ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 70 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1381 - 1400 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1381 | การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดน จังหวัดตาก (Agenda based) | นร | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดตาก ตามที่
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ไปศึกษาความเหมาะสมเพิ่มเติม โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดน ควรต้องพิจารณา ดำเนินการในลักษณะชุมชนที่ไร้พรมแดนระหว่างกัน (cross border community) เพื่อให้ประชาชนไทยและ ประเทศเพื่อนบ้านบริเวณชายแดนเดินทางไปมาหาสู่และติดต่อค้าขายกันได้อย่างสะดวกและคล่องตัว อันจะ ทำให้เกิดผลดีแก่ทั้งสองฝ่ายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการดำเนินชีวิตของประชาชน รวมทั้งจะมีส่วนช่วยให้ สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ เช่น ปัญหาแรงงาน การลักลอบเข้าเมือง ปัญหาการจัดการศึกษา และปัญหา สัญชาติ เป็นต้น และให้รับความเห็นของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการดำเนินการ ด้วย ทั้งนี้ โครงการที่ต้องขอรับจัดสรรงบกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้จัดลำดับความสำคัญโครงการ ก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณ สำหรับโครงการด้านแรงงานต่างด้าว มอบให้กระทรวงแรงงาน โดยคณะ กรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (กบร.) เป็นผู้พิจารณาต่อไป โดยในชั้นนี้ให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องดำเนินการเฉพาะโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนไปก่อน คือ โครงการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น โครง การพัฒนาท่าอากาศยานแม่สอด โดยกรมขนส่งทางอากาศ โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมเทศบาล เมืองแม่สอด และอำเภอแม่ระมาด โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการวางผังเมืองรวม และผัง เฉพาะชุมชนชายแดน โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง และกรมโยธาธิการและผังเมือง โครงการศึกษา ความเหมาะสมการจัดตั้งสถานีขนส่งสินค้าอำเภอแม่สอด โดยกรมการขนส่งทางบก โดยให้ปรับวงเงินค่าใช้ จ่ายให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น ในส่วนของโครงการขยายถนน 4 ช่องจราจร สายตาก-อำเภอแม่สอด ตอน ตาก-ลานสาง โดยกรมทางหลวง ให้ดำเนินการเฉพาะการศึกษาความจำเป็นเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวด ล้อมให้ชัดเจนเฉพาะในช่วงที่มีความสำคัญและจะดำเนินการในลำดับต้นก่อนเท่านั้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องขอตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนิน การต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1382 | การปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายโภคิน พลกุล) | มท | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการ
ในพื้นที่จังหวัดนครพนมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2547 เพื่อ ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้ง รับทราบปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานตามนโยบาย ซึ่งภาพรวมการปฏิบัติราชการครั้งนี้ ได้มี การประชุมเพื่อมอบนโยบายให้แก่หัวส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชี้แจงให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นถึงผลงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาในด้านต่าง ๆ รวมทั้ง ได้ตรวจเยี่ยมจุดที่ขอเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ซึ่งเป็นจุดข้ามแม่น้ำโขงไปเชื่อมกับถนนหมายเลข 8 ที่สามแยกบ้านท่าสะอาด แขวงบริคำไซ ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งจะสามารถเดิน ทางต่อไปถึงเมืองฮาติง และเมืองวินท์ของประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้ และตรวจสภาพความ เสียหายของตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขงกัดเซาะ โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1383 | รายงานสถานการณ์ดินถล่ม ที่จังหวัดกระบี่ | มท | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสถานการณ์ดินถล่มในพื้นที่บ้านอ่าวนาง
ม.2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2547 และในพื้นที่บ้านห้วยส้มไฟ ม.1 ตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2547 เป็นเหตุให้มีราษฎรเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 1 คน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 18 หลัง ซึ่งสาเหตุของดินถล่มเกิดจากฝนที่ตกหนัก ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรที่ประสบภัยในเบื้องต้น และได้มีการวางมาตรการเร่งด่วน เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นอีก โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานไปยังจังหวัดกระบี่ประกาศ ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และแจ้งให้ประชาชนออกจากบริเวณดังกล่าว รวมทั้งประสานกับสำนักงาน ทรัพยากรธรณีเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อตรวจสอบทางด้านธรณีวิทยาเพื่อประเมินความเสี่ยงและเตรียมการ ป้องกัน นอกจากนี้ ได้จัดชุดเฝ้าระวัง โดยมอบให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับ อปพร. สำรวจสภาพพื้นที่ที่อาจจะเกิดการเลื่อนไหลของดินและถล่มลง และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจ ให้ราษฎรในพื้นที่ได้ทราบ และมีความตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมิให้เกิดความตื่นตระหนักจนเกิด ความเสียหายต่อการประกอบอาชีพหรือกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1384 | แผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน | ทส | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัด เชียงใหม่-ลำพูน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผน ปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศเชียงใหม่-ลำพูน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไป ปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าวให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนี้ ให้ตรวจสอบสภาพการดำเนิน งานที่มีผลต่อการจัดการมลพิษอากาศในจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูนของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านงบประมาณที่ ได้รับ เป้าหมายและผลการดำเนินการที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยพิจารณาปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าว ตามข้อมูลที่ได้รับโดยกำหนดขอบเขต วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ กำหนดตัวชี้วัดและแนวทางบูรณา การภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และกำหนดโครงการและกิจกรรมตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติ การ ฯ เท่าที่จำเป็น ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการหรือกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่และต้องก่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถตรวจวัดได้ มีมาตรการตรวจสอบ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติ การ และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมดำเนินการตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ และ ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ และตระหนักในการมีส่วนร่วมลดมลพิษอากาศในพื้นที่ เพื่อเกิดผลสำเร็จต่อ เนื่องในระยะยาว ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ไปประกอบการปรับปรุง (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ ด้วย และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาด้วยว่า การดำเนิน การเกี่ยวกับปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ควรดำเนินการในเชิงรุกดูแลป้องกันมิให้เกิดปัญหามากกว่าที่จะ ดำเนินการแบบตั้งรับเพื่อแก้ไขฟื้นฟูหลังจากเกิดปัญหาแล้วเพราะการแก้ไขปัญหาจะทำให้เกิดภาระและสิ้น เปลืองงบประมาณค่าใช้จ่ายมากกว่า และยากที่จะแก้ไขให้สภาพธรรมชาติกลับคืนดังเดิมได้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาด้วยว่าควรนำเอาหลักการที่ว่า "ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา" (Polluter Pay Principle-PPP) มาใช้ในการดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1385 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาใช้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง เพื่อการผลิตน้ำประปา | มท | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำในแม่ น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง เพื่อการผลิตน้ำประปา โดยมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหา รวม 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านการบริหารจัดการ โดยจัดทำแผนแม่บทแบบบูรณาการ ทรัพยากรน้ำทั้งในและนอกลุ่มน้ำทั้งหมด และมองการจัดการแบบภาพรวม และผลักดันให้มีการจัดหาน้ำ ต้นทุนเพิ่มขึ้นให้เต็มศักยภาพ ให้มีความเหมาะสมกับระบบนิเวศวิทยา และการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งในด้าน การจัดหาแหล่งน้ำดิบ และการผันน้ำเพื่อผลิตน้ำ เป็นต้น มาตรการด้านการลงทุน โดยจัดให้มีระบบประปา อย่างทั่วถึง โดยให้เป็นการบริการขั้นพื้นฐานไม่ใช้เพื่อแสวงหากำไร และสนับสนุนการลงทุนของราชการส่วน ท้องถิ่น รัฐิวสาหกิจและเอกชนในการจัดหาแหล่งน้ำดิบและการก่อสร้างระบบประปา เป็นต้น มาตรการด้าน กฎหมาย โดยปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการประปาให้มีความชัดเจนและไม่ทับซ้อนกันในทางปฏิบัติ ตลอด จนกระจายความรับผิดชอบการจัดการเรื่องน้ำประปาสู่ราชการส่วนท้องถิ่น เป็นต้น และมาตรการด้านการ ส่งเสริม โดยร่วมมือกับเอกชนและองค์กรต่าง ๆ รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และมีส่วนรับผิดชอบในการจัดการระบบประปา และสนับสนุนการวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบประปาเพื่อ ส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น รวมทั้งผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามที่กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพิจารณาข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ และให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับไปดำเนินการพิจารณากำหนดแนวทาง ปรับปรุง และแก้ไขปัญหาในเชิงบูรณาการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ โดยละเอียด อีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนิน การนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในลักษณะที่เป็นยุทธ ศาสตร์ภาพรวมของชาติโดยเร็วต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมพิจารณาดำเนินการในฐานะ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการใช้น้ำขนาดใหญ่ โดยให้พิจารณาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวตามประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1386 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. .... | ศธ | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. .... ไปเพื่อสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนัก งาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาด้วย ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. มีความเห็นว่า เนื้อหาสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ฯ อาจก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบต่อการบริหารจัดการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการได้หลายประการ เช่น การจัดระเบียบบริหารราชการตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ ซึ่ง กำหนดให้จัดระบบที่แตกต่างกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 จึง อาจทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง และไม่เป็นเอกภาพในการจัดการศึกษาของประเทศได้ รวมทั้งการกำหนด อำนาจหน้าที่ บทบาท และภารกิจที่มีลักษณะซ้ำซ้อน ทำให้ในพื้นที่หนึ่งมีหลายหน่วยงานต่างดำเนินการใน พื้นที่โดยไม่มีการประสานหรือพิจารณาดำเนินการร่วมกันในภาพรวมของกระทรวง เป็นต้น ส่วนสำนักงาน ก.พ. มีความเห็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วน กลาง ควรมีขนาดที่เล็กลงและมุ่งเน้นเฉพาะภารกิจงานวิเคราะห์ในเชิงยุทธศาสตร์การวางนโยบายและมาตร ฐานการปฏิบัติงาน การติดตามและประเมินผล การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนให้การสนับสนุนในเชิงวิชาการ และควรมีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ สอดคล้องกับการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา สำหรับสำนักงบประมาณมีความเห็น เกี่ยวกับสถานภาพของหน่วยงาน ควรระบุให้ชัดเจน นอกจากนี้ การกำหนดให้การบริหารงานศึกษานอก โรงเรียนใช้แบบของคณะกรรมการ 3 ระดับ ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานที่ สอดคล้องกับหลักการของการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูประบบราชการควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากจะมี ผลให้เกิดภาระงบประมาณของประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1387 | รายงานผลการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจน | นร | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการประชุมคณะอนุ
กรรมการพิจารณาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการแก้ไข ปัญหาความยากจน โดยมีผลการประชุมดังนี้ การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับเอกสารสิทธิในที่ดิน คณะอนุ กรรมการ ฯ ได้พิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานในการออกเอกสาร สิทธิ์ในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... ที่กรมที่ดินได้ยกร่างขึ้นแล้วเห็นว่า ระเบียบดังกล่าวเป็นการใช้มาตรการในทาง บริหารซึ่งสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาในระยะสั้นได้ เนื่องจากจะทำให้การออกเอกสารสิทธิของหน่วยงาน ของรัฐเป็นไปอย่างมีระบบ และมีมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อให้การดำเนินการเกิดผลตามวัตถุประสงค์ตาม ระเบียบดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินในระยะยาว คณะ อนุกรรมการ ฯ ได้มีมติให้กรมที่ดินเสนอร่างพระราชบัญญัติกำหนดมาตรฐานในการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ ดินของรัฐ พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา สำหรับการดำเนินโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการจัดให้ ประชาชนเข้าไปจำหน่ายสินค้าในทางเท้าของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เห็นว่า การดำเนินโครงการ ดังกล่าวเป็นการอำนวยความสะดวกในการหาแหล่งเงินทุนให้กับผู้ค้า แต่ควรมีหลักเกณฑ์ในการควบคุมดูแล การเข้าใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้ประชาชนใช้ช่องทางของโครงการดังกล่าวเข้าไปบุกรุกที่เพื่อให้ได้สิทธิ ครอบครอง โดยเห็นควรเก็บค่าเช่าจากผู้ที่เช่าไปจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเป็นรายได้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และเพื่อนำไปปรับปรุงและดูแลพื้นที่ให้มีความสวยงามและเป็นระเบียบ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1388 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | กค | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน
ที่ 20 กรกฎาคม 2547 เรื่อง การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย จากที่เห็นชอบให้กรม ทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย -ดินถล่ม และโครงการป้องกันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย ตามลำดับ โดยใช้จ่ายจากเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัด (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ตามความเหมาะสม เป็นให้กรมทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนิน โครงการดังกล่าวโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการหรือจากเงินงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้แต่ละจังหวัดบูรณาการงบประมาณ โดยปรับแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อน เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้เสนอ ขอใช้จ่ายจากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของจังหวัดบูรณาการที่จังหวัดได้รับการจัดสรร และ หากยังไม่เพียงพอ ก็ขอให้เสนอขออนุมัติรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลจังหวัดเพื่อขอใช้จ่ายจาก งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1389 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารราชการตำบล พ.ศ. .... | มท | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8
(คกก.8) ที่มีมติให้ชะลอการดำเนินการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารราชการ ตำบล พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไว้ก่อน เพื่อรอผลการดำเนินการตามมติการประชุม หารือเรื่อง ขอรับการจัดสรรอัตรากำลังปลัดอำเภอประจำตำบล เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2547 ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของ คกก.8 ไปดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ ให้กระทรวง มหาดไทยพิจารณาแนวทางการบริหารราชการในส่วนท้องถิ่นให้มีความเหมาะสมไม่ขัดแย้งหรือสวน ทางการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และรวบรวมข้อมูที่สำคัญและจำเป็น ที่ได้รับจากการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อนำมาจัดทำร่างระเบียบ ฯ ได้อย่างครบถ้วนและรัดกุม รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ประกอบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1390 | รายงานผลการดำเนินงานตามโครงการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนให้แก่ท้องถิ่น พ.ศ. 2546 - 2549 | มท | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการจัดหา
เครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนให้แก่ท้องถิ่น พ.ศ. 2546-2549 โดยกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทำสัญญาซื้อขายกับผู้เสนอราคาตามแบบสัญญาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจพิจารณาแล้วจำนวน 14 รายการ รวม 799 หน่วย (คัน/ลำ/เครื่อง/ชุด) ในวงเงิน 2,638,402,265 บาท ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว และได้ประสานงานให้กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ทั้งสิ้น 450 แห่ง ส่งเงินสมทบงบประมาณปี พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2547 ที่ตั้งไว้ กับเตรียมการจัดตั้งงบประมาณสมทบในปี พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549 ไว้ให้พร้อม โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้จัดตั้งงบประมาณให้เป็นไป ตามข้อตกลงในการเข้าร่วมโครงการ ฯ โดยเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1391 | การช่วยเหลือลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการ | นร | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเรื่อง
การช่วยเหลือลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการ ดังนี้ ให้ลูกจ้างประจำของฝ่ายบริหารได้รับ เงินช่วยค่าครองชีพพิเศษได้เหมือนข้าราชการ และให้ลูกจ้างชั่วคราวของฝ่ายบริหารที่มีอายุงานต่อเนื่องไม่ น้อยกว่า 5 ปีบรรจุเป็นพนักงานราชการและรับเงินช่วยค่าครองชีพพิเศษได้เหมือนข้าราชการ รวมทั้งให้เจ้า สังกัดของลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการอื่น นอกจากฝ่ายบริหาร ตลอดจนลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาให้ความช่วยเหลือได้ตามที่เจ้าสังกัดกำหนด แต่ อยู่ภายในกรอบงบประมาณของตนเอง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1392 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนสิงหาคม 2547 | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 โดยการเบิกจ่ายเงิน ในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 875,017 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.12 ของวงเงินงบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 74,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 54.89 ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับ การเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,725 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 4,531 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 43,098 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ประเทศจำนวน 3,034 ล้านบาท รวมทั้งเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ จำนวน 9,983 ล้าน บาท ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ไม่รวมงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) มีการเบิกจ่ายในส่วนของราย จ่ายประจำจำนวน 758,386 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.16 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (831,937 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุนจำนวน 116,631 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.49 ของงบประมาณรายจ่าย ลงทุน (196,063 ล้านบาท) และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุน เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 81,308 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.91 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (135,716 ล้านบาท) ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรีบ ดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามแผนงาน งาน โครงการที่กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินจากคลังภายในวันที่ 20 กันยายน 2547 ยกเว้นกรณีที่มีเหตุผลหรือความจำเป็นให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินไม่เกินวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2547 |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1393 | รายงานผลการเตรียมป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ การตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเตรียมป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ การตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา สรุปดังนี้ สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนร่วมกับจังหวัดเพชรบุรีได้จัดให้มี การฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัยจังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรร เทาอุทกภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในหลักการ ขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ สามารถรองรับและเข้าจัด การอุทกภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ส่วนการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและสถานการณ์น้ำลุ่ม เจ้าพระยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้ดำเนินการตรวจแนวคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา นพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และปทุมธานี และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา โดยในส่วนของกรุงเทพ ฯ ได้ดำเนิน การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ แล้วเสร็จที่สามารถ ป้องกันที่ระดับ+2.40 ม. (รทก) ยาว 50 กม. และกำลังก่อสร้างอยู่อีก 8 กม. แล้วเสร็จในปี 2548 และอยู่ในขั้น ตอนดำเนินการประกวดราคาอีก 17 กม. คาดว่าแล้วเสร็จประมาณปี 2551 จังหวัดนนทบุรี ได้มีการเตรียมการ ฯ จัดทำประตูกั้นน้ำ ซ่อมแซมประตูระบายน้ำ การพร่องน้ำในแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ จัดเตรียมเครื่องสูบ น้ำไว้ พร้อม และได้จัดประชุมผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อม ให้หน่วยงานชลประทานแจ้งสถานการณ์น้ำให้ทราบทุกระยะ จังหวัดปทุมธานี ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำปิดปากแม่น้ำและคลองธรรมชาติริมฝั่งเจ้าพระยา สร้าง คันกั้นน้ำจากพื้นที่รอบข้างไม่ให้น้ำไหลเข้าจังหวัดปทุมธานี พร้อมทั้งได้จัดเตรียมกระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำ และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมรับสถานการณ์ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1394 | การจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (คกก.8)
ที่มีมติเกี่ยวกับการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยให้กระทรวงการคลังนำหลักเกณฑ์การกันเงินงบประมาณเหลือจ่ายไว้เบิกเหลื่อมปีกรณี ไม่มีหนี้ผูกพันเพื่อนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแจ้งให้ส่วน ราชการถือปฏิบัติต่อไป โดยให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์ตามประเด็นอภิปรายของ คกก.8 ด้วย ดังนี้ กรณีเงิน รางวัลที่จะนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันออกหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดสรรเงินรางวัลตามหลัก Good Governance ทั้งของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค รวมทั้งราชการส่วนท้องถิ่นด้วย โดยให้พิจารณาเรื่องการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ การ เลื่อนขั้นกรณีพิเศษ การไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ และการได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นในปีถัดไป เป็นต้น และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1395 | รายงานความก้าวหน้าตามมาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม
มาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของหน่วยงานในสังกัดประกอบด้วย กรมโยธา ธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และการไฟฟ้านครหลวง สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงาน ของกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำโครงการวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะ พื้นที่บริเวณโดยรอบสนามบิน ฯ เพื่อใช้เป็นกรอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์ในการดำเนินการจัดทำ ผังพัฒนาทางด้านกายภาพที่กำหนดโครงการพัฒนาในแต่ละย่าน ผังการใช้ที่ดินและอาคาร แผนปฏิบัติการ เพื่อปรับปรุงพื้นที่เฉพาะ โครงการคมนาคมและขนส่งครบวงจร ผังสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ การ ป้องกันน้ำท่วม การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการนำเสนอของบประมาณ และการนำเสนอกลยุทธ์ ที่ส่งเสริมภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา ส่วนผลการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ แต่งตั้งคณะกรรมการ รวม 