ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 66 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 1313 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
321 | การขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเพื่อการเบิกจ่ายค่าครองชีพชั่วคราวของพนักงานมหาวิทยาลัยตามนโยบายรัฐบาล | ศธ | 04/01/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้พนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินของสถาบันอุดมศึกษาซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปที่มีอัตราเงินเดือนหรืออัตราค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ให้สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนเพื่อช่วยเหลือการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๔ [เรื่อง ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้สถาบันอุดมศึกษาดำเนินการภายในกรอบวงเงิน ๓๘๘,๑๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้ตรวจสอบจำนวนพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างด้วยเงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งไม่เกินกว่ากรอบอัตรากำลังที่สำนักงบประมาณกำหนดไว้ในรายละเอียดประกอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี และอยู่ในเกณฑ์ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้มีความชัดเจนถูกต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงก่อนขอทำความตกลงวงเงินงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ กับสำนักงบประมาณต่อไป ส่วนพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างเกินกว่ากรอบอัตรากำลังที่สำนักงบประมาณกำหนดไว้สมควรให้สถาบันอุดมศึกษาใช้จ่ายจากเงินรายได้ของหน่วยงาน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
322 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... ร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐโดยตำแหน่ง พ.ศ. .... และ ร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... | ยธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับประธานกรรมการ ป.ป.ท. ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา ๖๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเงินประจำตำหน่งในอัตรา ๔๒,๕๕๐ บาทต่อเดือน ส่วนกรรมการ ป.ป.ท. ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา ๖๑,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๕๐๐ บาทต่อเดือน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณากำหนดอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของคณะกรรมการ ป.ป.ท. ตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๕ การกำหนดสิทธิและอัตราการได้รับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ท. และการกำหนดสิทธิการได้รับเงินค่ารับรองของประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ท. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐโดยตำแหน่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการ ป.ป.ท. โดยตำแหน่ง และร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดอัตราเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการ ป.ป.ท. รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับกรรมการโดยตำแหน่งตามร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งฯ ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๕๐๐ บาทต่อเดือน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับความหมายของนิยามคำว่า “ค่ารับรอง” ตามร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งฯ นั้น เนื่องจากกำหนดรายการค่าที่พักและค่ายานพาหนะดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายไว้ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการและระเบียบกระทรวงการคลังที่ออกตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไว้แล้ว จึงสมควรตัดข้อความดังกล่าวออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเสนอความเห็นเกี่ยวกับอัตราเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการ ป.ป.ท. ตามร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมฯ ที่เหมาะสมเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากมีประเด็นที่ไม่สามารถตกลงได้ ให้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
323 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. .... และร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ (การรักษาพยาบาล) ของสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. .... | สผ | 13/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. .... และร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ (การรักษาพยาบาล) ของสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ ให้มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าพาหนะเดินทางของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลในระหว่างดำรงตำแหน่ง และการเบิกค่าเบี้ยประชุม รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับเงินชดเชยค่าพาหนะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กรณีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อเดินทางมาประชุม เห็นควรให้เบิกจ่ายได้ตามจ่ายจริงในอัตราตามระเบียบของทางราชการ ส่วนการเบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมของผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ซึ่งแต่งตั้งมาจากข้าราชการรัฐสภาสามัญ เนื่องจากผู้ช่วยเลขานุการดังกล่าวเป็นข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดประชุมโดยได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนพิเศษจากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว จึงไม่ควรกำหนดให้ได้รับเบี้ยประชุม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ (การรักษาพยาบาล) ของสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาได้รับสวัสดิการรักษาพยาบาลเพื่อเป็นการประกันสุขภาพในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาพร้อมกับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ แล้วดำเนินการต่อไปได้ เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีผลใช้บังคับแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
