ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1041 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20801 - 20820 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20801 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 304 สายมีนบุรี - ฉะเชิงเทรา ตอน 2 จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดฉะเชิงเทรา | คค | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๓๐๔ สายมีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ตอน ๒ จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดฉะเชิงเทรา วงเงิน ๑,๐๔๙,๗๓๗,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20802 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการสามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรให้คงคำว่าข้าราชการฝ่ายอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการไว้ในร่างมาตรา ๓ ในบทนิยามตามเดิม และเห็นควรให้แก้ไขในร่างทุกมาตราให้มีคำว่าข้าราชการฝ่ายอัยการตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ ไว้ตามเดิม ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20803 | ร่างกฎกระทรวงเพื่อรองรับการใช้บังคับพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | รง | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต การอนุญาต การออกใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ การกำหนดหลักประกัน และการจดทะเบียนตัวแทนจัดหางานและลูกจ้างซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดหางาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การออกใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ การกำหนดหลักประกัน และการจดทะเบียนตัวแทนจัดหางานและลูกจ้างซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดหางาน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ ๒. ให้กระทรวงแรงงานและส่วนราชการที่ร่วมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้เร่งรัดการเสนอกฎหมายลำดับรองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชการของกระทรวง ตามมาตรา ๓๕ มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๑ มาตรา ๘๒ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๗ มาตรา ๘๘ มาตรา ๙๒ มาตรา ๙๓ มาตรา ๙๕ มาตรา ๙๖ มาตรา ๙๗ และมาตรา ๙๙ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้กฎหมายแม่บทมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||
20804 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) | ศป | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) เกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานในด้านการบริหารจัดการคดีให้มีความรวดเร็วและชัดเจน รวมทั้งการเพิ่มจำนวนตุลาการศาลปกครองให้มากขึ้น เพื่อเร่งรัดคดีค้างการพิจารณาให้มีจำนวนน้อยลง ซึ่งสำนักงานศาลปกครองได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ศาลปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ และแผนด้านการพัฒนาบุคลากร พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ในด้านการบริหารจัดการเกี่ยวกับการพิจารณาและพิพากษาคดีปกครองให้มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คดีค้างการพิจารณามีจำนวนลดน้อยลง เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับแล้ว การบังคับคดีเพื่อให้มีการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองจะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ศาลปกครองได้คัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และพนักงานคดีปกครอง และได้ทยอยบรรจุแต่งตั้งตามกรอบงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร แต่อัตรากำลังที่ได้มายังมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณคดีปกครองจำนวนมากที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งมีเหตุผลทางด้านงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาอย่างจำกัด เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวอันจะทำให้การพิจารณาพิพากษาคดีเสร็จสิ้นได้โดยเร็ว จึงต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวกับอัตรากำลังของตุลาการศาลปกครองและบุคลากรของสำนักงานศาลปกครองเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20805 | ผลการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนระหว่างไทย - สหรัฐฯ (TIFA JC) และการหารือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ | พณ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา [Trade and Investment Framework Agreement between the United States and the Kingdom of Thailand (TIFA) Joint Council : TIFA JC] และการหารือกับภาคเอกชนสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๒๐-๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุม TIFA JC ในระดับรัฐมนตรี มีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการขยายการค้าการลงทุน ประเด็นทางเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ทั้งสองฝ่ายสนใจร่วมกัน อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ธุรกิจการเงิน และในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส หารือประเด็นการค้าที่จะส่งเสริมโอกาสทางการค้าของไทย อาทิ การพิจารณาให้สิทธิพิเศษศุลกากร (GSP) แก่สินค้าไทย การเตรียมจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Action Plan) การถอดถอนไทยออกจากสถานะ Primary concern ในเรื่องการค้างาช้างผิดกฎหมายภายใต้ CITES การเตรียมจัดสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายความปลอดภัยทางอาหารฉบับใหม่ของสหรัฐอเมริกา (FSMA Readiness Program) และแนวทางการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ๑.๒ การหารือเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership Agreement : TPP) ในภาพรวม เช่น การมีผลบังคับใช้ความตกลง กระบวนการภายในของสมาชิก TPP การรับสมาชิกใหม่ รวมทั้งประเด็นสำคัญเชิงเทคนิคเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องของไทย ๑.๓ การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนสหรัฐอเมริกา สภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา (USCC) สนับสนุนไทยเข้าเป็นสมาชิก TPP และได้เสนอแนะแนวทางการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน ส่วนกลุ่มบริษัทผู้ผลิตกระเป๋าถือและเดินทางชั้นนำของสหรัฐอเมริกา จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ Coach, Michael Kors และ Under Armor แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าในไทย และขยายปริมาณการนำเข้าสินค้าฯ จากไทยเพิ่มมากขึ้น หากไทยได้รับสิทธิ GSP ในสินค้าดังกล่าวจากสหรัฐอเมริกา ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางติดตามผลการประชุม TIFA JC ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ |
