ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 66 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 1313 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | รายงานความคืบหน้าแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบบริหารเงินนอกงบประมาณ | กค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบบริหารเงินนอกงบประมาณ ซึ่งมีความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ในภาพรวมมากกว่าร้อยละ ๘๐ โดยมีโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน ๑๐ โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓ โครงการ และยกเลิกดำเนินการเนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๒ โครงการ สรุปสาระสำคัญของผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ได้ดังนี้ ๑.๑. ยุทธศาสตร์ด้านการกำกับดูแล ประกอบด้วย ๑.๑.๑ โครงการพัฒนาระบบการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณในรูปแบบคณะกรรมการ อยู่ระหว่างการกำหนดแนวทางการพิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนกรมบัญชีกลาง เพื่อใช้เป็นกรอบการพิจารณาแต่งตั้งผู้แทนเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารเงินนอกงบประมาณ และการจัดทำร่างข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดตั้ง การบริหารจัดการและการประเมินผลทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๑.๑.๒ โครงการพัฒนาระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ได้จัดทำรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีงบบัญชี ๒๕๔๗-๒๕๕๓ พร้อมทั้งเสนอแนวทางปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนเสนอคณะรัฐมนตรีแล้ว และอยู่ระหว่างจัดทำร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ๑.๑.๓ โครงการพัฒนาระบบประเมินสถานะการเงินของเงินนอกงบประมาณและการนำส่งเงินนอกงบประมาณส่วนเกินเป็นรายได้แผ่นดิน ได้จัดทำข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการให้องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖ ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์การนำเงินรายได้สะสมเกินความจำเป็นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ๑.๑.๔ โครงการพัฒนาระบบบริหารทะเบียนบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ ได้จัดทำระบบบริหารทะเบียนบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ และได้จัดให้มีการอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยจะมีการขยายผลให้ครอบคลุมถึงการให้บริการผ่านระบบ Web Services พร้อมทั้งเชื่อมโยงบูรณาการร่วมกับระบบงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบ GFMIS ๑.๑.๕ โครงการพัฒนาระบบบริหารบัญชีเงินฝาก ได้ดำเนินการสำรวจและปิดบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่หมดความจำเป็นในส่วนภูมิภาคในระบบ GFMIS จำนวน ๑,๕๘๖ บัญชี ส่งผลให้การบริหารเงินนอกงบประมาณประเภทเงินฝากกระทรวงการคลังเกิดประโยชน์ต่อทางราชการมากยิ่งขึ้น ๑.๑.๖ โครงการพัฒนากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณ อยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายฉบับแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมและยุบเลิกทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยร่วมมือกับมูลนิธิสถาบันวิจัยกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ศึกษาวิเคราะห์การจัดทำร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... รวมทั้งได้ประมวลแนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ๑.๑.๗ โครงการศึกษาและพัฒนาโครงสร้างองค์กรให้มีความพร้อมในการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณ กรมบัญชีกลางได้มีการปรับโครงสร้างจากกลุ่มพัฒนาเงินนอกงบประมาณ เป็นสำนักกำกับและพัฒนาระบบเงินนอกงบประมาณ ๑.๑.๘ โครงการปรับปรุงระบบงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารเงินนอกงบประมาณ ได้จัดทำแนวทางปฏิบัติกระบวนการให้บริการทางเครือข่ายสารสนเทศ (E-mail Address) ซึ่งจะสามารถอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานกับทุนหมุนเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น ๑.๒. ยุทธศาสตร์ด้านสารสนเทศ ได้ยุติการดำเนินการเนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลระบบบริหารเงินนอกงบประมาณ (e-Nonbudgeting) และโครงการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานด้านระบบสารสนเทศการบริหารเงินนอกงบประมาณ ๑.๓. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากร ประกอบด้วย ๑.๓.๑ โครงการพัฒนาการจัดทำองค์ความรู้ด้านการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณ ได้มีการศึกษาและกำหนดหัวข้อองค์ความรู้เรื่องเงินฝากบูรณะทรัพย์สิน และจัดทำหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินแจ้งเวียนส่วนราชการถือปฏิบัติ พร้อมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กับบุคลากรในสำนักในลักษณะ Coffee Talk เป็นประจำทุกสัปดาห์ ๑.๓.๒ โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณในส่วนภูมิภาค ได้จัดทำโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณในส่วนภูมิภาค โดยจัดประชุมสัมมนาภายในสำนักงานคลังเขต ๖ และเขต ๙ จำนวน ๑๖ จังหวัด โดยจะมีการขยายผลการดำเนินการให้ครอบคลุมทั้งประเทศโดยเร็วต่อไป ๑.๓.๓ โครงการพัฒนาสมรรถนะเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางในฐานะที่ปรึกษาในการบริหารระบบเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานของรัฐ ได้ดำเนินการตามโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการบริหารความเสี่ยง เพื่อเป็นการอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรภายในหน่วยงาน ๑.๓.๔ โครงการจัดประชุมสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านการประเมินผลการดำเนินงานเงินนอกงบประมาณเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ได้จัดประชุมสัมมนาและชี้แจงหลักเกณฑ์การประเมินผลแก่เจ้าหน้าที่ของทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จัดประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การประเมินผลตัวชี้วัดร่วมด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน และจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการบริหารความเสี่ยงให้แก่เจ้าหน้าที่ทุนหมุนเวียน จำนวน ๓ รุ่น ๑.๓.๕ โครงการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๐" ได้จัดฝึกอบรมและชี้แจงการจัดทำรายงานฯ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดหน่วยงานให้จัดส่งรายงานฯ ให้ครบถ้วน เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณากฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการจัดทำรายงานฯ เพื่อใช้เป็นมาตรการให้คณะรัฐมนตรีสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๑๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้อย่างครบถ้วน ถูกต้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย (มติคณะรัฐมนตรี ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ในการรายงานครั้งต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
282 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร04 | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีหน่วยงานกลางบริหารจัดการข้อมูลและระบบภูมิสารสนเทศและแผนที่กลางของประเทศ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
283 | ร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศย | 04/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เกี่ยวกับการเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรมตามร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และขออนุมัติใช้งบกลาง สำหรับรายการเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีประเด็นอภิปรายและมติ ดังนี้ ๑.๑ โครงสร้างเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการศาลยุติธรรมไม่มีการปรับมาเป็นระยะเวลา ๑๖ ปี โดยการปรับครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ดังนั้น คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) จึงได้มีการพิจารณาทบทวนโครงสร้างบัญชีเงินเดือนเพื่อขอปรับค่าครองชีพชั่วคราวให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและอัตราค่าตอบแทนของบุคลากรสำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน โดยผู้พิพากษาชั้นต้น (ชั้น ๒) ปรับเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว เป็น ๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน ผู้พิพากษาประจำศาล ปรับเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว เป็น ๑๖,๓๓๐ บาทต่อเดือน ผู้ช่วยผู้พิพากษา ปรับเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว เป็น ๑๗,๔๔๐ บาทต่อเดือน และดะโต๊ะยุติธรรม ปรับเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว เป็น ๑๖,๓๓๐ บาทต่อเดือน ๑.๒ ที่ประชุมพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสมของโครงสร้างเงินเดือนใหม่ ประกอบกับตามการเพิ่มเงินค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรมตามร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับรายการเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม จำนวน ๑๔๔,๔๖๑,๑๐๔ บาท จึงเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาใช้เงินเหลือจ่ายของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรไปแล้ว ทั้งนี้ หากเงินเหลือจ่ายของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรไปตามปีงบประมาณ ไม่เพียงพอสำหรับรายการเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม ให้ทำเรื่องขอจัดสรรเงินงบกลางต่อไป ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาใช้เงินเหลือจ่ายของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรไปแล้ว หากไม่เพียงพอให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
284 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับรองและเสริมสร้างสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินของชุมชน พ.ศ. .... | นร01 | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ความมั่นคง การพัฒนาสังคม และแรงงาน) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับรองและเสริมสร้างสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินของชุมชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้ประชาชนที่รวมตัวกันเป็นชุมชนอย่างต่อเนื่อง มีสิทธิได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐที่ชุมชนได้ครอบครองใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยและการใช้ประโยชน์ในที่ดินของชุมชน รวมทั้งเสริมสร้างชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน) เสนอ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ความมั่นคง การพัฒนาสังคม และแรงงาน) เสนอ และให้ส่งร่างระเบียบฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับพื้นที่ที่เกิดปัญหาข้อเรียกร้องเกี่ยวกับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเมื่อผลการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบเป็นที่ยุติแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
