ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 368 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7341 - 7360 จากข้อมูลทั้งหมด 123986 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7341 | การจัดทำแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2021-2023) | กต. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสในระยะ
๓ ปี โดยเน้นความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
ภายใต้บริบทสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติของไทย การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส
ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี ๒๕๖๖ (๒) กรอบความร่วมมือ ๔ ส่วน ได้แก่
การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคง
การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน
การเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน
เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนผ่านการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์
ภาษาและวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นระดับโลก
โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับทวิภาคี
ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามร่างแผนการ (Roadmap)
สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยปรับแก้ถ้อยคำในร่างแผนการฯ ฉบับภาษาไทย ส่วนที่ ๑ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติ
เสถียรภาพและความมั่นคง ให้ตรงกับกฎหมายและหลักปฏิบัติภายในประเทศ ดังนี้ ๑. (ง)
คำว่า “การบ่มเพาะความรุนแรงและแนวคิดสุดโต่ง” ปรับแก้เป็น
“การบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่ง” ๒. (ช) คำว่า “ขบวนการอาชญากรรม” ปรับแก้เป็น. “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
๓. (ช) คำว่า “การค้าอาวุธ” ปรับแก้เป็น “การลักลอบค้าอาวุธ” ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามถ้อยคำจากร่างแผนการฯ
คู่ฉบับภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศสเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับกฎหมายรวมถึงแนวปฏิบัติของหน่วยงานรับผิดชอบของฝ่ายไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7342 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษี
ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือบุคคลใด สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษี
แบบยื่นรายการนำส่งภาษี แบบยื่นรายการภาษี แบบนำส่งภาษี รายงาน บัญชีพิเศษ
บัญชีงบดุลหรือบัญชีอื่น ๆ ประกอบแบบแสดงรายการคำร้องคืนภาษีอากร คำร้องอุทธรณ์
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารหรือหนังสืออื่นใดต่อกรมสรรพากร ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7343 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
(กองทุนฯ)
ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ....
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งงที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้และสวัสดิการสำหรับแรงงานนอกระบบ
โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ (๑) แผนรายรับของกองทุนฯ
ควรมีความชัดเจนและมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน
พร้อมทั้งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อหาสมาชิกให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม (๒)
แผนการดำเนินงานและวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
จะต้องมีความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่น และ (๓)
ไม่ควรกำหนดให้กองทุนฯ
เป็นแหล่งเงินงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานนโยบายแรงงานนอกระบบ
ควรดำเนินงานผ่านงบประมาณปกติของหน่วยงาน
รวมทั้งการกำหนดให้จ่ายเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีสิทธิอื่นใดแก่แรงงานนอกระบบ
ควรระบุสิทธิประโยชน์อื่นแก่แรงงานนอกระบบให้ชัดเจน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น ควรกำหนดแผนหรือมาตรการเพื่อรองรับกรณีรายรับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ควรมีระบบติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายกองทุนฯ อย่างเนื่อง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7344 | ถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1 (First Meeting of the International Forum on COVID-19 Vaccine Cooperation) | กต. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ (First Meeting of the International Forum on COVID-19
Vaccine Cooperation) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตวัคซีนและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙
ให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้และมีราคาที่จัดหาได้มากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาและเพื่อระดมความเห็นเพื่อสนับสนุนประชาคมโลกในการเอาชนะโควิด-๑๙
โดยถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเพื่อเน้นย้ำว่าวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ เป็นสินค้าสาธารณะของโลก