324 | ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมหรือยกเลิกการเป็นสมาชิกของสมาคม จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๒ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะสมัครเป็นสมาชิกสมาคมจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้รับและเป็นผลดีต่อการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งต้องพิจารณาถึงรายจ่ายตามข้อผูกพันที่จะต้องชำระเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคมตามข้อบังคับของสมาคม และฐานะทางการคลังเป็นสำคัญ ๑.๓ การจ่ายเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นสมาชิก ให้เบิกจ่ายได้ตั้งแต่ปีงบประมาณที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสมัครเป็นสมาชิกตามจำนวนเงินค่าบำรุงที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของสมาคม โดยให้ตั้งจ่ายไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ๑.๔ การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังมิได้มีการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบนี้ ๑.๕ การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้ว โดยไม่ขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือเป็นการเบิกจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมตามระเบียบนี้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) ของเทศบาล หรือการเข้าเป็นสมาชิกสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบอื่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล) ไม่ใช่กิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือมีกฎหมายกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้ ประกอบกับการออกระเบียบกำหนดให้การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นรายจ่ายอื่น ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๖๗ (๙) พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๗๔ (๙) พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๘๕ (๑๐) อาจเป็นการเกินอำนาจที่กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ไว้ อย่างไรก็ตาม การที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือองค์การบริหารส่วนตำบลเข้าเป็นสมาชิกสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ ต้องดำเนินการปรับปรุงกฎหมายจัดตั้งของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว หรือกำหนดให้มีสันนิบาตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเทียบเคียงได้กับพระราชบัญญัติสหกรณ์ จากนั้นกระทรวงมหาดไทยจึงสามารถออกระเบียบเพื่อรองรับการเบิกจ่ายได้ต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
325 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอขอแก้ไขร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มนายธีระ วงศ์สมุทร เป็นกรรมการ ๑.๒ แก้ไขคำว่า "เลขาธิการคณะรัฐมนตรี" เป็น "นายอำพน กิตติอำพน" ๑.๓ ให้อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๔ เพิ่มอธิบดีกรมชลประทาน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๕ แก้ไขชื่อสกุล "นายสุพจน์ โตวิจักษ์ชัยกุล" เป็น "นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ๒. เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า โดยที่ร่างข้อ ๓ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... และร่างข้อ ๔ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... กำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตของประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รวม ๒ คณะ เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งแต่งตั้งและเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป อาจจะทำให้เกิดความล่าช้า ดังนั้น เพื่อให้คณะกรรมการ รวม ๒ คณะ ดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ เห็นควรกำหนดให้การแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเป็นตามที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
326 | การจัดทำแนวปฏิบัติการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. ....) | นร | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์แจ้งไม่ประสงค์ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อไป เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่ได้เห็นชอบปรับเปลี่ยนมาตรการจากการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมาเป็นมาตรการรับจำนำข้าวเปลือก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายุติการพิจารณาร่างระเบียบฯ ดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
327 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. .... | สผ | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ “การที่คณะกรรมาธิการมีหนังสือขอให้ส่งเอกสาร หนังสือเชิญ หรือคำสั่งเรียก และได้รับทราบหรือได้มาซึ่งเอกสาร ข้อเท็จจริง หรือความเห็นตามพระราชบัญญัตินี้ ในบางกรณีอาจมีกรรมาธิการหรือบุคคลอื่นที่เข้าร่วมประชุมบางคนมีส่วนได้เสียจากการได้รับทราบหรือได้มาซึ่งเอกสาร ข้อเท็จจริง หรือความเห็นดังกล่าว และอาจนำเอกสาร ข้อเท็จจริง หรือความเห็นนั้นไปใช้เพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดการเสียเปรียบในเชิงธุรกิจหรือความเสียหายแก่บุคคลหรือองค์กรใด จึงเห็นควรให้ประธานรัฐสภามีการกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการประชุมของคณะกรรมาธิการในเรื่องดังกล่าว หรือให้มีมาตรการอื่นใด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือการนำผลบังคับของการออกหนังสือ ขอให้ส่งเอกสาร หนังสือเชิญ หรือคำสั่งเรียกไปใช้ในทางที่มิชอบ” ๒. ผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพื่อพิจารณายกร่างระเบียบดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
