ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 809 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16161 - 16180 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16161 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | มท | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงที่มีการประกอบกิจการโรงงาน และเพิ่มขนาดโรงงานในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือผลิตผลทางการเกษตรในพื้นที่ รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่และปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ และในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อมมิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวมหรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ และการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเทศ และควรจัดทำฐานข้อมูลว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใดและใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16162 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาร์เมเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาร์เมเนียประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเซอร์เกย์ มานาซาร์ยัน (Mr. Sergey Manasaryan)] | กต | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเซอร์เกย์ มานาซาร์ยัน (Mr Sergey Manasayan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาร์เมเนียประจำประเทศไทย คนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16163 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟิจิเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิจิประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายโกลีนีโอ กาตา ตากาลี (Mr. Kolinio Gata Takali)] | กต | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโกลีนีโอ กาตา ตากาลี (Mr. Kolinio Gata Takali) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิจิประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นายเมลี ไบนีมารามา (Mr. Meli Bainimarama) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16164 | รัฐบาลสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัยเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัยประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางเอลซา นูรี เบาซาน เบนซาโน (Mrs. Elsa Nury Bauzan Benzano)] | กต | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเอลซา นูรี เบาซาน เบนซาโน (Mrs. Elsa Nury Bauzan Benzano) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัยประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นายเคราร์โด ปราโต (Mr. Gerardo Prato) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16165 | การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ (ผลการประชุมคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ครั้งที่ 1/2560) | กษ | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ประกอบด้วย (๑) นโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ (๒) กิจกรรมจำเป็นเร่งด่วน และ (๓) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่บึงบอระเพ็ด ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ และให้เร่งรัดจัดประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเสนอคณะกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับวงเงินงบประมาณที่จะดำเนินการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น พิจารณาทบทวน ชะลอยกเลิกรายการที่ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาตามผลการประชุมคณะกรรมการฯ ตลอดจนรายการที่มีลำดับความสำคัญลดลง หรือรายการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักของหน่วยงาน หรือโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์หรือจากการจัดซื้อจัดจ้างแล้วไปดำเนินการในอันดับแรกก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางในการบูรณาการการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด โดยประสานงานกับคณะกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่บึงบอระเพ็ดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้เร่งดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาการบุกรุก การใช้ประโยชน์เป็นที่ดินทำกิน และการเพิ่มพื้นที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำของบึงบอระเพ็ด ตามลำดับ ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้อง และทั่วถึงเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของส่วนราชการทั้งที่ได้ดำเนินการแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการ และที่จะดำเนินการต่อไป รวมทั้งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16166 | ผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region) | ทส | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยที่ประชุมได้ร่วมกันทบทวนสถานภาพและสถานการณ์ของมลภาวะด้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนโยบาย ความคิดริเริ่ม และการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอแนะแนวทางในการจัดการและแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน ได้แก่ (๑) สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านนโยบาย โดยกำหนดนโยบายแบบบูรณาการและกรอบแนวทางความร่วมมือข้ามภาคส่วนในการจัดการขยะจากแหล่งทั้งบนบกและในทะเล (๒) เสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและการริเริ่มต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหามลภาวะขยะทะเลระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และภูมิภาค (๓) เร่งดำเนินการศึกษาเพื่อให้ได้ฐานข้อมูลสถานภาพและผลกระทบของมลภาวะด้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และพัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทะเล (๔) ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาขยะทะเล และ (๕) สร้างความตระหนักรู้และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบของขยะทะเล โดยผลสำเร็จจากการประชุมดังกล่าวได้ถูกนำเสนอในที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ ณ สาธารณรัฐเคนยา เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการประชุมของอาเซียนอย่างเป็นทางการ เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะดังกล่าวทั้ง ๕ ข้อ เป็นกรอบการดำเนินงานในแนวทางที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการกำจัดขยะในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เหมาะสม เป็นระบบครบวงจร ทั้งที่เป็นขยะต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ หากโครงการ/กิจกรรมใดมีความพร้อมขอให้เริ่มดำเนินการก่อน และในกรณีที่มีการฝังกลบขยะในพื้นที่แล้ว ให้พิจารณาปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งบริษัท ห้างร้าน หรือสถานประกอบการต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการลดการใช้วัสดุที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกเนื่องจากจะกลายเป็นขยะตกค้างที่ย่อยสลายได้ยาก เช่น การใช้ถุงพลาสติกใส่สินค้าเท่าที่จำเป็นและกระตุ้นให้ผู้ซื้อสินค้านำถุงผ้ามาใส่สินค้าเอง การให้ส่วนลดราคาสินค้ากรณีที่ลูกค้าไม่ใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16167 | รายงานผลการดำเนินงานและการนำเสนอวีดิทัศน์รายงานผลการดำเนินงานตามแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้าน/ชุมชนมั่นคงปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. 2559 - 2560 | ยธ | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ คณะ ได้พิจารณาร่างยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี ในส่วนที่เกี่ยวข้อง และจัดส่งเป้าหมายของแต่ละยุทธศาสตร์ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว โดยยืนยันว่าจะจัดทำ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ชาติฯ ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๑ ตามกำหนดเวลาของพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง ๑๑ ด้าน ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการจัดทำ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ และจัดส่ง (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามกำหนดเวลาของพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๓ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอยู่ระหว่างการดำเนินสรุปและสังเคราะห์ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับร่างยุทธศาสตร์ชาติฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปทุกคณะ ในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๑ และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ยุทธศาสตร์ชาติในระดับภาค ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศประสานงานกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง ๑๑ ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ และเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง ๑๑ ด้าน จะได้นำข้อมูลที่ได้รับไปปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ในการนำ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ ไปประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ดังกล่าว ให้พิจารณาแบ่งหมวดหมู่ สาระสำคัญของ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศให้เหมาะสมด้วย เช่น แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) เศรษฐกิจ (๒) สังคม และ (๓) การบริหารราชการแผ่นดิน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16168 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี พ.ศ. 2561 ถึง พ.ศ. 2563 พ.ศ. .... | พณ | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี ๒๕๖๑ ถึงปี ๒๕๖๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับปี ๒๕๖๑ ถึงปี ๒๕๖๓ ตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน [ASEAN Free Trade Area (AFTA)] เพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรระบุบทอาศัยอำนาจเป็น “อาศัยอำนาจตามความใน (๕) และ (๖) ของมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒” เพื่อให้การระบุบทอาศัยอำนาจเป็นไปโดยชัดเจนและครบถ้วน และตัดวันใช้บังคับในร่างข้อ ๒ นอกจากนี้ การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ เช่น การกำหนดช่วงเวลานำเข้าสำหรับผู้นำเข้าทั่วไป ต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน [ASEAN Trade in Goods Agreement (ATIGA)] และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลการปฏิบัติตามร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ในการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดเพื่อควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยอาหารของสินค้า รวมทั้งควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบนโยบายการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ที่กำหนดระยะเวลานำเข้าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม ของแต่ละปี (ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓) เพื่อให้ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าได้ทันตามกฎหมายกำหนดและได้รับประโยชน์สูงสุดตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16169 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น มลายู และอินโดนีเซีย | อื่นๆ | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น มลายู และอินโดนีเซีย มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น มลายู และอินโดนีเซีย เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการทับศัพท์ได้อย่างเหมาะสมและมีแนวทางที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อใช้เป็นมาตรฐานของทางราชการ ตามที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรปรับปรุงถ้อยคำในวรรคสองและวรรคสามของร่างประกาศฯ ให้ถูกต้องชัดเจนและสอดคล้องกับแนวทางการจัดทำประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ในกรณีของหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอาหรับ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภารับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นมีการถอดเสียงที่มีข้อกำหนดที่ดีแล้ว อย่างไรก็ตาม สำนักงานราชบัณฑิตยสภาอาจหารือกับสถาบันการศึกษาที่เปิดการสอนภาควิชาภาษาญี่ปุ่นเพื่อรับความคิดเห็นเพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16170 | การปรับสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) | พณ | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา ๓๐๑ พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List : PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์สร้างจิตสำนึก เคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาคู่ขนานกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองและการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์พัฒนา ตระหนักถึงคุณค่าและการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้คณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Roadmap) รวมถึงแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) อย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว สามารถยกระดับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสากลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16171 | การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2564 | ปช | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือและเข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA)ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ โดยใช้แนวทางและเครื่องมือการประเมินตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. กำหนด ๑.