ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 66 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 1313 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. .... | พม | 14/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. .... และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้นำหลักเรื่องความรวดเร็วในการวินิจฉัยคำร้องการอำนวยความสะดวกในการยื่นคำขอ ไปกำหนดในร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำร้องการพิจารณา และการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ พ.ศ. .... และร่างประกาศกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับการชดเชยและเยียวยาในความเสียหายจากการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ พ.ศ. .... ในส่วนกฎหมายเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศนั้น ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยกำหนดความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
242 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | ยธ | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราเงินสินบนในคดีที่จับได้ผู้ต้องหาและหรือยาเสพติดของกลาง อัตราเงินช่วยเหลือเฉพาะตัวแก่เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติด เพิ่มเติมการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีบาดเจ็บและรักษาตัวไม่เกินยี่สิบวัน หรือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพในภายหลัง ตลอดจนปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของประธานอนุกรรมการ และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการภาคในการพิจารณาจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามระเบียบนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
243 | รายงานผลการประชุม 22nd Intergovernmental Meeting of the Coordinating Body on the Seas of East Asia (COBSEA IGM) | ทส | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระหว่างรัฐบาลของสมาชิกองค์กรสิ่งแวดล้อมทางทะเลของภูมิภาคเอเชียตะวันออก สมัยที่ ๒๒ (22nd Intergovernmental Meeting of the Coordinating Body on the Seas of East Asia : COBSEA IGM) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในหัวข้อ (๑) การรายงานผลการดำเนินกิจกรรมของ COBSEA ระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๑๓-๒๐๑๔ (๒) ประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA (๓) แผนงานและงบประมาณของ COBSEA สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๖ (๔) สถานะปัจจุบันของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งประกอบด้วยโครงการ Implementing the Strategic Action Programme for the South China Sea และโครงการ Establishment and Operation of a Regional System of Fisheries Refugia in the South China Sea and Gulf of Thailand และ (๕) ร่างระเบียบทางการเงิน (Financial rules and procedures for COBSEA) ๒. การพิจารณาประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA ที่ประชุมได้ใช้วิธีการลงคะแนนเสียงลับ โดยผลการลงคะแนนเสียง ครั้งที่ ๑ ประเทศไทยได้รับคะแนนเสียง ๔ คะแนน สาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับคะแนนเสียง ๓ คะแนน และสาธารณรัฐเกาหลีได้รับคะแนนเสียง ๑ คะแนน และเนื่องจากไม่มีประเทศที่ได้รับคะแนนเสียงแบบเด็ดขาด จึงต้องมีการลงคะแนนเสียงครั้งที่ ๒ ซึ่งผลการลงคะแนนเสียงครั้งที่ ๒ ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับคะแนนเสียงเท่ากัน คือ ๔ คะแนน ด้วยการลงคะแนนเสียงที่เท่ากันของทั้ง ๒ ประเทศ จึงจำเป็นต้องให้ประธานการประชุมจับสลากรายชื่อประเทศที่จะได้รับเลือกให้เป็นประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA ซึ่งประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพสำนักเลขาธิการ COBSEA จากผลการจับสลากดังกล่าว ๓. จากการที่ประเทศสมาชิกยังไม่ได้ยืนยันการเพิ่มเงินสนับสนุนครบตามจำนวนที่ได้ตกลงในที่ประชุมระหว่างรัฐบาลของ COBSEA สมัยที่ ๒๑ ประเทศสมาชิกจึงต้องร่วมกันหาแนวทางแก้ไขเพื่อให้ COBSEA มีงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงานที่เพียงพอและมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งต่อไป โดยที่ประชุมขอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาเพิ่มเงินสนับสนุนอย่างน้อยตามจำนวนที่ระบุในมติที่ประชุมระหว่างรัฐบาลของ COBSEA สมัยที่ ๒๑ ๔. ที่ประชุมได้กำหนดจัดประชุม Extra-ordinary Intergovernmental Meeting of COBSEA ครั้งที่ ๒ ประมาณต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และการประชุม 23rd Intergovernmental Meeting of COBSEA ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) จะประสานกับประเทศสมาชิกเพื่อพิจารณารับเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดประชุมทั้งสองรายการดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
244 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | พณ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ถอนความเห็นตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๔/๓๒๓๔ ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะอนุกรรมการพัฒนาการส่งออกซึ่งแต่งตั้งโดยคำสั่งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศตามอำนาจหน้าที่ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๖ ขึ้นเป็นคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้คณะทำงานยุทธศาสตร์การเจรจาการค้าของประเทศที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศที่จัดตั้งตามระเบียบนี้ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
