ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 367 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7321 - 7340 จากข้อมูลทั้งหมด 123986 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7321 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | นร. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
เร่งพิจารณาผลงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรจะดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๕
ให้แก่ประชาชนดังเช่นทุกปีที่ผ่านมาโดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
นำแผนงาน/โครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วภายในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7322 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และอาคารจอดรถอัตโนมัติ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร | รจภ. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และอาคารจอดรถอัตโนมัติ (จำนวน ๒ รายการ
ได้แก่ รายการค่าก่อสร้างและรายการค่าควบคุมงาน) (ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๗) จาก แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เป็น
แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
(ไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ) ตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เสนอ
และให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล โครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7323 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2564) | ปสส. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันศุกร์ที่
๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ พิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย
มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบิน พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๑
ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๘ ธันวาคม
๒๕๖๔ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๕
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7324 | พิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบิน และพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 11 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน รวม 2 ฉบับ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2564)] | ปสส. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันศุกร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย
มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบินและพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่
๑๑ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน รวม ๒ ฉบับ
ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7325 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 | กค. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อปี และคาดว่าในปี
๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๗ และ ๓.๙ ตามลำดับ (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน
ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในปี ๒๕๖๔ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-๑๙
และในปี ๒๕๖๕ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และ (๓)
แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ ๐.๗
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-๑๙ โดยคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจในปี
๒๕๖๕ จะขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ ๓.๙ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวและสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7326 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 39 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๙
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง [The 39th ASEAN Ministers to Energy Meeting (AMEM) and
Associated Meetings] ระหว่างวันที่
๑๓-๑๖ กันยายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ (๑)
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๙
ที่ประชุมรับทราบแผนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน
ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ เช่น
การเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียนและพลังงานหมุนเวียน (๒) การประชุมอื่น ๆ
เช่น การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานบวกสาม ครั้งที่ ๑๘
โดยมุ่งเน้นความร่วมมือด้านความมั่นคงพลังงานและพลังงานหมุนเวียน และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับสหรัฐฯ
โดยนำเสนอกรอบแนวทางความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีด้านพลังงาน
(๓) การรับรองร่างปฏิญญาและร่างถ้อยแถลง รวม ๖ ฉบับ เช่น
ร่างปฏิญญาร่วมบันดาร์เสรีเบกาวัน
รัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานในด้านความมั่นคงและการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและถ้อยแถลงร่วมของการกระชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้ง ๓๙ และ (๔) ไทยได้แสดงวิสัยทัศน์ในการจัดหาพลังงานให้เพียงพอ มีเสถียรภาพ
รวมทั้งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อนำพาอาเซียนไปสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำในอนาคต
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7327 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2564 | ศอบต. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ
(๖ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
(๒)
รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓) รายงานความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความยั่งยืน
(๔)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน (๕)
รายงานความคืบหน้าโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วนและการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๖) รายงานความก้าวหน้าการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่
สำหรับดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ไปสู่เมืองต้นแบบที่ ๔ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
“เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา (๔ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
การขยายผลโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ (๒)
ขออนุมัติหลักการโครงการแก้ไขปัญหาสุขภาวะและภาวะโภชนาการต่ำของเด็กเล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๓)
ขออนุมัติหลักการและกรอบวงเงินโครงการเมืองปศุสัตว์ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล
จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๔)
การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองร่างยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7328 | ร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting - GRB : A Practical Handbook) | พม. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการของร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ
