ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 808 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16141 - 16160 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16141 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 17 - 22 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๑๗-๒๒ ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการหารือร่วมกันเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการ เช่น การว่าจ้างฝ่ายจีนในร่างสัญญา ๒.๑ (การออกแบบรายละเอียด) ร่างสัญญา ๒.๒ (ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง) และร่างสัญญา ๒.๓ (งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร) กรอบวงเงินและแนวทางการก่อสร้างโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน การอบรมและทดสอบจากสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกของไทย และการถ่ายทอดความรู้ เป็นต้น และเพื่อให้เป็นไปตามโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16142 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 11 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๑ (The Eleventh Ministerial Conference : MC11) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และองค์การทรัพย์สินทางปัญญา เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุม MC11 ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีข้อสังเกตและความเห็นสรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม MC11 ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีหลายประเด็นที่สมาชิกยังไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจาก WTO ใช้ระบบฉันทามติ โดยสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยเพียงประเทศเดียวก็ทำให้การเจรจาหยุดชะงักไปได้ จึงต้องมีการดำเนินการต่อไปใน WTO หลังการประชุม MC11 เพื่อให้สมาชิกหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายได้โดยเร็ว ๒. ประเด็นใหม่ ๆ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ MSMEs และบทบาทของสตรี เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในเวที WTO โดยประเด็นเหล่านี้อาจถูกนำมาถ่วงให้การเจรจาประเด็นที่คงค้างอยู่ช้าลงยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการใช้โอกาสจากการประชุม MC นำเสนอประเด็นเชิงสังคมในมิติที่เชื่อมโยงกับการค้า เช่น ความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมทั้งผลักดันให้สมาชิกที่สนใจร่วมรับรองในหลักการ ซึ่งภายใต้บริบท WTO ถือเป็นเรื่องใหม่ และอาจเปิดช่องให้มีการนำประเด็นเชิงสังคมในมิติอื่น ๆ มาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาทำกฎระเบียบทางการค้าต่อไปได้ ๓. ไทยผลักดันการหารือประเด็นคงค้างภายใต้การเจรจารอบโดฮา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มเติมโดยลดภาษีสินค้าเกษตรระหว่างกัน รวมทั้งการผลักดันไม่ให้สมาชิกที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรใช้มาตรการปกป้องสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับสินค้าข้าว น้ำตาล และมันสำปะหลัง อันจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในระยะยาวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16143 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๔-๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้พบหารือกับนายฮิม แซม รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการและศาสนากัมพูชา โดยฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทราบถึงการจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาร่วมกันระหว่างจังหวัดชายแดนของไทยกับจังหวัดชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมของไทยได้ส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในประเทศเพื่อนบ้าน และขอความร่วมมือกระทรวงธรรมการและศาสนาสนับสนุนให้ชาวพุทธในกัมพูชาร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในวิถีกัมพูชาในคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางศาสนาระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์กันในมิติศาสนาให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เป็นประธานร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาในพิธีเปิดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีร่วมไทย-กัมพูชา ณ โรงละครแห่งชาติจตุมุข ซึ่งทำการแสดงโดยคณะนักแสดงจากสถาบันการศึกษาของไทยและกัมพูชา โดยเป็นความร่วมมือที่สืบเนื่องจากโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านนาฏศิลป์และดนตรีระหว่างสถาบันการศึกษาด้านศิลปะการแสดงของทั้งสองประเทศ ๓. การเข้าเยี่ยมคารวะคุณหญิง แมน ซอม ออน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประสานงานระหว่างรัฐสภา วุฒิสภา และการตรวจสอบ โดยฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทราบถึงโครงการด้านศาสนาและวัฒนธรรมของกระทรวงวัฒนธรรม และโครงการที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาในมิติศาสนาและวัฒนธรรมทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาขอบคุณรัฐบาลไทยที่อำนวยความสะดวกในการส่งคืนโบราณวัตถุที่ยึดได้ในปี ๒๕๔๓ กลับสู่กัมพูชาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16144 | รายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2017) | นร01 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2017) ประกอบด้วย ๒ ประเด็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล (Issue) คือ (๑) การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม และ (๒) เรื่อง การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม จากการตรวจติดตามการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม พบว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจราชการ รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาขยะบนบก/น้ำ/ทะเล อย่างไรก็ดี จากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ยังมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการบางประการและยังไม่มีแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจน ๒. ประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง การดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และโครงการภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวงได้ร่วมกันให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา และเร่งรัดให้หน่วยงานสามารถดำเนินการแล้วเสร็จและบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด และจากการตรวจติดตามการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในงานตรวจราชการแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างจริงจัง สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สนับสนุนช่องทางการตลาด ปรับปรุงการบริหารจัดการให้รองรับผู้ประกอบการและความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้มีความมั่นคง และสามารถยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่สากล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16145 