ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 65 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1281 - 1300 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1281 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อจัดทำสัญญานักเรียนทุนพยาบาลศาสตร์ตามโครงการผลิตพยาบาล 1 ทุน 1 ตำบล ของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 27/09/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่าย
สาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2543 ในประเด็นที่ให้กระทรวงสาธารณสุขยกเลิกการทำสัญญานักเรียนทุนที่ผูก พันให้กระทรวงสาธารณสุขบรรจุเป็นข้าราชการหลังสำเร็จการศึกษาทุกหลักสูตรตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา และอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำสัญญากับผู้เข้าเรียนพยาบาลตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 เป็นต้นไปมี ลักษณะเป็นสัญญาผูกพันฝ่ายเดียว หรือสัญญาปลายเปิดที่ไม่มีข้อผูกพันให้กระทรวงสาธารณสุขต้องบรรจุ ผู้รับทุนเข้ารับราชการเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว โดยให้รับข้อ สังเกตและข้อเสนอแนะของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าสายอาชีพที่ชัดเจนและมาตร การเพื่อสร้างแรงจูงใจสำหรับพยาบาลให้ปฏิบัติงานในภาครัฐ เช่น การเปิดคลินิกนอกเวลาเพื่อให้เกิดการ สูญเสียบุคลากรในระบบน้อยที่สุด และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ชุมชนร่วมกับภาครัฐสนับสนุนงบ ประมาณในการผลิตพยาบาลให้ชุมชน/ท้องถิ่นที่ขาดแคลนบุคลากรหากมีงบประมาณเพียงพอ เพื่อสร้าง พันธะสัญญาระหว่างชุมชนกับนักเรียนทุนในการกลับมาปฏิบัติงานในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับข้อเสนอเรื่องขอเงินอุดหนุนให้กับนักเรียนทุนพยาบาลศาสตร์ ฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนิน การตามความเห็นเพิ่มเติมของผู้แทนสำนักงบประมาณ โดยสำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณไว้ในหมวด เงินอุดหนุนจำนวนหนึ่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขสามารถนำมาถัวเฉลี่ยเป็นค่าอาหาร ค่าเครื่องแบบ ค่าที่ พัก และอื่น ๆ ได้อยู่แล้ว |
||||||||||||||||||
| 1282 | ขออนุมัติการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนแก่ผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 27/09/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับการจ่ายเงินตอบแทน
พิเศษรายเดือนแก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ประกอบ ด้วย ข้าราชการ (เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ครู) และลูกจ้างประจำ และผู้ปฏิบัติงานอื่นจำกัด เฉพาะประเภท ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องที่ (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง/ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล) อาสาสมัครทหารพราน พลอาสา อส.รด. พลทหารกองประจำการ รวมทั้งบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้คณะกรรมการนโยบาย เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) พิจารณารายละเอียดผู้มีสิทธิได้รับเงินตอบแทนพิเศษ ดังกล่าวให้ชัดเจนเหมาะสมก่อน แล้วจึงดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 1283 | การกำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้ของรัฐบาล | นร | 27/09/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอขอถอนเรื่อง การ
กำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้ของรัฐบาล เพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องและจะเสนอกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
| 1284 | การจัดตั้งวิทยาเขต วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย | มท | 20/09/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดตั้งวิทยาเขต วิทยาลัยป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2547 มีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินการพัฒนาบุคลากรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครและประชาชน ในหลักสูตรต่าง ๆ อาทิ หลักสูตรเกี่ยวกับการดับเพลิง หลักสูตรเกี่ยวกับการกู้ภัยอาคารถล่ม หลักสูตรเกี่ยว กับการกู้ภัยสารเคมี หลักสูตรเกี่ยวกับการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และหลักสูตรเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรองค์ความรู้ด้านการจัดการภัยพิบัติ โดยขอความร่วมมือกับองค์กรหรือสถาบันที่มีความ ชำนาญเฉพาะทางเพื่อให้ความช่วยเหลือทางวิชาการทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ จัดตั้งวิทยาเขต วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ อีกจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ วิทยา เขตปราจีนบุรี วิทยาเขตเชียงใหม่ วิทยาเขตขอนแก่น วิทยาเขตสงขลา วิทยาเขตภูเก็ต และวิทยาเขตพิษณุโลก โดยวิทยาเขตทั้ง 6 แห่ง จะจัดให้มีการฝึกอบรมหลักสูตรการระงับอัคคีภัย หลักสูตรการค้นหาและช่วยเหลือผู้ ประสบภัย และหลักสูตรการจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน เป็นหลักสูตรพื้นฐานสำหรับเจ้าหน้าที่ ของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครและประชาชน โดยจะเชิญวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีความชำนาญเฉพาะด้านมาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม
