ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 807 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16121 - 16140 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16121 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกิน ๒๐๐ คน ที่มีการจ่ายค่าจ้างแรงงานรายวันตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่มีการปรับขึ้นใหม่ให้แก่ลูกจ้างสามารถนำรายจ่ายค่าจ้างรายวันที่ได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นจำนวน ๑.๑๕ เท่าของค่าจ้างรายวันที่จ่ายให้แก่ลูกจ้าง ทั้งนี้ สำหรับค่าจ้างรายวันที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างไปตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้แก่นายจ้างที่ไม่ได้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอย่างเหมาะสมด้วย รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ในการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะทำให้มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจนและเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งกำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16122 | ขอความเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมโครงการ Our Eyes Initiative | กห | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างแถลงการณ์ร่วมโครงการ Our Eyes Initiative มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือด้านการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายในภูมิภาคระหว่างประเทศสมาชิก โดยตระหนักถึงบทบาทสำคัญของการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิก โดยการจัดตั้งโครงการ Our Eyes Initiative ทั้งนี้ กำหนดจะมีการลงนามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16123 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อลดผลกระทบด้านแรงงาน | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อลดผลกระทบด้านแรงงาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ครอบคลุมถึงการนำระบบด้านดิจิทัลมาใช้ในกิจการเพื่อยกระดับการบริหารจัดการ โดยจะให้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโครงการที่ดำเนินการอยู่เดิม เป็นระยะเวลา ๓ ปี โดยกำหนดวงเงินสูงสุดที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ ๕๐ ของมูลค่าเครื่องจักรที่นำมาปรับปรุง ๑.๒ ปรับปรุงมาตรการให้สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันให้ครอบคลุมถึงการอบรมบุคลากรให้มีทักษะเฉพาะทางที่สูงขึ้น โดยให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมร้อยละ ๒๐๐ ของเงินลงทุน/ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดขอบเขตการส่งเสริมการลงทุนในเรื่องการนำระบบด้านดิจิทัลมาใช้ในกิจการเพื่อยกระดับการบริหารจัดการ และการอบรมบุคลากรให้มีทักษะเฉพาะทางที่สูงขึ้น ให้ชัดเจน เพื่อให้การส่งเสริมการลงทุนเกิดความเป็นธรรมและได้มาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนรับทราบอย่างทั่วถึง ตลอดจนติดตามและประเมินผลมาตรการส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นรายโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16124 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการต่อต้านการก่อการร้ายในอาเซียน | กห | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการต่อต้านการก่อการร้ายในอาเซียน ซี่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการให้คำมั่นร่วมกันที่จะแก้ปัญหาการก่อการร้ายเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนอาเซียน และเห็นชอบร่วมกันที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างหน่วยความมั่นคงของอาเซียนกับพันธมิตรภายนอกภูมิภาคผ่านการจัดการฝึกร่วม การประชุมหารือและการแลกเปลี่ยนหนทางปฏิบัติที่ดี รวมทั้งแสวงหาสำหรับความร่วมมือรูปแบบใหม่ในการต่อต้านการก่อการร้าย และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Defence Ministers’ Meeting Retreat : ADMM) ในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16125 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม 2560 และภาพรวมปี 2560 และแนวโน้มปี 2561 | พณ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม และภาพรวมปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๑๙,๗๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวที่ร้อยละ ๘.๖ (YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุน ๓ ประการ คือ (๑) การฟื้นตัวของการค้าโลกที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุปสงค์ในหลายสินค้าปรับตัวดีขึ้น (๒) ราคาส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มราคาน้ำมัน และ (๓) ความสามารถในการเปิดตลาดใหม่และกระจายประเภทสินค้าส่งออกไทยตามแนวทางการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๒๐,๐๑๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวที่ร้อยละ ๑๖.๖ (YoY) ส่งผลให้การค้าขาดดุล ๒๗๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒. การส่งออกรายสินค้า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๔ ที่ร้อยละ ๖.๖ จากการส่งออกข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๐ ที่ร้อยละ ๑๐ จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ๓. การส่งออกรายตลาดยังคงขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะตลาดเอเชียใต้และตลาดของกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (The Commonwealth of Independent States : CIS) ๔. ภาพรวมการส่งออกปี ๒๕๖๐ (เดือนมกราคม-ธันวาคม ๒๕๖๐) มีมูลค่า ๒๓๖,๖๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวที่ร้อยละ ๙.๙ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๖ ปี โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญโดยเฉพาะข้าวมีปริมาณส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งสิ้น ๑๑.๖ ล้านตัน ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวต่อเนื่องเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียน และจีน ส่งผลให้ดุลการค้าปี ๒๕๖๐ เกินดุล ๑๓,๙๓๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๕. แนวโน้มการส่งออกของไทยปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์โลก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าของประเทศคู่ค้าหลัก ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และปัญหาขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16126 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในอนุภูมิภาค ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย | กห | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในอนุภูมิภาค ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย (Joint Ministerial Statement Sub-Regional Defence Ministers’ Meeting on Counter-Terrorism) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ นครเพิร์ท เครือรัฐออสเตรเลีย โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย เช่น การบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกภาคส่วนของรัฐ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของประเทศที่เข้าร่วมประชุมฯ ในการปฏิบัติการเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งสภาวะแวดล้อมที่เป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาค ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารความมั่นคง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16127 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๒๙๐,๕๙๓,๒๔๖ บาท เพื่อให้กรมบัญชีกลางใช้ในการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดของราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ รวบรวมปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปรับปรุง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินกิจการตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดอย่างเคร่งครัด และให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐให้ทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างชัดเจนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16128 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ครั้งที่ 3 | นร07 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๒,๑๐๕,๙๖๗,๕๖๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน ๗ โครงการ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้กับ ๗ โครงการดังกล่าวต่อไป สำหรับวงเงินที่เหลืออยู่อีก จำนวน ๖,๓๕๒,๖๕๔,๙๐๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในการขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะได้พิจารณาอนุมัติต่อไป ๑.๒ รายการงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ดำเนินการตามแนวทางการขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๐ (๓) กำหนดว่ากรณีวงเงินเกินหนึ่งร้อยล้านบาท สำนักงบประมาณจะเสนอเรื่องต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว จะต้องนำเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16129 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ | อก | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อให้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยเพิ่มผลิตภาพเพิ่มขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายของกิจการไปชดเชยภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้น (๒) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การลดความสูญเปล่า การลดต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจ และ (๓) เพื่อเพิ่มสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการและบุคลากรในสถานประกอบการ SMEs ให้มีขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายและระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ จำนวน ๕๐,๐๐๐ กิจการ/๒๕๐,๐๐๐ คน วงเงินงบประมาณ ๕,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้วงเงินรวม ๕๐๐ ล้านบาท จำนวน ๕,๐๐๐ กิจการ/๒๕,๐๐๐ คน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินมาตรการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนและหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ภายใต้แผนงานบูรณาการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมลำดับแรกก่อน โดยดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ หากไม่เพียงพอ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐต่อไป ส่วนในปีต่อ ๆ ไป ให้พิจารณาผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการฯ และประเมินผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หากยังมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ ก็ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานอย่างจริงจัง ควรเพิ่มเรื่องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถมีทรัพย์สินทางปัญญาเป็นของตนเอง และควรให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก SMEs โดยมุ่งเน้นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานและได้รับผลกระทบสูงจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16130 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายสันติ ป่าหวาย และ นายอักษร แสนใหม่) | กก | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. นายสันติ ป่าหวาย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอักษร แสนใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16131 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด | มท | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด รวม ๑๔ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ ประธานกรรมการ ๒. นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ รองประธานกรรมการ ๓. นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย กรรมการอื่น ๔. นายธนา ยันตรโกวิท กรรมการอื่น ๕. นายกฤดิธาดา จารุสกุล กรรมการอื่น ๖. นางสาวกอบกุล โมทนา กรรมการอื่น ๗. ผู้ช่วยสาตราจารย์อันธิกา สวัสดิ์ศรี กรรมการอื่น ๘. รองศาสตราจารย์รัตนา จักกะพาก กรรมการอื่น ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญมา ชัยเสถียรทรัพย์ กรรมการอื่น ๑๐. นายศุภสิทธิ์ ศิริศักดิ์ กรรมการอื่น ๑๑. นายพลาคม ชัยกิตติศิลป์ กรรมการอื่น ๑๒. นายประวิช สุขุม กรรมการอื่น ๑๓. นายศุภกิจ ปิยสิรานนท์ กรรมการอื่น ๑๔. นายสันติ อ่ำศรีเวียง กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16132 | การปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานและเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานและเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายจ่ายลงทุน รายการค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง สำหรับรายการปีเดียวที่มีวงเงินต่อรายการไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ในทุกงบรายจ่าย ซึ่งเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างหรือได้ผลการประกวดราคาแล้ว แต่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันหรืออยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ทันภายในไตรมาสที่ ๑ หากมีความพร้อมสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ ก็เห็นควรให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ โดยขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และแผนการก่อหนี้ผูกพัน ส่งสำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และให้รายงานรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลแผนงานบูรณาการทราบด้วย ๑.๒ สำหรับรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นพิจารณาทบทวนแล้วเห็นว่าหมดความจำเป็น หรือมีลำดับความสำคัญลดลง หรือไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างรวดเร็ว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และ/หรือโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายแล้วแต่กรณี โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้พิจารณานำไปช่วยเหลือ เยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย หรือปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ราชการ หรือสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุของอุทกภัยให้กลับคืนสู่สภาพปกติ แต่หากหน่วยงานใดไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือได้ดำเนินการแก้ไขบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ให้พิจารณาดำเนินการตามภารกิจและอำนาจหน้าที่โดยคำนึงถึงแผนการปฏิรูปประเทศ การแก้ไขบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หรือมีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ หรือสนับสนุนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งนี้ ไม่รวมถึงงบประมาณของแผนงานบุคลากรภาครัฐ แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และแผนงานการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ๑.