ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 59 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 1161 - 1180 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1161 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดิน (1.นายสมมาตร มณีหยัน ฯลฯ จำนวน 7 คน) | มท. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดิน
จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. นายสมมาตร มณีหยัน ด้านการจัดการที่ดิน ๒. นายสมโสถติ์ ดำเนินงาม ด้านทรัพยากรดิน ๓. นายนภดล ตันติเมฆิน ด้านการปฏิรูปที่ดิน ๔. นายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕. นายณรงค์ สืบตระกูล ด้านกฎหมาย ๖. นางศุปกิจ สกลเสาวภาคย์ ด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ๗. นายจุมพล ริมสาคร ด้านเศรษฐศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1162 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์) | สพร. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล) ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1163 | ผลการพิจารณารายงานผลการศึกษา เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร | สงป. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานผลการศึกษา
เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ของคณะกรรมาธิการการศึกษาจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาข้อสังเกตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ ดังนี้ (๑) การพิจารณาปรับปรุงกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการงบประมาณ
เนื่องจากความล่าช้าของงบประมาณประจำปี
กฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการงบประมาณในปัจจุบันสามารถรองรับให้มีการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงไปแล้ว
ไปพลางก่อนได้ (๒) การทบทวนแผนและเป้าหมายระดับชาติ
รวมทั้งตัวชี้วัดเพื่อให้สามารถบรรลุผลได้จริง
ปัจจุบันสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้ดำเนินการปรับปรุงแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อให้สามารถสะท้อนการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
(๓) การปรับปรุงกรอบอัตรากำลังบุคลากรภาครัฐ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามแผนงานบุคลากรภาครัฐแก่หน่วยรับงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและการเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้
อาจมีกลไกการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
(๔) การเพิ่มรายได้ภาครัฐใหม่และการพิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ภาครัฐ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการกำหนดกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี
การจัดโครงการรับชำระค่าภาษีอากรเพิ่ม ณ จุดเดียว (One Stop Service) สำหรับผู้ประกอบการที่เสียภาษีอากรสำหรับการนำเข้าของ
หรือส่งของออกไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน
ให้สามารถดำเนินการชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้ครบถ้วนได้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๔-๓๐ กันยายน ๒๕๖๙ เป็นระยะเวลา ๕ ปี และ (๕) การให้ความสำคัญกับงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญกับการถ่ายโอนภารกิจและเพิ่มงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
โดยพิจารณาอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสมและความแตกต่างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละรูปแบบ
รวมถึงได้มีการจัดทำแบบเรียนออนไลน์เกี่ยวกับการจัดทำคำของบประมาณเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกรายการ
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1164 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 18 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 11 รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กห. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๑๘
และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ ๑๑
รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ณ
นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญ เช่น
(๑) ที่ประชุมฯ ได้มีการรับรองและอนุมัติเอกสาร จำนวน ๕ ฉบับ ได้แก่ ๑)
ปฏิญญาร่วมเวียงจันทน์ของการประชุม ADMM ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อให้อาเซียนเกิดสันติสุข
ความมั่นคง และความเข้มแข็งของภูมิภาค ๒) ระเบียบการปฏิบัติสำหรับประเทศผู้สังเกตการณ์ในกิจกรรมของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในกรอบการประชุม
ADMM-Plus ๓)
เอกสารยุทธศาสตร์เพื่อการเตรียมความพร้อมในอนาคตของการประชุม ADMM และ ADMM-Plus ๔) เอกสารการจัดการฝึกผสมทางทะเล ระหว่างอาเซียน
- สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ ๒ และ ๕)
แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความพร้อมในการรับมือต่อภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติธรรมชาติ
(๒) การเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น งานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อาเซียน
- ออสเตรเลีย ครบรอบ ๕๐ ปี และงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อาเซียน - เกาหลีใต้ ครบรอบ
๓๕ ปี และ (๓) การหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน
และประเทศคู่เจรจา ๕ ประเทศดังกล่าวข้างต้น โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น การร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
การค้ามนุษย์ กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ (ลาว)
และการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาเพื่อเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ของโครงการจ้างสร้างเรือดำน้ำ
(จีน) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1165 | รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2566 | นร.12 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการประจำปี ๒๕๖๖
ซึ่งประกอบด้วยผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนาระบบราชการและข้อมูลผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
