ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 14 จากทั้งหมด 66 หน้า แสดงรายการที่ 261 - 280 จากข้อมูลทั้งหมด 1313 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
261 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. .... | กค | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายกลางเพื่อใช้บังคับกับทุกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ โดยหน่วยงานทุกแห่งจะต้องจัดทำระบบงานเป็นอิเล็กทรอนิกส์ และปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการดำเนินการเพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีในความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบในหลักการให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินโครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ให้รัฐสามารถให้บริการประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙๑/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้การดำเนินการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล และหน่วยงานของรัฐและการค้าและบริการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ เสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเร่งดำเนินการจัดทำแผนงานและมาตรการ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน โดยให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||||||||
262 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ปรับอัตราขั้นสูง-ขั้นต่ำของการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวใหม่ ให้มีผลใช้บังคับเป็น ๒ ระยะเวลา ๑.๑ ระยะที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๘,๖๑๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๑.๒ ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๙,๐๐๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๒. ปรับอัตราเงินค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น ในอัตราร้อยละ ๕ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป โดยยกเลิกบัญชีเงินค่าตอบแทนท้ายระเบียบฯ และกำหนดใหม่ |
|||||||||||||||||||||||||||
263 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สลธ.คสช. | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงินให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทราบ และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
264 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง สำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รายการเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม | ศย | 05/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเพิ่มเงินค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ผู้พิพากษาชั้น ๓-ชั้น ๕ และผู้พิพากษาอาวุโส) ตามร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จำนวน ๕๙๐,๔๒๑,๖๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๙๐,๔๒๑,๖๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนหรือเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระและองค์กรอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญ ให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม และมีการยึดโยงกันอย่างเหมาะสม เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวมีรายได้ที่เพียงพอและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และให้นำเรื่องนี้เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
265 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ปรับอัตราขั้นสูง-ขั้นต่ำของการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ให้มีผลใช้บังคับเป็น ๒ ระยะเวลา ๑.๑.๑ ระยะที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๘,๖๑๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๑.๑.๒ ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๙,๐๐๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๑.๒ กำหนดให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนได้รับเงินค่าตอบแทนตามบัญชีท้ายระเบียบฯ โดยได้รับเงินค่าตอบแทน ๑๓ ขั้น อัตราตั้งแต่ ๔,๘๗๐-๘,๔๕๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงระเบียบดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ จำนวน ๒๑๐,๕๐๔,๒๙๖ บาท ที่กรมการปกครองได้ขออนุมัติกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกระทรวงการคลังแล้ว และหากไม่เพียงพอก็ให้กรมการปกครองปรับแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาสมทบ โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
266 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในข้อ ๑๗ ซึ่งจากเดิมกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติอยู่ในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาเป็นให้สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติอยู่ในกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ๒. เพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาหรือคัดเลือกผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ๓. เพิ่มเติมบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ก่อนที่ระเบียบฉบับแก้ไขใหม่จะมีผลใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
