ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 806 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16101 - 16120 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16101 | ขอความเห็นชอบในชนิด ขนาด และจำนวน ของอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ เพื่อใช้ในราชการของสำนักงาน ปปง. ตามมาตรา 46/2 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 | ปง | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการในชนิด ขนาด และจำนวนของอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มิลลิเมตร จำนวน ๑๐๐ กระบอก และเครื่องกระสุนปืนขนาด ๙ มิลลิเมตร จำนวน ๓,๐๐๐ นัด ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) จะจัดซื้อ ตามที่สำนักงาน ปปง. เสนอ และให้สำนักงาน ปปง. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการควบคุมอาวุธปืนให้มีประสิทธิภาพ และมีการกำหนดจำนวนการอนุญาตให้มีอาวุธปืนต่อคนอย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการ ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16102 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านไปรษณีย์ โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ดศ | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านไปรษณีย์ โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Posts, Telecommunications, Information and Digital Technology between the Ministry of Digital Economy and Society of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Posts and Telecommunications of the Lao People’s Democratic Republic) ซึ่งจะมีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระหว่างวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านไปรษณีย์ โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีดิจิทัลของสองประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาบุคลากรด้านไอซีทีและเทคโนโลยีดิจิทัล ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16103 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี [ข้อมติฯ ที่ 2397 (ค.ศ. 2017)] | กต | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๙๗ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เกี่ยวกับมาตรการลงโทษสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) โดยยกระดับและเพิ่มมาตรการลงโทษ เช่น (๑) เพิ่มเติมรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ถูกมาตรการลงโทษ (๒) ขยายมาตรการทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมการห้ามส่งออกทรัพยากรพลังงาน (๓) กำหนดรายการสิ่งของที่ห้ามนำเข้าและส่งออกเพิ่มเติม (๔) ห้ามซื้อหรือรับโอนสิทธิการทำประมง (๕) กำหนดมาตรการตรวจค้นและมาตรการทางเรือเพิ่มเติม และ (๖) กำหนดมาตรการด้านแรงงานเพิ่มเติม ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ถือปฏิบัติตามข้อมติ UNSC ปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็บไซต์ของสหประชาชาติ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องพึงระวังและดำเนินการให้เป็นไปตามข้อมติ UNSC และแจ้งการดำเนินการเกี่ยวกับข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศทราบด้วย เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16104 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ 5 | มท | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ ๕ (The 5th ASEAN Ministerial Meeting on Disaster Management : AMMDM) และการประชุมผู้นำภาคีเพื่อดำเนินการตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ ๖ [The 6th Meeting of the Conference of the Parties (COP-6) to the AADMER] เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสุธี มากบุญ) เข้าร่วมการประชุมพร้อมคณะ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Committee on disaster Management : ACDM) และศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม (the ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management AHA Center) และเห็นชอบในหลักการที่สำคัญ เช่น (๑) สนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติที่เน้นการสร้างความเข้มแข็งในระดับชุมชน (๒) รับรองตามมติที่ประชุม ACDM ให้สำนักเลขาธิการอาเซียนจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนเพื่อพัฒนาแผนการดำเนินงานตามปฏิญญาดังกล่าวภายในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ (๓) รับรองตามมติที่ประชุม ACDM สนับสนุนให้อาเซียนเข้าร่วมการประชุมนานาชาติภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ และ (๔) รับทราบการจัดการประชุมภาคีรัฐมนตรีอาเซียนเพื่อหารือด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ ๑ ในปี ๒๕๖๑ ณ ประเทศมาเลเซีย เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16105 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. .... | ศธ | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. .... ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ที่ตรวจพิจารณาแล้วไปปรับปรุงแก้ไขตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น แหล่งที่มาของเงินกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา การจัดตั้งหน่วยงานตามร่างพระราชบัญญัติฯ และการกำหนดวงเงินที่รัฐบาลจัดสรรเป็นทุนประเดิม การกำหนดแหล่งที่มาของเงินทุนและการกำหนดโครงสร้างของกองทุนฯ เป็นต้น แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชนรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียน ไปพิจารณาดำเนินการเมื่อได้จัดตั้งเป็นสำนักงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาตามกฎหมายนี้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16106 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหมากแข้ง ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | คค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหมากแข้ง ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบทตามโครงการผังเมืองรวมเมืองอุดรธานี