ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1042 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20821 - 20840 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20821 | การรับรองเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมอาเซียน - รัสเซีย | วธ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมอาเซียน-รัสเซีย มีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือทางวัฒนธรรมอันเป็นผลดีและเน้นการปฏิบัติของโครงการร่วมกัน และเรียกร้องให้มีการสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรที่เป็นปึกแผ่น การขยายความผูกพันทางด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างกัน ตลอดจนการสร้างความเข้าใจอันดีในการดำเนินชีวิตและการเพิ่มคุณค่าของวัฒนธรรมร่วมกัน โดยเฉพาะการพัฒนาความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม อาทิ ดนตรี โรงละคร หอจดหมายเหตุ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ มรดกทางวัฒนธรรม นาฏศิลป์ ภาพยนตร์ ลิขสิทธิ์ และศิลปะในรูปแบบอื่น ๆ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมอาเซียน-รัสเซีย รับรองในแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20822 | การจัดตั้งและดำเนินการเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) | วท | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการจัดตั้งและดำเนินการเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สถาบันอาหาร ในการจัดสิทธิประโยชน์และแรงจูงใจและมาตรการสนับสนุน มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดบริษัทอาหารชั้นนำของโลกทั้งบริษัทไทยและบริษัทต่างประเทศลงทุนด้านนวัตกรรมอาหารในประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการวิจัย พัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเป็นแหล่งจ้างงานบุคลากรวิจัย จะเริ่มเปิดให้บริษัทเอกชนสมัครขอสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนและการสนับสนุนเข้ามาจัดตั้งหน่วยวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมใน Food Innopolis ได้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ และพัฒนาเมืองนวัตกรรมอาหารเต็มรูปแบบในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยในการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดทำแผนปฏิบัติการตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) ให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านงบประมาณและแหล่งเงินทุนในการดำเนินการ ด้านโครงสร้างองค์กรและบุคลากร และด้านการเข้าร่วมลงทุนของภาคเอกชน โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ และกรรมการและเลขานุการร่วม คณะกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ที่เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่มีการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในด้านต่าง ๆ ควรคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนโดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีและจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ การกำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการที่ภาคเอกชนจะเข้าร่วมในการจัดตั้ง Food Innopolis และการลงทุนด้านนวัตกรรมอาหาร นอกจากนี้เห็นควรให้จัดทำคำของบประมาณเป็นรายปีไปยังสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมหรือพิจารณาใช้แหล่งเงินทุน อาทิ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ กิจกรรมใดที่เป็นการดำเนินการซึ่งเกินกว่ากรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนการปฏิรูปเพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||
20823 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพบางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ รวมเนื้อที่ ๒,๓๔๙ ไร่ ๓ งาน ๘ ตารางวา เพื่อให้หน่วยงานดำเนินการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติพิเศษป่าดอยสุเทพตามภารกิจได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้เข้าทำประโยชน์และให้เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ ในส่วนที่เกี่ยวกับ (๑) การก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่เหียะน้อย เนื้อที่ประมาณ ๘๙ ไร่ ๕๗ ตารางวา (๒) การดำเนินการของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ในส่วนเนื้อที่ประมาณ ๒๙๕ ไร่ ๑ งาน ๗๔ ตารางวา (๓) การดำเนินการของศูนย์ผลิตผลโครงการหลวง เนื้อที่ประมาณ ๑๐๔ ไร่ ๒๒ ตารางวา (๔) การดำเนินการของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเชียงใหม่ กรมการข้าว เนื้อที่ประมาณ ๗๔ ไร่ ๓ งาน ๗๒ ตารางวา (๕) การดำเนินการของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ (ผึ้ง) กรมส่งเสริมการเกษตร เนื้อที่ประมาณ ๗๙ ไร่ ๑ งาน ๕๙ ตารางวา และ (๖) การดำเนินการของศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร เนื้อที่ประมาณ ๓๓ ไร่ ๓ งาน ๗๗ ตารางวา พร้อมกับการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกานี้ไปในคราวเดียวกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20824 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ รวม 3 โครงการ | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น ๓ โครงการ ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ตามแผนงบประมาณที่กรมชลประทานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการศึกษาทบทวนการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล วงเงินรวม ๙๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๘ ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก ๗๒ ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ๑.๒ โครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อรองรับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก วงเงินรวม ๖๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๒ ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก ๔๘ ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ๑.