285 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตให้ส่งออกน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตให้ส่งออกน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายมีอำนาจในการออกประกาศหรือระเบียบปฏิบัติรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และการให้บริการผู้ประกอบการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และรองรับการออกใบอนุญาตและใบรับรองเพื่อการส่งออกน้ำตาลทรายผ่านระบบ National Single Window ได้ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
286 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขข้อ ๔ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายเป็นรองประธานกรรมการอีกหนึ่งคน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการอีกตำแหน่งหนึ่ง จะมีผลทำให้คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญา (คทป.) มีรองประธานกรรมการสองคน จึงจำเป็นต้องกำหนดรองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง และรองประธานกรรมการคนที่สองให้ชัดเจน รวมทั้งควรแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องการประชุมของ คทป. ตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๗ วรรคสอง ของระเบียบฯ เพื่อให้รองรับกันด้วยว่า “ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการคนที่หนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถ้ารองประธานกรรมการคนที่หนึ่งไม่มาประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการคนที่สองทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถ้ารองประธานกรรมการทั้งสองคนไม่มาประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมฯ นอกจากนี้ เนื่องจากองค์ประกอบของ คทป. มีจำนวนมาก การใช้รูปแบบการจัดเรียงลำดับโดยแยกกรรมการโดยตำแหน่งแต่ละตำแหน่งอย่างชัดเจนจะทำให้เนื้อหาไม่กระชับ ซึ่งแตกต่างไปจากรูปแบบแบบการร่างกฎหมายของสำนักงานฯ ที่จะจัดเรียงลำดับตำแหน่งกรรมการตามประเภทของกรรมการซึ่งจะทำให้เนื้อหากระชับขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
287 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. .... | ทส | 09/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดนิยามคำว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืน” “คณะกรรมการ” และ “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” ๑.๒ กำหนดให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กำกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รองประธานกรรมการ คนที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รองประธานกรรมการ คนที่ ๒ ปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านกฎหมาย ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นกรรมการ และกำหนดให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ ๑.๓ กำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระคราวละสี่ปี และกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ กำหนดให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมีอำนาจหน้าที่ ได้แก่ กำหนดนโยบาย กรอบทิศทาง และยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศให้ครอบคลุมมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ กำกับและขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการอนุวัตตามผลลัพธ์ของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๒๑ (United Nations Conference On Sustainable Development : UNCSD) แผนปฏิบัติการ ๒๑ (Agenda 21) แผนการปฏิบัติการโจฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg Plan of Implementation : JPOI) และข้อตกลง/ผลลัพธ์จากการประชุมระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) และเป้าหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน กำหนดแนวทางและท่าทีการเจรจาในการประชุมสุดยอดของโลกที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และการประชุมระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นต้น ๑.๕ กำหนดให้ค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทน รวมทั้งค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และที่ปรึกษา ให้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกรอบแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนที่จะมีขึ้นต่อไป ควรบูรณาการกับยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เพื่อให้การพัฒนาที่ยั่งยืนมีความสมดุลครอบคลุมทุกมิติและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ ส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนตัวแทนของภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการทำงานในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Partnership) ในการผลักดัน/ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป และควรปรับปรุงหมวดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยระบุให้การกำหนดนโยบาย กรอบทิศทาง และยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อให้นโยบาย กรอบทิศทาง และยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ และยุทธศาสตร์ประเทศ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงานรัฐและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและภาคประชาสังคม นอกจากนี้ การดำเนินงานของคณะกรรมการ ควรให้ครอบคลุมประเด็นที่มีความเร่งด่วน อาทิ การกำหนดแนวทางและท่าทีการเจรจาในการเข้าร่วมกระบวนการหารือในระดับรัฐบาลเพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) และการหารือระดับสูงทางการเมืองว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ทันตามกรอบเวลาที่เวทีระหว่างประเทศกำหนดไว้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