267 | การบังคับใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับใหม่ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในสารัตถะของร่างระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับใหม่ หรือ Decision to Endorse the Amendment of Appendix 1 [Operational Certification Procedures (OCP) for Rules of Origin] ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง สำหรับร่างระเบียบปฏิบัติฯ มีวัตถุประสงค์อำนวยความสะดวกทางการค้ามากขึ้น โดยให้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติ แต่ไม่เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญตามพันธกรณีความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่ ๑.๑ การขยายอายุหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าจาก ๖ เดือน เป็น ๑๒ เดือน ๑.๒ การอนุญาตให้ผู้ส่งออกสามารถออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าก่อนเวลาที่ส่งออกจากเดิมที่อนุญาตให้ออกใบรับรองได้เฉพาะเวลาที่ส่งออกหรือหลังส่งออก ๑.๓ การอนุญาตให้การแก้ไขใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ผิดพลาด โดยการขีดฆ่าข้อความที่ไม่ต้องการและเพิ่มเติมข้อความที่ถูกต้องหรือออกใบรับรองฉบับใหม่ จากเดิมที่ให้แก้ไขจากฉบับเดิมเท่านั้น ๑.๔ การอนุญาตให้ไม่ต้องระบุราคาสินค้าที่ส่งมอบ ณ ท่าเรือ (Free On Board : FOB) [ยกเว้นกรณีที่ใช้เกณฑ์สัดส่วนมูลค่าการผลิตในภูมิภาค (Regional Value Content) ต้องระบุราคา FOB] จากเดิมที่ต้องระบุว่า FOB ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออกในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดเผยราคาของผู้ขายหรือผู้ผลิต ๒. เห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศและกรมศุลกากรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร่างระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกระทรวงการต่างประเทศแจ้งประเทศภาคีความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีว่า ไทยพร้อมที่จะดำเนินการบังคับใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับใหม่หลังจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินกระบวนการภายในแล้ว ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) และกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการไทยทราบถึงระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับใหม่ดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาในทางปฏิบัติ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีเพิ่มมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
268 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ ด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | กค | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... เพื่อเป็นกรอบกฎหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถออกระเบียบเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ตลอดจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการด้านการทำงานร่วมกันโดยมีวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบเดียวกันได้ คือ ระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งระบบดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานของระบบการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศ หรือ ASEAN Single Window (ASW) ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และให้คำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วย รวมทั้งควรกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจัดทำระบบของหน่วยงานต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดในเชิงปฏิบัติ เพื่อช่วยให้คำแนะนำหรือกำหนดกรอบแนวทางในการพัฒนา เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นควรให้มีการดำเนินงานในการบริหารจัดการระบบ NSW โดยทำในรูปแบบ PMO (Project Management Office) ที่มีบุคลากรจากส่วนงานสำคัญที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ เช่น กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมทำงานแบบเต็มเวลาเพื่อนำไปสู่การผลักดันระบบ NSW ที่มีความพร้อมและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทำหน้าที่เป็นหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการฯ เพื่อผลักดันนโยบายของคณะกรรมการฯ ให้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
269 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร11 | 05/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) โดยเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นกรรมการใน กนพ. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
270 | ร่างระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการให้ข้าราชการทหารอาวุโสได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 05/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการให้ข้าราชการทหารอาวุโสได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และบัญชีเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการทหารอาวุโสท้ายร่างระเบียบฯ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการให้ข้าราชการทหารอาวุโสได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยกำหนดเพิ่มเติมตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ให้อยู่ในความหมายของข้าราชการทหารอาวุโส และปรับปรุงบัญชีเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการทหารอาวุโส ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
271 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
๑. การกำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (hardship) หรือประเทศที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลซึ่งศึกษาในประเทศที่สาม รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เครือรัฐออสเตรีย และนิวซีแลนด์ ตามรายชื่อประเทศหรือเมืองที่กระทรวงการคลังกำหนด มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษาในต่างประเทศ ณ สถานศึกษานอกประเทศที่ผู้มีสิทธิมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับสิทธิของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศอื่น ๆ ๒. การกำหนดอัตราเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ ควรพิจารณาทบทวนเพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้กับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (hardship) หรือประเทศที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลซึ่งศึกษาในประเทศที่สาม รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เครือรัฐออสเตรีย และนิวซีแลนด์ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