|
||||||||||||||||||
| 1285 | รายงานการดำเนินการมาตรการป้องกันและระบบการเตือนภัยธรรมชาติ | นร | 06/09/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ)
รายงานข้อมูลการดำเนินการมาตรการป้องกันและระบบเตือนภัยธรรมชาติ (สึนามิ) มีหน่วยงานหลักที่รับ ผิดชอบ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย คณะกรรมการศึกษาเตือนภัยล่วงหน้า องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่ พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) และหน่วยงานในพื้นที่ โดยมีแผนการดำเนินการมาตรการดัง กล่าวกระจายครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 6 จังหวัดที่ประสบภัยสึนามิ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล ดังนี้ แผนติดตั้งหอเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยของ 6 จังหวัด จำนวน 62 จุด มีเป้าหมายให้แล้วเสร็จ ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับจังหวัดภูเก็ตได้ติดตั้งระบบเตือนภัย (ที่ยังใช้บุคลากรควบคุม) ไป แล้วที่เขตพื้นที่ป่าตอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากบริษัท SIRCOM ประเทศเยอรมัน และบริษัท KOCKUM SONIC ประเทศสวีเดน จำนวน 3 จุด และภายในเดือนตุลาคม 2548 คณะกรรมการศึกษาระบบเตือนภัย ล่วงหน้าจะติดตั้งหอเตือนภัยเพิ่มในพื้นที่เสี่ยงภัยที่สำคัญที่สุด จังหวัดละ 4 จุด ส่วนที่เหลือจะติดตั้งให้ครบ ทั้ง 62 จุด ภายในเดือนธันวาคม 2548 ในส่วนของ อพท. ยังได้มีโครงการ Beach Guard และการเตือน ภัยนักท่องเที่ยว โดยได้รับอนุมัติงบประมาณจำนวน 25,075,400 บาท แบ่งเป็นการก่อสร้างหอสังเกต การณ์และเตือนภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด จำนวน 50 แห่ง จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ และฝึกอบรมเจ้าหน้า ที่อาสาสมัคร และได้ดำเนินการติดตั้งแล้วที่หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต จำนวน 2 จุด ส่วนที่เหลือจะติดตั้งเพิ่ม ภายในปี 2548 นอกจากนี้ จังหวัดที่ประสบภัยสึนามิร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ และภาค เอกชนได้ดำเนินการจัดสร้างหอกระจายข่าวอีกจำนวน 64 จุด |
||||||||||||||||||
| 1286 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||
| 1287 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (โครงการ ฯ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||
| 1288 | รายงานแนวทางการดำเนินการกรณีการจ่ายเงินก่อนมีการตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงาน | กค | 30/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานแนวทางการดำเนินการกรณีการจ่าย
เงินก่อนมีการตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงาน โดยได้กำหนดวิธีการจ่ายเงินของส่วนราชการเพิ่มเติม เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการเป็นไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2548 ที่มีมติเห็นชอบและอนุมัติมาตรการเสริมสร้างเสถียรภาพ ทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 ทั้ง 6 กลุ่มมาตรการ และเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่คู่สัญญา ของส่วนราชการ โดยเมื่อคู่สัญญาของส่วนราชการได้ส่งมอบทรัพย์สิน หรือส่งมอบงานในแต่ละงวดแล้ว และแจ้งความประสงค์ว่าจะขอรับเงินก่อนที่ส่วนราชการจะตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงานเสร็จสิ้น ให้ ส่วนราชการรีบดำเนินการขอเบิกเงินจากคลังทันที โดยยังไม่ต้องดำเนินการตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจ รับงาน เพื่อจ่ายเงินให้คู่สัญญาหรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง ในกรณีเป็นการจ่ายเงินตรงจากกรมบัญชี กลาง หรือกรณีจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากของส่วนราชการ เพื่อนำไปจ่ายให้กับคู่สัญญาหรือผู้รับโอนสิทธิ เรียกร้อง ให้รีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดระยะเวลา 3 วัน นับจากวันที่รับเงินจากคลัง โดย ให้คู่สัญญาหรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องกรอกข้อความ และลงลายมือชื่อในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมแนบท้าย สัญญาเดิมตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด พร้อมทั้งให้คู่สัญญาหรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องนำหนัง สือค้ำประกันของธนาคารภายในประเทศ (BANK GUARANTEE) มามอบให้ส่วนราชการ เพื่อใช้เป็นหลัก ประกันด้วย และเมื่อส่วนราชการได้ดำเนินการตรวจรับถูกต้องครบถ้วนเรียบร้อยแล้วส่วนราชการจะคืน หนังสือค้ำประกันให้แก่คู่สัญญาหรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องต่อไป ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือให้หน่วยงาน อื่น ๆ ของรัฐ ได้แก่ รัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่คู่สัญญาก่อน มีการตรวจรับทรัพย์สิน หรือตรวจรับงานในลักษณะเช่นเดียวกับส่วนราชการตามแนวทางของมติคณะ รัฐมนตรีดังกล่าวด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||
