ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 24 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 461 - 480 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 461 | ขออนุมัติหลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง K (Price Adjustment) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ | คค | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง K (Price Adjustment) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การคำนวณค่า K งานก่อสร้างสัญญาที่ ๓ และ ๔ งานก่อสร้างตามแบบรายละเอียดงานโยธาได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ส่วนสัญญาที่ ๑ และ ๒ งานออกแบบรายละเอียดและก่อสร้างงานโยธา (Design and Build) เป็นการจ้างออกแบบและก่อสร้างโดยผู้รับจ้างรายเดียวกัน ผู้รับจ้างเสนอราคาค่าก่อสร้างเป็นราคาเหมารวม (Lump Sum) ไม่มีรายการแสดงปริมาณวัสดุและราคา (Bill of Quantities : B.O.Q) ที่ชัดเจน ไม่สามารถนำสัญญาแบบปรับราคาได้มาใช้ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง) แต่เนื่องจากเป็นข้อผูกพันตามสัญญาที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ลงนามกับผู้รับจ้างแล้ว จึงเห็นควรอนุมัติเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การคำนวณค่า K ได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาและวินิจฉัยการคำนวณเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างตามเงื่อนไขของสัญญาดังกล่าว และหากการจ่ายเงินเพิ่มค่างานก่อสร้างดังกล่าวทำให้เกินกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก็ให้ถือว่าได้รับอนุมัติขยายกรอบวงเงินโครงการจากคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ด้วย ส่วนการจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมเพื่อเบิกจ่ายค่า K ให้แก่ผู้รับจ้างให้ใช้จ่ายจากเงินสำรองจ่าย (Provisional Sum) ของแต่ละสัญญา หรือจ่ายตามแหล่งที่มาของเงินค่าก่อสร้าง หรือที่สำนักงบประมาณวินิจฉัยแล้วแต่กรณี โดยให้ รฟม. ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง สำหรับสัญญาที่ ๕ งานออกแบบจัดซื้อ ทดสอบและประกอบงานระบบราง หากมิใช่งานก่อสร้างก็ไม่สมควรนำเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การคำนวณค่า K มาใช้ ในชั้นนี้ เห็นสมควรที่กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. จะพิจารณาแก้ไขสัญญาที่ ๕ ตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้สัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐ จะต้องถือปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ ซึ่งกำหนดให้ใช้กับงานจ้างก่อสร้างเท่านั้น กรณีสัญญาใดที่ไม่เกี่ยวกับงานจ้างก่อสร้างก็ไม่อยู่ในข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ที่จะใช้สัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) และในกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่าการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนทางราง ซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และมีรายละเอียดของปริมาณงานจำนวนมาก และมีขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานการก่อสร้างที่อาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขระยะเวลาในการเรียกร้องขอเพิ่มวงเงินชดเชยค่างานก่อสร้างค่า K ได้นั้น เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ระยะเวลาการเรียกร้องขอเพิ่มเงินชดเชยค่างานก่อสร้างค่า K สำหรับสัญญาก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางเป็นกรณีเฉพาะและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างค่า K (Price Adjustment) รวมทั้งข้อกำหนดต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ อย่างเคร่งครัด ๔.ให้สำนักงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมของเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ ดังกล่าว ให้สอดคล้องกับหลักสากล รวมทั้งลักษณะและวิธีการดำเนินโครงการลงทุนภาครัฐในปัจจุบัน |
|||||||||||||||||||||
| 462 | ร่างพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยของราชการส่วนท้องถิ่น และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม สอดคล้องกับการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของกระทรวงมหาดไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยที่ยังไม่ได้กำหนดไว้ และให้กระทรวงมหาดไทยสามารถเสนอขอตั้งงบประมาณด้านการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยในส่วนขององค์กรปกครองาส่วนท้องถิ่นได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดบทนิยามในการจัดทำแผนงานโครงการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยให้ครอบคลุมและชัดเจนว่าให้หมายรวมถึงการจัดทำแผนฯ ในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ ทั้งการเก็บ ขนและกำจัด และครอบคลุมถึงขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิดประเภทชุมชนทุกประเภท ซึ่งควรรวมถึงมูลฝอยติดเชื้อและมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนด้วย การให้กระทรวงสาธารณสุขยังคงเป็นผู้ควบคุมดูแลในเรื่องการกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลเช่นเดิม