และสร้างถนนเชื่อมต่อสาย ง๘ กับสาย ก๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กรมทางหลวงชนบทควรให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อร่วมกันกำหนดรูปแบบการดำเนินโครงการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบรถไฟในพื้นที่เพื่อให้เกิดการบูรณาการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพและลดภาระการลงทุนของภาครัฐในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16107 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 | ทส | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ (Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM) จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ร่างกรอบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม (ระยะที่ ๓) (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เป็นเอกสารที่กำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานในการดำเนินการตามแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมในระยะที่ ๓ (ระยะเสริมสร้างความเข้มแข็ง) โดยเป็นการกำหนดให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ และ (๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการให้คำมั่นร่วมกันเพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวที่ครอบคลุมและยั่งยืนตามแนวทางของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งเน้นการเชื่อมโยงแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมกับระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและส่งเสริมการดำเนินโครงการของกรอบการลงทุนระดับภูมิภาคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายนำเสนอประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาและเพิ่มพื้นที่การปลูกป่าต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดศึกษาการจัดการผลกระทบเนื่องมาจากการจัดการความเสี่ยงและป้องกันผลกระทบเนื่องมาจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติข้ามแดน และร่วมหารือเพื่อสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16108 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... | พณ | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสรรหาบุคคลเป็นกรรมการการแข่งขันทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การอ้างบทอาศัยอำนาจตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๒ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ การกำหนดบทนิยามคำว่า “คณะกรรมการ” “กรรมการ” และ “สำนักงาน” รวมทั้งหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาหรือสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เป็นต้น และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประกาศรายชื่อผู้สมัครคัดเลือกเป็นกรรมการแข่งขันทางการค้าผ่านสื่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนทั่วไปรับทราบอย่างแพร่หลาย รวมทั้งควรพิจารณาขยายระยะเวลาการคัดค้านคุณสมบัติของผู้สมัคร จากที่ได้กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ ออกไปเป็นจะต้องดำเนินการภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันประกาศรายชื่อผู้สมัคร ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16109 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. ....) | กษ | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และ (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการประมงนอกน่านน้ำไทยให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนแหล่งเงินทุนเงื่อนไขผ่อนปรนในการปรับตัว การสนับสนุนองค์ความรู้และข้อมูลแหล่งทำการประมงที่มีศักยภาพ และการเป็นตัวกลางสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการทำสัญญาและขอใบอนุญาตเข้าไปทำการประมงในรัฐชายฝั่งอื่น รวมทั้งขยายความร่วมมือทางการประมงระหว่างรัฐบาลของประเทศไทยและรัฐชายฝั่งอื่นอย่างต่อเนื่อง และเห็นควรประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงเอกสาร หลักฐาน หลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ได้รับทราบอย่างละเอียด และมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตและบังคับใช้กฎหมายการประมงอย่างเคร่งครัด ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งจัดระเบียบและควบคุมการทำการประมงพาณิชย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาระบบนิเวศน์และทรัพยากรทางการประมงและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16110 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 | กห | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรับไปพิจารณาดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการชดเชยค่าเสียหายตามมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้มีความชัดเจนต่อไป และให้แจ้งต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16111 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) | กค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินให้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กองทุนสนับสนุนการวิจัย กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณากำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยอาจไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุด หรือขยายระยะเวลาเพิ่มมากกว่าปี ๒๕๖๒ เพื่อให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถหักลดหย่อนได้ ๒ เท่า ซึ่งจะช่วยทำให้มาตรการดังกล่าวนี้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16112 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] | กค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ได้จ่ายเงินลงทุนในหุ้นเพื่อจัดตั้งหรือเงินลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) สามารถนำเงินลงทุนดังกล่าวมาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ไม่น้อยกว่า ๒ ปีต่อเนื่องกันนับแต่วันที่ลงทุนในหุ้นนั้น เว้นแต่ทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ เฉพาะที่ได้จ่ายไปในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ จัดทำแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี (Tax Structure Plan) เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ของกรมสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ของกรมสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ของกรมศุลกากร มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน รวมทั้งจัดทำแผนการจัดเก็บภาษีให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้การพัฒนาฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งต่อไป ๒.