๒ ให้หัวหน้าส่วนราชการให้ความสำคัญกับการประเมิน ITA และนำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนาตนเองด้านคุณธรรมและความโปร่งใสอย่างเคร่งครัด ๑.๓ ให้หน่วยงานกำกับดูแลส่วนราชการพิจารณานำผลการประเมิน ITA ไปประกอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในขอบเขตความรับผิดชอบ ๒. สำหรับการประเมิน ITA ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ ให้หน่วยงานที่รับการประเมินเข้าร่วมการบูรณาการกับสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อปรับปรุงแนวทางและเครื่องมือการประเมินให้สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงานต่าง ๆ ก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ป.ป.ท. เช่น ควรพิจารณาเกณฑ์การประเมิน ITA ให้สอดคล้องตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่รับการประเมิน อาทิ เกณฑ์การประเมิน ITA สำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบในระดับนโยบาย และเกณฑ์การประเมิน ITA สำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบงานในระดับภูมิภาค และควรมีการพัฒนาเครื่องมือการประเมิน ITA ที่จะใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการบูรณาการประเด็นประเมินที่เป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานมีการประเมินอยู่แล้ว รวมทั้งการนำผลประเมินไปปรับปรุงพัฒนาหน่วยงานของตนเองด้านคุณธรรมและความโปร่งใส ควรกำหนดเป็นเกณฑ์การประเมินอีกหัวข้อหนึ่ง เพื่อเป็นการเน้นย้ำและกระตุ้นเตือนถึงความสำคัญและทิศทางในการพัฒนาคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. สำหรับค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบการประเมินใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรแล้วตามแผนบูรณาการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จำนวน ๑๖,๐๒๔,๗๐๐ บาท และแผนบูรณาการส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนสำหรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๒๕๑,๒๖๔,๐๐๐ บาท หากไม่เพียงพอให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในโอกาสแรก ส่วนงบประมาณที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม และจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16172 | มาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว | มท | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย (๑) จะบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาทบทวนและปรับปรุงมาตรการ/แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าเมืองของคนต่างด้าวเพื่อให้การบริหารจัดการและคัดกรองคนเข้าเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒) จะจัดทำฐานข้อมูลคนต่างด้าวที่ขออนุญาตพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวและจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลดังกล่าวกับหน่วยงานอื่นเพื่อประโยชน์ในการคัดกรองคนต่างด้าวที่จะขออนุญาตพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทย และมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองนำมาตรการดังกล่าวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณากำหนดระเบียบ กฎหมายในการปฏิบัติการและการบูรณาการการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาคนเข้าเมืองต่อไป ๑.๒ สำหรับข้อเสนอแนะต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในประเด็นการจัดระเบียบเพื่อควบคุมและตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในประเทศไทย และการจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติ นั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ๒. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรัดการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวในประเด็นเกี่ยวกับการจัดระเบียบเพื่อควบคุมและตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในประเทศไทย และการจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณากำหนดไว้ในแผนแม่บทการดำเนินการ ประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลคนต่างด้าว การปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองคนต่างด้าวที่จะขอพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทย และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16173 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 23 (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 13 (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1.2 (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Conference of the Parties to the UNFCCC : COP) สมัยที่ ๒๓ (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต (Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP) สมัยที่ ๑๓ (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส (Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Paris Agreement) สมัยที่ ๑.