ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 66 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 1313 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิรูประบบคุรุศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... | ศธ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิรูประบบคุรุศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีคณะกรรมการคุรุศึกษาแห่งชาติ (ก.ค.ช.) โดยมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ค.ช. ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน ทำหน้าที่สนับสนุนการปฏิรูประบบคุรุศึกษาของประเทศโดยส่งเสริมการพัฒนาระบบ กระบวนการผลิต การพัฒนาและการใช้ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพ มาตรฐานเหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง รวมทั้งการสร้างความพร้อมและความเข้มแข็งให้แก่สถาบันผลิตครู ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรปรับองค์ประกอบ ก.ค.ช. โดยเพิ่มผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย ส่วนการกำหนดค่าตอบแทนสำหรับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่ไปช่วยปฏิบัติงานของสำนักงานและกรรมการที่ทำงานเต็มเวลา ควรกำหนดให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยอาจให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดบทบาทภารกิจ อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ ตลอดจนงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ ที่ดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการผลิต การพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาให้มีความชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
342 | การดำเนินงานในระยะเริ่มแรกตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2554 | ทก | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเฉพาะในส่วนของสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (สบทร.) และบรรดาภารกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปเป็นของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ และเห็นชอบตามข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการโอนงบประมาณที่ได้มีการทำสัญญาไปแล้วในส่วนของ สบทร. และสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จะโอนให้กับ สรอ. นั้น ให้มีการเปลี่ยนคู่สัญญาในส่วนดังกล่าว จาก สบทร. และสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามแต่กรณี ไปเป็นของ สรอ. โดยปริยาย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นต้นไป รวมทั้งให้มีการโอนเปลี่ยนงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ สรอ. ยื่นขอผ่านทางสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ณ ขณะที่กฎหมายจัดตั้ง สรอ. ยังไม่มีผลใช้บังคับนั้น ไปเป็นของ สรอ. ด้วย โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ สรอ. รับไปดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
343 | การโอนอำนาจหน้าที่ ภารกิจ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้และงบประมาณ รวมทั้งการจัดทำร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | ทก | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ และงบประมาณของภารกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบรรดาภารกิจที่เกี่ยวกับการศึกษา วิจัยและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศที่สนับสนุนการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติไปเป็นของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ และเห็นชอบตามข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการโอนงบประมาณที่ได้มีการทำสัญญาไปแล้วในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จะโอนให้กับ สพธอ. นั้น เห็นควรให้มีการเปลี่ยนคู่สัญญาในส่วนดังกล่าวจากสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น สพธอ. โดยปริยาย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นต้นไป รวมทั้งให้มีการโอนงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ สพธอ. ยื่นขอผ่านทางสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ณ ขณะที่กฎหมายจัดตั้ง สพธอ. ยังไม่มีผลใช้บังคับนั้น ไปเป็นของ สพธอ. ด้วย โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ สพธอ. รับไปดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
344 | ร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดการเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดการเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ข้อ ๘ ให้กองทุนฯ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑.๑.๑ ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการกีฬาตามแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติและแผนยุทธศาสตร์สร้างกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ รวมทั้งยุทธศาสตร์อื่น ๆ ตามที่รัฐบาลหรือคณะกรรมการกำหนด ๑.๑.๒ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาองค์กรกีฬาและบุคลากรทางการกีฬา ๑.๑.๓ ช่วยเหลือด้านสวัสดิการ ค่าตอบแทน ค่าการศึกษา และการดำรงชีพแก่บุคลากรทางการกีฬา ๑.๑.๔ ให้รางวัลแก่องค์กรกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาที่ประกอบคุณความดีแก่วงการกีฬา หรือนำชื่อเสียงเกียรติภูมิมาสู่ประเทศชาติตามที่คณะกรรมการกำหนด ๑.๒ แก้ไขเพิ่มเติมชื่อตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยให้อธิบดีกรมพลศึกษา ผู้แทนคณะกรรมการบริหารกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ๒. ให้รับข้อเสนอเพิ่มเติมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ขอแก้ไขคำว่า “รัฐบาล” ในร่างระเบียบฯ ข้อ ๓ ซึ่งแก้ไขข้อ ๘(๑) ของระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยใช้คำว่า “คณะรัฐมนตรี” เพื่อให้สอดคล้องกับคำตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
