ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 50 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 981 - 1000 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 981 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2551 | นร | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานสรุปผลการปฏิบัติงานของ
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำ ปี พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย การให้คำแนะนำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทาง ปกครองโดยจัดวิทยากรออกเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามที่หน่วยงาน ของรัฐต่าง ๆ ร้องขอทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น และจัดเจ้าหน้าที่ไว้ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และประชาชนที่ต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราช การทางปกครอง รวมทั้งเผยแพร่เอกสารที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครองให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และประชาชนที่สนใจ
|
||||||||||||||||||||||||
| 982 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมองค์ความรู้ของประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น | สสป | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อ
เสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การส่งเสริมองค์ความรู้ของประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมในการกระจายอำนาจสู่ ท้องถิ่น" และรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความ เห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ ดังนี้ 1. กระทรวงศึกษาธิการควรบรรจุวิชาการปกครองส่วนท้องถิ่นหรือวิชาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ กระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไว้ในหลักสูตรทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดม ศึกษา 2. องค์กร และหน่วยงานของรัฐ และเอกชนควรสอดแทรกวิชาความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองส่วน ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านการกระจายอำนาจสู่ อปท. ไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรมหรือการสัมมนา ทุกครั้งที่มีการฝึกอบรมหรือการสัมมนาในเวลาที่เหมาะสม 3. สถาบันอุดมศึกษาควรจัดทำหลักสูตร "การมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มองค์กรชุมชนในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น" เพื่อทำการฝึกอบรมกลุ่มองค์กรชุมชนเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนและองค์กรภาคธุรกิจ และทำการ ศึกษาวิจัยรองรับประเด็นปัญหาของท้องถิ่น 4. จัดให้มีศูนย์ฝึกอบรมระดับจังหวัดในทุกจังหวัด โดยให้ อปท. ในจังหวัดนั้น ๆ ร่วมมือกับกระทรวงศึกษา ธิการและมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคทำหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่นและ การกระจายอำนาจสู่ อปท. ทั้งในแง่ของการให้ข้อมูลข่าวสารเป็นศูนย์ฝึกอบรมและประสานงานระหว่างกลุ่มองค์กร เครือข่าย ภาคประชาชนกับ อปท. 5. ส่งเสริมให้ อปท. ปรับวิธีการบริหารให้มีลักษณะแนวระนาบ เปิดโอกาส และส่งเสริมสนับสนุนให้กลุ่ม องค์กรชุมชน เครือข่ายภาคประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการของ อปท. ให้มากขึ้น 6. ส่งเสริมให้ อปท. ใช้แผนแม่บทชุมชนเป็นฐานในการจัดทำแผนพัฒนาของ อปท. โดยให้ภาคประชาชนมี ส่วนร่วมอย่างจริงจัง
|
||||||||||||||||||||||||
| 983 | การปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ | กค | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วย การเงินการคลังของรัฐ เพื่อกำหนดกรอบวินัยทางการเงินการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนด ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำเงินรายได้ของ อปท. ทั้งหมดฝากคลัง ยกเว้นเงินรายได้ที่ อปท. เก็บเอง และเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินดังกล่าวให้เบิกจากคลังโดยให้คำนึงถึงสถานะทางการคลังของประเทศ นั้น เห็นควรให้ อปท. นำส่งเงินรายได้เข้าบัญชีเงินฝากของ อปท. เพื่อที่จะได้บริหารจัดการตามข้อบัญญัติงบประมาณที่ได้รับความเห็นชอบ จากสภาท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนพัฒนาที่กำหนดไว้ และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยว กับเนื้อหาสาระของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ บางเรื่องไม่ได้เป็นไปในลักษณะของการกำหนดกรอบในการรักษาวินัย การเงินการคลังแต่มีลักษณะเป็นการกำหนดรายละเอียดและวิธีการปฏิบัติ ส่วนการกำหนดทิศทางและแนวนโยบาย การคลังเพื่อประสิทธิภาพทางการคลัง การสร้างมาตรฐานทางบัญชี การตรวจสอบภายในและหลักเกณฑ์การดำเนิน กิจกรรมทางการคลังอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสทางการคลัง รวมทั้งการจัดทำข้อมูลทางการคลังเพื่อนำไปสู่ ความรับผิดชอบทางการคลัง ควรกำหนดในลักษณะเป็นกรอบให้ปฏิบัติ นอกจากนี้ การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐ จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินเสนอต่อกระทรวงการคลัง และหากมีความจำเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถ ปรับแผนการใช้จ่ายเงินได้นั้น ไม่ได้มีการกำหนดกรอบหรือหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน อาจมีผลต่อการดำเนินภารกิจของรัฐ บาล และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาร่วมกันในประเด็นตามคำชี้แจงของผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณ ที่ว่าร่างพระราชบัญญัติ ฯ ได้กำหนดรายละเอียดของขั้นตอนปฏิบัติในด้านรายจ่ายบางประการที่ อาจทำให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติและการจัดทำงบประมาณของส่วนราชการ เช่น ร่างมาตรา 25 บัญญัติให้รายจ่าย ที่เป็นภาระตามกฎหมายของรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณให้ครบถ้วน ซึ่งการเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี นั้น เป็นเพียงตัวเลขประมาณการ ส่วนการใช้จ่ายหรือเบิกจ่ายงบประมาณมีกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการที่ยืดหยุ่น และ สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เป็นจริง และให้ส่งผลการพิจารณาดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 984 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2552 | นร | 06/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2552 วันที่ 28 กันยายน 2552 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการ กพอ. เสนอ โดยในการประชุมดังกล่าวได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ รวม 5 เรื่อง ได้แก่ 1.1 การปรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดระยองสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน 1.2 การจัดระบบบริการขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมให้มีคุณภาพและทั่วถึง 1.3 การกำกับดูแลโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดให้เป็นไปตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรม นูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 1.4 การวางและจัดทำผังเมืองรวมมาบตาพุด 1.5 แนวทางการจัดการพื้นที่ที่มีปัญหาประชากรแฝงอย่างยั่งยืน 2. ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาสำหรับชุมชนในพื้นที่มาบตาพุดให้กระทรวงมหาดไทย รับไปประสานกับการประปาส่วนภูมิภาค เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับบริการน้ำประปาที่มี คุณภาพอย่างทั่วถึง ส่วนการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอยให้จังหวัดระยองและเทศบาลเมือง มาบตาพุดดำเนินการขออนุมัติใช้งบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามขั้นตอนของระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 แทนการใช้จ่ายจาก งบอุดหนุนส่วนท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐ
|
||||||||||||||||||||||||
| 985 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | นร | 06/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลัก
เกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรีเสนอไปพิจารณาร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยให้พิจารณาด้วยว่าจะสมควรออกเป็นระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรี หรือระเบียบกระทรวงมหาดไทย หรือระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จึงจะถูกต้องเหมาะ สม แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 986 | รายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินงานตามกรอบแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง | นร | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามรายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินงานตามกรอบแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง ของรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพ ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ กระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการจะให้มีหน่วยงานกลางในรูปแบบองค์กรอิสระรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาประชากรแฝง อย่างยั่งยืน ไปประกอบการพิจารณา 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง อุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เกี่ยวกับประเด็นการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดระยองโดยควบรวมสถาบันการศึกษาระดับปริญญาตรีใน จังหวัดระยองแล้วจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัย การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาสุขภาพอนามัยของประชาชนและชุมชน การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบพิเศษ รวมทั้งการมอบหมายให้มีหน่วยงานกลางรับผิดชอบ การแก้ไขปัญหาประชากรแฝงอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 987 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขต ของกรุงเทพมหานครและกรรมการของสภากรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง เงินค่า
เบี้ยประชุมและเงินตอบแทนอื่นของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขตของกรุงเทพมหานคร และกรรม การของสภากรุงเทพมหานคร โดยให้พิจารณาแนวทางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นประกอบด้วย แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
| 988 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การติดตามประเมินผลการพัฒนาประเทศในปีแรกของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การติดตามประเมินผลการพัฒนาประเทศในปีแรกของแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 และรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการ และปรับปรุงแผนบริหารราชการแผ่น ดินให้สอดคล้องกับเป้าหมาย แนวทางพัฒนา และแผนงานในแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 รวมทั้งในกรณีที่มีการ ปรับปรุงครึ่งแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 (Mid Plan Review) โดยเฉพาะแผนงานและโครงการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง กับดัชนีชี้วัดที่ไม่เป็นไปตามแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 หรือต่ำกว่าเป้าหมายของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 และใน การปรับปรุงครึ่งแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 ควรสนับสนุนให้มีหลักประกันสุขภาพตลอดชีวิต เพื่อการยกระดับ ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย 2. ให้ส่วนราชการระดับจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ความสำคัญกับความสอด คล้องกันระหว่างแผนพัฒนาจังหวัดและแผนของ อปท. กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้มากขึ้นเพื่อ ให้เป็นประโยชน์ต่อการบรรลุความสำเร็จของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 ในระดับต่าง ๆ 3. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบการจัดทำแผน พัฒนาระดับภูมิภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาพื้นที่เฉพาะ รวมทั้งแผนพัฒนาที่เป็นนโยบายสำคัญ ของรัฐบาล และให้พิจารณาความเหมาะสมในการปรับปรุงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน โดย เพิ่มเติมบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำนโยบายของรัฐบาล การแถลงนโยบายและผลงานของรัฐบาลต่อรัฐสภาต้อง แสดงความสอดคล้องระหว่างนโยบายของรัฐบาลกับวิสัยทัศน์และแนวคิดในการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 989 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน | มท | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณชดเชยค่าใช้น้ำประปาที่อยู่อาศัยของระบบประปาเทศ
บาลที่ดำเนินการไปแล้ว ในระหว่างเดือนตุลาคม 2551 ถึงเดือนมีนาคม 2552 ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เป็นเงิน รวม 311,751,016.37 บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณชดเชยดังกล่าว ให้ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) ประสานรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนิน การตามกระบวนการงบประมาณและระยะเวลาตามความเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 990 | สรุปผลการประเมินองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 | นร | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการประเมินองค์การมหาชนและข้อเสนอการปรับปรุงองค์การมหาชน ตามมติคณะกรรม การพัฒนาระบบราชการ ครั้งที่ 5/2552 วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยมอบหมาย ให้ ก.พ.ร. รับข้อเสนอการปรับปรุงเกี่ยวกับการเร่งแก้ไขพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติการของหน่วยงานรูปแบบองค์การมหาชนให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ไปดำเนินการต่อไป และมอบหมาย ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดตั้งขององค์การมหาชน 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (สอซช.) รับข้อเสนอการปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการองค์การมหาชนแต่ละแห่ง ต่อไป 2. ส่วนองค์การมหาชน (กลุ่มที่ 3) อีก 3 แห่ง ได้แก่ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) และองค์การบริหารการพัฒนาพื้น ที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 กรณี สคพ. และ สพพ. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่าง ประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกันเพื่อบูรณาการ องค์การมหาชนทั้งสองแห่ง และกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการองค์การมหาชนดังกล่าวให้เหมาะสม 2.2 กรณี อพท. มอบหมายผู้บริหาร อพท. หารือการปรับปรุงองค์กรในรายละเอียดร่วมกับ ก.พ.ร. และเสนอให้คณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีที่ ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน) เป็นประธานคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณาด้วยเพื่อกำหนดแนว ทางการบริหารและพัฒนา อพท. ให้สามารถดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีผลเป็นรูป ธรรมมากยิ่งขึ้น 3. ให้ ก.พ.ร. และผู้เกี่ยวข้องตามข้อ 1. และข้อ 2. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 991 | ขออนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบแผนการลงทุนสำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ประเภทที่ 1 ภายใต้ระบบ e-Budgeting SP วงเงิน 1,063,659 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ รัฐบาลรับภาระการลงทุน จำนวน 824,162 ล้านบาท และโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่รัฐวิสาหกิจรับภาระการ ลงทุนเอง จำนวน 239,497 ล้านบาท 1.2 อนุมัติกรอบการจัดสรรวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและ เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 200,000 ล้านบาท สำหรับโครงการลงทุนของรัฐบาลและ รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลรับภาระการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2552 ประเภทที่ 1 1.3 เห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนความเหมาะสมกรอบวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ ที่จะใช้สมทบเงินคงคลังเพื่อนำมาสนับสนุนโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ในวงเงิน 100,000 ล้านบาท 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไป พิจารณาด้วยว่า การพิจารณาโครงการที่จะบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติ ฯ ควรมีความชัดเจนของหน่วยงานรับผิดชอบโครง การ และพิจารณาความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 3. ให้ทุกกระทรวงรับไปพิจารณาทบทวน และเสนอเพิ่มเติมโครงการตามแผนปฏิบัติการ ฯ ว่าโครงการใด มีความพร้อม และประสงค์ที่จะรับการจัดสรรเงินกู้จากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและ เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 หรือร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจ พ.ศ. .... แจ้งให้กระทรวงการคลังทราบภายใน 2 สัปดาห์ 4. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดสรรเงิน จำนวน 23,000 ล้านบาท จากเงินกู้ตาม พระราชกำหนด ฯ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป) ทั้งนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผน ฯ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 992 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 11/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ....
ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอเป็นหลัก และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้อง ถิ่น พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาใช้ประกอบการตรวจพิจารณาต่อ ไป แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติ ฯ ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมี หลักการทำนองเดียวกับร่างพระราชบัญญัติ ฯ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยผ่านกระบวนการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียแล้ว ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการเมื่อวัน ที่ 16 มิถุนายน 2552 ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
| 993 | ซักซ้อมแนวทางการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินกรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะ | มท | 11/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่องการซักซ้อมแนวทางการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินกรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะ
โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงองค์กรปครองส่วนท้องถิ่นในการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินกรณีตู้โทรศัพท์ สาธารณะ โดยถือปฏิบัติตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 และที่แก้ไขเพิ่ม เติม และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีของทรัพย์สิน ดังนี้ 1. กรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะที่มีค่าเช่า ให้นำค่าเช่ามาประเมินเป็นค่ารายปี 2. กรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ไม่สามารถหาค่าเช่าได้ ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้ 2.1 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรสำหรับตู้โทรศัพท์ สาธารณะแยกตามทำเลที่ตั้งซึ่งมีความเจริญทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.2 การหาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร ให้ใช้หลักการเทียบเคียงกับค่าเช่าจริงของทรัพย์ สินประเภทอาคาร หรือค่าเช่าแผงลอยในเขตพื้นที่ใกล้เคียงแต่ละทำเลที่ตั้งหรือเทียบเคียงกับอัตราค่าเช่าของอาคาร อาคารลักษณะพิเศษ หรือแผงลอยที่กรมธนารักษ์กำหนด 3. การประเมินค่ารายปีตู้โทรศัพท์สาธารณะไม่ควรสูงกว่าค่ารายปีที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บในอัตราค่า เช่าสูงสุด 250 บาทต่อตู้ต่อเดือน
|
||||||||||||||||||||||||
| 994 | ร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552 - 2556 | ทก | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบต่อร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของภาครัฐที่จะส่ง เสริมและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการ บริหารและบริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง สร้างโอกาส และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทค โนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร พัฒนาบุคลากรด้าน ICT และบุคคลทั่วไปให้มีความรู้ ความสามารถในการสร้าง สรรค์ ผลิต และใช้ ICT อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม วิจารณญาณและรู้เท่ากัน ตลอดจนส่งเสริมการวิจัยและการ พัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขันของประเทศ 1.2 ให้ทุกกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด ทำและ/หรือปรับแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของหน่วยงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) 1.3 ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนัก งานปลัดกระทรวง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (กทสช.) รับผิดชอบ การดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และเป็นหน่วยงานประสานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผน ปฏิบัติการ และแผนงบประมาณรองรับแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) รวมถึงการติดตามประเมินผลเพื่อให้เกิดผลที่ เป็นรูปธรรมต่อไป 1.4 ให้หน่วยงานกลางซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากร และการบริหารจัดการภาครัฐ ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบ ราชการ นำแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) มาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ ปรับปรุงโครงสร้าง รวมทั้งจัด สรรทรัพยากรทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาของ แผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552-2556 ต่อไป 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวง การคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการพัฒนากลไกการบริหารจัดการแผนให้มีประสิทธิ ภาพ เกิดบูรณาการ และหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนในการลงทุน และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาค รัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และสร้างความเข้าใจและสนับสนุนบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดย เฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งให้ความสำคัญในการติดตามประเมินผลและพัฒนาตัวชี้วัดทั้งในเชิง ปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อให้สามารถสะท้อนผลสัมฤทธิ์ของแผน ฯ ได้อย่างเป็นรูปธรรม และให้นำความ เห็นของคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ (กทสช.) เกี่ยวกับการนำแผนไปสู่การ ปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาบุคลากร เป็นต้น ไป ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยให้คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้ม ค่าและประหยัด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 995 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | นร | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ 4
