ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1043 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20841 - 20860 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20841 | รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2559 และแนวโน้มปี 2559 | อื่นๆ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มเศรษฐกิจปี ๒๕๕๙ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ ขยายตัวร้อยละ ๓.๒ เร่งตัวขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ ๑๒ ไตรมาส โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวในระดับสูง รวมทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ส่วนประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๐-๓.๕ โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ ๓.๓ เร่งตัวขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในปี ๒๕๕๘ โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจาก (๑) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวในเกณฑ์สูง (๒) แรงขับเคลื่อนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้จัดทำเพิ่มเติมในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙ (๓) จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง (๔) ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ และ (๕) แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของการผลิตภาคเกษตรในช่วงครึ่งปีหลัง
|
|||||||||||||||||||||
20842 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการให้รัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นสถาบันการเงินภาครัฐตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับลักษณะการดำเนินธุรกิจของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยมิใช่เป็นการให้กู้ยืมแก่ผู้ขอกู้โดยตรง ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามนิยามของคำว่า “สถาบันการเงินภาครัฐ” ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ดังนั้น ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดฯ มาตรา ๗ อาจมีความขัดแย้งกับพระราชบัญญัติหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๔ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขยายขอบเขตการทำธุรกรรมของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจการเงินโดยรวม จึงควรมีการศึกษาวิเคราะห์ถึงศักยภาพ ข้อจำกัดของสถาบันการเงิน ตลอดจนความพร้อมทางด้านกฎระเบียบและการกำกับดูแล เพื่อจะได้พิจารณากำหนดแนวทางเพื่อรองรับความเสี่ยงทั้งในระดับสถาบันและระบบการเงินที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20843 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงการยกเว้นเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผู้มีเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะเงินได้จากการโอนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายนั้น ในส่วนที่ไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท ๑.๒ การเสียภาษีเงินได้ในส่วนของเงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔๒(๒๖) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้คิดเฉพาะเงินได้ที่ได้รับมาตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20844 | การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ลูกหนี้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงิน (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญ จากบัญชีลูกหนี้) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ลูกหนี้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงิน มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ลูกหนี้สำหรับเงินได้ที่ได้จากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงิน (รวมถึงผู้ค้ำประกันของลูกหนี้) สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ และนิติบุคคลอื่นที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี สำหรับการปลดหนี้ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในส่วนของหนี้ที่เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ไม่ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ |
|||||||||||||||||||||
20845 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่าง เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2558) | ทส | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๔,๕๔๖.๙๗๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การประชุม Ad Hoc Working Group on the Durban Platform for Enhanced Action (ADP) การประชุมอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๓ การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๔ การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ การจัดทำความร่วมมือทวิภาคี Joint Crediting Mechanism (JCM) ไทย-ญี่ปุ่น บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอย่างโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดเวทีแสดงความคิดเห็นของประชาชน ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทั้ง ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการหรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยดำเนินการ ๒ แนวทาง ได้แก่ แนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ และแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ จำนวน ๒๐ ฉบับ ซึ่งประกาศใช้แล้ว ๕ ฉบับ และอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