๒ รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการเผยแพร่รายชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติและลักษณะตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตลอดจนสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญกับการบูรณาการมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในเรื่องนี้แล้ว ควรประเมินผลว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวสามารถจูงใจนักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยให้พิจารณาเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๓ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดระบบจดทะเบียนให้กับนักลงทุน (Angel Investor) เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น รวมทั้งกำหนดแนวทางสร้างการพัฒนา การรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชนต่าง ๆ ไปยังประชาชนและชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินงานตามแนวคิดประเทศไทย ๔.๐ ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนปรับตัวเรียนรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรู้เท่ากัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16113 | การจัดทำความตกลงสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหประชาชาติว่าด้วยการบริจาคเงินสมทบ FEALAC Trust Fund | กต | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำความตกลงสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหประชาชาติว่าด้วยการบริจาคเงินสมทบ FEALAC Trust Fund (Cooperation Agreement between the Royal Thai Government and the United Nations Regarding a Contribution to the FEALAC Trust Fund) มีสาระสำคัญเป็นเอกสารแสดงเจตจำนงที่จะสนับสนุนเงินสมทบกองทุน FEALAC ด้วยความสมัครใจ เพื่อสนับสนุนโครงการที่ครอบคลุม FEALAC ทั้งหมด ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการค้าและการลงทุน (๒) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (๓) โครงการพื้นฐานและการคมนาคมขนส่ง (๔) นโยบายสาธารณะและพันธมิตรระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และ (๕) นโยบายสาธารณะเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มความสามัคคีในสังคม โดยจะมีการลงนามความตกลงฯ ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริจาคเงินสมทบ FEALAC Trust Fund จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับไม่เกิน ๓,๓๕๐,๐๐๐ บาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาความร่วมมือด้านต่างประเทศสร้างและรักษาผลประโยชน์ชาติ โครงการส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในกรอบทวิภาคี งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านการต่างประเทศที่ตั้งงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๑๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16114 | การปรับเปลี่ยนเครื่องมือการกู้เงินในโครงการลงทุนที่ใช้แหล่งเงินกู้ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปรับเปลี่ยนเครื่องมือการกู้เงินจากเดิมเงินกู้ภายในประเทศ (พันธบัตร) เป็นเงินกู้ภายในประเทศ จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาจันทบุรี กปภ. สาขาภูเก็ต กปภ. สาขาอุบลราชธานี กปภ. สาขาสุรินทร์ และ กปภ. สาขาเชียงใหม่ ส่วนที่ ๒ ซึ่งจะทำให้ กปภ. มีความคล่องตัวในการเลือกเครื่องมือการกู้เงินได้เหมาะสมมากขึ้น เช่น การกู้เงินในรูปแบบ Term Loan ที่ กปภ. สามารถกำหนดเงื่อนไขทยอยเบิกจ่ายตามความก้าวหน้าโครงการได้ และจะส่งผลให้ กปภ. สามารถบริหารต้นทุนและความเสี่ยงหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. เร่งรัดการดำเนินงานโครงการลงทุนทั้ง ๕ โครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16115 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการบินพลเรือน (Declaration of Civil Aviation Ministers' Conference) | คค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการบินพลเรือน (Draft Declaration of Civil Aviation Ministers’ Conference) มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือในระดับรัฐมนตรีที่กำกับดูแลนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศสมาชิกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในการผลักดันการดำเนินการตามแผนงานในระดับภูมิภาคของ ICAO เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านความปลอดภัยการบินและประสิทธิภาพการบริการเดินอากาศเพื่อความยั่งยืนของระบบการขนส่งทางอากาศใน ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) นิรภัยการบิน (๒) การบริการเดินอากาศ (๓) การสอบสวนอุบัติเหตุ และ (๔) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการบินพลเรือนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๑ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำของร่างปฏิญญาฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้แล้ว หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ก็ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในประเด็นสารัตถะของร่างปฏิญญาฯ ควรเพิ่มข้อความเพื่อให้เกิดความชัดเจน และในประเด็นข้อพิจารณาเพิ่มเติม ควรมีการจัดทำแผนปฏิบัติการหรือโครงการความร่วมมือเพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรกำกับ เตรียมความพร้อม และเร่งกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรองรับการดำเนินการได้ตามที่ร่างปฏิญญาฯ กำหนดไว้ โดยเฉพาะการพัฒนาขีดความสามารถในการกำกับดูแลด้านความปลอดภัย เพื่อให้คะแนนประสิทธิภาพการกำกับดูแลความปลอดภัยการบิน (Effective Implementation) มากกว่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ยทั่วโลก และดำเนินการรับรองท่าอากาศยานที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ (Aerodrome Certification) ทั้งหมด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16116 | ขออนุมัติดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย - ลาว พ.