328 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๙ และระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. กำหนดให้ระเบียบนี้ใช้บังคับแก่ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการการเมือง และข้าราชการตำรวจ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทนั้น กรณีมีเหตุพิเศษซึ่งจะต้องวางหลักเกณฑ์และขั้นตอนวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการลาแตกต่างจากที่ระเบียบกำหนด ให้ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีกำหนดระเบียบเป็นการเฉพาะได้ โดยให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา ๓. กำหนดให้ส่วนราชการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการเสนอใบลา อนุญาตให้ลาและยกเลิกวันลา สำหรับการลาป่วย ลาพักผ่อน หรือลากิจส่วนตัว ๔. กำหนดให้ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตรให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่คลอดบุตร และให้มีสิทธิไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกิน ๑๕ วันทำการ ๕. เพิ่มจำนวนวันลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งให้แก่ข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศในเมืองที่กำลังพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกา ลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง เมืองที่มีความเป็นอยู่ยากลำบาก เมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ และเมืองที่มีสถานการณ์พิเศษ อีก ๑๐ วันทำการ ๖. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลาของข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ๗. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ
|
||||||||||||||||||||||||
329 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัยดินโคลนถล่มและภัยแล้ง พ.ศ. .... | นร | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง ที่ปรึกษาคณะกรรมการ และการแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
330 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ แก้ไขปรับปรุงการจัดเรียงลำดับสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จากเดิมที่เรียงลำดับตามการแบ่งเขตการศึกษา เป็นเรื่องลำดับตามการเปิดสวน ๑.๒ แก้ไขเพิ่มเติมชื่อหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบการดำเนินงานให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้สอดคล้องกับหน่วยงานผู้รับผิดชอบดำเนินงานที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์มีพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานนั้น ๑.๓ แก้ไขชื่อตำแหน่งของผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการอำนวยการบริหารและสนับสนุนสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ๑.๔ แก้ไขปรับปรุงจำนวนกรรมการในส่วนของบุคคลอื่น จากเดิมที่กำหนดให้ผู้ดูแลรับผิดชอบดำเนินงานสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งอีกไม่เกิน ๒๐ คนเป็นกรรมการ เป็น ให้มีบุคคลอื่นอีกไม่เกิน ๑๖ คนเป็นกรรมการ ๑.๕ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจคณะกรรมการอำนวยการบริหารและสนับสนุนสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ให้มีอำนาจพิจารณาและอนุมัติกิจกรรมและกำหนดอัตราค่าผ่านประตูเข้า - ออก สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๔ ของระเบียบฯ ๑.๖ แก้ไขเพิ่มเติมแหล่งที่มาของเงินหรือผลประโยชน์ที่จะนำมาใช้ในการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ไว้เป็นข้อ ๑๒ (๗) ของระเบียบฯ ๑.๗ แก้ไขผู้มีอำนาจอนุมัติตามข้อ ๑๔ และข้อ ๑๖ จากเดิมที่กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อนุมัติ เป็นให้คณะกรรมการอำนวยการบริหารและสนับสนุนสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ และเพิ่มเติมข้อความ “ผู้ดูแลรับผิดชอบการดำเนินงานสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์” ไว้ในข้อ ๑๔ เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรแก้ไขชื่อตำแหน่งของผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการอำนวยการบริหารและสนับสนุนสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จาก “ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด” เป็น “ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด” เพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
331 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการนำทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินส่งให้กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | ปง | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการนำทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินส่งให้กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการนำทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินส่งให้กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๔๙ ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนำทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินส่งให้กระทรวงการคลัง ได้แก่ ๑.๒.๑ กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินและคดีถึงที่สุด ๑.๒.๒ กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องหรือสั่งให้คืนทรัพย์สิน ๑.๒.๓ กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือสั่งให้คืนทรัพย์สินแต่คดียังไม่ถึงที่สุด ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างข้อ ๓ เกี่ยวกับนิยามคำว่า “ทรัพย์สิน” ควรตัดถ้อยคำว่า “หรือมีคำสั่งให้ยกคำร้องหรือส่งคืน” ออก ๒.๒ ร่างข้อ ๔(๑) ไม่ควรใช้ถ้อยคำว่า “การบริหารเงิน” ในร่างระเบียบฯ เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ๒.๓ ร่างข้อ ๔(๓) และข้อ ๔(๔) ควรกำหนดให้กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบกำหนดหนึ่งปีก่อน ส่วนกรณีที่ทรัพย์สินเป็นสิทธิการเช่า สิทธิตามสัญญาอื่น หรือสิทธิเรียกร้อง ซึ่งมีอายุสัญญายาว อาจเป็นภาระของสำนักงาน ปปง. ในการบริหารทรัพย์สินนั้น ๒.