โดยร่างคู่มือฯ ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ
ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบูรณาการมุมมองเพศภาวะเข้าสู่กระบวนการจัดการงบประมาณทั้งรายรับและรายจ่าย
เพื่อให้การตัดสินใจในการใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูงสุด
เหมาะสมกับบริบทความต้องการ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
และสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ การวิเคราะห์ความต้องการ
โอกาส ข้อจำกัด และการเข้าถึงทรัพยากรที่แตกต่างกันของหญิงและชายที่จะต้องคำนึงถึงในกระบวนการงบประมาณ
โดยนำปัจจัยต่าง ๆ มาวิเคราะห์ เช่น อายุ อัตลักษณ์ทางเพศ ระดับการศึกษา ความพิการ
สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทยและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะและแบบรายการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นก่อนดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหน่วยงานต่าง
ๆ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะเบื้องต้น
และสามารถนำแนวทางการจัดทำงบประมาณฯ มาปรับใช้ในการจัดสรรทรัพยากร
และงบประมาณของหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แจ้งให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องนำคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะพร้อมแบบรายการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะที่ได้ปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้วไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณต่อไป
รวมทั้งเผยแพร่คู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะให้เป็นที่รับรู้ทั่วไป
และแจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7329 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่งเอสแคป ครั้งที่ 4 | คค. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีด้านการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
และร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคสำหรับการพัฒนาด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
(ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๖) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการพัฒนาระบบการขนส่งที่ยั่งยืน
ผ่านการกำหนดเป้าหมายและวางแผนโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อมุ่งสู่การดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี
ค.ศ. ๒๐๓๐ ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7330 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 3 ฉบับ | กษ. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ดังกล่าว จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองจำไหร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหัวช้าง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา
ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองจำไหร ในท้องที่จังหวัดสงขลา และทางน้ำชลประทานคลองหัวช้าง
ในท้องที่จังหวัดพัทลุง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ในส่วนของชื่อท้องที่การปกครองและแนวเขตการปกครองท้องที่
ตลอดจนตรวจสอบพื้นที่และจุดยึดโยงต่าง ๆ ให้ถูกต้องและให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามให้เป็นปัจจุบันก่อนประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไปด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7331 | ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง มาตรการเพื่อประโยชน์ในการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและมาตรการเกี่ยวกับสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2564 | พณ. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
มาตรการเพื่อประโยชน์ในการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและมาตรการเกี่ยวกับสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการห้ามส่งออก ส่งกลับ ถ่ายลำ ผ่านแดน
และถ่ายโอนเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและมาตรการเกี่ยวกับสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
และก่อนการบังคับใช้มาตรการมีขั้นตอนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อมูลเพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
รวมทั้งผู้ที่ถูกบังคับใช้มาตรการสามารถยื่นคำขอให้ทบทวนเพื่อยกเลิกการบังคับใช้มาตรการที่กำหนดได้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7332 | การจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ (Peacebuilding Fund) ของสหประชาชาติ | กต. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบต่อการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ [Peacebuilding
Fund (PBF)]
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายละเอียดการบริจาคเงินให้แก่ PBF และการบริหารจัดการ
PBF ตามข้อกำหนดและเงื่อนไข
ซึ่งจะบังคับกับองค์การที่เป็นผู้รับและตัวแทนบริหารจัดการให้ดำเนินการตามแนวทางที่สหประชาชาติกำหนดอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
โดยไม่มีการกำหนดพันธกรณีสำหรับผู้บริจาค โดยข้อตกลงฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
ผู้บริจาคโอนเงินสนับสนุน จำนวน ๑ แสนดอลลาร์สหรัฐ
ทันทีภายหลังจากการลงนามข้อตกลงฯ (๒) องค์การที่เป็นผู้รับดำเนินกิจกรรมตามแผนงานซึ่งผู้บริจาคได้ช่วยสนับสนุนทางการเงิน
(๓) ข้อตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับเมื่อผู้เข้าร่วมได้ลงนาม
และอาจจะถูกยกเลิกได้โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า ๓๐ วัน
และจะมีผลใช้บังคับจนกว่าข้อตกลงจะสิ้นสุดหรือถูกยกเลิก ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ
ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้ลงนามข้อตกลงฯ ของฝ่ายไทย ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7333 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ 1 บี และ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ และเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ พื้นที่รักษาความปลอดภัย และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตร ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี | อก. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ชี้แจงว่า พื้นที่ทั้งหมดที่เสนอขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ๑ บี และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่
รวมถึงพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ
พื้นที่รักษาความปลอดภัย
และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตรที่ ๒๗๘๗๔/๑๔๗๖๖
และที่ ๒๗๘๙๓/๑๕๐๓๑ เนื้อที่ ๑๔๐ ไร่ ๒ งาน ๗๑ ตารางวา ของบริษัท ที่พีไอ โพลีน
จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี ในครั้งนี้
เป็นพื้นที่เดิมที่เคยได้รับการผ่อนผันให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑
บี และ ๑ บีเอ็ม มาก่อนแล้ว สำหรับการดำเนินคดีอาญากับบริษัทฯ นั้น
พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องทุกคดีและคดีถึงที่สุดแล้ว
ส่วนคดีแพ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
ซึ่งหากผู้ประทานบัตรกระทำผิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ทางราชการ ๒.