345 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขถ้อยคำในข้อ ๒๕ วรรคสอง จาก “ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงโครงการ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้เสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาอนุมัติ” เป็น “ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงโครงการ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้เสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือคณะกรรมการหรือหน่วยงานอื่นใดที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้พิจารณาอนุมัติ” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
346 | การจัดทำแนวปฏิบัติการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร | พณ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นกรรมการและเลขานุการ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวมทั้งให้มีคณะอนุกรรมการการประกันรายได้เกษตรกรระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานอนุกรรมการ และให้มีสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ โดยกรมการค้าภายใน ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ และเป็นศูนย์กลางประสานงาน ๑.๒ กำหนดแนวทางดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรในการพิจารณากำหนดชนิดของสินค้าเกษตรที่จะใช้มาตรการประกันรายได้เกษตรกร ๑.๓ กำหนดให้การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง และภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี ให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงิน จัดทำงบการเงินส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ ๑.๔ กำหนดให้การดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการเดิมจนแล้วเสร็จต่อไปได้ และให้ถือว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการกำหนดให้กรมส่งเสริมการเกษตรทำหน้าที่เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ประกันรายได้ การทำประชาคม และการออกหนังสือรับรองฯ แต่โดยที่คู่มือการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจได้กำหนดหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรครอบคลุมถึงการทำประชาคมและการออกหนังสือรับรองแล้ว จึงสมควรตัดการทำหน้าที่ “การทำประชาคม” และ “การออกหนังสือรับรอง” ในร่างระเบียบฯ ออก และความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มผู้แทนกระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓ เห็นชอบคู่มือการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ และคู่มือการจัดทำสัญญาประกันรายได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
347 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. .... | สผ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. .... ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกำหนดระยะเวลาในการชำระค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์ฝ่ายหรือการบังคับให้อากาศยานลงสู่พื้นดินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๑๙ ได้กำหนดระยะเวลาที่ผู้ควบคุมอากาศยานหรือเจ้าของอากาศยานจะต้องนำค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์ฝ่ายหรือการบังคับให้อากาศยานลงสู่พื้นดินมาชำระให้แก่กองทัพอากาศภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากกองทัพอากาศ แต่ตามมาตรา ๒๔ ของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้บัญญัติให้กองทัพอากาศไปดำเนินการเรียกให้เจ้าของอากาศยานหรือผู้ควบคุมอากาศยานชำระค่าใช้จ่ายโดยเร็วเท่านั้น โดยกำหนดระยะเวลาในการชำระค่าใช้จ่ายจะเป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกำหนด ดังนั้น ในการออกระเบียบดังกล่าวก็สมควรกำหนดระยะเวลาซึ่งทางราชการจะได้รับประโยชน์สูงสุด ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. รับทราบการดำเนินการของกระทรวงกลาโหมตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยกองทัพอากาศได้ตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายของกองทัพอากาศดำเนินการร่างระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. .... โดยกำหนดระยะเวลาในการเรียกให้เจ้าของอากาศยานหรือผู้ควบคุมอากาศยานชำระค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์ฝ่ายหรือการบังคับให้อากาศยานลงสู่พื้นดินภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากกองทัพอากาศและกระทรวงคมนาคมมีความเห็นว่า การออกระเบียบดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมที่จะกำหนดระยะเวลาที่ทางราชการจะได้รับประโยชน์สูงสุด กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
348 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ. .... | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ
๑. กำหนดคำนิยามที่สำคัญ ได้แก่ “การพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” “แผนแม่บท” “แผนงานหรือโครงการ” “หน่วยงาน” “กพส.” และ “สพส” ๒. กำหนดให้มีคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียกโดยย่อว่า “กพส.” โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นกรรมการและเลขานุการ ๓. กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียกโดยย่อว่า “สพส.” เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ๔. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำแผนแม่บท แผนงาน หรือโครงการ ตามที่กำหนด ๕. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการบริหารและการควบคุมโครงการ ตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
349 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการขอรับและการจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการขอรับและการจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับรองหลักฐานการมีสิทธิได้นับเวลาทวีคูณสำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน. ซึ่งปฏิบัติงานที่ถือว่าเป็นการกระทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ในระหว่างเวลาที่มีการรบหรือการสงคราม หรือการปราบปรามจลาจล ๒. กำหนดแบบบัญชีรายชื่อผู้ได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ สำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน. (แบบ ๕๓๐๔ ก) เพื่อใช้เป็นหลักฐานการมีสิทธิได้นับเวลาทวีคูณสำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน.