๔ ร่างข้อ ๔(๕) ไม่มีหลักเกณฑ์การให้ส่วราชการนำทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดไปใช้ประโยชน์ ๒.๕ ร่างข้อ ๔(๖) วรรคสอง การกำหนดให้เลขาธิการ ปปง. เพียงผู้เดียวมีอำนาจในการอนุญาตให้นำทรัพย์สินไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ อาจไม่เหมาะสมเนื่องจากทรัพย์สินบางอย่างมีมูลค่าสูง ควรดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการที่มีหน่วยงานหรือองค์กรเป็นองค์กรประกอบ ๒.๖ ร่างข้อ ๖(๓) ควรมีการส่งคืนทรัพย์สินนั้นให้บุคคลดังกล่าวทันที เพราะสิทธิในทรัพย์สินนั้นตกเป็นของบุคคลดังกล่าวนับแต่เวลาที่ศาลมีคำสั่งคืนทรัพย์สินแล้ว จึงควรปรับแก้ถ้อยคำเป็น “ที่ได้ส่งไปแล้วตามข้อ ๔(๔) หรืออยู่ในการบริหารของสำนักงาน ปปง.” ๒.๗ ร่างข้อ ๖(๔ ) ในกรณีที่ส่วนราชการได้นำทรัพย์สินไปใช้ประโยชน์ตามร่างข้อ ๔(๕) จะต้องส่งคืนด้วยหรือไม่ เนื่องจากได้มีการกำหนดให้สำนักงาน ปปง. มีหน้าที่ส่งคืนเท่านั้น ๒.๘ ร่างข้อ ๗ การชดใช้ราคาทรัพย์สินนอกจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดแล้ว ควรกำหนดให้ใช้ความเสียหายกรณีเกิดจากการบริหารทรัพย์สินดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
332 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง พ.ศ. .... | นร | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่จัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง จัดทำข้อสั่งการให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณีในการบูรณาการระบบการแจ้งเตือนภัย ระบบป้องกันภัย ระบบระบายน้ำ และระบบจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง อย่างเป็นระบบและมีเอกภาพ กำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบการแจ้งเตือนภัย ระบบป้องกันภัย ระบบระบายน้ำ และระบบจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพสูงและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งกำหนดแนวทาง มาตรการในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง โดยน้อมนำแนวพระราชดำริที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำมาเป็นแนวทาง ตลอดจนบูรณาการแผนงานและงบประมาณรายจ่ายด้านการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้งของส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ และคณะกรรมการอื่นที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง ในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในงานธุรการ งานวิชาการ และงานการประชุมของคณะกรรมการ ศึกษาและจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแนวทาง มาตรการในการบริหารจัดการ และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง ให้มีเอกภาพและประสิทธิภาพ รวมถึงประสานการปฏิบัติตามแนวทาง มาตรการ แผนงานและงบประมาณรายจ่ายกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้เพิ่มเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง จะต้องไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลัง
|
||||||||||||||||||||||||
333 | ร่างระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และวิธีการในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... | กษ | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และวิธีการในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ๒. กำหนดหลักเกณฑ์ในการสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกำหนดสัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้แทนสหกรณ์การเกษตร ผู้แทนสหกรณ์นิคม ผู้แทนสหกรณ์กรมประมง ผู้แทนชุมนุมสหกรณ์ ผู้แทนกลุ่มเกษตรกร ผู้แทนวิสาหกิจชุมชน ในคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชน ผู้แทนเกษตรกรในคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เกษตรกรด้านพืช เกษตรกรด้านสัตว์ และเกษตรกรด้านการประมง ประเภทละ ๑ คน ๓. กำหนดให้หน่วยงานที่กำกับดูแลหรือให้การส่งเสริมเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการคัดสรร และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดสรร ๔. กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคัดเลือก ๕. กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำประกาศรับสมัคร พร้อมทั้งทำการประชาสัมพันธ์การสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกำหนดแบบใบสมัครเข้ารับการคัดสรรและคัดเลือกเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. กำหนดให้หน่วยงานระดับจังหวัดของหน่วยงานที่รับผิดชอบคัดสรรเป็นผู้ดำเนินการรับสมัคร แล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้กับหน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการคัดสรร
|
||||||||||||||||||||||||
334 | แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร | นร | 10/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร กรณีการเสนอร่างอนุบัญญัติต่าง ๆ เช่น ร่างพระราชกฤษฎีกา ร่างพระราชบัญญัติ หรือร่างระเบียบที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการแล้ว แผนงานหรือโครงการ รวมทั้งกรณีการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไปก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรฯ และการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีภายหลังการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
335 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2554 | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ ตามที่ กพต. เสนอ โดยที่ประชุม กพต. มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ กพต. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ จำนวน ๓ เรื่อง ประกอบด้วย ระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๓ ฉบับ แผนปฏิบัติการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ และความก้าวหน้าการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมโครงการในพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๘ โครงการ ๒. รับทราบผลการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อชต.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๔ ประกอบด้วย เรื่องที่ อชต. พิจารณา จำนวน ๑๒ เรื่อง เรื่องที่ อชต. รับทราบ ๕ เรื่อง ๓. รับทราบผลการประชุมคณะทำงานส่งเสริมการค้า การลงทุน และการพัฒนาด่านชายแดนไทย - มาเลเซีย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย การกำหนดแนวทางและขั้นตอนการจัดทำแผนการส่งเสริมด้านการค้า และการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน ๔ ประเด็น คือ การประเมินสถานการณ์ปัญหาและแนวโน้ม การประเมินศักยภาพและโอกาสการพัฒนา การกำหนดประเด็นท้าทาย และการทบทวนและจัดทำแผนงาน โครงการและมาตรการ และโครงการสร้างงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๔. รับทราบความก้าวหน้าการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัว มรดก และการพิจารณาคดี พ.ศ. .... ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามรับรองแล้ว รวม ๓ ฉบับ ๕. รับทราบเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ส่วนราชการได้รับจัดสรรตามแผนปฏิบัติการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้รับแจ้งยืนยันการจัดสรรงบประมาณจาก ๑๒ หน่วยงาน งบประมาณ ๕,๐๘๓.๔๖๗๒ ล้านบาท ที่เหลืออีก ๘ หน่วยงาน อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ในส่วนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ๑,๓๗๙.๗๑๙ ล้านบาท ๖. รับทราบความก้าวหน้าการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยปรับถ้อยคำในระเบียบฯ ข้อ ๒๕ เรื่อง การโอนเปลี่ยนแปลงโครงการหรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการ จากอำนาจของคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) มาเป็นของ กพต. ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการปรับแก้ร่างระเบียบฯ เพื่อให้มีความถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น และให้จัดส่งร่างระเบียบฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป ๗. เห็นชอบโครงการที่ อชต. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ พิจารณาให้ความเห็นชอบ จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการศูนย์ครูใต้ (การขยายเวลาการลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างศูนย์ครูใต้จังหวัดยะลา และศูนย์ครูใต้จังหวัดนราธิวาส) โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองยะลา พร้อมบ้านพักตุลาการและข้าราชการ ๘. เห็นชอบการปรับแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงหออภิบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการปรับปรุงหออภิบาลฯ จำนวน ๑๕๐.๐๐ ล้านบาท ๙. เห็นชอบร่างระเบียบ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างระเบียบว่าด้วยการมอบอำนาจให้แก่เลขาธิการ ศอ.บต. และการมอบอำนาจของเลขาธิการ ศอ.บต. พ.ศ. .... ร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุมัติให้เลื่อนเงินเดือนประจำปีเป็นกรณีพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... และร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุมัติให้เลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... ๑๐. เห็นชอบระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้ ศอ.บต. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ อชต. รับผิดชอบในการติดตามและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการตามแผนดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำขึ้น สำหรับการติดตามและรายงานผลการดำเนินการ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการภายใต้แผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับผิดชอบในการบันทึกข้อมูลผลการดำเนินงานและผลการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการเพื่อรายงาน อชต. ตามระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
336 | ร่างแผนแม่บทสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม พ.ศ. 2553 - 2557 และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... | สสส. | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยได้ตัดความในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพออก และเพิ่มความเป็นข้อ ๑๓ ของร่างระเบียบฯ กำหนดให้คณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติอาจทำความตกลงกับหน่วยงานของรัฐซึ่งรวมถึงกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการได้ และเมื่อทำความตกลงกับกองทุนฯ แล้ว ก็สามารถจัดตั้งหน่วยงานภายในของกองทุนฯ เพื่อทำหน้าที่ตามที่คณะกรรมการมอบหมายต่อไปได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
337 | รายงานการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 17 | ทส | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๗ ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ ณ นครโฮจิมินท์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยที่ประชุมคณะมนตรีฯ ได้มีมติอนุมัตินโยบายและการดำเนินงานที่สำคัญ จำนวน ๕ เรื่อง สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. งบประมาณบริหารองค์กร พ.ศ. ๒๕๕๔ (Operation Expenses Budget : OEB) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ องค์กรมียอดรายรับ จำนวน ๓,๔๔๖,๒๖๑ ดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖ เมื่อเปรียบเทียบกับรายรับในปี พ.