288 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... และร่างระเบียบกรมราชองครักษ์ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กห | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบกรมราชองครักษ์ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการประกาศใช้บังคับต่อไป เมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
289 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยวิธีการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ พ.ศ. .... | อก | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยวิธีการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยวิธีการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ ๒. กำหนดนิยามของคำวา “น้ำตาลทราย” “น้ำตาลทรายที่ได้คุณภาพ” “น้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ” “น้ำตาลทรายเสื่อมคุณภาพ” “โรงงานน้ำตาลทราย” และ “การปรับปรุงคุณภาพ” ๓. กำหนดวิธีการดำเนินการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพในขณะทำการผลิตและที่เสื่อมสภาพภายหลังการผลิต ๔. กำหนดอัตราค่าสูญเสียในการปรับปรุงคุณภาพน้ำตาลทราย โดยให้ค่าใช้จ่ายและความสูญเสียในการปรับปรุงคุณภาพตกเป็นภาระแก่โรงงานน้ำตาลทราย โดยน้ำตาลทรายดิบ อัตราค่าสูญเสียร้อยละ ๑ น้ำตาลทรายขาว อัตราค่าสูญเสียร้อยละ ๔ และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ อัตราค่าสูญเสียร้อยละ ๓ |
|||||||||||||||||||||||||||
290 | การปรับปรุงโครงสร้างและการกำกับดูแลส่วนงานในการบริหารจัดการน้ำ [ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพัสดุในการดำเนินโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ] | นร09 | 29/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างระเบียบและร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพัสดุในการดำเนินโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะประสานงานกับสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติเพื่อให้ทราบวงเงินการก่อหนี้ผูกพัน และให้กระทรวงการคลังดำเนินการก่อหนี้ผูกพันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
291 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. 2554 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร04 | 29/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การใช้จ่ายเงินกองทุน อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารกองทุน การจัดทำบัญชีและการส่งงบประมาณ เพิ่มเติมการโอนกิจการ สิทธิ หนี้ และงบประมาณ ๑.๒ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่กองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้หมดความจำเป็นต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งแล้ว ควรดำเนินการจัดให้มีการประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หน่วยงานรับผิดชอบทุนหมุนเวียน) สำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลาง เพื่อพิจารณายุบเลิกกองทุนฯ ให้เป็นไปตามตามนัยมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๓ และในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพนั้น นอกเหนือจากการมีกลไกการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีเอกภาพแล้ว กลไกนั้นจะต้องมีการบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพและคล่องตัว โดยให้ความสำคัญเร่งด่วนกับการออกแบบรูปแบบองค์กรที่เหมาะสมที่จะสามารถมีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศในอนาคต รวมทั้งเร่งรัดการจัดตั้งองค์กรดังกล่าวด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
292 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... | นร11 | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการ รวมทั้งความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ อาจมีปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานในทางปฏิบัติ เนื่องจากส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะไปให้บริการภายในศูนย์การให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างมีเอกภาพ ส่วนหน่วยงานที่ประสงค์จะรับผิดชอบเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในขั้นตอนการจัดทำร่างแผนแม่บท ควรบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตลอดจนภาคีพัฒนาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากร่างแผนแม่บทมีประเด็นรายละเอียดการดำเนินงานค่อนข้างมาก นอกจากนี้ นโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจะต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงควรกำหนดให้มีผู้แทนจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ให้แก้ไขคำนิยาม “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ” ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ไม่ได้มีการค้าบริเวณพรมแดนด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว ให้นำเรื่องเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดมาพิจารณาดำเนินการเป็นลำดับแรก |
|||||||||||||||||||||||||||
