ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1044 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20861 - 20880 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20861 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวกุลยา ตันติเตมิท) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20862 | ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... | นร07 | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น รายการที่ไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด ไปตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่ จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ (๑) งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (๒) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา แผนงานสนับสนุนการจัดการของรัฐสภา ศาล และหน่วยงานอิสระของรัฐ และ (๓) เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช วงเงินรวม ๒๒,๑๐๖,๕๕๕,๐๐๐ บาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติฯ พร้อมเอกสารประกอบไปเพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20863 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2560 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในวงเงินจำนวน ๑,๕๗๔.๕๘๐ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในวงเงินจำนวน ๓,๒๙๘.๙๓๓ ล้านบาท ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคม ขสมก. และ รฟท. รับข้อสังเกตของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในการจัดทำข้อเสนอการขอรับการอุดหนุนบริการสาธารณะและการปรับปรุงการดำเนินงาน โดยการจัดทำงบประมาณการค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนการให้บริการในการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในทุก ๆ ปี กระทรวงคมนาคมในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดที่พิจารณาข้อเสนอเบื้องต้นควรตรวจสอบและกำกับให้ ขสมก. และ รฟท. จัดทำข้อเสนอโดยคำนึงถึงหลักความสมเหตุสมผลและสะท้อนต้นทุนจริงในการบริการสาธารณะด้วย และ ขสมก. และ รฟท. ควรมีการปรับปรุงโครงสร้างการให้บริการและบริหารความเสี่ยงในการให้บริการสาธารณะ รวมถึงบริการประเภทอื่นในระยะยาว เพื่อให้มีต้นทุนการให้บริการที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ และการขนส่งสาธารณะในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางหรือมาตรการในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนเพิ่มเติม กรณีที่ผลการดำเนินงานจริงจากการให้บริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจมีต้นทุนด้านราคาน้ำมันเพิ่มสูงกว่าที่กำหนดไว้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะอย่างแท้จริง และให้ ขสมก. และ รฟท. ปรับโครงสร้างการบริหารงานและการบริการประชาชน โดยให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด เพื่อแก้ปัญหาจากการขาดทุนการให้บริการดังกล่าว รวมทั้งรายงานผลการปรับปรุงโครงสร้างให้คณะรัฐมนตรีทราบ ในการขอรับเงินอุดหนุนในปีงบประมาณครั้งต่อไป และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับให้ ขสมก. และ รฟท. เร่งดำเนินการเพื่อขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีในปีต่อ ๆ ไป ของ ขสมก. และ รฟท. ให้รวดเร็วและสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง ขออนุมัติหลักการเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการเงินของโครงการที่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการอุดหนุนมาตรการลดค่าครองชีพ] ที่ให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาข้อเสนอเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของ ขสมก. และ รฟท. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และเร่งรัดให้ทั้งสองหน่วยงานจัดทำสรุปรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๔. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศและกระทรวงคมนาคมเร่งรัดพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางในภาพรวมทั้งระบบให้มีความชัดเจน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่) และวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๓๐ เมษายน ๒๕๕๙) เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20864 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม 2559 | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินงานการลงทะเบียนและจัดทำฐานข้อมูลอาชีพและผู้มีรายได้น้อยสำหรับประชาชนที่จะมีสิทธิได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าโดยสารด้านการเดินทางและรายงานให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและเร่งรัดติดตามผลการดำเนินงานดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการฯ ที่เกิดขึ้นจริงผ่านคณะกรรมการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการฯ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ให้มีการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชนที่มาใช้บริการ อาทิ มีการบริการที่เพียงพอหรือไม่ พนักงานให้บริการด้วยความสุภาพหรือไม่ มีความสะอาดถูกสุขลักษณะหรือไม่ และความปลอดภัยในการเดินทางมากน้อยเพียงใด โดยให้สถาบันการศึกษาเป็นผู้ประเมิน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศและกระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่) ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามมาตรการใหม่ได้ภายในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