และข้อสังเกตในส่วนของ บทบัญญัติในมาตรา ๓๔/๑ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติฯ ไม่บัญญัติให้ยกเว้นการใช้บังคับกับการจัดการของเสียไม่อันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน อาจทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่ซ้ำซ้อนกันเป็นภาระแก่ประชาชนที่อยู่ในบังคับกฎหมายดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 463 | การลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | กค | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้การลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในช่วงระยะเวลา ๕ ปีแรกของการเปิดดำเนินการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔ เป็นไปตามกรอบบันทึกข้อตกลง เรื่อง การเสียภาษีของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ ที่ตกลงให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินให้แก่ อปท. เหมาจ่ายปีละ ๓๐ ล้านบาท โดยอาศัยอำนาจตามนัยมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๔ ๑.๒ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ คิดเป็นค่ารายปีจำนวนเงิน ๑๐๕,๑๘๒,๒๖๗.๔๔ บาท (คำนวณจากค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจำนวนเงิน ๑๓,๑๔๗,๗๘๓.๔๓ บาท) โดยอาศัยอำนาจตามนัยมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๔ ๑.๓ ให้การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับอาคารทั้ง ๕ กิจกรรมของบริษัท การบินไทยฯ ตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป เป็นไปตามที่ข้อกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินกำหนด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งนำหลักการการลดหย่อนค่ารายปีของบริษัท การบินไทยฯ ไปพิจารณาร่วมด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ความเสมอภาค และลดข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)] |
|||||||||||||||||||||
| 464 | การเตรียมความพร้อมแก่กำลังแรงงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน | รง | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่าง ๆ ที่จัดให้มีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาดำเนินการให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาตอนปลายทุกคนได้รับการแนะแนวการศึกษาและอาชีพก่อนสำเร็จการศึกษาตามกระบวนการแนะแนวครบถ้วนทุกขั้นตอน โดยกระทรวงแรงงานให้การสนับสนุนแบบทดสอบศักยภาพต่าง ๆ และการประมวลการทดสอบในระบบออนไลน์ (online) แก่นักเรียนและสนับสนุนข้อมูลอาชีพและข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางของตลาดแรงงานแก่เครือข่ายครูแนะแนวของสถานศึกษา ๒. กำหนดให้การแนะแนวการศึกษาและอาชีพแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นเป้าหมายและตัวชี้วัดผลการดำเนินงานประจำปีของสถานศึกษาด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 465 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ (ส่วนราชการ มหาวิทยาลัยของรัฐ จังหวัด กลุ่มจังหวัด หน่วยงานอิสระ องค์การมหาชน และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ) กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะ ๑.๒.๑ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับ ดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากรายงานการเงินเป็นรายงานที่แสดงข้อมูลฐานะทางการเงินและการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานภาครัฐที่หัวหน้าส่วนราชการจะต้องรับผิดชอบในการจัดทำและส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ให้ทันภายในเวลาที่กำหนด เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนและรวดเร็ว ในอันที่จะช่วยให้รัฐบาลได้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายและการบริหารด้านการคลังให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ยังคงมีหน่วยงานภาครัฐ และ อปท. ที่ไม่ได้ส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ภายใน ๖๐ วัน นับจากวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีหรือภายใน ๙๐ วัน (สำหรับ อปท.) จำนวน ๒๒๙ หน่วยงาน ๑.๒.๒ กองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่มีเงินที่ปลอดภาระผูกพันจำนวนมาก ควรพิจารณาให้มีการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เต็มศักยภาพเป็นลำดับแรกก่อนที่จะขอใช้งบประมาณแผ่นดินเพิ่มเติม ๑.๒.๓ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการกำกับดูแลการปกครองท้องถิ่น ผลักดันให้ อปท. กู้ยืมเงินจากเงินฝากกองทุนในกลุ่ม อปท. เช่น เงินฝากเงินทุนส่งเสริมกิจการองค์การบริหารส่วนจังหวัด เงินฝากเงินทุนส่งเสริมกิจการเทศบาล ซึ่งเป็นกองทุนเงินสะสมของกลุ่ม อปท. มากกว่ากู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้กลุ่ม อปท. ได้รับผลประโยชน์รายได้ดอกเบี้ยการกู้ยืมดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง โดยในส่วนของหน่วยงานที่ไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด ต้องรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบเพื่อประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับการบริหารการเงินของ อปท. เห็นควรให้ อปท. ที่มีเงินสะสมจำนวนมากและไม่มีภาระผูกพัน พิจารณานำเงินดังกล่าวมาดำเนินการตามภารกิจและขั้นตอนของกฎหมายของ อปท. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ส่วน อปท. ที่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาดำเนินภารกิจตามกฎหมายจะต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นและประหยัดต้นทุนทางการเงินให้มากที่สุด โดยเห็นควรให้กู้ยืมเงินจากเงินฝากจากกองทุนในกลุ่ม อปท. เพื่อให้กลุ่ม อปท. ได้รับผลประโยชน์รายได้ดอกเบี้ยการกู้ยืมดังกล่าว รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการบริหารจัดการการเงินของท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ กระทรวงการคลังควรพิจารณาปรับปรุงลักษณะการวิเคราะห์ให้สามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และความเสี่ยงทางการคลังของภาครัฐในภาพรวม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการเงินการคลังภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 466 | แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2556) (ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงมหาดไทย รวม 3 ฉบับ) | มท | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับดังกล่าวเพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการกำหนดให้มีศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตขึ้นในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการข่าว กระทรวงมหาดไทย ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... เป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการจัดตั้งกองทุนยุทธศาสตร์และแผนงานเป็นส่วนราชการภายในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รวมทั้งจัดตั้งกองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่นเป็นส่วนราชการภายในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และเปลี่ยนชื่อสำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่นเป็นกองพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่น และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
| 467 | รายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สว | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน การบริหารกิจการที่รัฐมีรายได้ และการบริหารจัดการทรัพย์สินของแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวกับบทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานและข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 468 | ของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนของกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. การให้บริการงานยุติธรรมผ่านเทคโนโลยี (๖ โครงการ) ได้แก่ ๑.๑ Application ติดตามคนสูญหาย ช่วยตามหาพาคนกลับบ้าน ๑.๒ Application ติดตามเรื่องร้องทุกข์ และผลความคืบหน้าของคดีพิเศษ ๑.๓ Application ตรวจสอบแนวเขตที่ดินเพื่อป้องกันตนเองมิให้บุกรุกที่ดินของรัฐ ๑.๔ Application ค้นหาทรัพย์สินขายทอดตลาดที่เป็นห้องชุดใกล้แนวเขตรถไฟฟ้า ๑.๕ ส่งคำสั่งซื้อทรัพย์สินในการขายทอดตลาดผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ๑.๖ บริการญาติเยี่ยมเด็กหรือเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรม และสถานพินิจทั่วประเทศผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ ๒. การให้บริการช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงความยุติธรรม (๑ โครงการ) ได้แก่ เรือนจำแจ้ง-รับคำขอรับค่าทดแทนสำหรับผู้ที่ถูกคุมขังแล้วศาลยกฟ้อง ๓. การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดไม่ให้กระทำผิดซ้ำ (๓ โครงการ) ได้แก่ ๓.๑ เปิดบ้านกึ่งวิถี เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ให้อาชีพ แก่ผู้กระทำผิดและผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดครบทุกจังหวัด ๓.๒ เปิดทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรม (เขาพริก) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ต้องขังและประชาชน ๓.๓ มอบทุนการประกอบอาชีพและจัดหางานแก่ผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ๔. การป้องกันและปราบปรามการทุจริต (๑ โครงการ) ได้แก่ การป้องกันการทุจริตงานโยธาก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
| 469 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ย่านเก่ากับการปกป้องคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน | สม | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ย่านเก่ากับการปกป้องคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ควรให้มีการตรากฎหมายขึ้นมากำกับดูแลย่านเก่าโดยเฉพาะอย่างเป็นระบบ ได้แก่ หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการกำหนดขอบเขตย่านเก่าในเชิงพื้นที่ (Heritage Site) หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการขึ้นบัญชีย่านเก่า การกำหนดกลไกและหน่วยงานในการบริหาร เช่น การซ่อมแซม รื้อถอน การใช้ประโยชน์ การพิจารณารูปแบบของสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ เป็นต้น รวมทั้งมีการกระจายอำนาจให้ราชการส่วนท้องถิ่น การมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณสำหรับดำเนินการอย่างเพียงพอ และมาตรการจูงใจเพื่อการปกป้อง คุ้มครอง หรืออนุรักษ์ย่านเก่า ๑.