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 | คค | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16146 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชนให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดแนวทางการกำหนดเครื่องแบบขององค์การมหาชนไว้เพื่อให้เครื่องแบบของทุกองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16147 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การวางทรัพย์) | ยธ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การวางทรัพย์) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16148 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2563 โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 | พม | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การเคหะแห่งชาติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ สำหรับโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จำนวน ๘ โครงการ ได้แก่ โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดชลบุรี โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดอุดรธานี โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดนครสวรรค์ โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดระนอง โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดมหาสารคาม โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดหนองบัวลำภู และโครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดกาญจนบุรี วงเงินรวม ๗๙๒.๕๓๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้การเคหะแห่งชาติเริ่มดำเนินโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ ได้เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กำชับการเคหะแห่งชาติดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่เสนอ รวมทั้งเร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16149 | การกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ 2561 จำนวน 500 ล้านบาท | พม | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยง มีการวางแผนการเงินล่วงหน้า และพัฒนาระบบการบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนจัดทำแผนการบริหารจัดการการกู้เงินให้สอดคล้องกับการดำเนินกิจการและสภาพคล่องทางการเงินของสำนักงานธนานุเคราะห์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16150 | ร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศย | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในกรณีที่คู่พิพาทประสงค์จะให้อนุญาโตตุลาการและผู้รับมอบอำนาจซี่งเป็นคนต่างด้าวเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยได้ ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง โดยให้มีสิทธิปฏิบัติหน้าที่ได้ตามข้อบังคับนั้น ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และได้รับอนุญาตให้ทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญตามตำแหน่งหน้าที่ของตนในกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นปัญหาและความสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วยว่า การแก้ไขให้ประธานศาลฎีการักษาการตามพระราชบัญญัตินั้น มีความจำเป็นหรือไม่ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๓. มอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับรองการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16151 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กค | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการจอดรถยนต์ในเขตเทศบาลและสุขาภิบาลเพื่อให้มีผลใช้บังคับถึงองค์การบริหารส่วนตำบล ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรพิจารณาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำรายงานการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจอดรถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแจ้งหรือเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้พิจารณาการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับตามร่างพระราชบัญญัติฯ ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16152 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อโอนย้ายองค์การจัดการน้ำเสียไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาฯ แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย เพื่อให้การบูรณาการงานด้านการจัดการน้ำเสียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้องค์การจัดการน้ำเสียรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๐ ที่กำหนดให้องค์การจัดการน้ำเสียซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจทบทวนปรับสถานภาพให้เป็นองค์การมหาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16153 | การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ประจำปีงบประมาณ 2561 | กค | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินโดยการออกพันธบัตรวงเงินรวมไม่เกิน ๓๓,๒๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๑ แบ่งเป็น (๑) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรใหม่ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งได้กำหนดไว้ในแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนและการปรับสมดุลโครงสร้างเงินทุนในระยะยาวของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และ (๒) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อ Roll-over จำนวน ๑๘,๒๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นกรอบวงเงินการออกพันธบัตรเพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่มีอายุครบกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาออกแบบผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ที่มีความสอดคล้องกับการให้สินเชื่อระยะยาวเพื่อเพิ่มสัดส่วนการระดมทุนของธนาคารอาคารสงเคราะห์จากเงินฝากระยะยาว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์) อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจากปัญหาความไม่สัมพันธ์กันระหว่างอายุของสินทรัพย์และหนี้สินและความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยในการดำรงเงินรับฝาก รวมถึงการพัฒนาระบบการบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพเพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16154 | โครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก (ทุนพัฒนาอาจารย์) พ.ศ. 2561 - 2580 | ศธ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการถอนเรื่อง โครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก (ทุนพัฒนาอาจารย์) พ.