|
|||||||||||||||||||||||||||
350 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ( ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ดังนี้
๑. เพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นรองประธานกรรมการคนที่ ๒ เนื่องจากมีภารกิจรับผิดชอบด้านกิจการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศในภาพรวม ๒. เพิ่มเติมกรรมการโดยตำแหน่งอีกห้าตำแหน่ง คือ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และปลัดกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามภารกิจที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงาน ๓. เพิ่มเติมให้ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคนที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||||||||
351 | ร่างระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... | นร | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... ร่างตารางหมายเลข ๑ - หมายเลช ๔ และร่างแบบใบลาแนบท้ายร่างระเบียบฯ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงขอบเขตการใช้บังคับระเบียบนี้แก่ข้าราชการรวม ๕ ประเภท ได้แก่ ข้าราชการพลเร้อนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง ข้าราชการตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการกรุงเทพมหานครตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานคร ๑.๒ เพิ่มสิทธิการลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรเป็นการลาอีกประเภทหนึ่งเพื่อให้ข้าราชการชายสามารถลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกิน ๑๕ วันทำการ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ชายมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูบุตรและพัฒนาบุตร ๑.๓ เพิ่มจำนวนวันลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งให้แก่ข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศในเมืองที่กำลังพัฒนา อีก ๕ วันทำการ และเพิ่มจำนวนวันลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งให้แก่ข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศในเมืองที่กำลังพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกา ลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง เมืองที่มีความเป็นอยู่ยากลำบาก เมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ และเมืองที่มีสถานการณ์พิเศษ อีก ๑๐ วันทำการ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศ ๑.๔ ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกรณีข้าราชการได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่มีระยะเวลาไม่เกิน ๑ ปี เนื่องจากข้าราชการผู้นั้นมิได้ถูกสั่งให้ออกจากราชการ จึงยังคงมีสถานะภาพความเป็นข้าราชการอยู่ สมควรกำหนดให้ข้าราชการผู้ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศดังกล่าวต้องถือปฏิบัติเกี่ยวกับการลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศด้วย ๑.๕ เพิ่มสิทธิการลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพเป็นการลาอีกประเภทหนึ่ง เพื่อให้ข้าราชการที่ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่ จนทำให้ตกเป็นผู้พิการหรือทุพพลภาพ และข้าราชการผู้นั้นได้รับการสงเคราะห์ให้คงรับราชการอยู่ต่อไป ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ พ.ศ. ๒๕๔๖ หากข้าราชการผู้นั้นมีความประสงค์จะลาไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือหลักสูตรการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ แล้วแต่กรณี ซึ่งส่วนราชการ ฯลฯ เป็นผู้จัดหรือร่วมจัด ก็ให้มีสิทธิลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกิน ๑๒ เดือน ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับมาตรา ๙ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งดำรงตำแหน่งวิชาการมีสิทธิลาหยุดราชการเพื่อไปเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการ หรือตามโครงการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ ระหว่างสถาบันอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศได้ โดยถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการและได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและเงินอื่นในระหว่างการลาได้ และควรกำหนดเพิ่มเติมว่า “การลาที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายข้าราชการพลเรือนแต่ละประเภท” เพื่อให้เรื่องที่เกี่ยวกับการลาสอดคล้องเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ กรณีการกำหนดเรื่องสิทธิในการได้รับเงินเดือนในระหว่างลานั้น โดยที่พระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จบำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิในการรับเงินเดือน จึงควรนำเรื่องสิทธิในการได้รับเงินเดือนระหว่างลาไปบัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะเหมาะสมกว่า ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ การลาบางประเภท เช่น การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร อาจกำหนดให้มีการแสดงเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาอนุญาตด้วยก็ได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับสิทธิการลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรหรือสิทธิการลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพที่กำหนดเพิ่มเติมขึ้นใหม่ในร่างระเบียบฯ โดยให้ได้รับเงินเดือนระหว่างการลาตามข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