๒ ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลย่านเก่าโดยเฉพาะ ให้นำกฎหมายต่าง ๆ ที่มีอยู่มาใช้บังคับไปพลางก่อน หรือปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้รองรับวัตถุประสงค์ ได้แก่ การสำรวจย่านเก่าที่สำคัญและมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบจากการพัฒนาพื้นที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ย่านเก่า เช่น มาตรการทางภาษีอสังหาริมทรัพย์ มาตรการการชดเชยสิทธิที่เสียไปจากการอนุรักษ์ย่านเก่า การโอนสิทธิในการพัฒนาพื้นที่ และการลดภาษีเงินได้ของบุคคลหรือนิติบุคคล เป็นต้น ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 470 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) | นร12 | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงาน ก.พ.ร. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. การกำหนดบทบาทภารกิจ ขอบเขตอำนาจหน้าที่ และโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมชัดเจน ต้องพิจารณาระดับของงานในภารกิจนั้น ๆ ว่า ส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาคควรรับผิดชอบงานลักษณะใดและระดับใด เนื่องจากยังคงมีบางภารกิจที่จำเป็นต้องร่วมกันดำเนินการอยู่ของส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ๒. การพัฒนากลไกเครื่องมือ ระบบการบริหารงาน และการกระจายอำนาจ ปัจจุบันมีกลไกการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ปรากฏอยู่ในกฎหมายหลายฉบับ หากจะพัฒนาปรับปรุงการบูรณาการต่าง ๆ ก็อาจแก้ไขกฎหมายเดิมที่มีอยู่ก่อน แต่หากมีข้อบกพร่องหรือปัญหาต่าง ๆ อยู่ จึงค่อยพิจารณาถึงการยกร่างกฎหมายใหม่ ๓. การพัฒนาระบบงบประมาณ การบริหารงานบุคคล และเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการพัฒนาปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ได้แก่ การปรับปรุงเทคนิคและวิธีการจัดทำงบประมาณ การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การแต่งตั้งคณะกรรมการและจัดทำกฎเกี่ยวกับการปฏิรูประบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||
| 471 | รายงานผลการพิจารณาตามรายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผลการพิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ การแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การปรับขนาดและจำนวนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การปรับปรุงฐานภาษีเดิมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการจัดเก็บรายได้และขยายฐานรายได้ให้มากขึ้น และการกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นมาตรฐาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 472 | ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขออนุมัติลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ตามนัยมาตรา ๓๑ วรรคสาม ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป โดยให้เป็นไปตามกรอบบันทึกข้อตกลงเรื่อง การเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยขอให้องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปรือคืนภาษีตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ จำนวน ๓๔๗,๘๘๒,๓๔๑.๙๐ แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำผลการหารือที่ได้ข้อยุติแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
|
|||||||||||||||||||||
| 473 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2575) | นร11 | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี ๒๕๗๕) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควรพิจารณาให้ครอบคลุมมิติอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมการลงทุน การวิเคราะห์เชิงลึกในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจรายสาขา การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ และมีการกำหนดตัวชี้วัดที่เหมาะสม เป็นมาตรฐานสากลและสามารถเปรียบเทียบระดับการพัฒนากับต่างประเทศได้ ๒. สถาบันยุทธศาสตร์ชาติควรมีพันธกิจครอบคลุมการเสนอแนะแนวทางแก่หน่วยงานรับผิดชอบในการนำแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจลงสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและลดความซ้ำซ้อน รวมทั้งสถาบันยุทธศาสตร์ชาติควรเป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองและระบบราชการ ๓. การจัดตั้งสถาบันวิเคราะห์งบประมาณประจำสภาควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันพระปกเกล้า และควรสนับสนุนให้มีสถาบันในลักษณะเดียวกันกับสถาบันวิเคราะห์งบประมาณประจำสภาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถวิเคราะห์ ประเมิน และติดตามระบบการคลังของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับของประเทศได้ ๔. การปฏิรูปภาคการเกษตรควรให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งเสริมให้เกษตรกรประกอบอาชีพและดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนากลไกในการขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสม รวมถึงควรมีการจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรให้มีหลายระดับเพื่อรองรับการเข้าสู่มาตรฐานการผลิตเกษตรกรรายย่อยหรือแบบยังชีพ และเกษตรกรที่มีศักยภาพการผลิตเชิงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
