ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 801 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16001 - 16020 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16001 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข็มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ครั้งที่ 4 | นร07 | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงินทั้งสิ้น ๕,๕๔๗,๓๔๔,๙๐๐ บาท ให้แก่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑๙ โครงการ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้กับหน่วยงานภายใต้ทั้ง ๒ กระทรวงดังกล่าวต่อไป สำหรับวงเงินที่เหลืออยู่อีกจำนวน ๘๐๕,๓๑๐,๐๔๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในการขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะได้พิจารณาอนุมัติต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16002 | สรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนมกราคม 2561 | พณ | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนมกราคม ๒๕๖๑ เทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๘ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของปี ๒๕๖๐ ที่ร้อยละ ๐.๖๖ และหากเทียบกับเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ อัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๗ จากการปรับขึ้นราคาของน้ำมันเชื้อเพลิงตามราคาตลาดโลก การปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มและยาสูบ อาหารสำเร็จรูป การขนส่ง และเคหสถาน ในขณะที่เครื่องนุ่งห่ม ผลไม้และสินค้าเกษตรบางรายการลดลงตามการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาก๊าซหุงต้มที่ลดลงจากการลอยตัวราคาตามกลไกตลาด ๒. ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมกราคม ๒๕๖๑ เทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๑.๑ จากการลดลงของราคาหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและหมวดเกษตรกรรม โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ไม้ ยางและพลาสติก เครื่องไฟฟ้า ยานพาหนะ ขณะที่หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองสูงขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มแร่โลหะ ทั้งนี้ หากเทียบกับเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนนี้สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔ ในทุกหมวด ๓. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมกราคม ๒๕๖๑ เทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๖๐ สูงขึ้นร้อยละ ๒.๘ และเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๗ จากการปรับขึ้นราคาของหมวดต่าง ๆ เช่น เหล็ก ซีเมนต์ ไม้ และคอนกรีต รวมทั้งหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ อาทิ ยางมะตอย ๔. แนวโน้มสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมกราคม ๒๕๖๑ เทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๘ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยปี ๒๕๖๐ ที่ร้อยละ ๐.๖๖ รวมทั้งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นเดือนที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดของปี ๒๕๖๐ สะท้อนว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในปี ๒๕๖๑ เริ่มมีทิศทางเข้าสู่เป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ร้อยละ ๒.๕?๑.๕ มากขึ้น กระทรวงพาณิชย์จึงได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี ๒๕๖๑ ให้อยู่ระหว่างร้อยละ ๐.๗-๑.๗ ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ทั้งนี้ จากดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตลดลง ชี้ให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของดัชนีราคาผู้บริโภคน่าจะเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์และกำลังซื้อในภาคการผลิตและบริการ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ ๘๕ ของ GDP และมีอิทธิพลมากกว่าการลดลงของราคาและกำลังซื้อในภาคเกษตร คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ ๑๕ ของ GDP สะท้อนว่าภาคเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวในทิศทางที่สนับสนุนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16003 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2561 | นร04 | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ ระหว่างวันที่ ๕-๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่ภาคกลาง และกำหนดการนายกรัฐมนตรีตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดเพชรบุรี และจัดการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเพชรบุรี รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้มีบัญชามอบหมายภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมฯ ดังกล่าว ให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16004 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. .... | ศธ | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. .... ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มี “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและอาจารย์ และเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติให้มีความรู้ ความสามารถ และคุณธรรม รวมทั้งมีศักยภาพที่จะดำรงชีวิตโดยพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๕๔ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเรื่องด่วนต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้หน่วยงานและกองทุนอื่น ๆ ตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องตามนัยมาตรา ๖ ของร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. .... รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมาย การลดหย่อน ซึ่งการมุ่งสู่เป้าหมายของรัฐบาล คือ เด็กปฐมวัย ทุนการศึกษา ผู้เข้าไม่ถึงระบบการศึกษา การออกจากการศึกษากลางคัน การศึกษาดิจิทัลให้สอดคล้องกับระดับรายได้โดยไม่ซ้ำซ้อน เป็นการเสริมช่องว่างการทำงาน มีการบูรณาการสนับสนุนเกื้อกูลกับกระทรวงศึกษาธิการ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้เสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาพิจารณาให้ความเห็นประกอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16005 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นางสาวจงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล) | ทส | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16006 | รายงานความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ปี 2561 | กษ | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ หน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ปี ๒๕๖๑ ในการจัดซื้อยางพารา จำนวน ๗ กระทรวง ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑๐,๗๕๖,๗๑๒,๕๕๕.๐๐ บาท โดยมีปริมาณการใช้น้ำยางข้น ๘,๑๕๔.๔๖๓ ตัน และปริมาณการใช้ยางแห้ง ๗๘๕.๘๕๐ ตัน ๑.๒ หน่วยงานที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี ๒๕๖๑ จำนวน ๔ หน่วยงาน เป็นวงเงินงบประมาณ ๒๗,๕๔๓,๒๕๓,๓๓๕.๐๐ บาท โดยมีปริมาณการใช้น้ำยางข้น ๕๙,๓๓๐.๐๕๐ ตัน ปริมาณการใช้ยางแห้ง ๔๐๑.๔๙๐ ตัน ๑.๓ หน่วยงานที่อยู่ระหว่างการขอรับงบประมาณเพิ่มเติม ปี ๒๕๖๑ จำนวน ๑ หน่วยงาน เป็นวงเงินงบประมาณ ๓,๕๔๘,๐๒๐,๙๐๐.