ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 370 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7381 - 7400 จากข้อมูลทั้งหมด 123986 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7381 | ประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อง นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ตผ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อง
นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดนโยบายการตรวจเงินแผ่นดินที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินจัดทำขึ้น
ตามนโยบายการตรวจเงินแผ่นดินระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๕) เพื่อให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการตรวจสอบและแผนปฏิบัติราชการของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
อันจะส่งผลให้การตรวจเงินแผ่น และการใช้จ่ายเงินของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7382 | รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | กค. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยรายงานดังกล่าวมีเกณฑ์ในการจัดทำ ขอบเขตของรายงาน
และข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำ ประกอบด้วย
ข้อมูลการรับและการจ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐที่ได้รับจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้แก่ รายได้แผ่นดินที่หน่วยงานของรัฐจัดเก็บและนำเงินส่งคลัง
(รายได้จากภาษีอากร รายได้ค่าธรรมเนียม รายได้จากรัฐพาณิชย์)
รายรับจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ รายจ่ายตามงบประมาณ
(รายจ่ายของหน่วยงานและรายจ่ายงบกลาง) ข้อมูลรายจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี
และรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประมวลข้อมูลดังกล่าวจากรายงานระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร
(MIS)
และข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐบันทึกเข้ามาในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์
(GFMIS) ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7383 | ผลการประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง - สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐอเมริกา
ครั้งที่ ๒ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยผลการประชุมฯ
มีสาระสำคัญ เช่น การเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทันท่วงที
การส่งเสริมขีดความสามารถของ MSMES การเข้าถึงพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน
การส่งเสริมบทบาทเยาวชนและสตรี และการสอดประสานความเชื่อมโยงกับกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
และภูมิภาคอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงยุติธรรม
ที่เห็นว่าในประเด็นความร่วมมือในการดำเนินโครงการกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการฯ
ทั้ง ๔ สาขา รวมถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ควรมีการดำเนินการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ
และกลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ
ควรพิจารณาประเด็นการควบคุมการลักลอบค้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานซึ่งนำไปสู่การสูญเสียความหลากทางชีวภาพ
และการลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าที่เป็นภัยร้ายแรงและส่งผลต่อการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า
และให้ดำเนินการหารือเพื่อให้มีฉันทามติต่อร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ
ครั้งที่ ๒ ซึ่งที่ประชุมยังมิได้รับรอง ในโอกาสอันใกล้
เพื่อเป็นการเน้นย้ำหลักการความร่วมมือที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7384 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.01 | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
พบว่า ประชาชนได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น ผ่านช่องสายด่วนของรัฐบาล
๑๑๑๑ มากที่สุด โดยยื่นเรื่องประเด็นการรักษาพยาบาลมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ๒. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
และการประสานความร่วมมือส่วนราชการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการในระยะต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ขอให้ทุกส่วนราชการพิจารณาเพิ่มการสร้างพันธมิตรในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤติโควิด-๑๙
ร่วมกับภาคเอกชนและกลุ่มอาสาสมัครต่าง ๆ
เพื่อสนับสนุนในการให้ความช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ ๒.๒ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาสำรวจความต้องการและความคาดหวังของผู้รับบริการ
(ประชาชน) ให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหรือปรับปรุงการให้บริการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ตลอดจนยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่องานบริการของภาครัฐอีกทางหนึ่งด้วย
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม (Participation)
ในการบริหารจัดการภาครัฐ ๒.๓ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาลดข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน
เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และลดอัตราการเสียชีวิตให้ได้โดยเร็ว
และสนับสนุนให้ใช้กลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการประสานแก้ไขสถานการณ์ในเชิงพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้อย่างเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7385 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 28 และการประชุมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 26 | นร.14 | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี
คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมระหว่างคณะมนตรี
คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ ๒๖ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และเห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงตามประเด็นในกรอบการหารือสำหรับการประชุมประชุมคณะมนตรี
คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมระหว่างคณะมนตรี
คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ ๒๖
เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะประธานคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประจำปี
๒๕๖๔ และหัวหน้าคณะผู้แทนไทยที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามรับรองในรายงานการประชุม
โดยที่เอกสารดังกล่าว
มิได้ใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดพันธกรณีกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และไม่เข้าข่ายหนังสือสัญญา โดยกรอบการหารือสำหรับการประชุมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบปฏิบัติของคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง โดยการปรับใช้ถ้อยคำให้กระชับและมีความชัดเจนขึ้น
รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้มีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้เพิ่มเติม และการอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ชาติการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดทางเลือกในการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำร่วมกัน
เพื่อลดผลกระทบข้ามพรหมแดน รวมทั้งรักษาสมดุลความมั่นคงในด้านน้ำ พลังงาน อาหาร
สิ่งแวดล้อม และการดำรงชีวิตของผู้คนที่อยู่อาศัยตามริมฝั่งแม่น้ำโขง ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้นต้องมีการออกพระราชบัญญัติ
หรือหนังสือสัญญานั้นอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา
๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ก็จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย
ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7386 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2564) | ปสส. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่
ร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม
พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๘
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๙
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๐
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7387 | ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติเพื่อจัดการฝึกอบรม United Nations Senior National Planners Course ค.ศ. 2021 | กห. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติเพื่อจัดการฝึกอบรม
United Nations Senior National Planners Course ค.ศ. ๒๐๒๑ ระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ ประเทศไทย
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางและความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรม
United Nations Senior National Planners Course ค.ศ. ๒๐๒๑
ซึ่งเป็นการพัฒนากระบวนการและขั้นตอนการจัดกำลังเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพให้มีประสิทธิภาพ
และจะเป็นโอกาสอันดีที่กำลังพลของกองทัพไทยจะได้รับทราบข้อมูล
เพื่อนำมาพัฒนาขีดความสามารถด้านการเตรียมกำลังพลในการเข้าร่วมภารกิจปฏิบัติการรักษาสันติภาพ
ตลอดจนเป็นการแสดงบทบาทนำและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในการมีส่วนร่วมสนับสนุนภารกิจการปฏิบัติการรักษาสันติภาพภายใต้กรอบสหประชาชาติในอนาคตต่อไป
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติเพื่อจัดการฝึกอบรม
United Nations Senior National Planners Course ค.ศ. ๒๐๒๑ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามร่างหนังสือแลกเปลี่ยนจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติเพื่อจัดการฝึกอบรม
United Nations Senior National Planners Course ค.ศ. ๒๐๒๑ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกองบัญชาการกองทัพไทยตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7388 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 13 | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และให้นายกรัฐมนตรี
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
ร่างแถลงการณ์ประธานการการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๓ เน้นย้ำบทบาท ASEM ในการส่งเสริมพหุภาคนิยมเพื่อการเจริญเติบโต
โดยเฉพาะในบริบทของโลกหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(โควิด-๑๙) ในประเด็นในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (๒)
แถลงการณ์พนมเปญว่าด้วยการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและสังคมหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค-๑๙
ซึ่งกล่าวสนับสนุนบทบาทขององค์การอนามัยโลกในการรับมือกับโรคระบาด
ย้ำความจำเป็นในการเข้าถึงยาและวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
เป็นต้น (๓) ร่างเอกสารเส้นทางสู่ความเชื่อมโยงระหว่างเอเชีย-ยุโรป เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโส
ASEM กับกลไกความร่วมมือรายสาขาต่าง ๆ ของ ASEM ที่มีอยู่แล้ว เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านความเชื่อมโยงในกรอบ ASEM และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโครงการด้านความเชื่อมโยงต่าง ๆ ในกรอบ ASEM ต่อสาธารณชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จำนวน ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7389 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ
และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ
และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ประจำปี (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของแผ่นป้ายทะเบียนรถ
สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคนที่มีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยม
(จากเดิม ที่ให้ใช้ได้เฉพาะหมายเลขทะเบียนหนึ่งหลัก)
อาจมีตัวอักษรประจำหมวดมากกว่าสองตัวอักษรหรือมีตัวอักษรผสมสระหรือวรรณยุกต์ก็ได้
เพื่อให้การกำหนดตัวอักษรประจำหมวดมีความหลากหลายและเหมาะสมยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้ง
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7390 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 รายการโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ | ตช. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ จากเดิม รายการโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ๙๐๔
ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๓๓๗,๘๙๐,๐๐๐ บาท เป็น
รายการโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ตำบลบัวขาว อำเภอสีคิ้ว
จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๓๑๙,๕๕๐,๐๐๐ บาท