| 1289 | การชะลอถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 30/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 (เรื่อง ปัญหาการประเมิน
คุณภาพผลงานของข้าราชการครูและการถ่ายโอนภารกิจด้านการบริหารการศึกษาให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น) ข้อ 2 การถ่ายโอนสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไป สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 6/2548 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ตามที่รองนายก รัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอ ทั้งนี้ ให้ กกถ. รับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้นำความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ส่วน การประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของ อปท. รวมทั้งการติดตามประเมินผลหลังจากที่ อปท. ได้รับโอนสถานศึกษาไปแล้วควรกำหนดให้มีผู้แทนของ อปท. นั้น ๆ ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรม การที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวด้วย และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดจัดทำแผนการปฏิรูปการศึกษาในภาพ รวมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งประสานกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องนี้หารือนายก รัฐมนตรีร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
| 1290 | มติคณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 ครั้งที่ 1/2548 | พม | 30/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 ครั้งที่ 1/2548 โดยมติที่ประชุมได้ขอเปลี่ยนหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนมาตรการ "ขยายการ ให้เบี้ยยังชีพคนชราผู้ยากไร้ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ให้ครบทุกคน จาก 530,000 คน เป็น 1.07 ล้าน คน" จากหน่วยงานหลักเดิมกระทรวงมหาดไทย เป็นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องจากการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2535 ใน โครงการกองทุนส่งเสริมสวัสดิการผู้สูงอายุและครอบครัวในชุมชน ในความรับผิดชอบของกรมประชาสง เคราะห์ และในปี พ.ศ. 2544 ภารกิจด้านสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ถ่ายโอนไปยังกรมส่งเสริมการ ปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เห็นว่า การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถตอบ สนองความต้องการของผู้ประสบความเดือดร้อนโดยตรง อีกทั้งสอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีภารกิจในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้สังคม เข้มแข็ง จะดำเนินการในส่วนของการขับเคลื่อนมาตรการการให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยการกระตุ้น ติด ตามให้ผู้สูงอายุที่สมควรได้รับเบี้ยยังชีพ ได้รับการดูแลตามเจตนารมณ์ของการจัดสรรเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมทั้งติดตามเร่งรัด การเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ได้มีแนวทาง เดียวกันในการดูแลคนพิการให้ได้รับการช่วยเหลือเบี้ยยังชีพคนพิการ ซึ่งได้ถ่ายโอนภารกิจให้แก่ กรม ส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547
|
||||||||||||||||||
| 1291 | ขอส่งรายงานสถานะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2548 (ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2548) ข้อมูลจากระบบ GFMIS | นร | 30/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสถานะการเร่งรัดการ
เบิกจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2548 ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2548 ดังนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณจนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2548 เบิกได้ 80% ของวงเงินรายจ่ายปี 2548 จำนวน 1,250,000 ล้านบาท วงเงินราย จ่ายปี 2548 บวกรายจ่ายเหลื่อมปี วงเงิน 1,414,343 ล้านบาท การเบิกจ่ายคงค้างที่ต้องเร่งรัดมียอด รวมทั้งงบประจำและลงทุน 316,746 ล้านบาท ยอดวงเงินคงค้าง 316,746 ล้านบาท ที่มีปัญหาจะ มีเฉพาะในส่วนของงบลงทุน และงบกลาง ที่ยังไม่ได้การจัดสรร หรือยังไม่ได้ผูกพัน โดยเฉพาะงบกลาง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐวิสาหกิจ (เฉพาะส่วนที่ได้รับจัด