272 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. .... | นร09 | 22/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการนำทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินส่งให้กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. กำหนดบทนิยามคำว่า “ทรัพย์สิน” และ “ตราสารทุน” ๓. กำหนดให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเก็บรักษาและจัดการทรัพย์สินในคดีที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแต่คดียังไม่ถึงที่สุดตามระเบียบที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีถึงที่สุด ๔. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการกับทรัพย์สิน กรณีศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินและคดีถึงที่สุด ๕. กำหนดให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามระเบียบนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
273 | ร่างระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวครอบครัวของผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 และการเรียกบัตรประจำตัวครอบครัวคืน พ.ศ. .... | มท | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวครอบครัวของผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๑ และการเรียกบัตรประจำตัวครอบครัวคืน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวทายาทผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน และการเรียกเหรียญกับบัตรประจำตัวทายาทคืน พ.ศ. ๒๕๑๔ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
274 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีบางฉบับ พ.ศ. .... | นร01 | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีบางฉบับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกระเบียบและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๓๗ ฉบับ เนื่องจากระเบียบและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีบางฉบับมีเนื้อหาขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บางฉบับได้มีการตรากฎหมายในภายหลังซึ่งครอบคลุมการปฏิบัติตามระเบียบและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว บางฉบับไม่มีการดำเนินการหรือไม่มีความจำเป็นต้องมีระเบียบและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว และบางฉบับกำหนดขอบเขตระยะเวลาการใช้บังคับไว้แน่นอน ย่อมสิ้นผลเมื่อพ้นระยะเวลาการใช้บังคับตามที่กำหนดแล้ว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
275 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 17/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ ในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากเดิมที่กำหนดให้มีจำนวนไม่เกิน ๑๒ คน เป็นให้มีจำนวนไม่เกิน ๑๕ คน และให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๔ อีก ๒ ปี จากเดิมที่กำหนดระยะเวลาใช้บังคับไว้ ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งจะสิ้นสุดการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาโดยด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติในส่วนที่จะต้องดำเนินการในปี ๒๕๕๗ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรง สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
276 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2556 | นร11 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กบส. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กบส. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ ซึ่งมีมติรับทราบและเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ความคืบหน้าการดำเนินงานการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ รายงานภาพรวมต้นทุนโลจิสติกส์ของปี ๒๕๕๔ และแนวทางในการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศในระยะต่อไป แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ “การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการจัดการโซ่อุปทานเพื่อความสามารถในการแข่งขัน” และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... ๑.๒ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ดำเนินการปรับกรอบแผนยุทธศาสตร์ฯ ตามมติ กบส. แล้ว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ฯ และรายงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อบูรณาการการดำเนินการในภาพรวมต่อไป สรุปสาระสำคัญในการปรับกรอบแผนยุทธศาสตร์ฯ ได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ แผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับนี้ ยังคงหลักการและเหตุผลเดิมใน ๕ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ กรอบแนวคิดในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ ส่วนที่ ๒ การประเมินผลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่วนที่ ๓ การเปลี่ยนแปลงของบริบทภายในประเทศและภายนอกประเทศ ส่วนที่ ๔ สรุปประเด็นการพัฒนาในช่วง ๕ ปีข้างหน้า (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) และหลักการของแผนยุทธศาสตร์ฯ และส่วนที่ ๕ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ๑.๒.๒ มีการปรับปรุงยุทธศาสตร์และประเด็นกลยุทธ์การพัฒนาให้มีความกระชับมากขึ้น โดยยังคงเป้าหมายความสำเร็จ ๓ ประการ และ ๓ ภารกิจในการพัฒนา รวมทั้งปรับปรุงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่สามารถดำเนินการไปด้วยกันได้โดยไม่กระทบกับกรอบหลักการของแผนยุทธศาสตร์ฯ โดยปรับปรุงยุทธศาสตร์ ๙ ยุทธศาสตร์ เป็น ๗ ยุทธศาสตร์ และปรับปรุงกลยุทธ์ จาก ๓๑ กลยุทธ์ เป็น ๒๑ กลยุทธ์ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแปลงไปสู่แผนปฏิบัติการ ประสานการดำเนินการ และบูรณาการระหว่างหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการตลอดระยะเวลา ๕ ปี ของแผนยุทธศาสตร์ฯ ๑.๒.