สิงหาคม 2552 โดยให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามความเห็นคณะกรรม การประสานงานด้านนิติบัญญัติ ดังนี้ 1. แก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติ ฯ ในบรรทัดที่ 5 ให้ตัดคำว่า "และ" ออก และเติมข้อความ "และ สาขาอื่น ๆ" หลังคำว่า "สาธารณสุข" และในบรรทัดที่ 8 ให้เติมข้อความ "รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" หลังคำว่า "ชุมชน" 2. แก้ไขร่างมาตรา 75 โดยตัดคำว่า "ประธานสภากรุงเทพมหานคร" ออกตามสรุปผลการประชุม ฯ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 996 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 15
กรกฎาคม 2552 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการศึกษา สำรวจ ออกแบบโครงการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 รวมทั้งให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการสำรวจและพัฒนา แหล่งน้ำบาดาลตามที่ได้เสนอของบประมาณภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP 2) รอบที่ 2 โดยกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถปรับปรุงรายละเอียดให้เหมาะสม และให้เสนอขอแปรญัตติงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 2. ที่ประชุมมีมติเรื่อง การโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในส่วนที่เกี่ยวกับ ระบบ ดังนี้ 2.1 จัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศโดย มีกรมทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ 2.2 จัดทำแผนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศทั้งระบบ ได้แก่ การสำรวจออกแบบ ก่อสร้าง การปรับปรุงซ่อมแซม ดูแล และบำรุงรักษา รวมทั้งการบริหารจัดการ โดยให้กรม ทรัพยากรน้ำเสนอของบประมาณดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.3 ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ท้องถิ่นในการจัดหาแหล่งน้ำในพื้นที่หา น้ำยาก โดยพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลและจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน 2.4 ให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ เสนอเรื่องขอทบทวนการถ่ายโอนภารกิจที่เกี่ยวกับการก่อสร้างและปรับปรุง ซ่อมแซมระบบประปาให้คณะกรรมการกระจายอำนาจ ฯ พิจารณา ในกรณีที่ อปท. ไม่สามารถดำเนินการได้หรือ ดำเนินการได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพ ให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการแทน
|
||||||||||||||||||||||||
| 997 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การรับมือสิ่งท้าทายอุบัติใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทยในอนาคต | สสป | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีต่อความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การรับมือสิ่งท้าทายอุบัติใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทยในอนาคต โดยจะต้องดำเนินการใน ๓ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์การสร้างคนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์การสร้างฐานข้อมูลและระบบเตือนภัยที่เชื่อถือได้ มีความเป็นเอกภาพและรวดเร็วทันเหตุการณ์ และจัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ซึ่งที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นต่อข้อเสนอแนะดังกล่าว สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ควรมีหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ในการจัดทำยุทธศาสตร์ วางแผน และประสานงานกับภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประเทศและระดับสากล และมีการจัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนงานทั้งในระดับชาติและระดับจังหวัด เพื่อให้ยุทธศาสตร์การรับมือกับสิ่งท้าทายอุบัติใหม่ที่จัดทำขึ้นสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ๑.๒ ควรส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นนโยบายเร่งด่วน ดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการบูรณาการร่วมกัน โดยมีการศึกษาวิเคราะห์และจัดลำดับโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ๑.๓ การพัฒนาด้านความมั่นคงทางด้านอาหารและพลังงาน ควรจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ที่มีแผนปฏิบัติการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่ชัดเจน สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม การศึกษาวิจัยและเก็บข้อมูลในทุก ๆ ด้านที่เกี่ยวข้องต้องมีความสอดคล้องกับความเป็นจริงและสามารถรับมือสถานการณ์ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางนโยบายพันธุวิศวกรรมและความปลอดภัยทางชีวภาพของประเทศควรอยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ของประเทศไทย และบูรณาการองค์ความรู้ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมการศึกษาวิจัยทางเทคโนโลยีชีวภาพอย่างจริงจัง และเตรียมความพร้อมทางด้านกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อเข้าเป็นภาคี Cartagena Protocol นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์และแนวทางการรับมือด้านการเกษตรควรคำนึงถึงแรงงานในวัยทำงาน ของภาคเกษตรมีแนวโน้มลดลง การจัดหาสวัสดิการทางสังคมแก่เกษตรกร ๑.