และความสำคัญของแนวคิดวัคซีนพหุภาคีนิยม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7345 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๕ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ
ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๑๕) และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ รวม ๓ ฉบับ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน
แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7346 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข) | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ให้แก่ศิริราชมูลนิธิ
หรือมูลนิธิจุฬาภรณ์ และยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ
และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า
หรือสำหรับการกระทำตราสาร
อันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่มูลนิธิดังกล่าวที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยให้กำหนดวันเริ่มต้นการดำเนินการตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุขในร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่วันที่
๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบหลักเกณฑ์เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคด้านสาธารณสุข
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7347 | ผลการประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย - มณฑลกวางตุ้ง ครั้งที่ 1 | กต. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง
ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานการประชุมฯ
ร่วมกับผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง (นายหม่า ซิงรุ่ย)
ซึ่งฝ่ายกวางตุ้งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ และมีผู้แทนระดับสูงและผู้แทนจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของทั้ง
๒ ฝ่ายเข้าร่วมประชุม
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติตามผลการประชุมฯ
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยที่ประชุมฯ ได้หารือในเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น
นโยบายและทิศทางความร่วมมือระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้ง
การส่งเสริมความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการจัดตั้งกลไกการติดตามผลการประชุมฯ
ซึ่งฝ่ายไทยและฝ่ายกวางตุ้งมีข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ เช่น
การเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การส่งเสริมการค้าในรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรหมแดนระหว่างกัน
และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านกรอบเมืองพี่เมืองน้องมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7348 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙
โดยกำหนดให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสามารถรับโอนเงินของสมาชิกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หรือกองทุนอื่นที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือชราภาพได้
แก้ไขเพิ่มเติมอัตราการส่งเสริมของสมาชิก โดยให้ส่งได้ไม่เป็นเกินร้อยละ ๓๐
ของเงินเดือน เพิ่มหลักเกณฑ์การบริหารเงินของสมาชิกผู้ถึงแก่ความตายในกรณีที่ผู้มีสิทธิรับมรดกยังไม่ยืนคำขอรับเงินที่สมาชิกมีสิทธิได้รับ
แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารเงินของสมาชิกซึ่งสิ้นสุดสมาชิกภาพ
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนของเงินของกองทุนในบัญชีเงินสำรองและบัญชีรายบุคคลของสมาชิกแต่ละคน
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7349 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายอิทธิพล คุณปลื้ม) ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7350 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางรัตนา จงสุทธานามณี) | นร.04 | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นางรัตนา จงสุทธานามณี เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7351 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๒,๒๗๙.๗๘๑ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
จำนวน ๓,๒๗๘.๘๖๖ ล้านบาท (รวมเป็นภาระที่รัฐต้องชดเชยทั้งสิ้น
๕,๕๕๘.๖๔๗ ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เพื่ออุดหนุนทางการเงินโดยจ่ายชดเชยผลขาดทุนให้กับ ขสมก. และ รฟท. ในรูปของเงินงบประมาณ
ตามจำนวนส่วนต่างของประมาณการรายได้และต้นทุนการให้บริการสาธารณะ
เพื่อลดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของ ขสมก. และ รฟท ในการดำเนินการตามภารกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ขสมก. และ รฟท. ควรหาแนวทางในการลดกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
โดยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการให้บริการสาธารณะ
และปรับตัวแปรตามอัตราที่ใช้ในการคำนวณรายได้และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการให้บริการสาธารณะตามผลที่เกิดขึ้นจริง
ให้ ขสมก. เร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่สอดคล้องกับแผนการปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร
และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้ รฟท.
