ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 66 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 1313 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับ "กองทุนตั้งตัวได้" ตามนโยบายรัฐบาล | ศธ | 30/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จัดตั้งทุนหมุนเวียนเป็นกองทุนตั้งตัวได้ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และหลักการการดำเนินการกองทุนตั้งตัวได้ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษา และสถาบันอาชีวศึกษา หรือบุคคลที่สำเร็จการศึกษาแล้วไม่เกิน ๕ ปีการศึกษา ที่มีศักยภาพทางความคิดที่มุ่งให้เกิดวิสาหกิจนวัตกรรมใหม่ หรือการลงทุนในเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ (เรื่อง แนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การจัดตั้งทุนหมุนเวียนของหน่วยงานของรัฐ) ๒. เห็นชอบเกี่ยวกับงบประมาณดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงหน่วยงานดำเนินการของกองทุนตั้งตัวได้ ซึ่งขอตั้งงบประมาณไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๓๒ งบประมาณรายจ่ายของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน วงเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากเดิม “สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี” เป็น “กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา” และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหารือแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณที่ตั้งไว้ในกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๓. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนตั้งตัวได้ พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการกู้ยืมเงิน การชำระเงินคืนและการคัดเลือกกลั่นกรองผู้เข้าร่วมโครงการให้ชัดเจนโดยด่วน พร้อมทั้งกลไกกระบวนการบ่มเพาะวิสาหกิจในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถกู้ยืมเงินเพื่อการสร้างอาชีพ และเพื่อมุ่งให้เกิดวิสาหกิจนวัตกรรมใหม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับสาระสำคัญของร่างระเบียบฯ มีดังนี้ ๓.๑ กำหนดให้จัดตั้ง “กองทุนตั้งตัวได้” ในกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วยเงินทุนประเดิมและเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี และเงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนหรือที่กองทุนได้รับตามกฎหมายอื่น เป็นต้น และให้การใช้จ่ายเงินกองทุนเป็นไปเพื่อกิจการตามที่กำหนด ๓.๒ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายกองทุนตั้งตัวได้ ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๓.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งตัวได้ ประกอบด้วยประธานกรรมการที่คณะกรรมการแต่งตั้ง กรรมการโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะกรรมการแต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนด กำหนดอำนาจหน้าที่ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง ๓.๔ กำหนดให้มีสำนักงานกองทุนตั้งตัวได้ เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๓.๕ กำหนดให้คณะกรรมการ คณะกรรมการบริหารกองทุนที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการและคณะทำงาน ได้รับเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทน โดยเบิกจ่ายจากเงินของกองทุนตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ๓.๖ กำหนดให้กองทุนสนับสนุนทางการเงินแก่นักศึกษาที่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการภายใต้วัตถุประสงค์กองทุน และนโยบายของคณะกรรมการ และให้ขอบเขตการสนับสนุนทางการเงิน และหลักเกณฑ์และวิธีการขอรับและการพิจารณาการสนับสนุนทางการเงินเป็นไปตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนดโดยต้องเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการ และกำหนดแนวทางการดำเนินการสนับสนุนทางการเงินของคณะกรรมการบริหารกองทุน ๓.๗ กำหนดให้การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินของกองทุน ตลอดจนการนำส่งเงิน การบริหารกองทุนและการจัดหาผลประโยชน์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กำหนด ๓.๘ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีกองทุน การรายงานผลการตรวจสอบงบการเงิน และการจัดทำรายงานการเงินในภาพรวม ๓.๙ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการใช้จ่ายเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการของกองทุน ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานกองทุนที่ควรจะกำหนดให้อยู่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และการสั่งให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการไปช่วยปฏิบัติงานในสำนักงานกองทุนดังกล่าว โดยกำหนดระยะเวลาในการช่วยปฏิบัติงานได้ไม่เกินหนึ่งปี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจหลักของส่วนราชการต้นสังกัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
302 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 03/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ ปรับปรุงขั้นตอนการขออนุมัติโครงการ โดยให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการโดยไม่ต้องเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเว้นแต่โครงการที่ กบอ. เห็นสมควรเสนอ กนอช. เห็นชอบในหลักการก่อน และกำหนดขั้นตอนการดำเนินโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการบริหารจัดการน้ำหรือป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นระบบ หรือเป็นโครงการที่มีลักษณะหรือสภาพเฉพาะเป็นพิเศษ ๑.๑.๒ กำหนดให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุหรือคณะกรรมการตามระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณาในกรณีที่ปรากฏปัญหาการดำเนินการตามระเบียบดังกล่าว เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น ๑.๒ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๒.๑ กำหนดให้ กบอ. อาจมีมติให้ใช้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหรือแนวทางการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยอื่นใดมีผลใช้บังคับเช่นเดียวกับแผนปฏิบัติการ เพื่อให้ กบอ. สามารถกำกับโครงการของหน่วยงานของรัฐตามระเบียบนี้ได้ครบถ้วน ๑.๒.๒ กำหนดให้ กบอ. อาจจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำหรือป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นระบบหรือโครงการอื่นใดเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติได้ ๑.๒.๓ กำหนดให้ กบอ. มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามมติของ กบอ. ด้วย ๒. ให้ กบอ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาอนุมัติโครงการกรณีที่เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่อาจกระทบกับเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ให้ กบอ. พิจารณาปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
