย) | คค. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงว่า โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย
(ระยะที่ ๒ ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย) (โครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ระยะที่ ๒)
มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road : OBOR) โดยจะเป็นการเชื่อมโยงระบบคมนาคมทางรางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมายังประเทศไทย
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
ในส่วนที่กระทรวงการคลังมีความเห็นว่า การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ระยะที่ ๒
จำเป็นต้องใช้เงินกู้ในการดำเนินโครงการเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งกระทรวงคมนาคมมีโครงการลงทุนในช่วงเวลาเดียวกันอีกหลายโครงการ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) ที่จะใช้ในการดำเนินโครงการอื่น
ๆ อันอาจทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเข้าใกล้กรอบร้อยละ
๗๐ นั้น กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยจะรับไปศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ
ระยะที่ ๒ ในส่วนของการเดินรถ การลงทุน ระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล
รวมถึงในส่วนของการดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทาก่อนดำเนินการต่อไป
ซึ่งจะช่วยลดภาระในส่วนของวงเงินงบประมาณและเงินกู้ที่ใช้ในการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ
ระยะที่ ๒
รวมทั้งจะพิจารณาปรับปรุงสมมติฐานที่ใช้ในการศึกษาความเหมาะสมของโครงการทั้งหมดให้เป็นปัจจุบัน
ตามข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและความเห็นของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๘ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๔๐๕ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๘) ด้วย
โดยจะดำเนินการในเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติในหลักการโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ
ระยะที่ ๒ โดยให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ดำเนินการในส่วนของการจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สินและการก่อสร้างงานโยธาภายในกรอบวงเงิน
ดังนี้ ๒.๑
ค่าจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน วงเงิน ๑๒,๔๑๘.๖๑ ล้านบาท ๒.๒
ค่างานก่อสร้างโยธา วงเงิน ๒๓๗,๔๕๔.๘๖
ล้านบาท ๒.๓
ค่าควบคุมงานก่อสร้างโยธา วงเงิน ๖,๕๓๐.๐๑ ล้านบาท ๓.
ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
สำหรับเป็นค่าจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สินตามข้อ ๒.๑
โดยในส่วนค่างานก่อสร้างโยธาและค่าควบคุมงานก่อสร้างโยธา ตามข้อ ๒.๒ และข้อ ๒.๓
ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันเงินกู้ให้ตามความเหมาะสม และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับเป็นค่าชำระค่าคืนต้นเงินกู้
ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการก่อสร้างงานโยธาให้เป็นไปตามมาตรฐานทางเทคนิคที่เหมาะสมและใช้จ่ายงบประมาณอย่างประหยัด
มีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญต่อไป ทั้งนี้
เพื่อเป็นการลดแรงกดดันทางการเงินการคลังของประเทศในภาพรวม ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
พิจารณาศึกษาความเหมาะสมของการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ภายใต้โครงการรถไฟความเร็วสูงฯ
ระยะที่ ๒ เช่น การลงทุนระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล การลงทุนเครื่องมือ/อุปกรณ์
และรถจักร ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา เป็นต้น ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม
๒๕๖๘ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๖/๔๐๕ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๘)
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังก่อนดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเมื่อวันที่
๒๓ มกราคม ๒๕๖๘ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด
ที่ นร ๑๑๐๖/๔๐๕ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๘) รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาลงทุนในโครงการที่มีความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนเป็นลำดับแรก รวมถึงกำกับให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ระยะที่ ๑
ที่มีผลการดำเนินงานที่ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้เป็นอย่างมาก
เพื่อให้การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ สามารถเปิดให้บริการได้ตามเป้าหมายและเป็นไปตามสมมติฐานของอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
(EIRR) ในการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ
และป้องกันความเสี่ยงของต้นทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ที่รัฐต้องรับภาระทางการเงินเพิ่มขึ้นด้วย
ตลอดจนให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งศึกษารูปแบบการให้เอกชนเดินรถช่วงกรุงเทพมหานคร
- นครราชสีมา และนครราชสีมา - หนองคาย
ตามพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ (พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ)
ให้แล้วเสร็จทันแผนการเปิดให้บริการโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ระยะที่ ๑
และจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงสำหรับการจัดหาผู้เดินรถกรณีที่ผลศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนยังไม่แล้วเสร็จ
เป็นต้น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและดำเนินโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นลำดับแรก
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณและภาระทางการคลังของภาครัฐในอนาคตเกินสมควร และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดการศึกษารูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค
ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย รวมถึงศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา
ให้เป็นไปตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการ
และลดภาระงบประมาณของภาครัฐในระยะยาว ๕.
ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค
ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา)
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๘ (เรื่อง ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย
- จีน ครบรอบ ๕๐ ปี) ด้วย ๖.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการ
(Project Feasibility) ให้เหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดอายุของรายงานฯ
ที่จะนำไปใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติ/เห็นชอบโครงการ
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและสอดดล้องกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมสำหรับใช้ประกอบการพิจารณาโครงการลงทุนที่จะดำเนินการในอนาคตต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1140 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 | ปสส. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่
๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๖
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|