352 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน พ.ศ. .... | นร | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน พ.ศ. .... และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน เรียกโดยย่อว่า กกย. โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธาน และมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมเป็นกรรมการด้วย ๑.๒ กำหนดให้ กกย. มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน รวมทั้งจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี สนับสนุนการศึกษา วิจัยและพัฒนา กระบวนการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ๑.๓ กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยสำนักวางแผนการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กกย. มีหน้าที่ในการศึกษาและวิเคราะห์นโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ๑.๔ กำหนดให้ค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทนและประโยชน์อื่นของ กกย. และสำนักงาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ กกย. และสำนักงาน ให้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ในวงเงิน ๑๘๐ ล้านบาท เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปจัดตั้งงบประมาณประจำปีสนับสนุนการดำเนินงาน สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ใช้งบปกติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
353 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ แก้ไขคำนิยามของ “รัฐวิสาหกิจ” และ “การอุดหนุนทางการเงิน” ๑.๒ ปรับปรุงตำแหน่งกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๓ กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๑.๔ ปรับปรุงการกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ ๑.๕ กำหนดขั้นตอนการขอรับและพิจารณาเงินอุดหนุนของรัฐวิสหากิจ ๑.๖ กำหนดให้รัฐวิสาหกิจจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะตามที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาปรับปรุงร่างระเบียบฯ ให้สอดคล้องกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ ที่ให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่ามาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในเรื่องใดที่เป็นบริการสังคมของรัฐวิสาหกิจ ก็อาจปรับเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (PSO) ต่อไป โดยอาจกำหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการพิจารณาบริการสาธารณะที่เป็นนโยบายพิเศษของรัฐบาลเป็นกรณีพิเศษแตกต่างจากการให้บริการสาธารณะที่ดำเนินการเป็นประจำทุกปี ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการอุดหนุนของรัฐวิสาหกิจ ควรกำหนดเพิ่มเติมให้รัฐวิสาหกิจต้องจัดทำข้อเสนอที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยเคร่งครัด และควรกำหนดกรอบระยะเวลาการยื่นข้อเสนอของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นเป็นให้ยื่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๓ เดือน ก่อนเริ่มปีงบประมาณ รวมทั้งการขอรับเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกรณีค่าใช้จ่ายจากการให้บริการสาธารณะ ควรระบุเพิ่มเติมให้ชัดเจนเฉพาะกรณีที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่รัฐวิสาหกิจไม่สามารถควบคุมได้เท่านั้น นอกจากนี้ การจ่ายเงินชดเชยผลขาดทุนให้แก่รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณะในรูปของเงินงบประมาณตามจำนวนของส่วนต่างของราคาค่าบริการกับต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง ควรคำนึงถึงต้นทุนที่เป็นมาตรฐานที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการให้บริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
354 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้กรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นอย่างน้อยต้องมีผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนึ่งคน ผู้แทนสมาชิกสภาเทศบาลหนึ่งคน และผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนึ่งคนหรือสองคนแล้วแต่กรณี ๑.๒ กำหนดวิธีการสรรหากรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกและบัญชีรายชื่อสำรอง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการก่อนครบวาระ ๑.