|||||||||||||||||||||
20806 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและการประชุมในประเทศไทย ๒ รายการ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค เรื่อง ความร่วมมือของโครงการและการประเมินภัย (Regional Workshop on Project Coordination and Hazard Assessment) ๑.๒ การประชุมสนับสนุนการเฝ้าระวังและตอบสนองเพื่อควบคุมโรคในสัตว์ข้ามพรมแดน (Final Coordination Meeting on Supporting Early Warning, Response and Control of Transboundary Animal Diseases) ๒. ให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรียทราบ และแจ้งทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20807 | ผลการจัดสถานะประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2559 | พณ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการจัดสถานะประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๙ โดยไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List : PWL) เช่นเดียวกับปี ๒๕๕๐-๒๕๕๘ และในการประกาศสถานะไทยในครั้งนี้ สหรัฐฯ ได้เสนอให้ไทยพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพย์สินทางปัญญา (Action plan) ร่วมกับสหรัฐฯ โดยการจัดทำ Action plan จะมีผลต่อพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อเจ้าของสิทธิทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และหากมีการปฏิบัติตาม Action plan อย่างจริงจังก็คาดว่าจะมีส่วนช่วยให้สหรัฐฯ จัดสถานะของไทยให้ดีขึ้นได้ในปีต่อ ๆ ไป ตามที่กระทรวงการพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการจัดทำ Action plan ร่วมกับสหรัฐฯ และให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงพาณิชย์นำข้อเสนอในการจัดทำ Action plan หารือกับฝ่ายสหรัฐฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งหารือร่วมกับส่วนราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดกับผู้ประกอบการของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรเตรียมการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อกำหนดท่าทีของไทยก่อนดำเนินการพิจารณาจัดทำ Action plan ร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อให้เกิดความรัดกุมและความรวดเร็วในการดำเนินการขั้นต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20808 | การเร่งรัดให้ส่วนราชการดำเนินการตรากฎหมายลำดับรอง | นร05 | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองในส่วนที่ค้างการดำเนินการอยู่ที่ส่วนราชการเกิน ๑ เดือน มีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20809 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2558/59 ครั้งที่ 21 | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๒๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๒,๗๙๔ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔๗ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๙,๓๒๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๐ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๒. การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒๔ เมษายน ๒๕๕๙ ผลการใช้น้ำอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๑๑,๐๒๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๙๗ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๒,๙๘๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๙๓ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๖.๙๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ช่วงวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๕๙ ผลการระบายน้ำจากเขื่อนจำนวน ๔ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เฉลี่ยวันละ ๑๘.๐๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ๔. สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๙๙ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๘๙ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๐๔ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว ๐.๑๐ ล้านไร่ ๕. จุดเฝ้าระวัง (๑) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ๑๐ แห่ง (เขื่อนน้ำน้อย) ได้แก่ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนลำปาว เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนกระเสียว อ่างเก็บน้ำคลองสียัด และอ่างเก็บน้ำบางพระ (๒) ปริมาณน้ำท่าในลำน้ำสายหลักอยู่ในเกณฑ์ปริมาณน้ำน้อย โดยมีจุดที่ต้องเฝ้าระวังคือ การป้องกันความเค็มที่บริเวณสถานีประปาสำแลไม่ให้เกินค่ามาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปา ๖. การช่วยเหลือกรณีพิเศษ ช่วงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙-ปัจจุบัน ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ การส่งน้ำคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง และนาเผือก ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ๗. แนวโน้มสถานการณ์น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ มีเพียงพอตลอดจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20810 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด ลักษณะ จำนวน หรือขนาดของสัตว์น้ำที่ห้ามมีไว้ในครอบครอง พ.ศ. .... | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด ลักษณะ จำนวน หรือขนาดของสัตว์น้ำที่ห้ามมีไว้ในครอบครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์น้ำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ หรือต่อสัตว์น้ำอื่น สิ่งแวดล้อมของสัตว์น้ำ และกำหนดให้ผู้มีสัตว์น้ำไว้ในครอบครองต้องส่งมอบสัตว์น้ำนั้นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการเสนอกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๕ มาตรา ๔๕ มาตรา ๕๘ (๑) มาตรา ๖๔ วรรคสอง มาตรา ๖๖ มาตรา ๗๑ วรรคสี่ ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้กฎหมายแม่บทมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์ และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||