303 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๓๘ ๒. หมวด ๑ กำหนดคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ๓. หมวด ๒ กำหนดเรื่อง คณะกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ องค์ประกอบ การแต่งตั้ง ค่าตอบแทน คุณสมบัติของคณะกรรมการตรวจสอบ การประชุม หน้าที่ความรับผิดชอบ การรายงานผลการดำเนินงาน และการรักษาคุณภาพงาน ๔. หมวด ๓ กำหนดเรื่อง หน่วยตรวจสอบภายใน ได้แก่ คุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายใน โครงสร้างหน่วยตรวจสอบภายใน ความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ การปฏิบัติงานและการรายงาน การรักษาคุณภาพงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
304 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ พ.ศ. .... | พณ | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดคำนิยามคำว่า “ทรัพย์สินทางปัญญา” “คณะกรรมการ” และ “กรรมการ” ๑.๒ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า “คทป.” ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยภาคราชการ จำนวน ๑๘ คน ภาคเอกชน จำนวน ๕ คน โดยมีอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกรรมการและเลขานุการ ๑.๓ ให้คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ เช่น ๑.๓.๑ กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริม คุ้มครอง และการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา และด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ รวมถึง สั่งการ ตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติงานของส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม ๑.๓.๒ ติดตามการดำเนินการของส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ๑.๓.๓ กำหนดแนวทางและมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพบุคลากร งบประมาณ อำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ และการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ๑.๓.๔ รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ๑.๔ ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ โดยมีอำนาจหน้าที่ เช่น รับผิดชอบในงานวิชาการและงานเลขานุการของคณะกรรมการฯ ตลอดจนศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล ประเมินผลการปฏิบัติงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ และการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติงานตามระเบียบนี้ต่อคณะกรรมการฯ ๑.๕ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการปฏิบัติตามนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ รวมทั้งแผนปฏิบัติการและมาตรการต่าง ๆ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (ลสวทน.) เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ และเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา จาก “กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริม คุ้มครอง และการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา” เป็น “กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริม คุ้มครอง และการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้มีการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญาและการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” นอกจากนี้ เห็นควรให้คณะกรรมการฯ มีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและรูปแบบการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาประเภทใหม่ที่สมควรได้รับการคุ้มครองนอกเหนือจากสิ่งที่กฎหมายให้การคุ้มครองไว้แล้ว โดยกำหนดนโยบายเพื่อสร้างระบบกฎหมายเฉพาะ (Sui Generis) ที่เหมาะสมกับประเทศไทย รวมทั้งให้คณะกรรมการฯ พิจารณาประชุมในเรื่องเร่งด่วนเพื่อให้สังคมไทยผลิตทรัพย์สินทางปัญญาของตนเองให้มากขึ้น ตลอดจนกำหนดแนวทางพัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากรภายใต้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
305 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2555 | นร | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมจากร่างระเบียบที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แก้ไขข้อความในย่อหน้าที่ ๒ คำว่า “นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้” เป็น “นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้” ๒. ชื่อระเบียบในร่างข้อ ๑ ได้แก้ไขวรรคตอนระหว่างคำว่า “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี...” เป็น “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี...” ๓. แก้ไขร่างข้อ ๓ จากเดิมที่กำหนดให้ยกเลิกความในข้อ ๕๑ และข้อ ๕๒ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ความตามที่กำหนดใหม่แทน เป็น ให้ยกเลิกความในข้อ ๕๑ และให้ใช้ความตามที่กำหนดใหม่ซึ่งได้เพิ่มเติมข้อความ “ซึ่งแต่งตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๔๐/๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕” ระหว่างคำว่า “ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” กับ คำว่า “ซึ่งดำรงตำแหน่ง...” แทน ส่วนความในข้อ ๕๒ นั้น ได้ตัดออก ๔. แก้ไขร่างข้อ ๔ เดิม ซึ่งกำหนดให้เพิ่มความเป็นข้อ ๕๓ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยนำความที่เคยกำหนดให้เป็นข้อ ๕๒ ตามข้อ ๓.๓ มากำหนดเป็นข้อ ๕๓ แทน ๕. เพิ่มร่างข้อ ๕ โดยนำความในร่างข้อ ๔ เดิม ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลมากำหนดไว้ในร่างข้อนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