245 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร04 | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ เรียกโดยย่อ “กภช.” ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และมีปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๒ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ กำหนดให้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามระเบียบนี้ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่าอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติในการให้ความเห็นชอบแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวกับการดำเนินการบริหารจัดการระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศของหน่วยงานของรัฐนั้น จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของการขอรับการจัดสรรงบประมาณ กฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
246 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเร่งรัด ติดตามเกี่ยวกับกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเร่งรัด ติดตามเกี่ยวกับกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการเรียกให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมส่งมอบเอกสารหลักฐาน และให้หน่วยงานที่มีกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต รายงานผลการดำเนินการทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่องทุกระยะสี่เดือน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
247 | การปรับปรุงองค์ประกอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2546 (ฉบับที่ 2) (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558) | กร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการในคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยตัดองค์ประกอบของกรรมการ ลำดับที่ ๑๘ “เจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการที่ราชเลขาธิการมอบหมายจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ” ออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
248 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ พ.ศ. .... | ทส | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย กรอบทิศทาง และแนวทาง รวมถึงการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรแก้ไขสาระในร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ได้แก่ คำว่า “สำนักงานฯ” เป็น “สำนักงาน” (ตัดเครื่องหมาย “ฯ” ออก) และ “แหล่งมรดกทางวัฒนธรรม” แก้ไขเป็น “มรดกทางวัฒนธรรม” (ตัด “แหล่ง” ออก) รวมทั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เห็นควรให้แต่งตั้ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” เป็นรองประธานกรรมการเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
249 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ แทนเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
250 | ขออนุมัติโครงการและการกู้เงินสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | กค | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ภายในกรอบวงเงิน ๗๘,๒๙๔.๘๕ ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากร รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของกรมศุลกากร ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ [เรื่อง ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การกำหนดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ตามมาตรา ๔ (๘) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘] พร้อมทั้งให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเคร่งครัดด้วย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินกระบวนการจัดหาพัสดุได้ทันทีหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการ แต่จะลงนามในสัญญาได้ เมื่อได้รับการจัดสรรวงเงินกู้จากสำนักงบประมาณแล้ว ๒. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินตราต่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินบาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศได้ ตามนัยมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และอนุมัติให้จัดสรรเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการตามข้อ ๑ ทั้งนี้ ในการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เห็นควรพิจารณากู้เงินให้สอดคล้องกับแผนการเบิกจ่ายของโครงการโดยนำผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงมาพิจารณาประกอบด้วย รวมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณ (เงินกู้) ตามขั้นตอนดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นมาตรการเร่งรัดให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินโครงการได้โดยเร็ว เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการเป็นไปตามกรอบระยะเวลา และวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ตามความเหมาะสม ๔. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและการจัดหาเงินกู้ การจัดซื้อจัดจ้าง การโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ การจัดหาเงินกู้และการเบิกจ่ายเงินกู้ การติดตาม การประเมินผล และการรายงานผลการดำเนินงาน และการใช้เงินสำรองจ่ายและเงินเหลือจ่าย และให้ส่งร่างระเบียบดังกล่าวให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับภาพรวมของแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางการใช้ประโยชน์จากระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของหน่วยงานราชการให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||
251 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการส่งออก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาการส่งออก) | พณ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการส่งออก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาการส่งออก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