๐๐ บาท โดยมีปริมาณการใช้น้ำยางข้น ๓,๕๐๙.๕๐๐ ตัน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐฯ จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและความพร้อมในการดำเนินการที่ทันต่อสถานการณ์ของปริมาณน้ำยางในตลาด รวมถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับจากการดำเนินโครงการ โดยมีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณบรรลุวัตถุประสงค์และเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อนำยางไปใช้ตามความต้องการของหน่วยงาน โดยใช้งบประมาณของหน่วยงานเป็นหลัก ทั้งนี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเท่าที่จำเป็น ให้การยางแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรับซื้อยางจากเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเท่านั้น ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16007 | สรุปผลการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีและการทบทวนกลไกคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐบาลและการแต่งตั้งบุคคลเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงาน | นร | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (สบนร.) เสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยมีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปลดล็อกและขับเคลื่อน เช่น การเปิดการเดินรถ ๑ สถานี เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง การแก้ไขปัญหาเรื่องความล่าช้าในการดำเนินการโครงการรถไฟไทย-จีน การเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของไทย (Doing Business) เป็นต้น การสร้างการรับรู้ โดยให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนทั้งเรื่องที่เป็นผลงานที่ สบนร. ได้ดำเนินการปลดล็อกหรือขับเคลื่อนเรื่องที่หน่วยงานดำเนินการล่าช้าหรือไม่สามารถดำเนินการได้เอง รวมทั้งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความคืบหน้าผลการดำเนินงานเรื่องอื่น ๆ ของรัฐบาล ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น Infographic Video Clip ที่เข้าใจได้โดยง่าย ใช้ภาษาในการนำเสนอที่กระชับ ผ่านช่องทางการสื่อสารที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ (Social Network) ซึ่งได้รับความนิยม ได้แก่ Facebook Twitter YouTube channel และ Website เป็นต้น ๒. การทบทวนกลไกคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐบาล ประกอบด้วย (๑) คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (๒) คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบาย THAILAND 4.0 (๓) คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ (๔) คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (๕) คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน และ (๗) คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ๓. การแต่งตั้งบุคคลเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ใน สบนร. โดยยกเลิกคำสั่ง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕/๒๕๖๐ เรื่อง ให้ข้าราชการและพนักงานราชการมาปฏิบัติหน้าที่ ใน สบนร. อีกหน้าที่หนึ่ง คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งรองผู้อำนวยการ ที่ปรึกษาประจำสำนักงาน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สบนร. และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร สบนร. และเสนอร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรี จำนวน ๓ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) เรื่อง แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (๒) เรื่อง แต่งตั้งรองผู้อำนวยการ ที่ปรึกษาประจำสำนักงาน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ (๓) เรื่อง แต่งตั้งบุคคลเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16008 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี 2560 ทั้งปี 2560 และแนวโน้มปี 2561 | นร11 | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๐ ทั้งปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๑ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวในเกณฑ์ดีร้อยละ ๔.๐ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๔.๓ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวจากไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๐.๕ (QoQ_SA) รวมทั้งปี ๒๕๖๐ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๓.๙ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ในปี ๒๕๕๙ สำหรับเศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งปี ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๓.๙ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ในปี ๒๕๕๙ ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖-๔.๖ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเร่งขึ้นและสนับสนุนเศรษฐกิจในภาพรวมได้มากขึ้น แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐบาลที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น รวมทั้งการขยายตัวในเกณฑ์ดีของสาขาเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ต่อเนื่องจากปี ๒๕๖๐ และการปรับตัวดีขึ้นของการจ้างงานและฐานรายได้ของประชาชนในระบบเศรษฐกิจ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลจากรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๐ ทั้งปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๑ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบาย/แผนงาน/โครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศและการดำเนินการของรัฐบาลให้ประชาชนทราบเป็นระยะอย่างถูกต้องและทั่วถึง โดยให้พิจารณาช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและสามารถเข้าถึงประชาชนได้ทุกกลุ่มด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16009 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561) | อื่นๆ | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16010 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561) | นร04 | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16011 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ....) | มท | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลงอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16012 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2560 และคาดการณ์เดือนธันวาคม 2560 | อก | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ และคาดการณ์เดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๒๑ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย การนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ มีมูลค่า ๑,๕๓๙.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๓ (YoY) ส่วนการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๖,๘๖๓.๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๑.๔ (YoY) ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๐-๒.๕ (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่คาดว่าจะขยายตัว อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตน้ำมันจากพืช