๓ โครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งพื้นที่เกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว วงเงินรวม ๔๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘ ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก ๓๒ ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติซึ่งมีข้อเสนอแนะในประเด็นขอบเขตการศึกษา การคำนึงถึงประโยชน์ร่วมกันและผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ รวมถึงเร่งรัดดำเนินโครงการให้ทันกับการใช้ประโยชน์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20825 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันออกไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ ยกเว้นรายการที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศ จำนวน ๑ รายการ วงเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายหลังการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... จำนวน ๕๖๙.๘๘ ล้านบาท และรายการที่อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปดำเนินการเรื่องอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล จำนวน ๑ รายการ วงเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายหลังการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... จำนวน ๔๖๐ ล้านบาท เห็นควรให้ขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันออกไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ รายการที่อยู่ระหว่างปรับแบบรูปรายการ และได้ถูกนำไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... แล้ว จำนวน ๓ รายการ มีวงเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ คงเหลือภายหลังการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... จำนวน ๑๖๓.๘๓ ล้านบาท เพื่อเป็นค่างวดงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เนื่องจากไม่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ เห็นควรให้เร่งรัดดำเนินการ และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ปรับใหม่แล้ว ๑.๓ รายการที่อยู่ระหว่างขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปเป็นค่าออกแบบก่อสร้างเพิ่มเติม และขอผ่อนผันระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพัน ซึ่งคาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ จำนวน ๑ รายการ วงเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ รายการนี้ไม่ถูกนำไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... เนื่องจากเป็นงานที่มีคุณลักษณะพิเศษทางการแพทย์ เห็นควรให้เร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ๒. รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่ก่อหนี้ผูกพันได้หลังจากเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ให้ดำเนินการได้เฉพาะรายการ ได้แก่ (๑) รายการที่มีคุณลักษณะพิเศษทางการแพทย์ และ (๒) รายการที่ต้องจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศด้านความมั่นคง ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||
20826 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | อื่นๆ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๖๗,๒๑๔,๕๘๗,๓๐๐ บาท ประกอบด้วย งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๑๖๕,๗๗๓,๐๑๔,๔๐๐ บาท และงบบริหารจัดการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ วงเงิน ๑,๔๔๑,๕๗๒,๙๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ต้องไม่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการงบประมาณในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยเฉพาะในกิจกรรมที่จะนำไปสู่การลดปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพ เนื่องจากมีผลลัพธ์ด้านสุขภาพมากกว่ากิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทั่วไป โดยกำหนดตัวชี้วัดเชิงผลลัพธ์ที่สะท้อนการลดลงของอัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งจะนำไปสู่ผลสำเร็จของการบูรณาการการดำเนินงานอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20827 | การจัดทำบันทึกว่าด้วยการปรึกษาหารือทางการเมืองและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรีย | กต | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำและให้ความเห็นชอบต่อร่างบันทึกว่าด้วยการปรึกษาหารือทางการเมืองและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรีย (Memorandum for Political Consultations and Cooperation between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of the Republic of Bulgaria) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งกลไกทวิภาคีเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ โดยการจัดการปรึกษาหารือและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นทวิภาคี ประเด็นภูมิภาค และประเด็นระหว่างประเทศ ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรีย ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20828 | การประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี | กต | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อเอกสารรวม ๗ ฉบับ ได้แก่ ๑.๑.๑ ร่างประกาศคำมั่นของประเทศไทยสำหรับการประชุมเต็มคณะ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำมั่นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานด้านมนุษยธรรมโดยรวมในอนาคตของไทย ๑.๑.๒ ร่างประกาศคำมั่นสำหรับการประชุมโต๊ะกลมระดับผู้นำ หัวข้อ “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง-การให้คำมั่นเพื่อจัดการกับการพลัดถิ่น” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำมั่นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานเพื่อจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยและการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ๑.๑.