252 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. .... | นร08 | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนแม่บท และมาตรการในการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติมีเอกภาพ มีระบบ และมีความสอดคล้องต่อเนื่องกัน ตลอดจนมีหน่วยงานหลักที่เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการและประสานการปฏิบัติการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ โดยให้แก้ไขชื่อตำแหน่งของอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ในหมวด ๒ คณะอนุกรรมการอำนวยการและประสานการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ ร่างข้อ ๘ วรรคสอง จาก “ผู้อำนวยการส่วนนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร” เป็น “ผู้อำนวยการส่วนงานความมั่นคงพิเศษ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร” ตามข้อสังเกตของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการเป็นลำดับแรก ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
253 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... | ทก | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการเตรียมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ให้ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีทุกท่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๑.๒ ในการพิจารณาหรือดำเนินการเรื่องใดของคณะกรรมการฯ หากเกี่ยวข้องกับกระทรวงหรือหน่วยงานใด ให้มีอำนาจเชิญผู้แทนกระทรวงหรือหน่วยงานนั้นเข้าร่วมชี้แจงด้วย ทั้งนี้ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ จะต้องดำเนินการภายใต้กรอบของข้อกฎหมายและข้อกำหนดขององค์กรอื่นที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มกรรมการจากภาครัฐและภาคเอกชนที่สำคัญ ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสภาหอการค้าไทย เพื่อให้การเตรียมความพร้อมการดำเนินงานด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีความสอดคล้องกับภารกิจทั้งในด้านการดำเนินงานและงบประมาณ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
254 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อย โดยยกเลิกข้อยกเว้นที่เคยให้แก่ชุมนุมสหกรณ์จากเดิมไม่ต้องมีคุณสมบัติเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกและปริมาณอ้อยตามที่ระเบียบกำหนดก็สามารถยื่นขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยได้ เป็นให้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน และแก้ไขระยะเวลาการยื่นขอ และเปิดรับจดทะเบียนจากทุก ๒ ปี เป็น ทุกปี ภายหลังจากสิ้นสุดฤดูการหีบอ้อยของทุกโรงงาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงอุตสาหกรรมไปหารือในเรื่องคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยนั้น ยังมีสหกรณ์ชาวไร่อ้อยอยู่เป็นจำนวนมากที่มีจำนวนสมาชิกน้อยกว่า ๖๐๐ คน ซึ่งหากร่างระเบียบนี้มีผลใช้บังคับจะทำให้สหกรณ์ที่มีสมาชิกน้อยกว่า ๖๐๐ คน ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยได้ จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรื่องการจำหน่ายอ้อยให้แก่โรงงานน้ำตาลได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมาชิกของสหกรณ์ดังกล่าวตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และหากได้ข้อยุติโดยไม่มีการแก้ไขหลักการของร่างระเบียบในเรื่องนี้ ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาทบทวนประเด็นการยกเลิกการรายงานจำนวนพื้นที่ปลูกอ้อยและปริมาณอ้อยของสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยต่อนายทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการอ้อยและน้ำตาลทรายภายในประเทศที่เหมาะสม และควรเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อย รวมทั้งควรกำหนดแนวทางในการสนับสนุนให้สถาบันชาวไร่อ้อยมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกร โรงงานน้ำตาลทราย สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทั้งด้านพันธุ์อ้อย เครื่องจักรกลทางการเกษตร และระบบชลประทาน และเตรียมความพร้อมของเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมในการลดพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมไปปลูกอ้อยโรงงานทดแทน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ แต่หากต้องมีการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยต่างไปจากหลักการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
255 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการ อัยการสูงสุด เป็นกรรมการและเลขานุการ อธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ และรองอธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. ให้คณะกรรมการของสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการยกร่างระเบียบเพื่อรองรับคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสำนักงานอัยการสูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||
256 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดนิยามคำว่า “การบริหารจัดการ” “ที่ดิน” และ “ทรัพยากรดิน” ๑.๒ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า คทช. ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๒ มีกรรมการโดยตำแหน่งอีก ๙ คน และมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน ๑๐ คน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรเอกชนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย โดยมีเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ และข้าราชการในสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวนไม่เกิน ๒ คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๓ กำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ ปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่ต้องไม่เกิน ๒ วาระติดต่อกัน ๑.๔ กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๑.๕ กำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทน รวมทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและคณะอนุกรรมการ ๒. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๕ (เรื่อง นโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดิน และนโยบายเกี่ยวกับการจัดตั้งธนาคารที่ดิน) เฉพาะในส่วนของข้อ ฉ (ที่กำหนดให้การจัดที่ดินซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินการต่อไป แต่ไม่ให้ขยายพื้นที่ดำเนินการ และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำแผนปฏิบัติการ หรือโครงการในการจัดที่ดินที่เหลืออยู่ให้เสร็จสิ้นภายใน ๕ ปี) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