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเร่งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7391 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุทธิ สุโกศล) | นร.04 | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุทธิ สุโกศล เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7392 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 39/2564 | นร.11 สศช | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๙/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยให้จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดลำพูน จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดกาญจนบุรี
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกกิจกรรมภายใต้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
พร้อมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๖๕๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7393 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์
ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่นครนิวยอร์ก ผ่านระบบออนไลน์ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์และคำมั่นในแผนดังกล่าว
และพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตจำนงทางการเมืองที่เข้มแข็งในการดำเนินการร่วมกันอย่างเด็ดขาดเพื่อยุติอาชญากรรมร้ายแรงนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด
โดยมิได้ใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7394 | การเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนด้านพลังงานภายใต้ยุทธศาสตร์สายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Energy Partnership: BREP) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน | พน. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7395 | ขอความเห็นชอบแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (นายสมพร ศรีเมือง) | กษ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสมพร ศรีเมือง เป็นผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ
๑๗๐,๐๐๐ บาท
และให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7396 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 15/2564 | นร.11 สศช | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการฯ
รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการโดยเคร่งครัด
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับผู้เสนอโครงการตั้งแต่ตอนการเสนอโครงการ
การอนุมัติและเบิกจ่ายเงินกู้และการรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ โดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑)
อนุมัติให้กรมการจัดหางาน
ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs (๒) มอบหมายให้กรมสรรพากร
พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีที่กำหนดให้เงินอุดหนุนที่รัฐจ่ายให้นายจ้างจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วแต่กรณีตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
(๓) เห็นชอบกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการ
รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการโดยเคร่งครัด
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่ควรซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับผู้เสนอโครงการตั้งแต่ตอนการเสนอโครงการ
การอนุมัติและเบิกจ่ายเงินกู้และการรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7397 | การเพิ่มจำนวนกรรมการของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) | ดศ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มีกรรมการบริษัท จากเดิม ๑๑ คน
เป็น ๑๕ คน เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๖ วรรคสองประกอบกับข้อบังคับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ข้อ ๑๓
กำหนดให้คณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วยกรรมการอย่างน้อยห้า (๕) คน แต่ไม่เกินสิบห้า (๑๕) คน ต่อไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ
จำกัด (มหาชน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการคัดเลือกกรรมการที่มีสมรรถนะและความรู้ที่จำเป็นที่สอดคล้องกับภารกิจขององค์กรโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7398 | ขอรับการสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2566 - 2570) ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ | นร.01 | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
7399 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 16 (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 3 (CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร | ทส. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ (COP 26)
การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๖ (CMP 16)
การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 3 (CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร และถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรีในการประชุมระดับผู้นำ
(World Leaders Summit) ในห้วงการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ และมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องเร่งจัดเตรียมการดำเนินงานตามภารกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประเทศด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรีในการประชุมระดับผู้นำ
(World Leaders Summit)ในห้วงการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7400 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มมิตรประเทศลุ่มน้ำโขง | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มมิตรประเทศลุ่มน้ำโขง เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุม
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จาก ๑๓
ประเทศสมาชิก/ประเทศผู้สังเกตการณ์ และผู้แทนจาก ๔ องค์กรสมาชิกเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมฯ
ได้หารือเรื่องสำคัญ เช่น
การสนับสนุนบทบาทของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงและยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำโขง ค.ศ.
๒๐๒๑-๒๐๓๐ การเข้าถึงพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน การพัฒนาขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
การฟื้นฟูที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสอดประสานกับกรอบความร่วมมืออื่น
ๆ และการดำเนินการตามฉันทามติ ๕ ข้อ ของอาเซียนในการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|