๓ กำหนดบทเฉพาะกาล ให้กรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระ และกรณียังไม่มีบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินการสรรหาภายใน ๖๐ วัน ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มผู้แทนสมาชิกสภาเมืองพัทยา เป็นกรรมการในคณะกรรมการธรรมาธิบาลจังหวัดชลบุรี และแก้ไขถ้อยคำในร่างระเบียบฯ จากคำว่า “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์กรบริหารส่วนจังหวัด” เป็น “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด “และคำว่า “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์กรบริหารส่วนตำบล” เป็น “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล” และเพิ่มผู้แทนสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีรูปแบบการปกครองลักษณะพิเศษ และปรับปรุงข้ออื่น ๆ ให้สอดคล้องกับที่ปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวด้วย รวมทั้งเพิ่มเติมข้อความว่า “ไม่เป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ” ไว้ในระเบียบฯ ข้อ ๘ (๑๐) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
355 | ระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality) | ทส | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างระเบียบปฏิบัติ เรื่อง คุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality) ตามผลการประชุมคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๘ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มีมติให้จัดทำระเบียบปฏิบัติเรื่องคุณภาพน้ำ (Procedures of Water Quality : PWQ) เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการรักษาคุณภาพน้ำที่ดี/ยอมรับได้ อันจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง โดยร่างระเบียบปฏิบัติฯ เป็นเอกสารแสดงคำมั่นของประเทศภาคีสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์และได้รับประโยชน์ร่วมกันจากการใช้น้ำของลุ่มแม่น้ำโขงอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรมในอาณาเขตประเทศตน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างระเบียบปฏิบัติดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย โดยสามารถปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
356 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๖ ได้ตรวจพิจารณา และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดบทนิยาม “การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ” “หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย” “หน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพ” “ชุมชนท้องถิ่น” “หนังสืออนุญาต” และ “ข้อตกลง” ๒. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายและหน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพซึ่งมิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไว้โดยเฉพาะ จะอนุญาตให้มีการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพได้ เมื่อได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพตามแบบที่คณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ (กอช.) กำหนด ๓. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอ ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ ๔. กำหนดให้ในกรณีที่การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพใดมีแหล่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใด ให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอสอบถามความเห็นจาก อปท. นั้น และให้ อปท. นั้นมีหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาต ๕. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาต หรือนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ถูกต้องครบถ้วน แล้วแต่กรณี ๖. กำหนดให้ข้อตกลงต้องระบุถึงความตกลงระหว่างหน่วยงานของรัฐที่ได้ออกหนังสืออนุญาตกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย สิทธิและประโยชน์ตอบแทนในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไม่ว่าจะคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่ ที่หน่วยงานของรัฐ ผู้ได้รับอนุญาต และชุมชนท้องถิ่นพึงจะได้รับ ค่าภาษีอากร และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามกฎหมาย ๗. กำหนดเนื้อหาในข้อตกลงที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ และข้อตกลงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ ๘. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตต้องทำความตกลงกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับการรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงตามระยะเวลาที่จะตกลงกัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๓ เดือนต่อหนึ่งครั้ง และการรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพเมื่อหนังสืออนุญาตสิ้นผล ๙. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม และกำกับดูแล ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตปฏิบัติตามข้อตกลงโดยเคร่งครัด และรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงให้ กอช. ทราบตามระยะเวลาที่ กอช. กำหนด รวมทั้งรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพให้ กอช. ทราบ เมือหนังสืออนุญาตสิ้นผล
|
|||||||||||||||||||||||||||