๓ ร่างประกาศคำมั่นสำหรับการประชุมโต๊ะกลมระดับผู้นำ หัวข้อ “ภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ-การจัดการความเสี่ยงและวิกฤติที่แตกต่าง” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำมั่นเกี่ยวกับแนวทางการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและแนวทางการจัดการภัยพิบัติของไทยโดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ๑.๑.๔ ร่างกฎบัตรว่าด้วยการครอบคลุมผู้พิการในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้และย้ำความสำคัญของการครอบคลุมผู้พิการในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ๑.๑.๕ ร่างประกาศคำมั่นในการอนุวัติกฎบัตรว่าด้วยการครอบคลุมผู้พิการในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำมั่นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานในเรื่องผู้พิการของไทย ๑.๑.๖ ร่างแถลงการณ์แสดงความยึดมั่นต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการยึดมั่นต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ๑.๑.๗ ร่างแถลงการณ์ทางการเมืองสำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานด้านมนุษยธรรมแบบใหม่ของสหประชาชาติ ๑.๒ เห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) หรือผู้แทนไทยที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ประกาศคำมั่นฯ รวมถึงลงนามรับรองร่างกฎบัตรฯ และรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดเตรียมข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม (World Humanitarian Summit : WHS) ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี เช่น การดูแลผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอเพิ่มข้อความในร่างประกาศคำมั่นของประเทศไทยสำหรับการประชุมเต็มคณะ และปรับข้อความในร่างประกาศคำมั่นสำหรับการประชุมโต๊ะกลุ่มผู้นำฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศคำมั่น ร่างกฎบัตร และร่างแถลงการณ์เกี่ยวกับการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20829 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 | กห | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๕๓๙,๗๙๖,๖๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการควรสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น เพื่อการสร้างงานและกระจายรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนในพื้นที่ดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
20830 | ขอความเห็นชอบการเปลี่ยนผู้แทนฝ่ายไทยสำหรับการร่วมลงนามในร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร | กห | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทยในร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Russian Federation on Military Cooperation) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||
20831 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน และการลงนามในร่างปฏิญญาร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน | กห | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงเพื่อพลวัตประชาคมอาเซียน (Vientiane Joint Declaration of the ASEAN Defence Ministers on Promoting Defence Cooperation for a Dynamic ASEAN Community) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียนและกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันของกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค ในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง เพื่อพลวัตประชาคมอาเซียน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนของประเทศสมาชิกอาเซียน และทำให้มั่นใจในการมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขของผู้คนในภูมิภาค รวมทั้งได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการรับรองร่างเอกสารขอบเขตการปฏิบัติงานของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และร่างเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างเอกสารขอบเขตการปฏิบัติงานของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (๒) ร่างเอกสารขอบเขตการปฏิบัติงานของกองกำลังเตรียมพร้อมอาเซียนด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ และ (๓) ร่างเอกสารแนวความคิดว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนเป็นผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทยในร่างปฏิญญาร่วมฯ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและร่างปฏิญญาร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
20832 | ขอความเห็นชอบโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ | ทส | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูฝน และเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตร สำหรับช่วงปลายฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำลายระบบนิเวศทางธรรมชาติ โดยให้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของโครงการเพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายใน ๑ เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินโครงการในระยะแรกให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ๒. ให้หน่วยงานผู้ปฏิบัติหารือรายละเอียดโครงการและงบประมาณที่จะดำเนินการกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการทหารช่าง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยในการดำเนินโครงการฯ ๔. กรณีการเปลี่ยนแปลง/ยกเลิกสถานที่ดำเนินการ ค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกัน และการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายต่าง ๆ ภายใต้แผนงานเดียวกันให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยกรณีที่จะกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานดำเนินการ มีอำนาจเปลี่ยนแปลง/ยกเลิกสถานที่ดำเนินการ ค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกัน และมีอำนาจเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายต่าง ๆ ภายใต้แผนงานเดียวกันได้ นั้น เห็นสมควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้ครอบคลุมครบถ้วน และมีความชัดเจน แต่หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่หรือรายการที่เป็นสาระสำคัญ ก็ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๕. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