เร่งดำเนินการฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะการหารายได้เพิ่มจากการถ่ายโอนสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทลูกของ
รฟท. เพื่อให้มีเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในครั้งต่อ ๆ ไป
ในกรณีที่กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) มีความประสงค์จะปรับปรุงการให้บริการสาธารณะเพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาไม่น้อยกว่า
๕ เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ ตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๔ อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7352 | การตรวจลงตราเพื่อการรักษาพยาบาล ระยะเวลา 1 ปี (Medical Treatment Visa) รหัส Non-MT | สธ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการตรวจลงตราเพื่อการรักษาพยาบาล
ระยะเวลา ๑ ปี (Medical Treatment Visa) รหัส Non-MT มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดประเภทการตรวจลงตราเพื่อการรักษาพยาบาลประเภทใหม่ให้สอดรับกับระยะเวลาและกระบวนการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน
รวมทั้งเพิ่มตัวเลือกในการเดินทางเข้าสู่ประเทศให้แก่ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพและมีกำลังใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล
โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข
ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น
และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. ๒๕๔๕
พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึงต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น
การเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ป่วยชาวต่างชาติผ่านการอำนวยความสะดวกที่มากขึ้นจากกระบวนการหรือเอกสารที่ใช้ประกอบการขอรับการตรวจลงตรา
การตรวจคุณสมบัติและประวัติกลุ่มบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
และการให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ
ที่มีผู้ป่วยเป็นพาหะ ทั้งโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7353 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 16/2564 | นร.11 สศช | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ โดส (Sinovac)
โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนตุลาคม ๒๕๖๔
เป็น สิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ (๒) อนุมัติให้กรมการจัดหางาน ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์
รวมทั้งธุรกิจ SMEs สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง (๓) มอบหมายให้กรมการจัดหางาน
กำหนดให้มีกลไกการตรวจสอบสภาพการจ้างงานใหม่
กรณีที่เป็นลูกจ้างรายวันจากฐานข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยการจ่ายเงินอุดหนุนจากรัฐผ่านโครงการฯ
ต้องอยู่บนเงื่อนไขของการให้เงินอุดหนุนตามจำนวนลูกจ้างรายวัน ๑ ราย ต่อ ๑ นายจ้าง
เท่านั้น และ (๔) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๑ (๑๐ กรกฎาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง โดยเร็ว และมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
และตามรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๑ โดยเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้
การจัดหาเงินและการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้กรมการจัดหางานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน
อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7354 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
(ไตรมาสที่ ๔) และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7355 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. 2564-2565) | กก. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติ
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวตาม
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕)
อันเป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และภายหลังสถานการณ์ดังกล่าวให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
และเกิดการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาตัวชี้วัดเชิงคุณภาพและกระบวนการติดตามและประเมินผล
รวมทั้งกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยว
โดยให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทในการดำเนินการการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ตลอดจนการพัฒนากระบวนการหรือแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ
ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ
การเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และจัดทำให้เป็นระบบข้อมูลเปิด (Open Data) ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น แลกเปลี่ยนเรียนรู้
สร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและการสะท้อนผลลัพธ์ในแต่ละโครงการ
ควรส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า และควรมีการบูรณาการการขับเคลื่อนระหว่างหน่วยงานภายใต้แผนฯ
และมีการติดตามประเมินผลแผนฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. การขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
(พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) และการจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติฉบับต่อไป ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวม
เพื่อให้การกำหนดหรือการดำเนินมาตรการ/โครงการที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยเฉพาะการยกระดับกลไกการดำเนินงาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวในรูปแบบที่หลากหลาย
รวมทั้งควรเน้นย้ำความสำคัญของการใช้อำนาจแบบอ่อน (Soft
power)
ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น
ประเด็นวัฒนธรรมและค่านิยม โดยพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน Soft power ของประเทศให้สอดคล้องกับความปกติใหม่ (New normal) อย่างเป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7356 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564) | ปสส. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ
ค.ศ. ๑๙๗๓ ที่แก้ไขปรับปรุงโดยพิธีสาร ค.ศ. ๑๙๗๘ ภาคผนวก ๕
ว่าด้วยกฎข้อบังคับสำหรับการป้องกันมลพิษจากขยะบนเรือ ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสถาปนิก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑ ธันวาคม
๒๕๖๔ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7357 | ขออนุมัติวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 เพิ่มเติม | พณ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๔/๖๕
เพิ่มเติม จำนวน ๗๖,๐๘๐.๙๕ ล้านบาท จำแนกเป็น วงเงินจ่ายชดเชยให้เกษตรกร จำนวน
๗๔,๕๖๙.๓๑ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
จำนวน ๑,๕๑๑.๖๔ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี
๒๕๖๔/๖๕ จำนวนทั้งสิ้น ๘๙,๓๐๖.๓๙ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ
เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส.