๓ ให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีโดยเร็ว ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16133 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์) | นร11 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แทน นายลักษณ์ วจนานวัช ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16134 | การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน | มท | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยมีกลไกคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศฯ ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชาติ ระดับจังหวัด/กทม. ระดับอำเภอ/เขต และทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล เพื่อบูรณาการกลไกการขับเคลื่อน บูรณาการชุดความรู้ แผนงาน/โครงการ และงบประมาณ ลงไปในพื้นที่เป้าหมาย ๑.๒ กระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และอำเภอ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการฯ และเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับส่วนกลาง จังหวัด อำเภอ และตำบล ๑.๓ การดำเนินงานโครงการฯ ในระยะต่อไป จะกำหนดประชุมหารือเพื่อวางกรอบแนวทางการปฏิบัติงานตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และกำหนดจัดประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ๒. ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยในการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน และสนับสนุนกลไกในการปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกระดับ โดยในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้คำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจ อำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน และงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรด้วย ๓. ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐในระดับพื้นที่ รวมทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรบูรณาการการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานและเพื่อให้โครงการดังกล่าวเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานในภาพรวม รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ด้วย ๔. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน กับการดำเนินการในเรื่อง Big Data ด้วย เพื่อให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16135 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2561) | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16136 | ร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16137 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานของสมาคมกีฬาประเภทต่าง ๆ ให้สามารถส่งเสริมและพัฒนานักกีฬาให้มีคุณภาพ และให้มีกระบวนการคัดเลือกผู้มีศักยภาพและความสามารถในแต่ละประเภทกีฬา เพื่อเป็นตัวแทนของชาติเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติต่อไป นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งส่งเสริมให้มีนักกีฬาประเภทต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาในประเภทกีฬาที่ประเทศไทยยังไม่มีตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน หรือที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันในระดับนานาชาติเท่าที่ควร และให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาสนับสนุนให้เหล่าทัพต่าง ๆ คัดเลือกกำลังพลในสังกัดที่มีความพร้อมและมีรูปร่างเหมาะสมมาฝึกฝนกีฬาประเภทต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติในอนาคตต่อไป ๒. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ออกแบบการจัดวางผังเมืองในพื้นที่ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอกของพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศให้เหมาะสมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนถึงการจัดวางผังเมืองของประเทศในระยะต่อไป โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน นั้น ให้กระทรวงคมนาคม (สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแผนการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระจายความเจริญจากพื้นที่ชั้นในไปสู่พื้นที่รอบนอกของจังหวัดต่าง ๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการจัดวางผังเมืองดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16138 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เนื่องจากเรื่องการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้การกำหนดเขตที่ดินในพื้นที่ต่าง ๆ มีความชัดเจนและไม่เกิดปัญหาการบุกรุกที่ดิน จึงมีมติให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๖๐ วัน และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16139 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. ....) | กษ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และ (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการประมงนอกน่านน้ำไทยให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนแหล่งเงินทุนเงื่อนไขผ่อนปรนในการปรับตัว การสนับสนุนองค์ความรู้และข้อมูลแหล่งทำการประมงที่มีศักยภาพ และการเป็นตัวกลางสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการทำสัญญาและขอใบอนุญาตเข้าไปทำการประมงในรัฐชายฝั่งอื่น รวมทั้งขยายความร่วมมือทางการประมงระหว่างรัฐบาลของประเทศไทยและรัฐชายฝั่งอื่นอย่างต่อเนื่อง และเห็นควรประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงเอกสาร หลักฐาน หลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ได้รับทราบอย่างละเอียด และมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตและบังคับใช้กฎหมายการประมงอย่างเคร่งครัด ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งจัดระเบียบและควบคุมการทำการประมงพาณิชย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาระบบนิเวศน์และทรัพยากรทางการประมงและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16140 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชสีมา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน รวม 2 ฉบับ (ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน) | คค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ (๑) ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๖ สายบางปะอิน-นครราชสีมา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และ (๒) ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๑ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าแทนเพื่อเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนและส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างทางหลวงทั้ง ๒ สายดังกล่าวได้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....