๑) การปรับปรุงบทบาทภารกิจและโครงสร้างหน่วยงานภาครัฐ ๒) การยกระดับบริการภาครัฐ
๓) การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
รวมถึงได้ตั้งเป้าความท้าทายของการพัฒนาระบบราชการและแนวทางดำเนินการต่อไป เช่น
การปรับภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางบริการภาครัฐให้สามารถให้บริการแบบครบวงจรในมุมมองของผู้รับบริการอย่างแท้จริงเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐใช้ประโยชน์ในการพัฒนาหน่วยงานต่อไป
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1166 | ความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย และผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 31 | คค. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค
ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย
และผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน
ครั้งที่ ๓๑ โดยมีสาระสำคัญ เช่น ความก้าวหน้าการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ
- หนองคาย ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพฯ -
นครราชสีมา มีการก่อสร้างแล้วเสร็จ ๒ สัญญา (ช่วงกลางดง - ปางอโศก และสีคิ้ว -
กุดจิก) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ๑๐ สัญญา และอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง ๒ สัญญา
ในส่วนของงานจ้างออกแบบรายละเอียด (สัญญา ๒.๑) ผู้รับจ้างฝ่ายจีนได้ออกแบบแล้วเสร็จ
งานจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง (สัญญา ๒.๒)
มีการเบิกจ่ายงานจ้างไปแล้วทั้งหมด ๑,๙๐๑.๓๘ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗)
งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟ และจัดฝึกอบรมบุคลากร (สัญญา
๒.๓) ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ตรวจรับงานแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ การจัดตั้งองค์กรกำกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ
ส่วนการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน)
ได้มีการจัดตั้งเรียบร้อยแล้ว ระยะที่ ๒ ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย
ปัจจุบันออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ โดยอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และการเชื่อมต่อทางรถไฟช่วงหนองคาย - เวียงจันทน์ การปรับปรุงสะพานมิตรภาพเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าด้วยน้ำหนักกดเพลา๒๐
ตัน/เพลา กรมทางหลวงได้ดำเนินการศึกษาความสามารถในการรับน้ำหนักเรียบร้อยแล้ว และสำนักงบประมาณได้อนุมัติงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเสริมกำลังสะพานมิตรภาพ การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่
ปัจจุบันได้ข้อตกลงว่าไทยและลาวจะร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย
ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1167 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2565 | มท. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานงบการเงินแล้ว เห็นว่าผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของกองทุนดังกล่าวถูกต้องในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1168 | รายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือน กรกฎาคม - กันยายน ๒๕๖๗ โดยมีผลการดำเนินการของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น
(๑) การรายงานผลการลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทาน (กระทรวงมหาดไทย) โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้ว
๗,๒๕๑,๕๓๓ คน (๒)
การจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่าง ๆ (๑๘ หน่วยงาน) ประกอบด้วย จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ
จิตอาสาเฉพาะกิจ และวิทยากรจิตอาสา ๙๐๔ มีการจัดกิจกรรม ๒๘,๙๙๒
ครั้ง (๓) การติดตามความก้าวหน้าโครงการในภารกิจของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
เช่น โครงการก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต
โครงการอนุรักษ์พื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร
โครงการพัฒนาและการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาคลองเปรมประชากร
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1169 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ) | นร.04 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี
ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบการต่อเวลา ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1170 | รายงานผลการดำเนินงาน โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน
โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ โดยคณะกรรมการพิจารณาฯ
ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีผลการดำเนินงานสรุปได้
ดังนี้ ๑) คณะกรรมการพิจารณาฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม
๒๕๖๕ มีมติเห็นชอบแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาของส่วนราชการและหน่วยงาน
ระยะ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกันจัดทำแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาระยะ
๕ ปีเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ - ๒๕๗๕ ต่อไป และ ๒) คณะกรรมการพิจารณาฯ
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรและแนวปฏิบัตินักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาเพื่อให้รองรับนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาที่จะสำเร็จการศึกษาในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปีการศึกษา ๒๕๖๖)
และเพื่อให้หน่วยงานสามารถคัดเลือกนักศึกษาทันตแพทย์ไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนได้ครบตามแผนความต้องการ
และกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินการ โดยกำหนดให้หน่วยงานต้องคัดเลือกทันตแพทย์คู่สัญญาไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนในหน่วยงานได้มากกว่าร้อยละ
๘๐ ของจำนวนความต้องการที่กำหนดในแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาของหน่วยงาน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1171 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | ศธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ๒. นายวิศรุต ปู่เพ็ง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล) ๓. นายพิษณุ พลธี ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
[ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1172 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายกองเอก วิสาร เตชะธีราวัฒน์) | นร.04 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายกองเอก วิสาร เตชะธีราวัฒน์
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1173 | การเสนอคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากมีหน่วยรับงบประมาณได้เสนอคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป เป็นจำนวนมาก แต่วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
(GDP) แม้ว่าจะยังคงอยู่ในกรอบการบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐแต่ก็มีระดับที่สูงขึ้นตามลำดับ
รวมทั้งในภาพรวมมีภาระหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสามารถนำไปขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม
และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลหน่วยรับงบประมาณให้จัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
โดยให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการต่าง ๆ
ที่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้หน่วยรับงบประมาณพิจารณานำงบประมาณจากแหล่งอื่น เช่น เงินนอกงบประมาณ
เงินรายได้ เงินสะสม มาใช้ในการดำเนินภารกิจตามแผนงาน/โครงการดังกล่าวก่อนเป็นลำดับแรกด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล มีความจำเป็นเร่งด่วน
สามารถแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน
และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ในระยะยาว เป็นลำดับแรก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1174 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุข (โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงสาธารณสุข สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน ๑,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานข้างต้น
โดยเฉพาะสภาพความแออัดหรือปัญหาการใช้งานในอาคารสำนักงานเดิมอย่างเป็นรูปธรรม
และความเร่งด่วนของโครงการเมื่อเปรียบเทียบกับการปรับปรุงอาคารสถานที่ของหน่วยบริการสาธารณสุข
เพื่อให้การลงทุนด้านสาธารณสุขของประเทศเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1175 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสถาบันพระปกเกล้า | พป. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ของสถาบันพระปกเกล้า จำนวน ๘๖๕,๑๗๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว
เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สถาบันพระปกเกล้ารับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1176 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พน. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต
และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต
และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๕๖
โดยแก้ไขหลักเกณฑ์ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ ๓ ไม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ถังเก็บน้ำมันดีเซลชนิดที่ไวไฟมากกว่าเก็บน้ำมันดีเซลชนิดที่ไวไฟน้อยกว่า
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการในปัจจุบันและเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่
๓ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรประชาสัมพันธ์และกำกับติดตามให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมันซึ่งกระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การดำเนินงานตามกฎหมายดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1177 | ข้อเสนอแนะจากการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัว | สม. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะจากการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัว
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงสาธารณสุข กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงยุติธรรมสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1178 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 | นร.04 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ ณ จังหวัดสงขลา และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
(ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา) ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๑๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1179 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคม จำนวน ๓๕ โครงการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘๖,๗๙๑.๘๔๐๐ ล้านบาท (ระยะเวลาดำเนินการ
ปี ๒๕๖๙ - ๒๕๗๔) โดยมีวงเงินที่จะขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
จำนวน ๕๕,๐๐๓.๘๕๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมประสานและบูรณาการกับหน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่งทุกรูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
ตามข้อ ๒๑ ของประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่องหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเร็ว สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการราคา รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย
ประโยชน์ที่จะได้รับประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ และรายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ช่วงบางบัวทอง - บางปะอิน
ให้กรมทางหลวงเร่งรัดการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างโครงการในส่วนของงานโยธา
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด
โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ ประโยชน์สูงสุดของทางราชการ
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1180 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน ๒,๙๒๒,๕๓๔,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว
เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|