20811 | การซ่อมแซมบ้านพักครู | นร | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากขณะนี้สภาพบ้านพักครูในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศมีสภาพชำรุดทรุดโทรม จึงเห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยทหารในพื้นที่เร่งซ่อมแซมบ้านพักครูในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ครูมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
20812 | องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียขอความเห็นชอบร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) แปลง B-17-01 เพื่อการเปลี่ยนแปลงอัตราการหักค่าใช้จ่าย ตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราการหักค่าใช้จ่ายตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียดังกล่าว จะไม่ทำให้ส่วนแบ่งของประเทศไทยลดลงและจะเป็นประโยชน์มากขึ้นในด้านความมั่นคงของการจัดหาก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากบริษัทผู้ดำเนินงานจะมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปใช้ลงทุนในโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซขนาดเล็กต่อไปได้ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหากจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ให้กระทรวงพลังงานชี้แจงและให้ข้อมูลว่าได้ดำเนินการในเรื่องนี้โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลักด้วยแล้ว ๒. เห็นชอบร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) แปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซียกับบริษัทผู้ได้รับสัญญา คือ บริษัท PC JDA Limited. (PC JDAL) และบริษัท PTTEP International Limited มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงอัตราการหักค่าใช้จ่ายของน้ำมันส่วนที่เป็นทุน จากเดิมสูงสุดไม่เกินร้อยละ ๕๐ เป็นสูงสุดไม่เกินร้อยละ ๖๐ เฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจที่ลงทุนไปแล้ว (ตั้งแต่วันเริ่มต้นของสัญญาถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘) และที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่เป็นทุนสำหรับโครงการแผนการพัฒนาระยะที่ ๔ (แหล่งแอนดาลัส แหล่งแอนดาลัสตะวันออก และแหล่งตันจุง) ของแปลง B-17-01 และให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียลงนามในร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) แปลง B-17-01 กับบริษัทผู้ได้รับสัญญา เมื่อร่างสัญญาฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย รวมทั้งควรกำกับดูแลผลประโยชน์ที่ได้รับจากส่วนแบ่งของการผลิตก๊าซจากแหล่งดังกล่าวไม่ให้น้อยกว่าเดิม เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20813 | ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษในการลงนามขออนุญาตและรับรองความปลอดภัยสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ซึ่งเป็นผู้ลงนามในเอกสารขออนุญาตและรับรองความปลอดภัยสำหรับงานหม้อน้ำ งานปั้นจั่น งานเหมืองแร่ และงานออกแบบคำนวณอาคารและโครงสร้างพื้นฐานจะต้องมีความรับผิดตามกฎหมายเป็นการเฉพาะตัว ทั้งทางอาญา ทางแพ่ง และทางวิชาชีพ โดย กฟผ. ไม่สามารถรับผิดชอบแทนได้ ซึ่งกระทรวงพลังงานพิจารณาแล้วเห็นว่าอัตราการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษในการลงนามขออนุญาตและรับรองความปลอดภัยดังกล่าว มีความเหมาะสมแล้ว และเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการว่าจ้างหน่วยงานภายนอกดำเนินการ รวมถึงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ กฟผ. ๒. เห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษในการลงนามขออนุญาตและรับรองความปลอดภัยให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของ กฟผ. ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สำหรับงานหม้อน้ำ งานปั้นจั่น งานเหมืองแร่ และงานออกแบบคำนวณอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๓. มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจไปพิจารณาการจ่ายค่าตอบแทนของรัฐวิสาหกิจทั้งระบบให้มีความเหมาะสม และไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง |
|||||||||||||||||||||
20814 | การขอความเห็นชอบต่อรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก | พม | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการเสนอชื่อนายวันชัย รุจนวงศ์ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็กคนต่อไป โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๓ ปี (นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๒) ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะแจ้งชื่อผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการฯ ให้แก่สำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20815 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร จำนวน 478 ราย ตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติปรับโครงสร้างหนี้ของเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน จำนวน ๔๗๘ ราย เป็นเงิน ๖๑.๘๘ ล้านบาท (เงินต้น ๔๔.๙๖ ล้านบาท และดอกเบี้ย ๑๖.