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16013 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งภาพรวมสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นของประชาชนที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๑๖๕,๔๓๙ ครั้ง รวมจำนวน ๙๗,๗๐๙ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน ๘๗,๗๐๐ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๗๖ โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ และขอให้แก้ไขปัญหายาเสพติด กระแสไฟฟ้าขัดข้อง และบ่อนการพนัน ตามลำดับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญแก่การแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องการร้องทุกข์และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งพิจารณามอบหมายและแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานเป็นผู้นำการขับเคลื่อนการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ประจำหน่วยงาน (Chief Complaints Executive Officer : CCEO) รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การให้บริการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างทั่วถึงต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลและสามารถใช้บริการได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16014 | การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ | รง | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๗) ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จำนวน ๔ กลุ่มอุตสาหกรรม รวม ๑๖ สาขาวิชาชีพ โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือและกำหนดมาตรการรองรับเพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานให้เป็นแรงงานที่มีมาตรฐานฝีมือ รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการดูแลแรงงานให้ได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเกี่ยวกับหลักสูตร และวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในแต่ละสาขาอุตสาหกรรมเพื่อให้ความรู้ ทักษะ ฝีมือ และความสามารถของแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการและตลาดแรงงาน รวมทั้งควรพัฒนากลไกการฝึกอบรมสำหรับรองรับการฝึกอบรมแรงงานอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ไม่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อเป็นการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการจูงใจให้แรงงานมีการพัฒนาทักษะบนฐานสมรรถนะและการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16015 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลโพนทอง และตำบลหนองกุง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | คค | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลโพนทอง และตำบลหนองกุง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลโพนทอง และตำบลหนองกุง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อสร้างทางหลวงชนบทตามโครงการผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต รวมทั้งควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของเส้นทางตามความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด และให้ความสำคัญกับการประสานกับกรมชลประทานเพื่อร่วมกันพิจารณาออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างถนนตัดผ่านคลองส่งน้ำบริเวณจุดสิ้นสุดของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16016 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเฉพาะประเภท ลักษณะ และขนาด หรือที่มีการให้บริการหรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. .... | กค | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเฉพาะประเภท ลักษณะ และขนาด หรือที่มีการให้บริการหรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดผู้มีหน้าที่รายงานตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเกี่ยวกับการแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๔ (๗) วรรคสอง (ก) ร่างมาตรา ๕ และร่างมาตรา ๗ (๑) โดยเห็นควรมีการปรับปรุงถ้อยคำเพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๗ เล็กน้อย เพื่อให้ถ้อยคำสอดคล้องกับหลักการและเจตนารมณ์ของความตกลงฯ ฉบับภาษาอังกฤษและฉบับภาษาไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16017 | ขอความเห็นชอบการชดเชยค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการชดเชยภาระขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ จำนวน ๙๐๖.๘๒ ล้านบาท ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดและหลักฐานแสดงผลการดำเนินโครงการที่ขาดทุน พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาด และราคาข้าวเปลือก ในการดำเนินการระบายข้าวเปลือกเพื่อลดภาระขาดทุนจากการดำเนินโครงการ รวมทั้งนำบทเรียนจากการดำเนินการที่ผ่านมาและข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (๙ มกราคม ๒๕๖๑) มาพิจารณากำหนดเป็นแนวทางในการดำเนินการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีในปีต่อ ๆ ไป รวมทั้งกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการเพื่อพิจารณาความคุ้มค่าในการดำเนินงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16018 | รายงานผลการดำเนินการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | ศธ | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติเรียบร้อยแล้ว โดยรวบรวมข้อมูลผู้ได้รับรางวัลระดับชาติและระดับนานาชาติจากหน่วยงานภายในและภายนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและองค์กรในกำกับ มีผู้กรอกข้อมูลผ่านระบบฐานข้อมูลทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติและทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ โดย ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ มีข้อมูลผู้ได้รับรางวัลระดับชาติและระดับนานาชาติ จำนวน ๑๒,๗๘๕ ราย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลสามารถเรียกดูข้อมูลได้ที่ http://www.innoobec.com ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในภาพรวมให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการสนับสนุนผู้ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน เช่น การเปิดโอกาสให้เข้ามาทำงานในภาคราชการหรือภาคเศรษฐกิจในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๑ แล้วรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16019 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้ นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม แทน นางพิมพ์กาญจน์ ชัยจิตร์สกุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ทั้งนี้ ตามคำสั่งกระทรวงวัฒนธรรม ที่ ๕/๒๕๖๑ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16020 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนธันวาคม 2560 | ยธ | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๙ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๗ เรื่อง ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลาแต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๗ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๒ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๕๑ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงาน จำนวน ๑ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
.....