2 คณะ เพื่อทำหน้าที่กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับบทบาทขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและประสานแผนการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่พัฒนา สำหรับผลการดำเนินงานของการไฟฟ้านครหลวง ในส่วนของผลการดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และน้ำเย็นสำหรับท่าอากาศยาน ฯ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2548 นั้น ขณะนี้มีผล ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ ฯ ในส่วนของงานจัดจ้างก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับ โรงไฟฟ้า งานปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซ งานก่อสร้างระบบผลิตน้ำเย็น งานก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นให้แก่ อาคาร และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะเสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนโครงการจ่ายไฟฟ้าให้ระบบ ขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ในขั้นตอนการสำรวจออกแบบ คาดว่า จะสามารถดำเนิน การตามโครงการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1396 | การปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และพระนครศรีอยุธยา | มท | 21/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้น
ที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และพระนครศรีอยุธยา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ เมื่อวันที่ 17-18 กันยายน 2547 เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเยาวชนเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางกลับจากทัศนศึกษาและเยี่ยมญาติผู้เสียชีวิตจากการก่อความ ไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งตรวจติดตามการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหา อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งภาพรวมการปฏิบัติราชการในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติ ได้แก่ ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ต่าง ๆ ต้องบูรณาการความร่วมมือในทุก ๆ ด้าน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ดำเนินการเพียงลำพัง ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ขอให้ทุกหน่วยงานประสานงานกันอย่างเป็นระบบ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้นำระบบ GIS มาใช้ในการดำเนินงานแล้ว ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง กรุงเทพมหานคร จังหวัดต่างๆ ได้ประสานงานกัน เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้มีการใช้ GIS ที่สามารถเชื่อมโยงและ ใช้งานให้เป็นระบบเดียวกันได้ การวางผังเมืองของกรมโยธาธิการและผังเมือง ขอให้พิจารณาและดูแลในเรื่อง ของการใช้พื้นที่ที่อาจเป็นสาเหตุของอุทกภัยด้วย ให้มีการบูรณาการการจัดทำผังเมืองร่วมกัน กับหน่วยงาน ต่าง ๆ ทั้งเรื่องถนน เส้นทางคมนาคม ที่อยู่อาศัย แหล่งพาณิชยกรรม การเตรียมการในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา ให้การมีการมอบหมายและขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับด้วย เพื่อร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือดูแลราษฎรต่อไป รวมทั้งการกำจัดวัชพืชของจังหวัดต่าง ๆ และจะต้องบูรณาการในการให้ ความช่วยเหลือหรือดูแลความเดือดร้อนของราษฎรในช่วงภายหลังน้ำลดด้วย ตลอดจนการพิจารณาการปล่อย น้ำจากเขื่อนของกรมชลประทาน ควรพิจารณาอย่างรอบคอบด้วยว่าจะระบายน้ำมากน้อยเพียงไร |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1397 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา | นร | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ ดังนี้ รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทาง แก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งรับทราบและเห็นชอบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวง อุตสาหกรรม ที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบ บูรณาการ เพื่อให้ครอบคลุมด้านการพัฒนาจัดหาน้ำต้นทุน การจัดสรรน้ำ การควบคุมมลพิษทางน้ำ การ อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ อุทกภัยและภัยแล้ง โดยจัดทำเป็นแผนระยะยาวควบคู่กับการวางแผนการใช้ที่ดินและ การขยายตัวของสังคมและเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้คณะอนุกรรมการลุ่มน้ำเจ้าพระยา และการมีส่วน ร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวมในพื้นที่ชุมชน และให้มีมาตรการจัดเก็บค่าธรรม เนียมบำบัดน้ำเสีย และบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการระบายของเสียจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ ให้เป็นไป ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อ ดำเนินการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ และให้มีการควบคุมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ ให้มีการระบายน้ำทิ้งที่ไม่ได้มาตรฐาน และงดใช้ยาและสารเคมีต้องห้าม 16 ชนิด ตามที่กรมประมงประกาศ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักประสานและเร่งรัด การจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการและแผนปฏิบัติการที่กำหนดบทบาท ภารกิจ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการ โดยจัดทำตัวชี้วัดการแก้ไขปัญหา มลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วรายงานผลให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีทราบ เป็นระยะ ๆ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1398 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 | กค | 31/08/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการดำเนินงานกรณีที่ส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาห กิจถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ผ่อนผันให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจก่อหนี้ผูกพันได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2547 สำหรับรายการที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และงบอุดหนุนเฉพาะกิจ ที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น เนื่องจากในปีนี้มีการเลือกตั้งใหญ่ ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรอให้มีการประชุมสภาท้อง ถิ่น เพื่อพิจารณาร่างข้อบัญญัติ เทศบัญญัติหรือข้อบังคับงบประมาณประจำปีก่อน จึงจะสามารถเบิกจ่ายได้ รวมทั้งงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) เนื่องจากโครงการที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนิน งาน และงบกลาง (59,000 ล้านบาท) บางโครงการต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการ จึงไม่ สามารถเบิกจ่ายได้ทัน |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1399 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาค | กก | 10/08/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ
ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในส่วนภูมิ ภาค และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ มีดังนี้ ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการท่องเที่ยว จังหวัดขึ้น โดยอาศัยการบริหารงานแบบบูรณาการที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานรับผิดชอบอย่างเป็น ระบบและเบ็ดเสร็จ มีหน่วยงานทุกระดับที่เกี่ยวข้องในทุกมิติของการพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นกรรมการ มี หน้าที่ควบคุม ดูแล ติดตามและประสานความร่วมมือในการจัดทำแผนพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จังหวัดในภาพรวมและการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนควรสอดคล้องกับศักยภาพของ พื้นที่ แผนพัฒนาประเทศ และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด สำหรับการดำเนินงานของทุกหน่วยงานภายใต้ อำนาจการสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวต้อง อยู่ภายใต้แผน และกรอบการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จัดทำ โดยคณะกรรมการการท่องเที่ยว จังหวัด ส่วนการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นอิสระ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณา การไม่สามารถสั่งการได้โดยตรงนั้น ขอให้มีผู้ว่าราชกาจังหวัดแบบบูรณาการและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่อง เที่ยวทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เป็นที่ปรึกษา เพื่อให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวของส่วนท้องถิ่นสอดคล้อง กับแผนและกรอบการพัฒนาดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1400 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) | นร | 10/08/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รายงานผลการประชุม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากรณีปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) เมื่อ วันที่ 23 กรกฎาคม 2547 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไป ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและนำเสนอที่ประชุมอีกครั้งหนึ่งดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จัดทำแผนแม่บทการใช้น้ำบาดาลให้มีความชัดเจน เปรียบเทียบข้อมูล การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในอดีตมีการตั้งงบประมาณ และมีการขาดแคลนน้ำเป็น จำนวนปีละเท่าใด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดวงเงินในการแก้ไขปัญหาและสำรวจเครื่องมือขุดเจาะบ่อบาดาลว่ามีความ ต้องการใช้ในภารกิจจำนวนเท่าใด กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นสำรวจพื้นที่ที่ขาด แคลนน้ำร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยจำแนกพื้นที่ที่ต้องการน้ำประปาหมู่บ้าน/ชนบท พื้นที่ที่ต้อง การน้ำบาดาล สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นพิจารณารวบรวมภารกิจสำคัญที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น เช่น การก่อสร้างถนน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำมาเปรียบเทียบในการพิจารณาการจัดสรรงบ ประมาณในภาพรวมในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาสืบเนื่อง จากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอันเนื่องจากพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ ใน ส่วนประเด็นปัญหาอื่น ๆ ต่อไป และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนภารกิจตามแผนปฏิบัติ การกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเร่งดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้เกิดผลเป็นรูป ธรรมโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