สรรจากงบประมาณ) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จากการตรวจสอบในรายละเอียดการเบิกจ่ายพบว่า มีส่วนราช การที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายในสาระสำคัญดังนี้ งบกลาง เร่งรัดให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ ในหมวดค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพและการแข่งขัน เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระทรวง คมนาคม ควรเร่งรัดให้ทำการเบิกจ่ายตามงาน/โครงการดังนี้ งานพัฒนาทางหลวง งานบำรุงรักษาทาง หลวง โครงการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลโครงการก่อสร้างทางเข้า -ออก ท่าอากาศยานสากล โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องทาง และงานพัฒนา ระบบโครงข่าย กระทรวงมหาดไทย ควรเร่งรัดการเบิกจ่ายโดยเฉพาะในส่วนของงบกรุงเทพมหานคร ที่มีการเบิกจ่ายต่ำมาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งรัดในส่วนของกรมชลประทานเป็นสำคัญ สำหรับงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้โอน งบประมาณที่ค้างการเบิกและเป็นคดีความ เช่น งาน/โครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย คืนเงินคงคลัง เพื่อ สำรองจ่ายเมื่อจบคดีแล้ว
|
||||||||||||||||||
| 1292 | รายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ | กษ | 16/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์อุทกภัยใน
ภาคเหนือ ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2548 เนื่องจากมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2548 เป็นต้นมา ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งและท่วมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน และลำปาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการแจ้งเตือนจังหวัดและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ทราบเป็นการล่วงหน้าประมาณ 1 วัน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ ผ่านทางสถานีวิทยุในพื้นที่ เกี่ยวกับปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดการณ์ระยะ เวลาที่น้ำจะท่วมล้นตลิ่ง การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ จัดเตรียมเครื่อง สูบน้ำขนาด 6-12 นิ้ว 80 เครื่อง ไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการเร่งระบายน้ำแก้ไขปัญหา จาก การสำรวจเบื้องต้น ยังไม่ครบทุกพื้นที่ ของกรมส่งเสริมการเกษตรพบว่า มีพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 6 จังหวัด 33 อำเภอ 140 ตำบล พื้นที่การเกษตรประสบภัย 142,805 ไร่ ด้านพืช เกษตรกร 4,243 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 141,420 ไร่ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 7,281 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ153,744 ตัว ด้านประมง เกษตรกร 3,246 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 678 ไร่ 735 บ่อ และกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ โดยศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
|
||||||||||||||||||
| 1293 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 09/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมาย จัดตั้ง มีอำนาจในการกำหนดและจัดเก็บค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 1294 | รายงานการส่งเสริมให้เยาวชน และประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ตามมติคณะรัฐมนตรี | กก | 09/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการจัดกิจกรรมส่ง
เสริมให้เยาวชนและประชาชน มีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2547 ตาม ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การใช้และบริหารสนามกีฬาของสถานศึกษาและหน่วยงาน ราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน ได้มีการเปิดสนามกีฬาภายในศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา และ นันทนาการจังหวัด 75 แห่ง ศูนย์กีฬา (กกท.) 5 ภาค วิทยาลัยพลศึกษา 17 แห่ง โรงเรียนกีฬา 13 แห่ง และสนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ ให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เล่น กีฬา ออกกำลังกาย มีผู้ใช้บริการ 27,538,854 คน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาบุคลากรกีฬาอย่างเป็น ระบบ ได้จัดอบรม สัมมนา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา สุขภาพ นันทนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา มีผู้ เข้าร่วมกิจกรรม 120,519 คน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบูรณาการการกีฬาทุกระดับให้ต่อเนื่องและยั่งยืน ได้ส่งเสริม สนับสนุน และจัดกิจกรรมกีฬา ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 15,924,823 คน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารองค์กรเครือข่ายกีฬาของประเทศอย่างเป็นระบบ โดย จัดประชุม สัมมนาคณะกรรมการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายคณะกรรมการกีฬา สมาคมกีฬา ผู้บริหารระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ผู้จัดการสถานกีฬา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 49,000 คน และยุทธศาสตร์ที่ 5 การช่วยเหลือนักกีฬาซึ่งทำคุณประโยชน์และชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ โดยการ จัดจ้างนักกีฬาทีมชาติ หรือนักกีฬาที่ทำคุณประโยชน์และสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศชาติเข้าทำงานรวมทั้ง สิ้น 3,119 คน