20865 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างภายใต้โครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก - อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี จำนวน 2 สัญญา | กษ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการอนุมัติขยายระยะเวลาโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๘) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๖๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิม ๕,๑๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของสัญญาก่อสร้าง จำนวน ๒ สัญญา ภายใต้โครงการดังกล่าว ๑.๒ อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการงานระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ โดยให้เพิ่มวงเงินจากเดิม ๒,๒๗๐,๑๒๖,๒๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒,๓๖๘,๓๔๖,๑๙๓ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๘) เป็น ๘ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐) ๑.๓ อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการงานระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๒ โดยให้เพิ่มวงเงิน จากเดิม ๒,๓๔๗,๑๑๕,๘๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒,๓๗๔,๒๖๕,๔๓๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗) เป็น ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๙) ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของรายการงานระบบท่อส่งน้ำฯ สัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ ให้กรมชลประทานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และก่อนการดำเนินโครงการก่อสร้างอื่น ๆ ในอนาคต ควรทำการศึกษาออกแบบการก่อสร้างโครงการที่เหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ก่อสร้างอย่างละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เช่น สภาพภูมิประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงไปจากภูมิอากาศ และภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแก้ไขปรับปรุงงานก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภายหลัง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการก่อสร้างโครงการและสิ้นเปลืองงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20866 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดชนิดของสุราและวิธีการบริหารงานสุรา พ.ศ. .... | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดชนิดของสุราและวิธีการบริหารงานสุรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดของสุรา กำหนดเงื่อนไข และข้อกำหนดเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตทำสุรา กำหนดวิธีการขอและการออกใบอนุญาตให้ทำสุรา และกำหนดเงื่อนไขและข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสุรา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20867 | การแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 26 | ทก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มอบอำนาจเต็มให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการร่วมอภิปราย ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ลงมติ และลงนามในกรรมสารสุดท้าย (Final Acts) ของสหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union : UPU) ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยซึ่งมอบอำนาจเต็ม (Credentials with full powers) ให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๖ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรนำผลที่ได้รับจากการประชุมไปใช้ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านกิจการไปรษณีย์ของไทย เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารไปรษณีย์ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสากล นอกจากนี้ หากคณะผู้แทนจะลงนามรับรองหรือแก้ไขเพิ่มเติมกรรมสารหรือเอกสารใด ๆ ในระหว่างการประชุมซึ่งก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ คณะผู้แทนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญฯ รวมทั้งต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ ที่กำหนดแนวทางปฏิบัติเรื่องการติดต่อทำความตกลงกับต่างประเทศ การทำอนุสัญญา และสนธิสัญญาต่าง ๆ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการลงนามความตกลงทุกครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20868 | การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2558/2559 | อก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิตแก่ชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ โดยให้เงินช่วยเหลือกับชาวไร่อ้อยในอัตรา ๑๖๐ บาทต่อตันอ้อย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อยจากภาวะภัยแล้ง เป็นการชั่วคราวเฉพาะฤดูการผลิตนี้ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๑.๒ อนุมัติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือธนาคารพาณิชย์อื่น ตามนัยมาตรา ๒๗ (๖) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ตามปริมาณอ้อยที่เข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๙๔,๐๔๗,๐๔๑.๕๖๒ ตัน วงเงินประมาณ ๑๕,๐๔๗,๕๒๖,๖๔๙.๙๒ บาท หรือจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายจริงตามปริมาณอ้อยที่เข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เพื่อจ่ายให้กับชาวไร่อ้อย แล้วนำเงินรายได้ของกองทุนฯ ที่ได้รับจากการขายน้ำตาลทรายโควตา ก. และเงินรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของกองทุนฯ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายมาชำระหนี้ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ มีการบันทึกบัญชีให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นลูกหนี้ของกองทุนฯ และให้มีข้อมูลลูกหนี้แยกเป็นรายให้ชัดเจน อีกทั้งจัดระบบควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย ๑.๓ เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ครอบคลุมการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ (๒) การเพิ่มผลิตภาพอ้อยและน้ำตาลทราย (๓) การกำหนดต้นทุนมาตรฐานอ้อยและน้ำตาลทราย และมาตรฐานการผลิตน้ำตาลทราย (๔) การรักษาเสถียรภาพกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และ (๕) การจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้องโดยเร็ว อีกทั้งจัดระบบควบคุมตรวจสอบและกำกับดูแลโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย และควรปรับปรุงข้อเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้มีรายละเอียดที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และมีการหารือกับผู้มีส่วนได้เสียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการยอมรับร่วมกัน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก (WTO) (การอุดหนุนราคาน้ำตาลในตลาดโลก) เพื่อประกอบการจัดทำแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
