ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 699 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13961 - 13980 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13961 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13962 | การขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันหุ้นกู้วงเงินรวมไม่เกิน 21,000 ล้านบาท ให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันหุ้นกู้วงเงินรวมไม่เกิน ๒๑,๐๐๐ ล้านบาท ให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ตามที่กำหนดในมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อรองรับการดำเนินงานของ ธพว. ในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) รวมถึงให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ SMEs รายย่อย ตามนโยบายรัฐบาลอื่น ๆ ทั้งนี้ ธพว. จะดำเนินการประสานสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะของ สบน. ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13963 | ผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2561 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13964 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13965 | โครงการห้องเรียนกีฬา | ศธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการห้องเรียนกีฬา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ มีวัตถุประสงค์เพื่อหานักกีฬาใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศและต่อยอดให้กีฬากลายเป็นอาชีพ โดยมีเป้าหมายคือ รับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้ามาศึกษาในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งสิ้น ๙ โรงเรียน (๘ จังหวัด) โดยโรงเรียนดังกล่าวตั้งอยู่ในจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของสถาบันการพลศึกษา แต่ไม่มีโรงเรียนกีฬาสังกัดสถาบันการพลศึกษา รวมถึงมีความพร้อมและมีความเข้มแข็งด้านวิชาการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการฯ กรณีเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวของนักเรียนที่ขออนุมัติในอัตรา ๗๕,๓๑๐ บาท/คน/ปี เห็นควรพิจารณาอัตราค่าใช้จ่ายรายหัวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักเรียน ประกอบด้วย ค่าอาหารและชุดกีฬา ภายในอัตรา ๔๑,๗๐๐ บาท/คน/ปี ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ประกอบด้วย ค่าอุปกรณ์กีฬา เวชศาสตร์การกีฬา ค่าสาธารณูปโภค และค่าเข้าร่วมการแข่งขัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการฯ และงบลงทุน เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพิจารณาจัดทำรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายของแต่ละรายการ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้รับการจัดสรรงบประมาณบางส่วนตามแผนโครงการฯ แล้ว จำนวน ๗๘.๓๕๐๗ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างในสถานศึกษา หากมีความจำเป็นที่ต้องอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวและค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการฯ ให้พิจารณาโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มาดำเนินการก่อนในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณารายการค่าใช้จ่าย โดยเทียบเคียงกับค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาด้านกีฬาในทุกงบรายจ่าย เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและความเหลื่อมล้ำในการใช้จ่ายเงินเพื่อการศึกษา การติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาดังกล่าวทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ รวมถึงการกำหนดเป้าหมายและกรอบระยะเวลาวัดผลตามตัวชี้วัดที่กำหนดให้ชัดเจน การคัดเลือกชนิดกีฬาที่จะเปิดสอนของแต่ละโรงเรียนควรตั้งอยู่บนพื้นฐานความพร้อมของโรงเรียนทั้งระบบ และการให้นักเรียนในโครงการฯ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการใช้กิจกรรมนันทนาการและกีฬาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างสุขภาวะของประชาชน สร้างนิสัยรักกีฬา และสร้างความสามัคคีในชุมชน และเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการบูรณาการกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น บุคลากรผู้ฝึกสอน วัสดุอุปกรณ์ด้านกีฬา อาคารสถานที่ สนามกีฬา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13966 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ | คค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับการผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๖ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้ รฟท. ดำเนินการตามมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เสนอไว้ในรายงาน EIA (๒) การดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ขอให้ รฟท. คำนึงถึงทิศทางการไหลของน้ำโดยธรรมชาติ โดยการก่อสร้างรถไฟทางคู่ดังกล่าวต้องไม่กีดขวางทิศทางการไหลของน้ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และ (๒) การดำเนินโครงการฯ หากมีจุดที่กีดขวางทางน้ำ ขอให้ รฟท. ออกแบบให้มีช่องทางระบายน้ำ โดยกำหนดตำแหน่งและขนาดของช่องระบายน้ำที่เหมาะสม เพียงพอต่อการระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13967 | ขออนุมัติเปิดตลาดโควตานมผงขาดมันเนย ปี พ.ศ. 2561 เพิ่มเติม | กษ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการเปิดตลาดโควตานมผงขาดมันเนย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เพิ่มเติม ปริมาณ ๕,๗๙๕.๘๒ ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ ๕ โดยจัดสรรให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต แบ่งเป็น กลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) จำนวน ๔,๖๐๕ ตัน และกลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) จำนวน ๑,๑๙๐.๘๒ ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนการจัดสรรโควตา เท่ากับ ๗๙.๗๕ : ๒๐.๕๕ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรต้องเป็นผู้ประกอบการรายเดิมและมีรายงานการนำเข้าโควตานมผงขาดมันเนยที่ได้รับเกินร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป และต้องนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ (เรื่อง การบริหารจัดการนมทั้งระบบ) ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ ๘/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตามการนำเข้านมผงขาดมันเนยไม่ให้มีผลกระทบใด ๆ ต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมโคจากเกษตรกรและราคาน้ำนมดิบในประเทศ และต้องควบคุมดูแลไม่ให้มีการนำนมผงมาละลายน้ำแทนน้ำนมดิบ สำหรับโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรมีแนวทางเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพสหกรณ์โคนมในประเทศให้สามารถดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็ง เพื่อรองรับการเปิดเสรีการค้านมและผลิตภัณฑ์นมภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ซึ่งจะมีผลอย่างสมบูรณ์ภายในปี ๒๕๖๔ และปี ๒๕๖๘ รวมทั้งลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโคนมและผลิตภัณฑ์นมในประเทศ นอกจากนี้ ผู้นำเข้านมผงขาดมมันเนยต้องขอรับใบอนุญาตนำเข้าอาหาร และควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมผงขาดมันเนยให้มีคุณภาพมาตรฐานสอดคล้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๕๐) พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง นมโค เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13968 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา) | กค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการจูงใจให้มีการสนับสนุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการเข้าถึงระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ในโอกาสแรก ตลอดจนจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป รวมถึงรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษาที่ผ่านมาเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ และให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการในการช่วยลดภาระงบประมาณในช่วงที่ผ่านมา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13969 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อขยายทางหลวงชนบท สป.