| 474 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกำกับดูแลและการตรวจสอบการตั้งงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการกำหนดกระบวนการเตรียมบุคคลที่จะเข้ามาสู่การเมืองท้องถิ่นหลังจากได้รับการเลือกตั้งแล้ว เรื่องที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ การมีระบบการทำงานร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานครกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดปริมณฑล การส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดบริการสาธารณะในหลายรูปแบบ และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเรื่องที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เช่น ระบบโครงสร้างการบริหารและการกำกับดูแล ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การส่งเสริมการถ่ายโอนภารกิจตามกฎหมาย ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ยกร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... เพื่อให้ระบบการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 475 | การสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ แห่ง ปรับลดเงินสมทบงบประมาณจากร้อยละ ๑๐ เหลือร้อยละ ๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชนภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยผ่านกลไกคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 476 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติงาน การติดตามและเร่งรัดการดำเนินการ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ถือปฏิบัติเกี่ยวกับ เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติงานการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ผ่านกลไก “ประชารัฐ” ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ดำเนินการบนหลักการการทำงานเชิงรุก โดยให้ผู้ปฏิบัติทุกระดับในสังกัดเข้าใจปัญหาที่แท้จริงและลงพื้นที่เป็นระยะเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในการดำเนินการของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาและการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งต้องติดตาม ประเมินผล และรายงานความก้าวหน้าในการทำงานเป็นระยะ เช่น การแก้ไขปัญหาโรงงานขยะที่ตำบลทุ่งบัว อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหา ๒. การบูรณาการการทำงานทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ผ่านกลไก “ประชารัฐ” ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ดำเนินการบนหลักการความมีเอกภาพ โดยการดำเนินการหรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะต้องมีการประสานงานเพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้มีความชัดเจนเพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และการบังคับใช้กฎหมายต้องมีการบูรณาการ มิใช่ต่างคนต่างถือกฎหมายของตนเองเป็นหลัก เช่น ๒.๑ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ การตรวจสอบรถที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ๒.๒ การตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยของเสียสู่ชุมชนและแหล่งน้ำ และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การเร่งรัดการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย ให้กระทรวงอุตสาหกรรมบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ โดยประเด็นสำคัญที่ควรใช้ประกอบการประเมิน เช่น การมีวิสัยทัศน์ การทำงานเชิงรุก ประสิทธิภาพทั้งงานตามพันธกิจ และการขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ความพึงพอใจของประชาชน ผลงานที่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อส่วนรวมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งความประพฤติตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประกอบการประเมินผลในเดือนเมษายน ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
| 477 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2557 | นร09 | 01/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยมีผลงานในรอบปีสรุปได้ ดังนี้
๑. ให้คำแนะนำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยตอบข้อหารือแก่หน่วยงานของรัฐ ๒. การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง โดยได้จัดฝึกอบรมข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเป็นวิทยากรออกไปเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามที่หน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ร้องขอทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ไว้ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และประชาชนที่ต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๓. ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดำเนินกระบวนการใด ๆ ทางปกครอง (โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ) ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ของตน รวมทั้งการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในสาระสำคัญของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองอันเกี่ยวกับสิทธิของตน และฐานข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายปกครองและกฎหมายมหาชนยังขาดแคลน