20846 | การกำกับดูแลราคาสินค้าและลดภาระค่าครองชีพประชาชน | พณ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเกี่ยวกับการกำกับดูแลราคาสินค้าและลดภาระค่าครองชีพประชาชนในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ และเทศกาลต่าง ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ ได้แก่ การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๕๙ การติดตามดูแลราคาสินค้าเป็นประจำ และจัดทำแผนงานการตรวจสอบราคาสินค้าทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ๒. การตรวจสอบราคาจำหน่ายสินค้าช่วงเทศกาลต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดทั่วประเทศ เช่น ในช่วงเทศกาลตรุษจีน พบว่าสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ราคาจำหน่ายอยู่ในระดับปกติ มีสินค้าบางรายการปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในช่วงตรุษจีน เช่น อาหารทะเล ผลไม้บางชนิดที่ประชาชนนิยมซื้อ เช่น กล้วยหอมทอง ส้ม เป็นต้น และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าราคาสินค้าส่วนใหญ่อยู่ในระดับปกติ ไม่มีการฉวยโอกาสปรับราคาสูงเกินสมควร ทั้งนี้มีผู้ประกอบการบางรายไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ได้มีการตักเตือนและเปรียบเทียบปรับสำหรับรายที่มีการทำผิดซ้ำ รวมทั้งมีการรับเรื่องร้องเรียนที่สายด่วนกรมการค้าภายใน ๑๕๖๙ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ระหว่าง ๑๓-๑๗ เมษายน ๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๑๙ ราย โดยจำแนกเป็นเรื่องร้องเรียนประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกไม่ตรงกับราคาที่จำหน่าย จำหน่ายราคาแพงหรือปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น และใช้เครื่องชั่งที่ไม่ได้มาตรฐานน้ำหนักขาด หากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๓. แนวทางและมาตรการกำกับดูแลมิให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น กรณีที่พบว่ามีการฉวยโอกาสปรับราคาสินค้าสูงเกินสมควรหรือรับซื้อสินค้าโดยเฉพาะสินค้าเกษตรในราคาต่ำเป็นการเอาเปรียบเกษตรกรจะมีการตรวจสอบราคาต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และอาจจะกำหนดเป็นสินค้าควบคุม ๔. แผนการดำเนินงานดูแลค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ โครงการจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าร่วมกับภาคเอกชน การจัดงาน Thailand Brand Sale การจัดงาน “อิ่มท้องทั่วไทย ไปกับหนูณิชย์” ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ และการจัดงานมหกรรมธงฟ้าเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษามหาราชินี วันที่ ๔-๗ สิงหาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20847 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่ที่ได้มีการกำหนดให้เป็นเขตควบคุมอาคารตามพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอันจะทำให้เกิดความสมดุลในการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล น่านน้ำทะเล และเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งศิลปกรรมหรือย่านอาคารเก่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต และไม่เกิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมายในการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามประกาศนี้ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อมิให้เกิดช่องว่างของการบังคับใช้ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานตามประกาศกระทรวงฯ เกิดผลอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20848 | ขออนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถานประจำกรุงเทพมหานคร (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายชนินทธ์ โทณวณิก) | กต | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถานประจำกรุงเทพมหานคร และแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวนิก ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถานประจำกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20849 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวเพื่อจูงใจให้มีการบริจาคให้แก่กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาได้ทันเมื่อพระราชกฤษฎีกาฯ ใช้บังคับแล้ว รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ว่ามีความสำคัญและจำเป็นต่อการศึกษาของประเทศเพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการภาษีบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20850 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายอังกูร ภัทรากร) | สธ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอังกูร ภัทรากร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) กลุ่มงานเวชศาสตร์สารเสพติด กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20851 | รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สม | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเห็นว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ควรพิจารณาทบทวนการใช้กฎหมายพิเศษที่เกี่ยวกับความมั่นคง เช่น พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ หรือกฎหมายหรือคำสั่งที่มีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งควรกำชับและกำกับดูแลหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายความมั่นคง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยสำคัญ รวมถึงสาระสำคัญตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เพื่อประกันว่าประเทศไทยปกครองโดยเคารพยึดมั่นในหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20852 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุง กฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และเสรีภาพของสื่อมวลชนกรณีการสั่งระงับรายการวิทยุและ โทรทัศน์ สถานีวิทยุ เว็บไซต์ และการสั่งปิดโรงพิมพ์ | สม | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และเสรีภาพของสื่อมวลชน กรณีการสั่งระงับรายการวิทยุและโทรทัศน์ สถานีวิทยุ เว็บไซต์ และการสั่งปิดโรงพิมพ์ โดยเสนอให้มีการยกเลิกการบังคับใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ในทุกพื้นที่ โดยพิจารณาประกาศใหม่ในบางพื้นที่ที่จำเป็น และประกาศยกเลิกทันทีที่ความจำเป็นสิ้นสุด การลดระดับการใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้น้อยลง รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับความมั่นคง ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20853 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20854 | รายงานผลการดำเนินการตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) และการเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) ประกอบด้วย ๑.