|
||||||||||||||||||
| 1295 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" พ.ศ. 2548 - 2551 | พม | 02/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่าย
การต่างประเทศ แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติอนุมัติในหลักการโครงการบ้านมั่นคง (พ.ศ. 2548- พ.ศ. 2551) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีเป้าหมายรวมที่จะดำเนินการแก้ ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนจนในเมืองจำนวน 285,000 ครัวเรือน 1,826 ชุมชน ครอบคลุมประชากร จำนวน 1,425,000 คน ใน 200 เมือง โดยเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ. 2548 ได้กำหนดการดำเนิน การไว้รวม 50,000 หน่วย ครอบคลุมการแก้ปัญหาคนจนในเมือง 250,000 คน ใน 100 เมือง ทั้งนี้ คณะ กรรมการกลั่นกรอง ฯ มีความเห็นว่า ในแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" ควร กำหนดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่ชัดเจนไว้ในแผนปฏิบัติการด้วย และให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน-พอช.) รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องและข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า งบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการในแต่ ละปีค่อนข้างเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก โดยเฉพาะเงินอุดหนุนจากรัฐ ดังนั้น การบริหารจัดการงบประมาณ โครงการในแต่ละช่วง จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวทางของรัฐบาลในการบริหารงบประมาณในภาพรวมของ ประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการเตรียมความพร้อมขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างความเข้มแข็ง ของคนจน รวมทั้งการดำเนินโครงการ ฯ อาจต้องคำนึงถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาเฉพาะที่มีอยู่ ในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจทำให้ไม่สามารถดำเนินการไปได้ตามแผน จึง ควรมีมาตรการรองรับกรณีนี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนิน โครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 1,276.4 ล้านบาท และในปีงบประมาณพ.ศ. 2549- พ.ศ. 2551 นั้น ให้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับการดำเนินการจริงโดยให้ขอตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
| 1296 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (งบประมาณเพิ่มเติมกลางปี) เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 26/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เสนอมติที่ประชุม กกถ. ครั้งที่ 3 /2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 ที่มีมติให้นำเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 4,600 ล้านบาท ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำโดยจัดสรรให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่มีปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำเท่านั้น และให้เน้นการดำเนินการโครงการระบบประปา หมู่บ้าน สำหรับหลักเกณฑ์การจัดสรรให้เป็นไปตามที่ กกถ. กำหนด และหากมีเงินเหลือจ่ายจากการ ดำเนินการดังกล่าว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำไปใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อ แก้ไขปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำตามความจำเป็นและเหมาะสมได้โดยไม่ต้องส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดิน |
||||||||||||||||||
| 1297 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบ
ประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (ตุลาคม 2547- มีนาคม 2548) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพ มหานคร และเมืองพัทยา สรุปได้ดังนี้ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้มีจำนวนทั้งสิ้น 101,610,700.00 บาท (ไม่ รวมเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548) มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 67,617,815,292 บาท โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับจำนวน 2,054,093,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 201,030,100 บาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้รับจำนวน 95,873,224,600 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 