๒ (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยงานภายใต้คณะทำงานเจรจาสำหรับการประชุมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติด้านการประสานท่าทีเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ จัดเตรียมบุคลากรและงบประมาณสำหรับเข้าร่วมการประชุมภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พิธีสารเกียวโตและความตกลงปารีสอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมปกติประจำปี ได้แก่ การประชุมองค์กรย่อยในช่วงกลางปี และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ในช่วงปลายปี รวมถึงการประชุมสมัยพิเศษเพิ่มเติม โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว หากไม่เพียงพอ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์หรือจากการจัดซื้อจัดจ้างแล้วไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นการดำเนินการในกรอบด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมทั้งการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาแบบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและมีความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบูรณาการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16174 | ความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ | นร11 | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ คณะ ได้พิจารณาร่างยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี ในส่วนที่เกี่ยวข้อง และจัดส่งเป้าหมายของแต่ละยุทธศาสตร์ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว โดยยืนยันว่าจะจัดทำ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ชาติฯ ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๑ ตามกำหนดเวลาของพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง ๑๑ ด้าน ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการจัดทำ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ และจัดส่ง (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามกำหนดเวลาของพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๓ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอยู่ระหว่างการดำเนินสรุปและสังเคราะห์ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับร่างยุทธศาสตร์ชาติฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปทุกคณะ ในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๑ และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ยุทธศาสตร์ชาติในระดับภาค ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศประสานงานกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง ๑๑ ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ และเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง ๑๑ ด้าน จะได้นำข้อมูลที่ได้รับไปปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ในการนำ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ ไปประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ดังกล่าว ให้พิจารณาแบ่งหมวดหมู่ สาระสำคัญของ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศให้เหมาะสมด้วย เช่น แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) เศรษฐกิจ (๒) สังคม และ (๓) การบริหารราชการแผ่นดิน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16175 | การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 6 ฉบับ | นร09 | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๖ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (๒) ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (๓) ร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (๔) ร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (๕) ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ (๖) ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการสอบสวนการกระทำความผิดของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และการกระทำอันเป็นการต้องห้ามของสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายในครั้งนี้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งความเห็นมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และคณะกรรมการพัฒนากฎหมายได้นำความเห็นของกระทรวงมหาดไทยมาประกอบการพิจารณาจัดทำร่างกฎหมายทั้ง ๖ ฉบับแล้ว รวมทั้งได้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอความเห็นจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16176 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต) | กต | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16177 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 6 ราย 1. นายวีรชัย พลาศรัย ฯลฯ) | กต | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายวีรขัย พลาศรัย ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ๒. นายวิทวัส ศรีวิหค ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ๓. เรืออากาศโท อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๕. นายสุนทร ชัยยินดีภูมิ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน ๖. นายพรภพ อ่วมพิทยา ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลาบาบัด สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16178 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายสันติ กีระนันทน์ และนายประสิทธิ์ อำภรณ์) | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
๑. แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนกรรมการที่อายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายสันติ กีระนันทน์ เป็นกรรมการ แทน นายวัฒนา ธรรมศิริ ๑.๒ นายประสิทธิ์ อำภรณ์ เป็นกรรมการ แทน นายพีระวัฒน์ ดวงแก้ว ๒. กรณีนายประสิทธิ์ อำภรณ์ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16179 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายสมพร จิตเป็นธม และนายอวยชัย คูหากาญจน์) | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทนผู้ที่ลาออกและแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ตามลำดับ ดังนี้
๑. นายสมพร จิตเป็นธม เป็นกรรมการ แทน นายกฤษฎา บุญราช ๒. นายอวยชัย คูหากาญจน์ เป็นกรรมการ (เพิ่มเติม)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16180 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (จำนวน 5 ราย 1. นางพิลาสลักษณ์ ยุคเกษมวงศ์ ฯลฯ) | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวน ๕ คน แทนผู้ที่ลาออกและมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางพิลาสลักษณ์ ยุคเกษมวงศ์ เป็นกรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๒. นายทวีศักดิ์ ฟุ้งเกียรติเจริญ เป็นกรรมการอื่น ๓. นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ เป็นกรรมการอื่น ๔. รองศาสตราจารย์เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ เป็นกรรมการอื่น ๕. นายยรรยง เต็งอำนวย เป็นกรรมการอื่น แทนนายชูศักดิ์ สาลี ที่อายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์
|
.....