20869 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานกำหนดค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรตามตารางค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับคดีท้ายกฎกระทรวง รวมทั้งกำหนดให้ผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานกำหนดค่าใบรับรองแต่ละมาตรฐานไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20870 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายสิงคิ์ วิเศษพจนกิจ) | นร08 | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสิงคิ์ วิเศษพจนกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20871 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางอัญชุลี เตมียะประดิษฐ์) | สธ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอัญชุลี เตมียะประดิษฐ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) กลุ่มงานการแพทย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20872 | รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการปัจจัยการผลิตแบบบูรณาการเพื่อความมั่นคงของภาคการเกษตร | สว | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการปัจจัยการผลิตแบบบูรณาการเพื่อความมั่นคงของภาคการเกษตร โดยมีข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารจัดการปัจจัยการผลิตแบบบูรณาการในเชิงนโยบายอันนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ปัจจัยการผลิตด้านต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่าเหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่ รวมทั้งส่งเสริม กำหนดมาตรการหรือนโยบายในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรต่อไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20873 | การพัฒนาบุคลากรภาครัฐโดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่างๆ | นร | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐโดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ได้แก่ แนวทางนี้ใช้กับการพัฒนาบุคลากรภาครัฐที่จัดในรูปแบบของหลักสูตร หรือการฝึกอบรม แนวทางนี้ใช้กับหลักสูตรฝึกอบรมที่จัดโดยหน่วยงานของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหาร คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และเงื่อนไขเกี่ยวกับผู้เข้ารับการอบรม การพัฒนาบุคลากรต่างหน่วยงาน การดูงาน ณ ต่างประเทศ และหน้าที่ของหน่วยงานเจ้าของหลักสูตร ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาปรับปรุงแนวทางดังกล่าว แล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อแจ้งเวียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ๒.๑ หน่วยงานเจ้าของหลักสูตรจะต้องคัดสรรบุคลากรเข้ารับการอบรมที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ๒.๒ ควรกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่หน่วยงานต้นสังกัดจะได้รับจากการส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมเป็นสำคัญ เช่น ไม่ควรส่งบุคลากรที่ใกล้เกษียณอายุราชการเข้ารับการฝึกอบรม เป็นต้น ๒.๓ ในส่วนการดูงาน ณ ต่างประเทศ ควรมุ่งเน้นการกำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมรายงานประโยชน์และความรู้ที่ได้จากการดูงานต่างประเทศ และแนวทางการพัฒนาประเทศที่เป็นรูปธรรมซึ่งเหมาะสมกว่าการห้ามมิให้ดูงานต่างประเทศ ๓. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การพัฒนาบุคลากรในภาครัฐเพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศ) เมื่อดำเนินการตามข้อ ๒ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||
20874 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหัวดง จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | มท | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหัวดง จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว รวมทั้งควรมีการตรวจสอบรูปแผนที่ให้ชัดเจนก่อนมีการประกาศใช้บังคับ นอกจากนี้ ข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ มีการใช้บัญชีกำหนดประเภทและจำพวกโรงงานท้ายกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวม/เมือง/ชุมชน ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ให้ยกเลิกการใช้บัญชีกำหนดประเภทและจำพวกโรงงานท้ายกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวม/เมือง/ชุมชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20875 | การดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 (ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. .... ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง การประกาศรายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ และร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดและการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. .... และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารกองทุนหมุนเวียน เรื่อง ประกาศรายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ และร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เกี่ยวกับหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดที่ชัดเจน ควรคำนึงถึงความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินจากทุนหมุนเวียนสำคัญ และหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารกองทุนหมุนเวียนฯ การกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียน อาจส่งผลกระทบในการที่จะต้องปฏิบัติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ด้วยเหตุพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นกฎหมายพิเศษ รวมทั้งหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลังฯ ควรกำหนดขอบเขตวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนสามารถประเมินผลได้ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ มีขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่ของหน่วยงานรัฐหรือทุนหมุนเวียนอื่นที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไปประกอบการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดสำหรับไว้ใช้ในการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐในแต่ละปี กรมบัญชีกลางควรคำนึงถึงภารกิจและภาระผูกพันในการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานที่กำกับดูแลกองทุนเป็นสำคัญ และควรกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการจ่ายเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณของทุนหมุนเวียน โดยแสดงถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการวัดผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20876 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 2/2559 | นร11 | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง และโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจำแนกโครงการตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ (Action Plan) ทั้ง ๒๐ โครงการ ออกเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดระยะเวลา (On Schedule) และโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดระยะเวลา (Off Schedule) พร้อมทั้งให้นำเสนอแนวทางเร่งรัดการดำเนินการในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศครั้งต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเกี่ยวกับข้อมูลความก้าวหน้าการดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๑) และให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาตินำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศต่อไป ๔. เห็นควรกำหนดเป็นแนวปฏิบัติให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการแล้ว จัดทำสรุปผลการดำเนินงาน และรายงานต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเพื่อทราบแล้วจึงตัดออกจากกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ใช้ในการติดตามความคืบหน้า ๕. มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติประสานธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในการพิจารณากองทุนระดับ C และ D ที่มีความประสงค์จะขอเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ (ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙) ๖. มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติรายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทุกเดือน
|
|||||||||||||||||||||
20877 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการถนนสายแยก ทล.1098 - ทล.1 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย | คค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงชนบทก่อหนี้ข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการถนนสายแยก ทล.๑๐๙๘-ทล.๑ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ระยะทาง ๒๘.๗๘๐ กิโลเมตร ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๖๕๖,๒๑๕,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20878 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 9 (ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก) กับทางหลวงหมายเลข 345 จังหวัดนนทบุรี | คค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๙ (ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก) กับทางหลวงหมายเลข ๓๔๕ จังหวัดนนทบุรี วงเงิน ๑,๔๒๐,๑๐๔,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20879 | การกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกีฬาอาชีพ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการกีฬาอาชีพและ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์แต่งตั้ง | กก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกีฬาอาชีพ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการกีฬาอาชีพและคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการกีฬาอาชีพ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง เฉพาะกรรมการที่มาประชุมไม่เกิน ๑ ครั้งต่อเดือน โดยประธานกรรมการได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินครั้งละ ๗,๕๐๐ บาท กรรมการได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินครั้งละ ๖,๐๐๐ บาท ๑.๒ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง เฉพาะกรรมการที่มาประชุมไม่เกิน ๑ ครั้งต่อเดือน โดยประธานกรรมการได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินครั้งละ ๓,๗๕๐ บาท กรรมการได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินครั้งละ ๓,๐๐๐ บาท ๑.๓ คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการกีฬาอาชีพและคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง เฉพาะกรรมการที่มาประชุม โดยประธานอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินครั้งละ ๑,๕๐๐ บาท อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินครั้งละ ๑,๒๐๐ บาท ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของการกีฬาแห่งประเทศไทย ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยกำกับดูแลการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า และไม่มีการทุจริต ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||
20880 | ขออนุมัติร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ ไทย - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ 1 | กต | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันไว้ รวมถึงประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาและผลักดันให้เกิดความคืบหน้าเพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ โดยประเด็นหลักที่หยิบยกขึ้นหารือ ได้แก่ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเงิน พลังงาน กลาโหมและความมั่นคง วัฒนธรรม กีฬา การท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สาธารณสุข การเกษตร การศึกษา สิ่งแวดล้อม วิชาการ ตลอดจนการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามและประเมินผลความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือและขยายขอบเขตความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
.....