ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 | พณ. | 30/11/2564 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยอนุมัติกรอบวงเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต ๒๕๖๔/๖๕ ภายในกรอบวงเงิน ๕๔,๙๗๒.๗๒
ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของอัตราการชดเชยต้นทุนทางการเงิน ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
ให้ใช้อัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาส บวก ๑
โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ ๒.๑ รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า (๑) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ต้องจัดทำบัญชีสำหรับการดำเนินกิจกรรม
มาตรการ หรือโครงการที่ได้รับมอบหมายแยกต่างหากจากบัญชีการดำเนินงานทั่วไป
พร้อมทั้งเสนอรายงานผลการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายและผลสัมฤทธิ์ต่อรัฐมนตรี
เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งเผยแพร่ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ตามนัยบทบัญญัติมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ
(๒) เนื่องจากโครงการสนับสนุนสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและโครงการประกันรายได้พืชต่าง
ๆ เป็นนโยบายของรัฐที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาและมีการดำเนินการเป็นประจำ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสทางด้านการคลัง
หากกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในเห็นว่า ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
ก็ควรบรรจุโครงการรัฐดังกล่าวในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนปกติเพื่อไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่จำเป็น
เช่น ภาระดอกเบี้ยที่รัฐบาลต้องจ่ายให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันภาระดอกเบี้ยที่รัฐบาลต้องจ่ายให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ในกรณีที่รัฐบาลใช้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการต่าง
ๆ มีจำนวนประมาณ ๙,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี ๒.๒ รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทุกโครงการ
ตลอดจนคำนึงถึงการกระจายความช่วยเหลือไปยังเกษตรกรในสาขาหรือพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นด้วย
และ (๒) เพื่อให้เกิดการปรับปรุง พัฒนา
และเพิ่มศักยภาพให้เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ
และปลายน้ำให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ตลอดจนลดภาระงบประมาณของภาครัฐระยะยาว เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ (๒.๑) ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย
ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ให้บรรลุเป้าหมายและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และ (๒.๒) ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรเตรียมพร้อมปรับตัวต่อสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าเกษตรที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปสู่การผลิตสินค้าเกษตรที่สร้างมูลค่าสูงและมีตลาดรองรับที่ชัดเจน
๒.๓ รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ (๑) เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่และที่มาของผลผลิตข้าว ราคาซื้อขายในตลาด
จำนวนเกษตรกรที่ลงทะเบียน ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก
และจำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อนในทุกมิติ
โดยดำเนินการในพื้นที่ที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนจัดทำต้นทุนทางการเงิน ความเสี่ยง และความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
รวมทั้งจัดให้มีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์
เพื่อกำหนดนโยบายหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป
และ (๒) ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมพิจารณากำหนดมาตรการหรือกลไกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ได้ผลผลิตที่ปริมาณมาก และคุณภาพสูง ใช้ต้นทุนต่ำ
และการปลูกข้าวแต่ละชนิดตามความเหมาะสมของพื้นที่ (Zoning) และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่แท้จริง
โดยไม่ให้เกิดส่วนต่างที่เกินความจำเป็นของราคาที่รัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้น
และจะต้องคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถของภาครัฐที่จะต้องรับภาระงบประมาณ
ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตามกฎหมายวินัยการคลัง
รวมทั้งพิจารณาดำเนินการตามข้อสั่งการของ นายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ มีนาคม ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดด้วย (เช่น ให้มีการปฏิรูปภาคการเกษตร
พิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณ ให้มีความเหมาะสม
ติดตามสถานการณ์การขึ้นทะเบียนเกษตรผู้ปลูกข้าวที่เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายทุกปี
และจัดระบบตรวจสอบกำกับดูแลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้มีความรัดกุม เป็นต้น) |