๑ การลงทะเบียนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีส่วนราชการที่ลงทะเบียนในระบบฯ จำนวน ๓๙,๖๓๖ หน่วยงาน และผู้ค้ากับภาครัฐที่ลงทะเบียนในระบบฯ จำนวน ๑๕๒,๙๔๐ ราย ๑.๒ ผลการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยการดำเนินการดังกล่าวสามารถประหยัดงบประมาณได้จำนวน ๒๘,๗๘๕.๑๙ ล้านบาท ๑.๓ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส่วนราชการทั่วประเทศ ผู้ค้ากับภาครัฐ โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำคู่มือ การจัดทำคลิปวีดิโอและภาพเคลื่อนไหว (Animation) การใช้งานระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน ๑๓ ชุด เผยแพร่ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์รับโทรศัพท์ และเปิดช่องทาง Facebook โดยการจัดทำ Facebook จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ๑.๔ การสอบถามความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนราชการและผู้ค้ากับภาครัฐมีความเห็นสรุปว่า การจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ๒. มติคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การอนุมัติให้ขยายระยะเวลามาตรการเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20855 | การนำเสนอรายงานประเทศของไทยตามกลไก Universal Periodic Review รอบที่ 2 | กต | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าของการเตรียมการนำเสนอรายงานประเทศของไทยตามกลไก Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ ๒ ซึ่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council : HRC) กำหนดให้ไทยเข้าร่วมการนำเสนอรายงานฯ รอบที่ ๒ ในการประชุมคณะทำงาน UPR สมัยที่ ๒๕ ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยการนำเสนอรายงานฯ รอบที่ ๒ คณะผู้แทนไทยจะต้องพิจารณาข้อเสนอแนะจากประเทศต่าง ๆ โดยแจ้งข้อเสนอแนะที่ไทยตอบรับทันทีในการประชุมรับรองผลการนำเสนอรายงาน ในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งข้อเสนอแนะที่ไทยควรตอบรับในการนำเสนอรายงาน ประกอบด้วยข้อเสนอแนะที่ไทยเคยตอบรับแล้วในช่วงการนำเสนอรายงานฯ รอบที่ ๑ ข้อเสนอแนะที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และการดำเนินการในปัจจุบันของหน่วยงาน ข้อเสนอแนะที่เป็นค่านิยมเชิงหลักการที่ไทยยึดถือและปฏิบัติมาโดยตลอด ข้อเสนอแนะที่ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของโครงสร้างสิทธิมนุษยชนในประเทศ และข้อเสนอแนะที่หน่วยงานมีความพร้อมที่จะรับมาดำเนินการ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการและจัดเตรียมข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชนในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบในโอกาสแรก เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับชี้แจงหากได้รับการสอบถามในที่ประชุมคณะทำงาน UPR ๑.๒ เห็นชอบกรอบการพิจารณาข้อเสนอแนะในช่วงการนำเสนอรายงานฯ รอบที่ ๒ และคำมั่นโดยสมัครใจของไทย และอนุมัติให้คณะผู้แทนไทยพิจารณามีท่าทีในช่วงการนำเสนอรายงานที่นครเจนีวา ตามกรอบดังกล่าว ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ในการนำเสนอรายงานฯ รอบที่ ๒ มีข้อเสนอแนะที่เป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนที่ไทยยังไม่ควรตอบรับ ๓ ประเด็น ได้แก่ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การเข้าเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ และการส่งกลับผู้ลี้ภัย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเหตุผลกรณีที่ไทยยังไม่ตอบรับในประเด็นดังกล่าวให้ชัดเจน เหมาะสมในการนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะทำงาน UPR ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20856 | การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ โครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ | กก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพโครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ ประกอบด้วยการแข่งขัน Air Race 1 แบบ Pre-Event ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ และการแข่งขันสะสมคะแนนชิงแชมป์โลก Air Race 1 Race of Thailand (World Series 2017) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพโครงการดังกล่าว จำนวน ๓๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งการที่ประเทศไทยขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าวจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุนนานาชาติให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศในทุก ๆ ด้าน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการแข่งขัน ส่วนค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่ภาคเอกชนให้การสนับสนุน ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประสานและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเป็นสำคัญ รวมถึงปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และควรพิจารณาให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งให้หารือในรายละเอียดร่วมกับกองทัพเรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและรูปแบบการดำเนินโครงการการขอรับเป็นเจ้าภาพจัดโครงการ Air Race 1 ตลอดจนแนวทางการอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสวัสดิภาพของนักบินและลูกเรือเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ก่อนการลงนามในสัญญาเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทยกับ Air Race CC Limited (Air Race 1 World Cup) ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