293 | การปรับปรุงโครงสร้างและการกำกับดูแลส่วนงานในการบริหารจัดการน้ำ [ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ เกี่ยวกับการพัสดุในการดำเนินโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | นร | 15/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้แก้ไขถ้อยคำในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ จาก “จัดหาเงินกู้” เป็น “จัดสรรเงินกู้” ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕ [เรื่อง ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๕] ที่เห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นส่วนราชการเจ้าของโครงการ ตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เสนอ ๓. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นส่วนราชการเจ้าของโครงการ ตามที่ กบอ. เสนอ ๔. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพัสดุในการดำเนินโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามที่ กบอ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับส่วนราชการที่จะดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ควรมอบหมายให้ส่วนราชการระดับกรมที่มีภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้องานเป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดโครงการ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กบอ. ให้ชัดเจนเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน รวมทั้งแก้ไขความในร่างระเบียบฯ จาก “...ให้มีสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า “สบอช.” เป็นส่วนราชการภายในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี...” เป็น “...ให้มีสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า “สบอช.” เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี...” และแก้ไขความข้อ ๑๒ (๓) จากเดิม “(๓) ทำหน้าที่เป็นส่วนราชการเจ้าของโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำ...” เป็น “(๓) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำ...” รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำทุกแห่งของร่างประกาศฯ จากคำว่า “ส่วนราชการเจ้าของโครงการ” เป็น “หน่วยงานเจ้าของโครงการ” และคำว่า “หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของโครงการ” เป็น “หัวหน้าหน่วยงานเจ้าของโครงการ” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๕. สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนของการดำเนินงานของ สบอช. ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณผ่านสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ที่จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อมีการโอนการดำเนินการไปเป็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
294 | สรุปผลการประชุมคณะทำงานส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน | พณ | 08/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะทำงานส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน และการประชุมคณะทำงานย่อยแต่ละยุทธศาสตร์ ระหว่างวันที่ ๑๗ กันยายน-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การวางกรอบยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าและการลงทุนไปตลาดประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน ๕ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อนบ้าน แผนปฏิบัติการนำร่อง โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนร่วมแม่สอด-เมียวดี ๑.๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การส่งเสริมการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น แผนปฏิบัติการนำร่อง โครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยย้ายหรือขยายการลงทุนอุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าไปขยายการลงทุนในราชอาณาจักรกัมพูชา ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ความมั่นคงทางอาหารที่ผลิตในประเทศหนึ่งและนำไปแปรรูปจำหน่ายอีกประเทศหนึ่ง (ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย ปศุสัตว์ ไก่ หมู) แผนปฏิบัติการนำร่อง โครงการความร่วมมือสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยด้านอาหารร่วมกัน เพื่อให้กลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ผลิตอาหารหลักเลี้ยงทวีปเอเชีย ๑.๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ด้านการท่องเที่ยว การบริการในประเทศเพื่อนบ้าน โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนด้านโรงแรม โรงพยาบาล แผนปฏิบัติการนำร่อง โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค ๓ เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางเชื่อมมรดกโลก : โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค เส้นทางเชื่อมมรดกโลก-สุโขทัย-หลวงพระบาง-พุกาม-เสียมราฐ เส้นทางสามเหลี่ยมมรกต : โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค เส้นทางสามเหลี่ยมมรกต ไทย-ลาว-กัมพูชา และเส้นทาง ๕ เชียง : โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค เส้นทาง ๕ เชียง (เชียงตุง เชียงรุ้ง เชียงใหม่ เชียงราย เชียงของ) ๑.๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ TETRO (JETRO OF THAILAND) เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักลงทุนไทยไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน แผนปฏิบัติการนำร่อง ศึกษาโครงสร้างและการบริหารงานของ JETRO เพื่อจัดตั้ง TETRO ๑.๒ ประเด็นพิจารณาที่สำคัญ ๑.๒.๑ การอำนวยการความสะดวกทางการค้าไทย-เมียนมาร์ ๑.๒.๑.