63,533,574,190 บาท กรุงเทพมหานคร ได้รับจำนวน 11,321,062,000 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 3,767,826,716 บาท และเมืองพัทยา ได้รับจำนวน 1,362,320,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 115,384,386 บาท สำหรับปัญหาอุปสรรคที่สำคัญในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ อาทิ โครงการบางโครง การไม่มีผู้ยื่นเสนอราคาทำให้ต้องมีการขออนุมัติจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ หรือต้องประกวดราคาใหม่ รวมทั้งการ เปลี่ยนแปลงระบบการเบิกจ่ายเงินจากเดิมมาเป็นระบบ GFMIS ซึ่งทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเกิดความสับสนและรอการสั่งการจากหน่วยงานต้นสังกัดทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า เป็นต้น |
||||||||||||||||||
| 1298 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กษ | 12/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
| 1299 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางปะกง ประแสร์ ระยอง ลำตะคอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด) | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุม
มลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศในรอบหกเดือนหลัง ปี พ.ศ. 2547 (กรกฎาคม-ธันวา คม 2547) และแบบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรายงาน ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางประกง ประแสร์ ระยอง ลำตะ คอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด สรุปดังนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพ เสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 5 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรม คิดเป็นร้อย ละ 26 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 1.9-6.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรก ในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.7-3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 5,300- 110,000 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 46 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละ ลายอยู่ในช่วง 3.2-8.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.8-2.7 มิลลิกรัมต่อ ลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 100-32,200 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี คิดเป็นร้อยละ 23 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 3.4-8.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกใน รูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.3-2.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 140-2,800 หน่วย โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจะพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียชนิดฟีคอลโคลิฟอร์มสูง มาก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมืองต่าง ๆ แหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ อย่างหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง โดยได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยควบคุมแหล่ง กำเนิดมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตอย่างเร่ง ด่วน ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการภาย ใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ โดยสนับสนุนงบ ประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จำนวน 14 แห่ง สร้างความ พร้อมในการดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานกับสำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||
| 1300 | ขอหารือการจัดส่งข้าวสารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาด | นร | 05/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดส่งข้าว
สารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาดว่า องค์การตลาดได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2496 ซึ่งในขณะนั้น อาจมีความจำเป็นที่รัฐจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับตลาดเอง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ภาคเอกชนดำเนินการมากยิ่ง ขึ้น และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนด้วย แต่ปัจจุบัน ได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นและมีพื้นที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรซึ่งองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดให้มีตลาดเป็นส่วนหนึ่งแห่งภารกิจด้วย จึงสมควร มีการพิจารณาทบทวนว่า การดำรงองค์การตลาดไว้จะยังมีความจำเป็นอยู่อีกต่อไปหรือไม่ และจะสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 87 หรือไม่ โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อ สังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
.....