อนุมัติการขอผ่อนผันให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี และ ๑
บีเอ็ม
เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓-๗/๒๕๕๖ และที่ ๙-๑๑/๒๕๕๖
ซึ่งร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกัน และตามคำขอที่ ๒๗๓๔๐/๑๔๓๙๐ ๒๗๓๔๑/๑๔๓๙๑
และที่ ๒๗๓๔๘/๑๔๓๙๒ ของผู้ขอเอง และเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ พื้นที่รักษาความปลอดภัย
และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตร ตามคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าตามมาตรา ๕๔
แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตามมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ ๑๕
พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔)
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับการประกอบกิจการของผู้รับประทานบัตรให้เป็นไปตามกฎหมาย
กฎ ระเบียบ และเงื่อนไขต่าง ๆ โดยเคร่งครัด รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับบริษัทฯ
และกำกับดูแลให้บริษัทฯ ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม
เช่น สมควรผ่อนผันให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี และ ๑
บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่เฉพาะในพื้นที่ตามประทานบัตรเดิม ตามคำขอประทานบัตรที่
๓-๗/๒๕๕๖ และที่ ๙-๑๑/๒๕๕๖ คำขอที่ ๑๒-๑๗/๒๕๕๖ จำนวน ๑๔ แปลง (๓,๖๖๙ ไร่) เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7334 | รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2562 และรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2563 | นร.12 | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการ
ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี ๒๕๖๓ รวม ๒ ฉบับ
เป็นการรายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการ
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕)
พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๗๑/๑๐ (๑๐) ที่บัญญัติให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๒.
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่เห็นควรเพิ่มความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยเน้นการพัฒนาการทำงานของภาครัฐที่มีความสามารถสอดคล้องกับรูปแบบในฐานวิถีชีวิตใหม่
(New Normal)
และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้มาตรการการทำงานที่บ้าน (Work From Home) มาปรับใช้อย่างเหมาะสม
รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลการทำงานในรูปแบบใหม่ดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7335 | ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... (การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564) | ยธ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัตริย์ทรงมีแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
โดยมีการตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ โดยในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ สมควรจะมีการพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี
อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว ให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระบบการรักษานอกเรือนจำ
เพื่อดูแลรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ต้องโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว
ซึ่งเป็นคนเจ็บป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เช่น
คนเจ็บป่วยซึ่งมีภาวะติดเตียงหรือมีโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต
คนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และคนเจ็บป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7336 | แต่งตั้งประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (นายกุลเดช พัวพัฒนกุล) | กษ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล เป็นประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย
แทนประธานกรรมการเดิม ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7337 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายธนา เวสโกสิทธิ์ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายธนา เวสโกสิทธ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส ๔. นายภควัต ตันสกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการทูต ๕. นายนิพนธ์ เพ็ชรพรประภาส ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงบูดาเปสต์ ฮังการี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7338 | การเปลี่ยนแปลงโฆษกหน่วยงาน (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงโฆษกประจำสำนักงาน
ก.พ.
เป็นนายกิติพงษ์ มหารัตนวงศ์ ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ ก.พ. แทนนายปิยวัฒน์
ศิวรักษ์ ตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. (ในขณะนั้น)
เนื่องจากปัจจุบันได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7339 | รายงานประจำปี 2563 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๓ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานที่เด่น งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7340 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี 2564 | สสว. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) สถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๔
เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross
Domestic Product : GDP) ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Micro, Small and Medium-sized Enterprises : MSME) ปี ๒๕๖๓ มีมูลค่า ๕,๓๗๖,๐๖๖ ล้านบาท การค้าระหว่างประเทศของ MSME ปี ๒๕๖๓
การส่งออกของ MSME มีมูลค่า ๘๓๙,๗๕๐.๑๒
ล้านบาท ดัชนีความเชื่อมั่นของ MSME ปี ๒๕๖๓ อยู่ที่ระดับ
๔๒.๕ ซึ่งต่ำกว่าระดับค่าฐานที่ ๕๐ และการจ้างงานของ MSME
มีจำนวน ๑๒,๗๑๔,๙๑๖ คน คิดเป็นร้อยละ
๗๑.๗๐ ของการจ้างงานทั้งประเทศ (๒) สถานการณ์ MSME ในช่วง ๗
เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม) ของปี ๒๕๖๔ เช่น มูลค่าการส่งออกของ MSME ในช่วง ๗ เดือนแรกใของปี ๒๕๖๔ มีมูลค่า ๖๐๘,๑๙๖.๒
ล้านบาท (๑๙,๙๒๑.๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัวร้อยละ ๓๐.๑
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและฐานที่ต่ำในปีก่อน
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|