357 | รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ : การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) รายงานผลการดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ที่ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน โดยมีเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ให้ต่ำกว่า ๑๐ คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน และจัดทำโครงการปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวนหมวกนิรภัย ๑๐๐% ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนในการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ รวมทั้งได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. ... เพื่อกำหนดโครงสร้าง หน้าที่ของคณะกรรมการทั้งในระดับชาติ ระดับพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง และบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สำหรับการจัดให้มีการเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ในอัตราที่เหมาะสมตามขนาดเครื่องยนต์ (ซีซี) และการกำหนดแบบและมาตรฐานทางสัญจรและทางเท้าที่เอื้อต่อความปลอดภัยและความสะดวกของผู้ใช้ทุกกลุ่ม ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ศปถ. เพื่อพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ๒. กระทรวงคมนาคมได้เสนอร่างกฎกระทรวง กำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสำหรับคนพิการในโครงสร้างพื้นฐานและในระบบการขนส่งสาธารณะ พ.ศ. .... ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และในส่วนของกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างพิจารณาแก้ไขปรับปรุงประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีตรวจหรือทดสอบสารอันเกิดจากการเมาสุราและกำหนดเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตรวจหรือทดสอบหรือสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถในขณะปฏิบัติหน้าที่รับการตรวจหรือทดสอบ พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนศึกษาข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของระดับแอลกอฮอล์กับอุบัติเหตุ สำหรับการกำหนดแบบและมาตรฐานรถโดยสารสาธารณะเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ศปถ. เพื่อพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
358 | รายงานผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2552 | กค | 04/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย ๑.๑ การศึกษาแนวทางการกำหนดโครงสร้าง หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติงาน ตลอดจนระเบียบในการดำเนินงานต่าง ๆ ของหน่วยราชการและกองทุนอื่น ๆ ที่มีสถานะและลักษณะการดำเนินงานคล้ายคลึงกับกองทุน เพื่อยกร่างระเบียบและข้อบังคับคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อใช้ในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการในการบริหารงาน การดำเนินงาน และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของกองทุน ตลอดจนใช้บังคับในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ๑.๒ การศึกษาวิเคราะห์ถึงวัตถุประสงค์ และเป้าหมายในการลงทุนของกองทุนฯ รวมทั้งหลักการบริหารสินทรัพย์ เพื่อกำหนดแนวทางการจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเงินของกองทุนไปลงทุน การทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุน หลักเกณฑ์การคัดเลือกและกำกับการดำเนินงานของผู้บริหารสินทรัพย์จากภายนอก รวมถึงการคัดเลือกผู้เก็บรักษาสินทรัพย์ ๑.๓ จัดทำรูปแบบมาตรฐานของสัญญาธุรกรรมทางการเงินของกองทุนฯ สำหรับใช้ในการทำธุรกรรม ได้แก่ ๑.๓.๑ การทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน เป็นการจัดทำรูปแบบมาตรฐานของสัญญาธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน โดยการทำสัญญา ISDA Master Agreement ซึ่งจัดทำโดย International Swap and Derivatives Association, Inc (ISDA) ระหว่างกองทุนฯ และสถาบันการเงินที่จะเป็นคู่สัญญาเพื่อใช้ในการปกป้องสิทธิและลดความเสี่ยงของกองทุน ๑.๓.๒ การทำธุรกรรมซื้อโดยมีสัญญาจะขายคืนซึ่งตราสารหนี้ เป็นการจัดทำรูปแบบมาตรฐาน (Standard Format) ของสัญญาประกอบ (Schedule to the Master Agreement) ซึ่งเป็นสัญญาแบบท้ายสัญญา Global Master Repurchase Agreement (GMRA) ซึ่งจัดทำโดย International Securities Market Association (ISMA) กับคู่สัญญาเพื่อปกป้องสิทธิและลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรม (Counter - party Risk) ของกองทุนฯ และสัญญายืนยันการเข้าทำธุรกรรม (Confirmation) ซึ่งเป็นสัญญาที่ระบุรายละเอียดของการทำธุรกรรม ๒. กองทุนได้รับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน แต่เนื่องจากระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ของกองทุนยังไม่มีผลบังคับใช้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ดังนั้น ค่าใช้จ่ายของกองทุนจึงมีเฉพาะค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน ๕๙,๘๗๒ บาท สำหรับงบแสดงฐานะการเงินของกองทุน ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ กองทุนมีรายได้จากเงินงบประมาณและดอกเบี้ยรับรวม ๑,๐๐๐,๗๐๖.๖๑ บาท และมีค่าใช้จ่ายรวม ๕๙,๘๗๒ บาท ทำให้กองทุนมีสินทรัพย์รวม ๙๔๐,๘๓๔.๖๑ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
359 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 04/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๖ ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับศพข้าราชการและลูกจ้างประจำของทางราชการซึ่งถึงแก่ความตายในระหว่างเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๐๙ ๑.๒ แก้ไขการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับค่าพาหนะในการเดินทางเพื่อไปปลงศพหรือพาหนะ และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับการส่งศพกลับของข้าราชการและลูกจ้างประจำของทางราชการ จากเดิมที่ให้จ่ายได้เฉพาะข้าราชการและลูกจ้างประจำ เปลี่ยนเป็นให้จ่ายแก่ผู้เดินทางไปราชการซึ่งมีทั้งข้าราชการ ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ และพนักงานราชการ ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์การเบิกค่าเช่าที่พักในลักษณะเหมาจ่ายและลักษณะจ่ายจริง โดยอัตราค่าเช่าที่พักให้เบิกตามบัญชี ๓ ท้ายระเบียบ ๑.๔ แก้ไขชื่อตำแหน่งให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ สำหรับการเบิกจ่ายค่าพาหนะเดินทางโดยรถไฟ ๑.๕ แก้ไขชื่อตำแหน่งให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ สำหรับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศกรณีเดินทางไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับหัวหน้าคณะ ๑.๖ แก้ไขให้ผู้เดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวสามารถเบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้ทุก ๒ ปี นับจากปีที่ได้รับค่าเครื่องแต่งตัว ๑.๗ แก้ไขตำแหน่งข้าราชการในบัญชีหมายเลข ๒, ๓, ๖, ๗, ๘ และ ๑๐ ท้ายระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ (ร่างข้อ ๙) ทั้งนี้ ปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักร (บัญชีหมายเลข ๒) และปรับอัตราค่าเช่าที่พักในราชอาณาจักร (บัญชีหมายเลข ๓) ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เกี่ยวกับกรณีการเดินทางไปราชการเป็นหมู่คณะ โดยเฉพาะในการเดินทางไปราชการในต่างประเทศต้องพักแรมรวมกันสองคนต่อหนึ่งห้อง โดยให้เบิกค่าเช่าที่พักได้เท่าที่จ่ายจริงในอัตราค่าเช่าห้องพักคู่คนละไม่เกินร้อยละเจ็ดสิบของอัตราค่าเช่าห้องพักคนเดียว เนื่องจากโรงแรมในต่างประเทศส่วนใหญ่มีห้องพักขนาดเล็กและจัดห้องพักในลักษณะเตียงเดี่ยว โดยห้องพักซึ่งเป็นเตียงเดี่ยวสองเตียงมีจำนวนน้อยหรือแทบไม่มีเลย การกำหนดให้ข้าราชการดังกล่าวต้องพักรวมกันสองคนจะไม่สะดวกในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ การกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวและค่าใช้จ่ายอื่น ควรปรับปรุงแก้ไขให้สามารถใช้บริการของเอกชนในการอำนวยความสะดวก เช่น จัดหายานพาหนะและที่พักให้แก่ข้าราชการที่เดินทางไปราชการในต่างประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาความเหมาะสมจำเป็นในการปรับปรุง แก้ไข กฎหมายในเรื่องนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
360 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการ คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... | กก | 28/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการ คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดอัตราการรับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ๒. กำหนดอัตราการรับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งของประธานอนุกรรมการ รองประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ๓. กำหนดให้กรณีที่กรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งเป็นการแต่งตั้งโดยตำแหน่งไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แต่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นเข้าร่วมประชุมแทน โดยทำเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานการมอบหมาย ให้ถือว่าผู้ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการ หรืออนุกรรมการแทนผู้ดำรงตำแหน่งนั้น ๆ และมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับกรรมการ หรืออนุกรรมการ ๔. กำหนดให้ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ได้รับประโยชน์ตอบแทนอื่นเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยให้นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และระเบียบกระทรวงการคลัง ซึ่งออกตามความในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มาใช้บังคับโดยอนุโลม และกำหนดให้กรรมการที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการพลเรือนตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง และให้อนุกรรมการที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการพลเรือนตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น สำหรับประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการ รองประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการที่เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ได้รับตามสิทธิของตนที่มีสิทธิได้รับจากทางราชการ
|