๑ ให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการซ่อมสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ (แม่สอด-เมียวดี) แห่งที่ ๑ ให้แล้วเสร็จตามกำหนดสัญญาในเดือนเมษายน ๒๕๕๗ และให้เทศบาลนครแม่สอดพิจารณาลงทุนจัดสร้างสถานที่ขนถ่ายสินค้าบริเวณถนนที่จะเข้าสู่สะพานฯ แห่งที่ ๑ ๑.๒.๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในการเร่งก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่งที่ ๒ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงการขนส่งทางถนนต่อไปถึงเมืองกอกะเร็กของเมียนมาร์อย่างเป็นระบบและครบวงจร ๑.๒.๑.๓ ให้กรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม เร่งพิจารณาดำเนินการขยายสนามบินแม่สอดให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อรองรับการเติบโตด้านการขนส่งและการท่องเที่ยว ๑.๒.๒ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนแม่สอด-เมียวดี ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งการพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบฯ คือ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีหน้าที่ในการจัดทำแผนแม่บทและการกำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมจะเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งพัฒนาระบบการให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จที่สอดคล้องกับระบบ ASEAN Single Window ๑.๒.๓ การส่งเสริมสนับสนุนให้นักลงทุนไทยในอุตสาหกรรม สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า ฯลฯ ย้ายฐานการผลิตไปราชอาณาจักรกัมพูชา ภาครัฐจะจัดคณะนำนักลงทุนไทยไปสำรวจพื้นที่และเจรจาขอการสนับสนุนจากราชอาณาจักรกัมพูชา ในนิคมอุตสาหกรรมโอเนียงและนิคมอุตสาหกรรมศรีโสภณ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ ๑.๒.๔ การสนับสนุนการลงทุนด้านแหล่งกระจายสินค้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงการคลัง เร่งรัดโครงการนำร่องในการจัดตั้ง Container Yard ณ ท่านาแล้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้างทางรถไฟท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒.๕ การดำเนินงานตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง Cross Border Transport Agreement (GMS/CBTA) เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทั้งข้ามแดนและผ่านแดน เร่งรัดกระทรวงคมนาคม และกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ผลักดันการออกกฎหมายที่ค้างอยู่ ๕ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการรับขนของทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการรับขนคนโดยสารและสัมภาระทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในเรื่องเกี่ยวกับข้อบทว่าด้วยการผ่านแดน) และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่าด้วยการอนุตามความตกลง (CBTA) ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศได้ให้สัตยาบันต่อภาคผนวกและพิธีสารครบทั้ง ๒๐ ฉบับ คงเหลือไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ที่ลงนามยังไม่สมบูรณ์ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค จำนวน ๓ เส้นทาง จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยว แหล่งโบราณสถานต่าง ๆ หรือกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชน และให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือคนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกระบวนการดำเนินการโครงการต่าง ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
295 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2555 | นร11 | 08/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กบส. เสนอ ดังนี้
๑. (ร่าง) กรอบทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ที่ประชุมมีมติ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) กรอบทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ฯ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์หลัก ๖ ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการค้าและโลจิสติกส์เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าและบริการภายในประเทศและเชื่อมไปสู่ตลาดคู่ค้าสำคัญ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกทางการค้าและโลจิสติกส์เพื่อกระตุ้นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การเพิ่มศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสาขาการผลิตเป้าหมายของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนากำลังคนและระบบข้อมูลด้านโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การสร้างความร่วมมือของโซ่อุปทานระหว่างภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคการผลิตของประเทศ และยุทธศาสตร์ที่ ๖ การพัฒนาเส้นทางการค้าและช่องทางการกระจายสินค้าและบริการหลักของประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดคู่ค้าหลัก ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของ กบส. เกี่ยวกับการกำหนดตัวชี้วัด (KPI) และระยะเวลาการติดตามประเมินผลที่ชัดเจน การกำหนดให้มีหน่วยงานหลักรับผิดชอบการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และบูรณาการแผนงานโครงการเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการจัดสรรงบประมาณและสามารถแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติได้จริง การกำหนดแนวทางการส่งเสริมการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งเพื่อประหยัดพลังงาน การพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในกระบวนการโลจิสติกส์ให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Logistics) เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการ การพัฒนาระบบสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า (Soft Infrastructure) ณ บริเวณด่านการค้าชายแดน การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ การพัฒนาบุคลากรในระดับปฏิบัติการที่ขาดแคลน การพัฒนาในลักษณะกลุ่มคลัสเตอร์ (Cluster) ควบคู่กับการพัฒนาเชื่อมโยงในโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของภาคการผลิต การถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญทั้งจากในและนอกประเทศ การพัฒนาระบบข้อมูลและเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นต้น ไปประกอบการปรับปรุงยุทธศาสตร์ดังกล่าว ให้มีความสมบูรณ์และนำเสนอคณะกรรมการ กบส. เพื่อพิจารณาต่อไป ๒. แนวทางการปรับปรุงกระบวนการให้บริการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ที่ประชุมมีมติ ๒.๑ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงกระบวนการให้บริการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW ของคณะอนุกรรมการการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้าการส่งออกโลจิสติกส์ โดย ๒.๑.๑ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานออกใบอนุญาต/ใบรับรองนำเข้า-ส่งออกกับระบบ NSW (G2G) ปัจจุบันมีการส่งผ่านข้อมูลเฉลี่ยเดือนละ ๖ ล้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ มีหน่วยงานที่เชื่อมโยงข้อมูลอย่างเป็นทางการกับระบบ NSW จำนวน ๑๑ หน่วยงาน มีหน่วยงานที่อยู่ระหว่างทดสอบระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ NSW จำนวน ๙ หน่วยงาน และอยู่ระหว่างดำเนินโครงการนำร่อง ASEAN Single Window เชื่อมโยงข้อมูลใบขนสินค้าของอาเซียนและใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าของอาเซียน ๒.๑.๒ การปรับปรุงกฎระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะอนุกรรมการฯ ได้เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำกับให้ส่วนราชการดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสารระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ ๒.๑.๓ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนงบประมาณและบุคลากร ICT กรมศุลกากรได้รวบรวมปริมาณความต้องการบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์และระบบงานเพิ่มเติม พร้อมประสานให้อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) ของทุกส่วนราชการเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณาจัดสรรกำลังคน ซึ่ง คปร. ได้พิจารณาจัดสรรอัตรากำลังคนสำหรับการพัฒนาระบบ NSW บางส่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้ส่วนราชการได้รับทราบแล้ว ๒.๒ ให้กระทรวงการคลังประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือในรายละเอียดของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ดังกล่าว เพื่อให้การเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสารระหว่างหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งมีความชัดเจนในทางปฏิบัติและให้นำเสนอคณะกรรมการ กบส. เพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
296 | ร่างระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ. .... | ศธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกระเบียบ ก.ค. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ. ๒๕๓๙ ๑.๒ กำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษที่จ่ายควบกับเงินเดือนในอัตราเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท ๑.๓ กำหนดให้การได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการจ่ายเงิน การงดจ่ายเงินและการส่งเงินคืนเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ๑.๕ กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษอยู่แล้วในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตามระเบียบนี้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อกำหนดในร่างระเบียบฯ โดยกำหนดกรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ใดมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มฯ หลายอัตรา ให้ได้รับเงินเพิ่มฯ ในอัตราที่สูงสุดเพียงอัตราเดียว และให้จ่ายเป็นรายเดือนในลักษณะจ่ายควบกับเงินเดือน แต่ไม่นำไปรวมคำนวณกับบำเหน็จบำนาญ รวมทั้งแก้ไขบทนิยามคำว่า “คนพิการ” “ครูการศึกษาพิเศษ” และ “ครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม” ให้สอดคล้องกับบทนิยามในพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
297 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ดังนี้
๑. เพิ่มเติมผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ ๒. เพิ่มเติมผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (๑ ท่าน) เป็นกรรมการ ๓. เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ "ให้มีอำนาจในการผลักดันการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามนโยบายและแผนที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งกำกับดูแลการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง" ทั้งนี้ สามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการฯ ทราบเป็นระยะๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