๙๒ ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรกรแห่งชาติ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยแนวทางการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เกษตรกร ให้นำกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ มาใช้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการติดตามผลการชำระคืนเงินให้เสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนด การสนับสนุนองค์ความรู้และแนวทางการพัฒนาอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรกลุ่มนี้เพื่อให้สามารถนำเงินมาชำระคืนและเหลือเพียงพอในการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการประชาสัมพันธ์และการเข้าถึงเกษตรกรเพื่อชี้แจงภารกิจและวิธีดำเนินการในการพัฒนาและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เกษตรกรในทุกพื้นที่ได้รับทราบถึงนโยบายและมาตรการของรัฐอย่างทั่วถึงและมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงกันตามเจตนารมณ์ของภาครัฐ การให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการร่วมพิจารณาและจัดทำโครงการตั้งแต่ต้นเพื่อให้ได้โครงการที่ตรงกับความต้องการของเกษตรกรและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเกษตรกรมีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริง รวมทั้งการปรับปรุงข้อมูลหนี้สินของเกษตรกรที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทั้ง ๔๗๘ ราย ให้ทันสมัย เนื่องจากพบว่ามีบางรายชำระหนี้แล้ว และเกษตรกรจะต้องมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือภายใน ๓ เดือน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังตรวจสอบข้อมูลสถานะหนี้สินของเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่เหมาะสมในระยะยาวเพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างยั่งยืน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20816 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดอาเซียน - รัสเซีย สมัยพิเศษ | กต | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาโซชิระหว่างอาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซียเพื่อฉลองวาระครบรอบ ๒๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซีย (Sochi Declaration of the ASEAN-Russian Federation Commemorative Summit to Mark the 20th Anniversary of ASEAN-Russian Federation Dialogue Relations) เพื่อให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรอง/ลงนามร่างปฏิญญาฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อฉลองวาระครบรอบ ๒๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซีย และมุ่งเน้นเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ๑.๒ เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการอย่างครอบคลุมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซีย ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (Comprehensive Plan of Action to Promote Cooperation Between the Association of Southeast Asian Nations and the Russian Federation 2016-2020) มีสาระสำคัญเพื่อเป็นแผนแม่บทที่ระบุมาตรการต่าง ๆ ซึ่งอาเซียนและสหพันธรัฐรัสเซียจะร่วมมือกันดำเนินการเพื่อประโยชน์ร่วมกัน โดยมีสาขาความร่วมมือที่มีความสำคัญเด่นชัด ได้แก่ ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน อุตสาหกรรม พลังงาน การเงิน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งความร่วมมือรายสาขา เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเตือนภัยล่วงหน้าและการบรรเทาภัยพิบัติ การจัดการ การฟื้นฟูและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วัฒนธรรมและข้อมูลข่าวสารและการท่องเที่ยว เป็นต้น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายมีหนังสือแจ้งความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการฯ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีรับทราบร่างแผนปฏิบัติการฯ ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ ๑.๓ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับทราบรายงานข้อเสนอแนะของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิอาเซียน-รัสเซีย เรื่อง อาเซียน-รัสเซีย : หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์หลายมิติที่มองไปในอนาคต (Report of the ASEAN-Russia Eminent Persons Group-ASEAN and Russia : a Future-Oriented Multidimensional Strategic Partnership) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อเสนอแนะแนวทางความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซีย เพื่อนำไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในอนาคตในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับรายงานข้อเสนอแนะของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิอาเซียน-รัสเซีย ในประเด็นเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในการใช้เทคโนโลยีอวกาศโดยสันติ การพัฒนาของจุดปล่อยจรวดวอสต๊อกนี (Vostochny) ซึ่งเมื่อมีการปล่อยจรวดแล้วอาจต้องมีการแจ้งเตือนถึงวัตถุอวกาศ ในกรณีที่อาจมีวัตถุอวกาศตกลงสู่ประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียน ขอเสนอให้มีการแจ้งเตือนทั้งแบบที่เป็นทางการผ่านกระบวนการปกติ และขอให้รัสเซียแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานด้านอวกาศที่รับผิดชอบในประเทศนั้น ๆ โดยตรงอีกทางหนึ่งด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20817 | การลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับรัสเซียเกี่ยวกับความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน และการเสนอร่างความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อดำเนินการลงนามและดำเนินการ ให้มีผลใช้บังคับ | กต | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ถอนเรื่อง การลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับรัสเซียเกี่ยวกับความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน และการเสนอร่างความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อดำเนินการลงนามและดำเนินการให้มีผลใช้บังคับ คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ร่างความตกลงฯ มีการระบุในกรณีที่รัฐมีการจ่ายค่าทดแทนการเวนคืนล่าช้าฯ จะต้องรวมดอกเบี้ยที่คำนวณตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเชิงพาณิชย์ที่กำหนดบนพื้นฐานของกลไกตลาด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเชิงพาณิชย์ดังกล่าวจะมีความหมายที่กว้างกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุดของธนาคารออมสินตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ทั้งนี้ หากกระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายภายในประเทศและสามารถดำเนินการได้ กระทรวงการคลังก็ไม่ขัดข้องกับร่างความตกลงฯ ดังกล่าว และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในประเด็นการคุ้มครองการลงทุนและขอบเขตของการใช้บังคับ รวมทั้งการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้ลงทุนและภาคีคู่สัญญาที่รับการลงทุน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20818 | ขออนุมัติลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตรแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วย ความร่วมมือด้านการเกษตร | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร (Memorandum of Understanding between the Ministry of Agriculture and Cooperatives of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Agriculture of the Russian Federation on Agricultural Cooperation) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมการค้าในสาขาเกษตรระหว่างกัน มีขอบเขตความร่วมมือเกี่ยวกับการพัฒนาการเกษตร สหกรณ์ มาตรปการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช และสาขาที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจและเห็นชอบร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร หากขยายขอบเขตเป้าหมายให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น เพื่อให้การดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ บรรลุความร่วมมือทั้งด้านการเกษตรในการแลกเปลี่ยนข้อมูล บุคลากร การวิจัยร่วมด้านการเกษตร การฝึกอบรม ตลอดจนรูปแบบความร่วมมือที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศในด้านการเกษตร และครอบคลุมสาขาความร่วมมือในการพัฒนาการเกษตร การสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยอาหารและความมั่นคงทางอาหาร และความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20819 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมประมง (แห่งราชอาณาจักรไทย) กับหน่วยงานสำนักงานเฝ้าระวังสุขอนามัยพืช และสัตว์ (แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย) ด้านการควบคุมความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่จับจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากการเพาะเลี้ยงที่นำเข้าและส่งออก | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมประมง (แห่งราชอาณาจักรไทย) กับหน่วยงานสำนักงานเฝ้าระวังสุขอนามัยพืชและสัตว์ (แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย) ด้านการควบคุมความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่จับจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากการเพาะเลี้ยงที่นำเข้าและส่งออก โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือในการควบคุมความปลอดภัยสินค้าสัตว์น้ำ และการยอมรับความเท่าเทียมของระบบตรวจรับรองของทั้งสองหน่วยงาน ๑.๒ อนุมัติให้รองอธิบดีกรมประมง (นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์) เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ เนื่องจากอธิบดีกรมประมงติดภารกิจสำคัญ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งในส่วนการกำกับดูแลและการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเคร่งครัด และการชี้แจงทำความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนอย่างทั่วถึง ตลอดจนการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้โอกาสจากบันทึกความเข้าใจฯ ในการปรับปรุงระบบการผลิต แปรรูป และส่งออกให้สอดคล้องตามมาตรฐานที่กำหนด รวมทั้งสามารถขยายตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงไปยังสหพันธรัฐรัสเซียมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20820 | ขอความเห็นชอบในหลักการต่อการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของ ราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าทวิภาคี | พณ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อการจัดทำ (๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย มีสาระสำคัญเพื่อขยายและยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าและเศรษฐกิจ และอำนวยความสะดวกให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศในเรื่องสินค้าไฮเทคโนโลยีและสินค้านวัตกรรม สินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ข้าวสาลี แป้งข้าวสาลี ข้าว สินค้าประมง เนื้อวัว และสินค้าเกษตรแปรรูปอื่น ๆ รวมทั้งความร่วมมือด้านการค้าบริการ และ (๒) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าทวิภาคี มีสาระสำคัญเพื่อเพิ่มพูนและขยายความร่วมมือด้านการค้าทวิภาคีร่วมกัน และเป็นการเสริมประโยชน์จากความร่วมมือด้านเทคนิคและการทหารของทั้งสองฝ่าย โดยให้รัสเซียเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะยางพารา ข้าว และสินค้าเกษตรอื่น ๆ ทั้งนี้ ในกรณีที่การเจรจาจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ มีการแก้ไขถ้อยคำซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและดำเนินการต่อไปได้และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยไม่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่ไทยมีศักยภาพในระยะต่อไป เช่น การท่องเที่ยว การบริการสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าบริการที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ รวมทั้งเพิ่มมูลค่าการค้าและบริการระหว่างกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....