๑๐๑๑ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13970 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน รวม 4 ฉบับ (ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าไข่ และตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน) | คค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และเพื่อให้การก่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท รย. ๒๐๑๕ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าไข่ และตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๓. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๔. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง และตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13971 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 | ยธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงมหาดไทยและกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวม ๑๖ ฉบับ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันและเป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น ร่างข้อ ๑๑๙ ที่กำหนดให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในท้องที่เป็นผู้ทำการติดตามดูแลความประพฤติ และให้คำแนะนำช่วยเหลือในการประกอบอาชีพและประพฤติปฏิบัติตนของผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัว น่าจะไม่สอดคล้องกับมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งกำหนดให้การดำเนินการกรณีนักโทษไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานเรือนจำ หรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ ซึ่งเจ้าพนักงานเรือนจำร้องขอ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วไปดำเนินการเป็นลำดับแรก สำหรับในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งวัตถุประสงค์เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13972 | การลงนามพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น | พณ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น (Frist Protocol to Amend the Agreement on Comprehensive Economic Partnership among Member States of the Association of Southeast Asian Nations and Japan) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership Agreement : AJCEP) โดยแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทเรื่องข้อยกเว้นด้านความมั่นคงเกี่ยวกับมาตรการที่ใช้ปกป้องผลประโยชน์เรื่องความมั่นคงและการยกเลิกมาตรการดังกล่าว การเพิ่มเติมข้อผูกพันเกี่ยวกับการค้าบริการ เช่น อนุญาตให้ผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกสามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ ๔๙ เพิ่มเติมข้อผูกพันเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา ในการเข้าเมืองและการพำนักในประเทศ รวมทั้งเพิ่มเติมการลงทุนให้ครอบคลุมเรื่องการคุ้มครองการลงทุน การส่งเสริมการลงทุน และการอำนวยความสะดวกการลงทุน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างพิธีสารฯ ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบต่อร่างพิธีสารฯ ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากลุ่มธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบในทางลบและวางมาตรการรองรับอย่างเหมาะสม รวมทั้งควรมีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อผูกพันภายใต้พิธีสารฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13973 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพรชัย หาญยืนยงสกุล) | กค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพรชัย หาญยืนยงสกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13974 | การปรับปรุงรายละเอียดโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพัทยา - แหลมฉบัง - ศรีราชา ระยะที่ 1 | มท | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13975 | โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายประปาการประปาส่วนภูมิภาคสาขาชลบุรี - พนัสนิคม - (พานทอง) - (ท่าบุญมี) ปีงบประมาณ 2560 (ระยะที่ 1) | มท | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13976 | รายงานผลการขับเคลื่อนตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 และวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 | มท | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. สามารถเชื่อมโยงและเปิดให้หน่วยงานที่ร้องขอนำข้อมูลไปใช้ในการอำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนผ่านระบบ (Linkage Center) ได้แล้ว จำนวน ๗๓ ฐานข้อมูล คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๙๓ ๒. อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูล จำนวน ๒๕ ฐานข้อมูล คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๕๕ ๓. ขอยกเลิกเนื่องจากไม่สามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรด้วยเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักได้ และไม่สามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ในการขอรับบริการได้ จำนวน ๑๘ ฐานข้อมูล คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๕๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13977 | รายงานผลการดำเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 | พณ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้พิจารณากฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๘ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) กฎหมายลำดับรองที่พระราชบัญญัติฯ กำหนดให้ออก จำนวน ๑๘ ฉบับ และ (๒) กฎหมายลำดับรองที่ออกเพื่อสนับสนุนการกำกับดูแลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าให้มีประสิทธิภาพ จำนวน ๒๐ ฉบับ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้ดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้วภายในกำหนดระยะเวลา ๓๖๕ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติฯ ใช้บังคับ (ครบกำหนดวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13978 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบูรณาการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ. .... | นร11 | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13979 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถใหม่ เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2555 พ.ศ. .... | พณ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถใหม่ เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถใหม่เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเป็นการลดความซ้ำซ้อนของการบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการขออนุญาตจากทางราชการ เพื่อใช้มาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในการควบคุมการนำเข้าสินค้ายางล้อเนื่องจากมีความเข้มงวดในการตรวจสอบมากกว่าและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศ และรูปแบบการกำหนดวันใช้บังคับ เพื่อให้ร่างประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับสอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13980 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน | ยธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานภายในกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑ โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์และการดำเนินการเกี่ยวกับการลงโทษและการบังคับโทษประหารชีวิตในประเทศไทย และข้อเสนอแนะของกระทรวงยุติธรรมที่ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ รวมทั้งได้พิจารณาข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายโทษประหารชีวิต ของ กสม. เปรียบเทียบกับข้อเสนอจากรายงานสถานการณ์ ของกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้ กสม. ทราบด้วย
|
.....