20833 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางรัตนา ศรีเหรัญ) | ศธ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางรัตนา ศรีเหรัญ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20834 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (ร้อยตำรวจเอก สุธรรม เชื้อประกอบกิจ) | พณ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง ร้อยตำรวจเอก สุธรรม เชื้อประกอบกิจ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
20835 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในเรือประมง และการออกหนังสือคนประจำเรือประมง พ.ศ. .... | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในเรือประมง และการออกหนังสือคนประจำเรือประมง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการอำนวยความสะดวกในการอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในเรือประมง และการออกหนังสือคนประจำเรือประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการเสนอกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๕ มาตรา ๔๕ มาตรา ๕๘ (๑) มาตรา ๖๔ วรรคสอง มาตรา ๖๖ มาตรา ๗๑ วรรคสี่ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้กฎหมายแม่บทมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์ และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||
20836 | รายงานสรุปสถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือของประเทศไทย ปี 2559 | ทส | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานสรุปสถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สรุปสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ถึง๑๕ เมษายน ๒๕๕๙ พบว่าตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นมา พื้นที่ภาคเหนือมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นเป็นบริเวณกว้างต่อเนื่องหลายวัน สาเหตุหลักเกิดจากกิจกรรมการเผาในพื้นที่ ลักษณะภูมิประเทศและสภาพอุตุนิยมวิทยาของภาคเหนือที่เป็นแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง และหมอกควันข้ามแดน พบจุดความร้อนและหมอกควันหนาแน่นในอนุภูมิภาคแม่โขง อย่างไรก็ตาม พบว่า ๕ จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง น่าน และตาก มีสถานการณ์ดีขึ้น ทั้งจำนวนวันที่ฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐานและปริมาณฝุ่นละอองสูงสุดมีค่าลดลง ๑.๒ สรุปการดำเนินงานเพื่อป้องกันและรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ได้แก่ การมอบนโยบายและซักซ้อมความเข้าใจหน่วยงานในพื้นที่ การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๕๙ และการดำเนินงานในระดับพื้นที่ ๙ จังหวัดภาคเหนือ ๑.๓ สรุปสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๖ เมษายน ถึง ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ กลับสู่สภาวะปกติ ฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี แต่ในปีนี้เกิดความแห้งแล้งต่อเนื่องและยาวนาน ทำให้พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันอย่างต่อเนื่อง ๑.๔ มาตรการเร่งด่วนรับมือสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาหมอกควันอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำชับทุกหน่วยให้ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยให้มีการสับเปลี่ยนกำลังพลเพื่อลดความเหนื่อยล้า เน้นย้ำให้จังหวัดกำหนดมาตรการควบคุมการเผาหลังพ้นช่วงเวลาห้ามเผาที่กำหนด รวมทั้งได้ขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการลดและควบคุมการเผาในที่โล่งอย่างต่อเนื่อง ระดมสรรพกำลังเฝ้าระวังและดับไฟอย่างเต็มที่ เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณากำหนดแนวทางการสร้างจิตสำนึกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับรู้และตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||
20837 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | อื่นๆ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๐/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20838 | รายงานการเข้าร่วมการประชุม 16th World Travel & Tourism Council Global Summit | นร | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานการเข้าร่วมการประชุม 16th World Travel & Tourism Council (WTTC) Global Summit 2016 ระหว่างวันที่ ๔-๘ เมษายน ๒๕๕๙ ณ สหรัฐอเมริกา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นประจำทุกปีโดยสภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลก หรือ WTTC เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก ซึ่งมีส่วนขับเคลื่อนในเชิงนโยบายไปสู่การประสานความร่วมมือในการทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเทศไทยจะรับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานนี้ในปี ๒๕๖๐ ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อยกระดับภาพพจน์การท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีคุณภาพและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่ ๒. กิจกรรมหลักของการประชุมดังกล่าวเป็นการเสวนาประเด็นหลักที่นำไปสู่การกำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นความร่วมมือด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไขทางด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และการบริหารจัดการข้อมูลในสถานการณ์วิกฤต เพื่อลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้แลกเปลี่ยนบทเรียนของประเทศไทยในการรับมือเหตุวิกฤตกรณีระเบิดย่านราชประสงค์ที่อาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เครือข่ายภาคเอกชน และอาสาสมัคร ซึ่งผลสรุปของการหารือดังกล่าวจะนำไปรายงานในการประชุม UNWTO Executive Council ณ ราชอาณาจักรสเปน ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20839 | รายงานผลการเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รายงานผลการเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เชค อับดุลลาบิน ซายิด อัล นะห์ยาน) เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๑.