20857 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน | กต | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายโมฮัมหมัด จาหวัด ซาริฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ระหว่างวันที่ ๙-๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย การหารือทวิภาคีเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์ ด้านการท่องเที่ยว ด้านวิชาการ ด้านความมั่นคง การโอนตัวนักโทษ และความร่วมมือในกรอบอาเซียน รวมทั้งกิจกรรมทางวิชาการ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรซักซ้อมความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าต่างตอบแทนกล่าวคือ รัฐบาลไม่มีนโยบายในการทำ Barter trade/ Counter trade/ Account trade กับอิหร่าน เนื่องจากยังมีความอ่อนไหวจากการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20858 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 22 | พณ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ (๑) ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปค มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์ ความคืบหน้าของการศึกษาร่วมเชิงยุทธศาสตร์เรื่องการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) แผนการดำเนินงานกรอบความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน วาระปฏิบัติการโบราไคย์เพื่อพัฒนาธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) และ (๒) ร่างแถลงการณ์เรื่องการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้องค์การการค้าโลก โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การบังคับใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า การใช้มาตรการปกป้องพิเศษ การสำรองสินค้าคงคลังของรัฐ การพัฒนา MSMEs ไปสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศโดยผ่านโครงการให้ความช่วยเหลือสำหรับการค้า และการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ทั้งสองฉบับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20859 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสหพันธรัฐรัสเซียและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม | ทส | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสหพันธรัฐรัสเซียและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม โดยวัตถุประสงค์ของการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ความร่วมมือทางวิชาการในการปกป้องสิ่งแวดล้อมระหว่างสองประเทศบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทำงาน (Working Group) เพื่อดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ ควรพิจารณาองค์ประกอบของคณะทำงานให้ครอบคลุมขอบเขตความร่วมมือ ซึ่งรวมถึงภาคการศึกษา วิจัย หน่วยงานอนุรักษ์และบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติทั้งจากภาครัฐและองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) เพื่อให้การดำเนินงานตามความร่วมมือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรพิจารณาสาระของบันทึกความเข้าใจฯ ให้สอดคล้องกับวาระการพัฒนาภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้ความสำคัญกับสาขาความร่วมมือที่มีส่วนสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ของประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และหากมีประเด็นที่จะต้องจัดทำความตกลงในเรื่องของการดูแลสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและผลประโยชน์ที่เกิดจากกิจกรรมและโครงการความร่วมมือภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้จัดเตรียมข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นการเฉพาะ โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินกิจกรรมหรือโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20860 | การเข้าร่วมเป็นสถาบันในเครือข่ายแผนงานสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาของสถาบันเพื่อการยุติธรรม แห่งประเทศไทย | ยธ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงานเพื่อเข้าร่วมเป็นสถาบันในเครือข่ายแผนงานสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (The United Nations Programme Network Institutes : PNI) ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย โดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยได้รับการประสานจากสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (The United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ว่า สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยมีคุณสมบัติผ่านหลักเกณฑ์ที่จะเข้าร่วมเป็นสถาบัน PNI พร้อมจัดส่ง (ร่าง) บันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยกับองค์การสหประชาชาติมาเพื่อพิจารณาในขั้นต้น ๑.๒ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยกับองค์การสหประชาชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการวางกรอบความร่วมมือและความเข้าใจร่วมกันและเพื่อการอำนวยความสะดวกในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคู่ภาคี เพื่อการขับเคลื่อนเป้าหมายและเป้าประสงค์ที่มีร่วมกันในประเด็นเรื่องหลักนิติธรรม การพัฒนาที่ยั่งยืน สันติภาพและความมั่นคง ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยงานภายในสังกัดกระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สนับสนุนการทำงานด้านวิชาการของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยเพื่อสร้างความร่วมมือกับ UNODC ในขอบเขตที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนข้อมูลสถิติด้านการป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาภายใต้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่กฎหมายบัญญัติ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
.....