ศ ๒๕๖๑-๒๕๘๐ คืนไปเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา เช่น ควรมีการผสมผสานระหว่างการให้ทุนรัฐบาลและการขอทุนจากสถาบันในต่างประเทศ ในส่วนของทุนพัฒนาอาจารย์หลังปริญญาเอก หากมีการขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายสถาบันอื่น ๆ เช่น สถาบันอุดมศึกษาที่สังกัดตามกระทรวงต่าง ๆ จะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความครอบคลุมมากขึ้น ควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลกระทบโครงการเมื่อสิ้นสุดโครงการในระยะที่ ๑ ก่อนการดำเนินโครงการในระยะที่ ๒ ต่อไป เพื่อให้การบริหารจัดการทุนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควรมีฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดสรรทุนกับแหล่งทุนอื่น ๆ ที่มีการจัดสรรทุนให้แก่อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาด้วย เป็นต้น รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16155 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารถนนรัชดาภิเษก 2) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ เพิ่มเติม | อส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเป็นกรณีเฉพาะราย ดังนี้ ๑.๑ ค่าก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารถนนรัชดาภิเษก ๒) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยให้เพิ่มวงเงินจากเดิม ๗๐,๔๖๒,๗๐๐ บาท (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) เป็น ๒๑๐,๙๑๘,๐๐๐ บาท ๑.๒ ค่าควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารถนนรัชดาภิเษก ๒) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยให้เพิ่มวงเงินจากเดิม ๑,๒๕๙,๒๐๐ บาท (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) เป็น ๓,๗๖๕,๓๐๐ บาท ทั้งนี้ การใช้จ่ายและเบิกจ่ายค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุดจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาต่อไป ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16156 | การดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีและออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าแล้ว คือ โครงการสนับสนุนธุรกิจประมงพื้นบ้าน จังหวัดปัตตานี ตามแนวทางขับเคลื่อนโครงการต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เนื้อที่ ๓ ไร่ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังมิได้ออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมคุณภาพตำบลน้ำน้อย เนื้อที่ ๑๕๑-๑/๗๓ ไร่ (๒) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๓.๖ ไร่ (๓) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๗.๖๘ ไร่ (๔) โครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๔๕๓ ไร่ และ (๕) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำคลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เนื้อที่ ๑๖๕-๓-๖๗ ไร่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16157 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศป | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าเช่าบ้านของตุลาการศาลปกครอง โดยกำหนดให้ตุลาการศาลปกครองได้รับค่าเช่าบ้านในอัตราเท่ากับข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรมที่ได้รับเงินเดือนในอัตราที่เทียบเท่ากัน ตามที่ศาลปกครองเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยกำหนดวันใช้บังคับเป็นวันเดียวกับวันใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ กันยายน ๒๕๖๐) แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของสำนักงบประมาณและฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐที่เห็นว่า เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ให้สำนักงานศาลปกครองปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในโอกาสแรกก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และในโอกาสต่อไปอาจพิจารณานำอัตราค่าเช่าบ้านของตุลาการศาลปกครองไปกำหนดเป็นบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการเช่นเดียวกับบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านของข้าราชการประเภทอื่น ๆ เพื่อความเป็นเอกภาพและความสะดวกในการปรับปรุงอัตราค่าเช่าบ้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16158 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | นร09 | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16159 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือตามโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา | ยธ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือตามโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ ที่สนับสนุนงบประมาณให้แก่สำนักงานคณะกรรมการต่อสู้ยาเสพติดแห่งชาติกัมพูชา (National Authority for Combating Drugs : NACD) จำนวน ๓๘,๐๑๑,๔๐๐ บาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างศูนย์บำบัดและฝึกอาชีพสำหรับผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ ซึ่งพิธีส่งมอบความช่วยเหลือฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ อำเภอสตึงฮาว จังหวัดพระสีหนุ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเดินทางไปเข้าร่วมพิธีส่งมอบความช่วยเหลือฯ พร้อมทั้งเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับสมเด็จกลาโหม ซอร์ เค็ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาซึ่งได้แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนของรัฐบาลไทยและหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยโดยตรงในการเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบของยาเสพติด ปัญหาด้านสาธารณสุข และอาชญากรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตามแนวชายแดน และยังเป็นการปกป้องประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนให้ปลอดภัยจากยาเสพติด ตามเป้าหมายของแผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อประชาคมอาเซียนปลอดภัยจากยาเสพติดระยะ ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) อีกด้วย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16160 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | วธ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การหารือทวิภาคีร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การติดตามความคืบหน้าในการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ที่คาดว่าจะมีการลงนามในระหว่างการเดินทางเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีนช่วงต้นปี ๒๕๖๑ และ (๒) การส่งเสริมความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้าน creative content industry (อุตสาหกรรมที่นำเอามรดกทางวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์เป็นผลงาน) การส่งเสริมความร่วมมือในการเผยแพร่ภาพยนตร์ไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน และการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมในกรอบพหุภาคี โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง ๒. กิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ (๑) การเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ “สานสัมพันธ์ศิลปินไทย-จีน : ฉลองสมาพันธ์ศิลปินไทย-จีน ก่อตั้งครบรอบ ๑๘ ปี” (๒) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารจัดการทางวัฒนธรรม ณ พระราชวังหลวง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน วัดลามะ วัดขงจื่อ และพิพิธภัณฑ์กั๋วจื่อเจี้ยน และ (๓) การสำรวจพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ 798 Art Distict กรุงปักกิ่ง
|
.....