ศ. 2561 - 2564 (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018 - 2021) | ทส | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ แหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายของพันธุ์พืชที่มีค่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ประจำท้องถิ่นไทยและลาว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติของไทยและลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย-ลาว พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018-2021) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-พ.ศ. ๒๕๖๔ กรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑๕.๐๑๕๗ ล้านบาท ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการดังกล่าว และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16117 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติ | ศธ | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๘,๙๐๔,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือฟื้นฟูโรงเรียนเอกชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน ๕๙ โรงเรียน โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีกลไกในการกำกับ ตรวจสอบ และติดตามการดำเนินงานและการใช้งบประมาณดังกล่าว เพื่อความโปร่งใส และความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์ในการดำเนินการและจัดการเรียนการสอนได้ตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16118 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทยและกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | ทส | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING on Cooperation on Protected Areas and Transboundary Biodiversity Conservation Landscapes Management between Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation, Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and General Directorate of Administration for Nature Conservation and Protection, Ministry of Environment of the Kingdom of Cambodia) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูขา โดยจะร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น (๑) การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการระหว่างเจ้าหน้าที่ (๒) การศึกษาดูงาน การฝึกอบรม และ (๓) การศึกษาวิจัยร่วม เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือผู้ที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งกำหนดจะมีการลงนามในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ และ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจกรรมใด ๆ ตามบริเวณชายแดนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์ตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ขอให้งดเว้นในพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติแน่ชัดว่าเป็นของประเทศไทยหรือของราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการรักษาสิทธิในเขตแดนของประเทศไทยในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. กรณีมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16119 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินรายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก | สธ | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินรายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก หมวดงบลงทุน ค่าควบคุมงานก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรม ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก จำนวน ๑,๓๔๘,๒๓๘.๒๐ บาท โดยใช้เงินรายได้ขององค์การเภสัชกรรม ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำกับดูแลการบริหารโครงการฯ ให้เป็นไปตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าและส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายขององค์การเภสัชกรรมในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลกสามารถเปิดทำการได้ทันภายในปี ๒๕๖๓ ตามแผนที่กำหนดไว้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการฯ ที่คลาดเคลื่อนและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16120 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ | รง | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้น ๘-๒๐ บาท/วัน ในทุกจังหวัด แบ่งออกเป็น ๗ ระดับ ได้แก่ (๑) ๓๐๘ บาท/วัน จำนวน ๓ จังหวัด (๒) ๓๑๐ บาท/วัน จำนวน ๒๒ จังหวัด (๓) ๓๑๕ บาท/วัน จำนวน ๒๑ จังหวัด (๔) ๓๑๘ บาท/วัน จำนวน ๗ จังหวัด (๕) ๓๒๐ บาท/วัน จำนวน ๑๔ จังหวัด (๖) ๓๒๕ บาท/วัน จำนวน ๗ จังหวัด และ (๗) ๓๓๐ บาท/วัน จำนวน ๓ จังหวัด และให้นำประกาศดังกล่าว ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ในส่วนของการใช้อัตราค่าจ้างลอยตัว ให้กระทรวงแรงงานศึกษาข้อดีข้อเสียของการปรับใช้อัตราค่าจ้างลอยตัวให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้อัตราค่าจ้างเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการ โดยให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบกิจการรายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบภาษีและผู้ประกอบกิจการในภาคการเกษตรซึ่งอยู่นอกขอบเขตที่จะได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการลดผลกระทบที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้แรงงานและสาธารณชนให้ถูกต้องและทั่วถึงด้วย
|
.....