๓ เพิ่มเติมประเด็นการพัฒนาเพื่อให้แผนยุทธศาสตร์ฯ มีความสมบูรณ์มากขึ้น ได้แก่ ความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล และความเชื่อมโยงต่อการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ เพื่อให้การจัดทำแผนปฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ มีความชัดเจนในการกำหนดแผนงาน/โครงการพัฒนาและการขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี การกำหนดแนวทางการรองรับการหยุดชะงักของโซ่อุปทานจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการขนส่งสินค้า ความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกในระหว่างการขนส่ง และการกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานสนับสนุนเพิ่มเติมในแต่ละภารกิจและประเด็นยุทธศาสตร์ เพื่อให้มีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนสามารถวัดผลการดำเนินการตามแผนและการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ของแผนเป็นระยะ และสามารถปรับแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องสำหรับการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ของประเทศในระยะต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงวัฒนธรรม เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการตามข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่งทั้งที่ได้มีพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก อาเซียน และกรอบอนุภูมิภาค อาทิ Greater Mekong Subregion เช่น การเร่งกระบวนการออกกฎหมายรองรับและการปฏิบัติให้เป็นไปตาม ASEAN Single Window และ GMS Single Stop Inspection (SSI) โดยเร็ว การให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณตามแผนงานโครงการเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตร โดยเฉพาะการเพิ่มองค์ความรู้และทักษะในระดับฟาร์มของเกษตรกร การจัดตั้งศูนย์รวบรวมและกระจายการผลิตสินค้าเกษตร การพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้านสินค้าเกษตรตามด่านการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน การพิจารณาให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบขนส่งทางราง โดยเพิ่มความชัดเจนในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ การสนับสนุนการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้ในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่อุปทานในทุกสาขาการผลิต รวมทั้งการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความรู้ในเรื่องวิทยาการวิศวกรรมและการจัดการบริการ (Service Science, Managerment and Engineering : SSME) เพื่อให้เกิดนวัตกรรมในการให้บริการโลจิสติกส์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
277 | ร่างระเบียบคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2557 ว่าด้วยการเงินและงบประมาณ พ.ศ. 2556 และ ร่างระเบียบคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2557 ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2556 รวม 2 ฉบับ | กก | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างระเบียบ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างระเบียบคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ ว่าด้วยการเงินและงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ กำหนดหลักเกณฑ์การรับ เก็บรักษา และการจ่ายเงิน โดยเปิดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗” ชื่อบัญชี “ค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗” ชื่อบัญชี “ค่าใช้จ่ายดำเนินการของคณะกรรมการฝ่าย...” และชื่อบัญชี “ค่าใช้จ่ายดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗” และกำหนดให้การสั่งจ่ายเงินจากบัญชีให้กระทำได้เฉพาะการโอนไปยังบัญชีที่กำหนด ๑.๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรค่าใช้จ่ายดำเนินการ และกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกเงินค่าใช้จ่ายดำเนินการ ให้เบิกได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดไว้ท้ายร่างระเบียบฯ ๑.๑.๓ กำหนดให้คณะกรรมการฝ่ายในคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ มีหน้าที่จัดทำหลักฐานการใช้จ่ายเงิน จัดทำทะเบียนทรัพย์สิน การรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายเงิน และการจัดทำบัญชีแสดงรายรับ รายจ่าย และฐานะการเงิน ๑.๒ ร่างระเบียบคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. ๒๕๕๖ มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการซื้อหรือการจ้าง กระทำได้ ๕ วิธี ได้แก่ วิธีตกลงราคา วิธีสอบราคา วิธีประกวดราคา วิธีพิเศษ และวิธีกรณีพิเศษ และการดำเนินการซื้อหรือจ้างให้ถือปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยอนุโลม ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุเพื่อใช้ในการจัดการแข่งขันฯ จะต้องคำนึงถึงความเปิดเผย โปร่งใส และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม รวมทั้งการจัดสรรค่าใช้จ่ายดำเนินการ ควรมีการวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าและความเหมาะสมของการใช้จ่ายเงินงบประมาณ โดยคำนึงถึงเงินทั้งในและนอกงบประมาณที่จะได้รับจากผู้สนับสนุนการแข่งขันด้วย เพื่อให้การใช้เงินงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
278 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 06/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๑๙ โดยกำหนดให้ลูกจ้างประจำผู้รับบำเหน็จรายเดือนหรือผู้รับบำเหน็จพิเศษรายเดือน สามารถนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปใช้เป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ในเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการนำสิทธิบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยที่ควรจะกำหนดเป็นอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เนื่องจากการกู้เงินโดยมีบำเหน็จตกทอดเป็นหลักทรัพย์ในการประกันเป็นการกู้ยืมที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ผู้รับบำเหน็จมากเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