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้
ธ.ก.ส.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินการจริง
ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ในส่วนของอัตราการชดเชยต้นทุนทางการเงินให้ ธ.ก.ส. ให้ใช้อัตราต้นทุนทางการเงินของ
ธ.ก.ส. ประจำไตรมาส บวก ๑
โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธ.ก.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ตรวจสอบพื้นที่และที่มาของปริมาณผลผลิตข้าว ราคาซื้อขายในตลาด
จำนวนเกษตรกรที่ลงทะเบียน ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก
และจำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วนไม่ซ้ำซ้อนในทุกมิติ
โดยดำเนินการในพื้นที่ที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน และ (๒)
กำหนดมาตรการหรือกลไกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ได้ผลผลิตที่มีปริมาณมากและคุณภาพสูง ใช้ต้นทุนต่ำ
และการปลูกข้าวแต่ละชนิดตามความเหมาะสมของพื้นที่ (Zoning)
และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่แท้จริง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปิดบัญชีโครงการที่รัฐบาลรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ
ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถนำกรอบวงเงินที่เหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ดังกล่าว มาใช้ในการดำเนินโครงการอื่นที่มีความจำเป็นในอนาคตได้ต่อไป
รวมทั้งให้เร่งรายงานผลการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการตามนัยมาตรา ๒๙
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7358 | การชดเชยต้นทุนเงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโครงการประกันรายได้เกษตรกรและมาตรการคู่ขนาน ปี 2564/65 | นร. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเกี่ยวกับการชดเชยต้นทุนเงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโครงการประกันรายได้เกษตรกรและมาตรการคู่ขนาน
ปี ๒๕๖๔/๖๕ แล้ว
มีมติเห็นชอบเป็นหลักการให้กำหนดอัตราการชดเชยต้นทุนเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรและมาตรการคู่ขนาน ปีการผลิต ๒๕๖๔/๖๕
ที่ดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ (เรื่อง
ผลการหารือการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. โครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี ๒๕๖๔/๖๕
และมาตรการคู่ขนาน)
ในอัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประจำไตรมาส บวก
๑ โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7359 | ขออนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 | กษ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง
ระยะที่ ๓ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐,๐๖๕.๖๙
ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง ในกรณีราคายางตกต่ำ
ในช่วงวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
และเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นรวมทั้งค่าบริหารโครงการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและการยางแห่งประเทศไทยดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๒๙ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔)
ทั้งนี้
ในส่วนของอัตราการชดเชยต้นทุนทางการเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้ใช้อัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ประจำไตรมาส บวก ๑ โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินที่แท้จริงทุกไตรมาส
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การยางแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด
ที่ นร ๐๗๑๘/๑๒๙ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรอบวงเงินภายใต้ตามมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินคงเหลือไม่เพียงพอ
ให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย
เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
กรณีเกษตรกรชาวสวนยางมีเป้าหมายในการดำเนินการในพื้นที่ป่าไม้จะต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง
ครบถ้วน เป็นไปตามนัยมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวน พ.ศ. ๒๕๐๗
และพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตลอดจนระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ยางระยะ ๒๐ ปี
เพื่อยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางและการพัฒนาอาชีพและรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงโดยไม่สร้างภาระด้านงบประมาณแก่ประเทศไทยในระยะยาว
และเร่งพิจารณาแหล่งเงินตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถของภาครัฐที่จะต้องรับภาระงบประมาณทั้งในปัจจุบันและอนาคตเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปิดบัญชีโครงการที่รัฐบาลรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายในการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการตามนัยมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถนำกรอบวงเงินที่เหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ดังกล่าว
มาใช้ในการดำเนินงานโครงการอื่นที่มีความจำเป็นในอนาคตต่อไป