|
|||||||||||||||||||||
| 478 | การแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน | เวียน | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน รวม ๖ คณะ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา ๑.๒ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การลงทุนภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน ๑.๓ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ๑.๔ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านสาธารณสุข ๑.๕ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ๑.๖ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นรองประธานกรรมการแต่ละคณะพิจารณากำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการฯ วาระการขับเคลื่อนและปฏิรูปฯ แล้วส่งให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อจัดทำคำสั่งเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. มอบหมายให้คณะกรรมการฯ แต่ละคณะใช้แนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๓.๑ ประสานและสนับสนุนการทำงานระหว่างคณะกรรมการฯ ทั้ง ๖ คณะ ๓.๒ ใช้กลไก “ประชารัฐ” ซึ่งประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ การปกครองท้องถิ่น องค์กรส่วนท้องถิ่น พลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) นายอำเภอ องค์กรพัฒนาเอกชน หรือ อพช. (NGOs : Non Governmental Organizations) ภาคเอกชน และประชาชน ในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ๓.๓ ประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อให้สนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการฯ ทั้ง ๖ คณะ โดยเฉพาะสนับสนุนการทำงานในระดับพื้นที่ ๔. มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนและปฏิรูปของคณะกรรมการฯ และการดำเนินการของกลไกประชารัฐที่ขับเคลื่อนในระดับพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||
| 479 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 11(ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31สิงหาคม 2558) | นร | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑๑ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ซึ่งมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ โดยศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ ในห้วงเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณารายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ได้แก่ รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๓ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล การนำเสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามันเป็นเขตมรดกโลก การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... กลไกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี (ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์ สำหรับบ้านและอาคาร) การปฏิรูประบบงบประมาณ ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแผนปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจ/ระบบพรรคการเมือง ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมสนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||
| 480 | การให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย | กค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง การให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย โดยอนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่ประสงค์จะจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยตามที่หน่วยงานจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี โดยวิธีกรณีพิเศษหรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกันตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ทั้งนี้ หากผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรมที่จัดซื้อจัดจ้างมีผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยตั้งแต่ ๒ ราย ขึ้นไป ตามที่หน่วยงานจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการแจ้งผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยทุกรายเข้าเสนอราคา แล้วจัดซื้อจากรายที่เสนอราคาต่ำสุด โดยวิธีกรณีพิเศษหรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกันตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเร่งรัดการตรวจสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่ขอขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อที่สำนักงบประมาณจะได้ดำเนินการจัดทำและประกาศบัญชีนวัตกรรมไทยได้ต่อไป รวมทั้งให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยในหน่วยงานภาครัฐ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