๑ ผลการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี โดยทั้งสองฝ่ายประสงค์จะจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมกันและสนับสนุนระหว่างกันในด้านความมั่นคงทางพลังงานและความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้งจะส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ๑.๒ ผลการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ ๑ โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะเป็นประตูเชื่อมต่อหลักระหว่างกันในภูมิภาค รวมทั้งได้ลงนามรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ และลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปรึกษาหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ ๒. รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒.๑ ผลการหารือร่วมกับประธานาธิบดีของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยยืนยันความพร้อมของรัฐบาลไทยที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาทั้งทวิภาคีและไตรภาคี โดยเฉพาะโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นอกจากนี้ฝ่ายไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและให้ความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาการเกษตรในรัฐยะไข่ รวมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี้ ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดูแลแรงงานและคาดว่านักธุรกิจไทยจะลงทุนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเพิ่มขึ้น ๒.๒ ผลการหารือกับที่ปรึกษาแห่งรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีประจำสำนักประธานาธิบดีของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (นางออง ซาน ซู จี) ฝ่ายไทยย้ำคำเชิญของนายกรัฐมนตรีที่จะเชิญนางออง ซาน ซู จี เยือนไทย และขอให้ดูแลภาคเอกชนไทยที่ลงทุนและทำธุรกิจในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เมียนมา ด้วย โดยนางออง ซาน ซู จี แสดงความยินดีที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่ม ๗๗ และหารือกันในประเด็นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดูแลแรงงานและให้การศึกษาแก่ลูกหลานของผู้หนีภัยการสู้รบ
|
|||||||||||||||||||||
20840 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานการลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เขตตรวจราชการที่ ๒ (จังหวัดลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง) เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ว่า ๑.๑ ได้ตรวจพื้นที่ป่าจำปีสิรินธรตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พบว่า ประสบปัญหาภัยแล้งส่งผลให้ต้นไม้ล้มตายจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ขุดเจาะบ่อบาดาลพร้อมติดตั้งระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว ๑.๒ พบปะและทำความเข้าใจกับประชาชนให้รับทราบความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างความสงบสุขและการช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามนโยบายประชารัฐ ๑.๓ กรมทรัพยากรน้ำได้บูรณาการร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสูบน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ส่งไปยังอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ ๖ ตำบลของอำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี และป่าจำปีสิรินธร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำเดิม จากการดำเนินการดังกล่าวทำให้ป่าจำปีสิรินธรสามารถกลับมาสมบูรณ์มากขึ้นและสามารถนำน้ำช่วยเหลือประชาชนที่ขาดแคลน รวมทั้งช่วยเพิ่มพื้นที่การปลูกพืชใช้น้ำน้อยของประชาชนได้ไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ ไร่ ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รายงานการลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เขตตรวจราชการที่ ๗ (จังหวัดพังงา) เมื่อวันที่ ๑๑-๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ว่า ๒.๑ ปัญหาภัยแล้งที่อำเภอเกาะยาวและอำเภอคุระบุรี ทางจังหวัดได้มีการดำเนินการบรรเทาปัญหา โดยใช้พื้นที่ขุมเหมืองเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ ๒.๒ ปัญหาการทำประมงพื้นบ้าน ซึ่งชาวประมงในพื้นที่เกาะยาวใหญ่และเกาะยาวน้อยได้รับผลกระทบจากพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่บัญญัติให้การทำการประมงโดยใช้เรือประมงที่มีขนาดเกิน ๑๐ ตันกรอสขึ้นไป ให้เดินเรือห่างฝั่งนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปสามไมล์ทะเล ทำให้ไม่สามารถจับปลากะตักในเขตทะเลชายฝั่งได้ จึงได้ขอให้กรมประมงพิจารณากำหนดเขตทะเลชายฝั่งบริเวณพื้นที่เกาะยาวใหญ่และเกาะยาวน้อยให้เป็นเขตพิเศษ เพื่อให้สามารถทำประมงพื้นบ้านและจับปลากะตักได้ต่อไป ๒.๓ ปัญหาชาวประมงใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย เช่น โป๊ะน้ำตื้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการรื้อถอนทำลายจนเหลือเพียง ๕๐ ปาก และได้หาเครื่องมือชนิดอื่นเพื่อเยียวยาชาวประมงแล้ว ๒.๔ การเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเดิมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจะต้องนำรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ ๕ ส่งให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่ผ่านมานักท่องเที่ยวได้เข้าชมอุทยานแห่งชาติทางทะเลเป็นจำนวนมากส่งผลให้รายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงขอให้มีการแบ่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น บำบัดน้ำเสีย กำจัดขยะมูลฝอย ปรับปรุงท่าเรือ
|
.....