รวมทั้งให้เร่งรายงานผลการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเร็วด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7360 | โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 | พณ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยอนุมัติกรอบวงเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต ๒๕๖๔/๖๕ ภายในกรอบวงเงิน ๕๔,๙๗๒.๗๒
ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของอัตราการชดเชยต้นทุนทางการเงิน ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
ให้ใช้อัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาส บวก ๑
โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ ๒.๑ รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า (๑) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ต้องจัดทำบัญชีสำหรับการดำเนินกิจกรรม
มาตรการ หรือโครงการที่ได้รับมอบหมายแยกต่างหากจากบัญชีการดำเนินงานทั่วไป
พร้อมทั้งเสนอรายงานผลการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายและผลสัมฤทธิ์ต่อรัฐมนตรี
เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งเผยแพร่ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ตามนัยบทบัญญัติมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ
(๒) เนื่องจากโครงการสนับสนุนสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและโครงการประกันรายได้พืชต่าง
ๆ เป็นนโยบายของรัฐที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาและมีการดำเนินการเป็นประจำ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสทางด้านการคลัง
หากกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในเห็นว่า ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
ก็ควรบรรจุโครงการรัฐดังกล่าวในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนปกติเพื่อไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่จำเป็น
เช่น ภาระดอกเบี้ยที่รัฐบาลต้องจ่ายให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันภาระดอกเบี้ยที่รัฐบาลต้องจ่ายให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ในกรณีที่รัฐบาลใช้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการต่าง
ๆ มีจำนวนประมาณ ๙,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี ๒.๒ รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทุกโครงการ
ตลอดจนคำนึงถึงการกระจายความช่วยเหลือไปยังเกษตรกรในสาขาหรือพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นด้วย
และ (๒) เพื่อให้เกิดการปรับปรุง พัฒนา
และเพิ่มศักยภาพให้เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ
และปลายน้ำให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ตลอดจนลดภาระงบประมาณของภาครัฐระยะยาว เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ (๒.๑) ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย
ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ให้บรรลุเป้าหมายและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และ (๒.๒) ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรเตรียมพร้อมปรับตัวต่อสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าเกษตรที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปสู่การผลิตสินค้าเกษตรที่สร้างมูลค่าสูงและมีตลาดรองรับที่ชัดเจน
๒.๓ รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ (๑) เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่และที่มาของผลผลิตข้าว ราคาซื้อขายในตลาด
จำนวนเกษตรกรที่ลงทะเบียน ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก
และจำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อนในทุกมิติ
โดยดำเนินการในพื้นที่ที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนจัดทำต้นทุนทางการเงิน ความเสี่ยง และความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
รวมทั้งจัดให้มีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์
เพื่อกำหนดนโยบายหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป
และ (๒) ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมพิจารณากำหนดมาตรการหรือกลไกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ได้ผลผลิตที่ปริมาณมาก และคุณภาพสูง ใช้ต้นทุนต่ำ
และการปลูกข้าวแต่ละชนิดตามความเหมาะสมของพื้นที่ (Zoning) และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่แท้จริง
โดยไม่ให้เกิดส่วนต่างที่เกินความจำเป็นของราคาที่รัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้น
และจะต้องคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถของภาครัฐที่จะต้องรับภาระงบประมาณ
ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตามกฎหมายวินัยการคลัง
รวมทั้งพิจารณาดำเนินการตามข้อสั่งการของ นายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ มีนาคม ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดด้วย (เช่น ให้มีการปฏิรูปภาคการเกษตร
พิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณ ให้มีความเหมาะสม
ติดตามสถานการณ์การขึ้นทะเบียนเกษตรผู้ปลูกข้าวที่เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายทุกปี
และจัดระบบตรวจสอบกำกับดูแลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้มีความรัดกุม เป็นต้น) |