279 | ร่างระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และวิธีการในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... | กษ | 06/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และวิธีการในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๒ กำหนดขั้นตอนการคัดสรรและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ กำหนดผู้มีหน้าที่ดำเนินการรับสมัครและคัดสรรเกษตรกรและผู้แทนองค์กรเกษตรกร ๑.๔ กำหนดให้หน่วยงานระดับจังหวัดของหน่วยงานที่มีหน้าที่คัดสรรเป็นผู้ดำเนินการรับสมัครแล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้กับหน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการคัดสรร ๑.๕ กำหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกผู้ที่ได้รับการคัดสรรต่อจากหน่วยงานที่มีหน้าที่คัดสรร เพื่อนำเสนอรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๖ กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเลือกเกษตรกรและผู้แทนองค์กรเกษตรกรจากผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เหลือจำนวน ๑๐ คน และแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการคัดเลือก โดยเปลี่ยนจากหัวหน้าหน่วยงานเป็นผู้แทนหน่วยงาน นั้น การประชุมหรือการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการถือเป็นการปฏิบัติราชการของผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งสามารถมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขโดยเพิ่มเติมคำว่า “ผู้แทน” ลงไป รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่แนวทางดำเนินการคัดสรรกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินงานของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเพื่อเปิดโอกาสและกระตุ้นให้มีผู้แทนเกษตรกรจากภาคส่วนต่าง ๆ สมัครเข้าร่วมกระบวนการคัดสรรตามขั้นตอนและวิธีปฏิบัติภายใต้ระเบียบฯ อย่างพร้อมเพรียง ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
280 | ผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและแนวทางดำเนินการในระยะต่อไป | นร12 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินการที่ผ่านมาของการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาล ๑.๑.๑. ด้านการปลุกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักรู้ ได้แก่ การประกาศ “ยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน” การจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างการมีส่วนร่วมของเครือข่ายและภาคประชาชน การออกสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนัก และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งการจัดคาราวานสัญจร ๔ ภูมิภาค เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ ๑.๑.๒ ด้านการพัฒนาองค์กร ได้แก่ การดำเนินโครงการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ (๑ กรม ๑ ป้องกันโกง) โดยให้ส่วนราชการระดับกรมและส่วนราชการระดับจังหวัดดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกระบวนงานเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต รวมทั้งเสนอแนะให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ประจำกระทรวง เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนแผนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในส่วนราชการ ๑.๑.๓ ด้านการตรวจสอบ เฝ้าระวังเชิงรุก ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (Anti-Corruption War Room) โดยเปิดสายด่วนรับเรื่องร้องเรียนการทุจริต “๑๒๐๖” การจัดทำเว็บไซต์ www.stopcorruption.go.th และติดตั้งตู้รับเรื่องร้องเรียนการทุจริต ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมีช่องทางในการร้องเรียน และมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ๑.๑.๔ ด้านการปราบปรามที่จริงจังและการลงโทษที่เข้มงวด ได้แก่ การบูรณการการดำเนินงานร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ในการเร่งดำเนินคดีปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันที่อยู่ในความสนใจและเผยแพร่ผลการดำเนินการต่อสาธารณะ เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ๑.๑.๕ การดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... ทั้ง ๒ ฉบับ แล้วเสร็จ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เป็นต้นมา รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมขึ้นในสำนักงาน ก.พ. เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมให้ข้าราชการยึดถือปฏิบัติตามหลักคุณธรรม จรรยาข้าราชการ และประมวลจริยธรรม ๑.๑.๖ แนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกฯ ในระยะต่อไป ได้แก่ การแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อรับผิดชอบหลักในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของแต่ละหน่วยงาน การขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ศปท. ประจำกระทรวง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและเป็นเครือข่ายสำคัญที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในกระทรวง การสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ ระยะที่ ๒ (๑ กรม ๑ ป้องกันโกง) และการเสริมสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดสาระสำคัญ และวิธีการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ป.ป.ท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการกำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐร่วมกันพิจารณาทบทวนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ ไม่ซ้ำซ้อน และมีความเชื่อมโยงกับระบบเดิมที่มีอยู่ การกำหนดเกณฑ์และตัวชี้วัดประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินโครงการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ (๑ กรม ๑ ป้องกัน) ให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน การกำหนดให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่แม้ไม่มีเรื่องร้องเรียนก็ต้องรายงานผลในแง่ของการดำเนินมาตรการหรือการดำเนินการที่เป็นเชิงป้องกันทำให้ไม่มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในองค์กร เพื่อเป็นข้อมูลและองค์ความรู้ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันด้วย รวมทั้งการจัดทำสื่อการเผยแพร่การดำเนินคดีปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันให้ง่ายแก่การทำความเข้าใจของประชาชน ในภาษาที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะการเผยแพร่ผ่าน Social Network ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
.....