257 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปปรับแก้ไขร่างระเบียบฯ ตามข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างข้อ ๕ เห็นควรเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจด้วย เพื่อให้การพิจารณาดำเนินการของคณะกรรมการครอบคลุมในด้านแรงงานรัฐวิสาหกิจ ๒. ร่างข้อ ๑๑ ในการพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในโครงการที่เกี่ยวกับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ หากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีวงเงินลงทุนสูง และส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างของรัฐวิสาหกิจ เห็นควรให้รับฟังความเห็นจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจด้วย ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ร่างข้อ ๑๒ กรณีการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เห็นควรให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้เสนอรายชื่อกรรมการต่อประธานกรรมการ เนื่องจากการให้รัฐวิสาหกิจเสนอรายชื่อกรรมการไปยังกระทรวงเจ้าสังกัดก่อนเสนอประธานกรรมการนั้น อาจเป็นการลักลั่นได้เนื่องจากจะทำให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้เลือกกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเสียเอง นอกจากนี้ การเสนอรายชื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการดังกล่าวควรยึดโยงกับบทบัญญัติในมาตรา ๑๒/๑ แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติให้ในการแต่งตั้งกรรมการอื่นที่มิใช่กรรมการโดยตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจแห่งใดให้ผู้มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งจากบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการอื่นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๔. ควรเพิ่มหลักเกณฑ์ในเรื่องการมอบอำนาจให้ประธานกรรมการมีอำนาจพิจารณาแทนคณะกรรมการได้เป็นบางเรื่อง เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||
258 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอจัดตั้ง การดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... | สลธ.คสช. | 02/09/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอจัดตั้ง การดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดแนวปฏิบัติในการขอจัดตั้งและการดำเนินงานกองทุนหมุนเวียนเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
259 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการ แก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และ จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สลธ.คสช. | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันการจัดการขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นปัญหาสำคัญของทุกพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน จึงสมควรกำหนดระเบียบการปฏิบัติราชการเพื่อจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศในภาพรวม อย่างไรก็ดี ในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้ามีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ที่มีปัญหาขั้นวิกฤตก่อนรวม ๖ จังหวัด (จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี) จึงสมควรออกระเบียบเพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนในพื้นที่ ๖ จังหวัดดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะ โดยลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการงบประมาณตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... โดยร่างระเบียบฯ ข้อ ๔ วรรคสอง ที่กำหนดให้การจัดสรรงบประมาณตามแผนปฏิบัติการผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นสมควรให้ปรับถ้อยคำเป็น “โดยการขอรับการจัดสรรงบประมาณให้ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน” และร่างระเบียบฯ ข้อ ๕ ที่กำหนดให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณหรือเงินอื่นใดเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ สมควรให้ตัดข้อความ “หรือเงินอื่นใด” ออก เนื่องจากสำนักงบประมาณไม่มีอำนาจในการสนับสนุนเงินอื่นใดที่นอกเหนือจากเงินงบประมาณ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวทางการบูรณาการ การบริหารจัดการเกี่ยวกับขยะมูลฝอยอย่างครบวงจร เช่น การวางผังเมือง การบริหารจัดการรายได้ เป็นต้น และให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
260 | เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตุลาการศาลปกครอง | ศป | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ตุลาการศาลปกครอง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามร่างระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. .... ที่กำหนดให้ตุลาการศาลปกครองชั้น ๑ ถึงชั้น ๔ ได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวเป็นรายเดือน ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ ๒. ค่าใช้จ่ายสำหรับเป็นเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ตุลาการศาลปกครอง ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เห็นควรให้สำนักงานศาลปกครองปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือใช้เงินเหลือจ่ายของหน่วยงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อน หากไม่เพียงพอ จึงขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นอีกครั้งหนึ่ง ๒.๒ การกำหนดให้มีหรือปรับปรุงเงินเพิ่มค่าครองชีพลักษณะดังกล่าวในอนาคตควรมีการพิจารณา โดยยึดโยงกับหน่วยงานอื่นทั้งในกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร จึงเห็นสมควรที่สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดกลไกในการพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐในภาพรวม รวมทั้งประเภทหน่วยงานของศาล องค์กรอิสระ ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม และบุคลากรมีรายได้ที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ สอดคล้องกับความรับผิดชอบ สถานะขององค์กร และเป็นมาตรฐานต่อไป |
.....