ศ. ๒๕๕๓) และมียอดประมาณการรายจ่ายจำนวน ๓,๔๔๕,๗๔๒ ดอลลาร์สหรัฐ และยอดประมาณการคงเหลือจำนวน ๕๑๙ ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ประมาณการจากยอดรายจ่ายจากการดำเนินงานของการมีที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง จำนวน ๒ แห่ง คือ นครหลวงเวียงจันทน์ และกรุงพนมเปญ ๒. แผนกลยุทธ์ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ มุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรโดยนำหลักการ “การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ (Integrated Water Resource Management : IWRM) มาดำเนินการให้ครอบคลุมทุกมิติ ควบคู่กับวางแนวทางปฏิบัติงานหรือบทบาทหลักขององค์กร (Core Function) ที่ดีขึ้น และปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพรองรับการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจะมีการถ่ายโอนภารกิจหลักแก่ประเทศภาคีสมาชิก รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของ MRC ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ (MRC Financial Autonomy) ๓. ยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำบนพื้นฐานการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (IWRM - based Basin Development Strategy) เป็นการตั้งเป้าหมายว่าภายในระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำควรเป็นไปในทิศทางต่าง ๆ ได้แก่ การระบุโอกาสและผลที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาลุ่มน้ำ การขยายพื้นที่ชลประทานเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การเพิ่มพูนความยั่งยืนของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม การจัดเตรียมองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการลดความเสี่ยง และความไม่แน่นอนอันเกิดจากการพัฒนาลุ่มน้ำ เป็นต้น ๔. ระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedure for Water Quality : PWQ) คณะมนตรีฯ ได้มีพิธีลงนามในระเบียบปฏิบัติฯ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ พร้อมกับการประชุมกลุ่มผู้สนับสนุนคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๕ โดยในส่วนของประเทศไทยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ เห็นชอบต่อร่างระเบียบดังกล่าว เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการรักษาคุณภาพน้ำที่ดี/ยอมรับได้ อันจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง ๕. กรอบการดำเนินงานความริเริ่มเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปรับตัวในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๖๘ จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาแนวทางในการปรับตัวต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง และแบ่งกรอบระยะเวลาดำเนินการออกเป็น ๔ ระยะ รวม ๑๖ ปี ประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ได้แก่ การกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อการปรับตัว การจัดทำกลยุทธ์การปรับตัวของลุ่มน้ำโขง (Mekong Adaptation Strategy) และการบูรณาการกับนโยบายระดับชาติและระดับภูมิภาค การประเมินสถานการณ์ความอ่อนไหวในปัจจุบัน การประเมินความเสี่ยงของภูมิภาคในอนาคต การกำหนดแผนการปรับตัวของลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
338 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ฉบับที่ .. พ.ศ. .... | นร | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ฉบับที่ .. พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เพิ่มเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (กรช.) ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
339 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. .... | นร | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๒. กำหนดให้มีกลไก ๓ ระดับ ดังนี้ ๒.๑ ระดับนโยบาย คือ คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ (นพช.) โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนแม่บท และมาตรการในการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ ๒.๒ ระดับภาค คือ คณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตกองทัพภาคที่ ๑ - ๔ /เขตทัพเรือภาคที่ ๑ - ๓ /เขตกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด โดยมีแม่ทัพภาคที่ ๑ - ๔ /ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑ - ๓ /ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นประธาน แล้วแต่กรณี เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดนระดับภาคและประสานการทำงานร่วมกับจังหวัด ๒.๓ ระดับจังหวัด คือ คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อจัดทำแผนงานด้านความมั่นคงในแผนพัฒนาจังหวัด
|
||||||||||||||||||||||||
340 | การส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ | วท | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. เห็นชอบแนวทางการบริหารกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ในภาพรวมของประเทศ ที่มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่ดูแลภาพรวมของการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้กลไกเดิมที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (กวทน.) โดยในช่วงระยะเวลา ๓ ปีแรก ควรให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขาธิการของ กวทน. ในด้านการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ไปก่อน เพื่อมิให้เป็นภาระด้านงบประมาณและไม่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ รวมทั้งให้มีสำนักงานส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการฯ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์รับรองหรือเพิกถอนกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ เป็นการใช้อำนาจกระทบสิทธิของบุคคลอื่น และไม่อาจกระทำได้โดยการออกเป็นระเบียบตามมาตรา ๑๑ (๘) นอกจากนี้ การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ขึ้นเป็นหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้อำนวยการสำนักงานฯ ไม่อาจกระทำได้โดยการออกเป็นระเบียบตามมาตรา ๑๑ (๘) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ ด้วย ๔. การจัดสรรงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยการจัดสรรงบประมาณให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ จะต้องจัดสรรตามภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี โดยจำแนกเป็นแผนงาน ผลผลิต หรือโครงการต่าง ๆ ตามภารกิจที่ต้องดำเนินการ สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในระยะช่วงเปลี่ยนผ่าน จะพิจารณาจัดสรรให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
.....