๔ ให้มีหน่วยงานคลังสมอง (Think Tank) ของประเทศที่ปฏิบัติหน้าที่รองรับความท้าทาย โดยเน้นในเรื่องของการค้าและการส่งออกสินค้า นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญ ซอฟต์แวร์ และการพัฒนาโครงการต่าง ๆ รวมทั้งควรส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาในประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ๑.๕ การมีส่วนร่วมขององค์กรระดับท้องถิ่นและภาคประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นกลไกหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ตลอดจนแผนงานและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือกับสิ่งท้ายทายอุบัติใหม่ให้ดำเนินไปได้อย่างสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม โดยจะต้องสร้างความเข้าใจ ความตระหนักรู้ถึงปัญหา และเร่งส่งเสริมให้เกิดการประสานความร่วมมือภายในชุมชนในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ๑.๖ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรับมือกับสิ่งท้าทายอุบัติใหม่ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะในการเรียนรู้และการคิดเชิงวิเคราะห์ การปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะ และการสร้างเครือข่ายทางสังคมทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในทุกระดับในการรับมือกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและกระแสโลกาภิวัฒน์ที่กำลังเกิดขึ้นและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ๒. ให้สภาที่ปรึกษาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอและความเห็นของที่ประชุมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่หน่วยงานประสานการดำเนินงานและติดตามความก้าวหน้า |
||||||||||||||||||||||||
| 998 | การควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ขนิดเอ (เอช1 เอ็น1) | นร | 21/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบ
คุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ในทุกจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการ จังหวัดเป็นประธาน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการ ดำเนินการติด ตาม วิเคราะห์สถานการณ์ของโรค วางแผนปฏิบัติการควบคุมป้องกันการระบาดของโรค และมีกลไกในการติดตาม กำกับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดจากส่วนกลาง และที่กำหนดขึ้นในพื้นที่ และรายงาน สถานการณ์และผลการปฏิบัติงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งติดตามผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ทุกราย และให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอความร่วม มือในการผลิตหน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าเพื่อความประหยัดและลดปริมาณขยะจากหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วซึ่งทำ จากกระดาษ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 999 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 21/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ
จัดตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานครขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อให้มีการศึกษา ส่งเสริมวิชาการ การวิจัย และวิชาชีพชั้นสูง พัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยเน้นทางด้านเวชศาสตร์เขตเมือง และพัฒนา องค์ความรู้ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่นและพัฒนามหานคร ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1000 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2551 | นร | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรายงานการพัฒนาระบบราชการไทย พ.ศ. 2551 โดยสาระใน รายงาน ฯ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ภาพรวมของระบบราชการ ส่วนที่ 2 ความก้าวหน้าของการพัฒนา ระบบราชการไทย และส่วนที่ 3 ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปี พ.ศ. 2551 และให้เสนอสภาผู้ แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป 2. เนื่องจากปัจจุบันหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารและกำลังคนภาครัฐในฝ่ายพลเรือนมีหลาก หลายรูปแบบและประเภท รวมทั้งหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการตามมาตรการจำกัดขนาดกำลังคนภาครัฐ และได้ มีการถ่ายโอนภารกิจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาระยะหนึ่งแล้ว สมควรที่จะได้มีการพิจารณาทบทวนการจัด ประเภทและขนาดของกำลังคนภาครัฐในฝ่ายพลเรือน โดยให้พิจารณาภารกิจของรัฐในฝ่ายบริหารเป็นหลัก และให้ นำข้อสังเกต ตลอดจนข้อร้องเรียนจากหลายฝ่ายมาพิจารณาประกอบ เช่น ข้อสังเกตที่ว่า ส่วนราชการต่าง ๆ มัก ไม่บรรจุข้าราชการพลเรือนในระดับปฏิบัติการเพราะต้องการเก็บอัตราไว้ยุบรวมเพื่อกำหนดตำแหน่งให้สูงขึ้นทำให้ โครงสร้างบุคลากรเบี่ยงเบนไป โดยจะมีตำแหน่งระดับสูงมากขึ้น ขณะที่ระดับปฏิบัติการลดลงเรื่อย ๆ มีการจ้าง งานรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในภารกิจของรัฐที่ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อทดแทนอัตรากำลังที่ถูกยุบรวม หรือยก เลิก ทั้ง ๆ ที่การจ้างงานในบางลักษณะเหมาะสมเฉพาะภารกิจที่มีระยะเวลาการปฏิบัติอย่างชัดเจน การจ้างงาน อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดปัญหาข้อเรียกร้องและขวัญกำลังใจในด้านความมั่นคง ความเหลื่อมล้ำของสิทธิประโยชน์และ ค่าตอบแทน เกิดปัญหาข้อเรียกร้องถึงการขาดแคลนกำลังคนในส่วนราชการหลายแห่ง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขทั้งในด้านจำนวนและสาขาวิชา จึงมอบให้สำนักงาน ก.พ. รับไปพิจารณาในภาพรวมร่วม กับคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) และ ก.พ.ร. ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
.....