298 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... | กค | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ส่วนราชการและจังหวัดต่าง ๆ สามารถดำเนินการในการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินและสามารถตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายเงินทดรองราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ การประกาศให้ท้องที่ใดที่เกิดภัยพิบัติเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ รวมทั้งให้อำนาจใช้จ่ายเงินทดรองราชการ ภายในวงเงินไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท ในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติที่คาดหมายว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นในเวลาอันใกล้และจำเป็นต้องรีบแก้ไขโดยฉับพลันได้ โดยไม่ต้องประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ นั้น เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมของระดับภัยพิบัติและความเชื่อมโยงกับข้อมูลของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ด้วย ๒.๒ ควรเพิ่มผู้แทนหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติโดยตรง เช่น ผู้แทนของกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมเจ้าท่า และการรถไฟแห่งประเทศไทย) ร่วมเป็นกรรมการใน ก.ช.ภ.จ. ด้วย ๒.๓ ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่กำหนดให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่าย โดยให้คำนึงถึงวงเงินและต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
299 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ กำหนดนิยามคำว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” หมายความว่า แนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ การศึกษาวิจัย การสร้างสรรค์งาน และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา ที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรมการสั่งสมความรู้ของสังคม เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ และ “ธุรกิจสร้างสรรค์” หมายความว่า ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ที่ก่อให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ๑.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (กศส.) มีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบการจัดสรรเงินกองทุน กำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เสนอแนะมาตรการด้านการเงิน การคลัง การภาษีอากร รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย และเสนอรูปแบบองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ๑.๔ กำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (สศส.) เป็นหน่วยงานภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กศส. และให้ กศส. แต่งตั้งผู้อำนวยการ สศส. ๑.๕ กำหนดให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลืออุดหนุนการดำเนินการตามนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ วิจัยและพัฒนาของธุรกิจสร้างสรรค์ ร่วมมือกับองค์การหรือหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของสำนักงานและการบริหารกองทุน และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ ๑.๖ กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการ สศส. เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และนโยบายในการบริหารเงินกองทุน พิจารณาการจัดสรรเงินกองทุน พิจารณากลั่นกรองและอนุมัติแผนงานและโครงการภายใต้กรอบการจัดสรรเงินกองทุน ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการโอนเงินกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีอยู่เดิม จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปไว้ที่สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ ควรกำหนดบทเฉพาะกาลเพิ่มเติมเพื่อให้มีความชัดเจนและสามารถบริหารจัดการเงินกองทุน ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทนและประโยชน์อื่นของ กศส. คณะกรรมการบริหาร และสำนักงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ กศส. คณะกรรมการบริหาร และสำนักงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน นอกจากนี้ เห็นควรปรับคำนิยามของ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ให้มีความชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับ “การพัฒนา” มากกว่าการเป็นเพียง “แนวคิด” และคำนิยามของ “ธุรกิจสร้างสรรค์” ควรครอบคลุมถึงการนำเสนอในรูปแบบใหม่ด้วย อีกทั้งธุรกิจสร้างสรรค์ควรมีจุดเน้นที่การสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ทางเศรษฐกิจ ไม่ควรจำกัดเพียงการสร้างสรรค์ “คุณค่า” เท่านั้น ควรระบุสถานะและบทบาทของ สศส. ที่จะจัดตั้งขึ้นให้ชัดเจนหลังจากมีองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์แล้ว รวมทั้งปรับแก้ถ้อยคำในประเด็นของอำนาจหน้าที่ กศส. ที่กำหนดว่า “กำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี” เป็น “เสนอแนะการกำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต่อคณะรัฐมนตรี” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในอำนาจหน้าที่ของ กศส. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
300 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ. 2534) | พณ | 30/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังนี้
๑. แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โดยเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ด้านการตลาด ด้านการผลิต หรือด้านการบริหารจัดการซึ่งแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จำนวนไม่น้อยกว่าสองคนแต่ไม่เกินสี่คน เป็นกรรมการ ๒. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ |
.....