306 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารราชการในต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารราชการในต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงตารางกำหนดวันลาในหัวข้อลาพักผ่อนท้ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารราชการในต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้สอดคล้องกับข้อ ๒๕ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
307 | การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาเรื่อง การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้หารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นสมควรกำหนดเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากยังมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งหากได้ข้อยุติเรื่องดังกล่าวแล้วจะได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
308 | ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ในระยะเริ่มแรกเพื่อให้การดำเนินการจัดตั้งและบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ และเมื่อการดำเนินการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินการของกองทุนฯ ดังกล่าวด้วย ๒. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ เป็นการแก้ไขในส่วนบทเฉพาะกาล เพื่อให้การบริหารและการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความต่อเนื่องในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารกองทุน และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยมีรายละเอียดของการปรับปรุงดังนี้ ๒.๑ ในระหว่างที่ยังมิได้แต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะกรรมการบริหารกองทุนตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ทำหน้าที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการบริหารกองทุน แล้วแต่กรณี จนกว่าคณะกรรมการหรือคณะกรรมการบริหารกองทุนที่ได้รับแต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ในการประชุมครั้งแรก ซึ่งต้องไม่เกินสามร้อยวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ๒.๒ ในระหว่างที่ยังมิได้แต่งตั้งผู้อำนวยการตามระเบียบนี้ ให้อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนทำหน้าที่ผู้อำนวยการตามระเบียบนี้ จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการตามระเบียบนี้ ซึ่งต้องไม่เกินสามร้อยวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ๒.๓ บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ หรือคำสั่งของคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ จนกว่าจะได้มีระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ หรือคำสั่งที่ออกตามความในระเบียบนี้ใช้บังคับ ซึ่งต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
309 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | นร | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยกำหนดให้รองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการแก้ไขถ้อยคำในคำปรารภของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพื่อให้มีความชัดเจน และตรงตามเนื้อหาสาระของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น จากเดิม “โดยที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายในการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้มีความเหมาะสมและขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” แก้ไขเป็น “โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ ในส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น” ตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
310 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 24/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้มีคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนไม่เกินสิบเก้าคน ๒. ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งวาระละสี่ปี โดยในวาระเริ่มแรกเมื่อครบกำหนดสองปี ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิออกจากตำแหน่งกึ่งหนึ่งโดยวิธีจับสลาก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้โดยไม่มีการจำกัดวาระ ๓. ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับพ้นจากตำแหน่งโดยถือเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ
|
|||||||||||||||||||||||||||
311 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2553 พ.ศ. .... | นร | 24/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณรับผิดชอบดำเนินการอยู่แล้ว โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
312 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบว่าด้วยการจ่ายค่าจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 20/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ข้าราชการซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรจะมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างลาได้ไม่เกิน ๑๕ วันทำการ โดยมีเงื่อนไขว่า หากเป็นการลาภายใน ๓๐ วันแรก นับแต่วันที่ภริยาคลอดบุตรจะมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างลา แต่ถ้าเป็นการลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ภายหลังจากที่พ้น ๓๐ วันแรก นับแต่วันที่ภริยาได้คลอดบุตรจะมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างลาหรือไม่ ให้เป็นไปตามที่ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ตำแหน่งอธิบดีหรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปพิจารณาเห็นสมควร ๑.๒ กำหนดให้ข้าราชการที่ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรไม่ได้รับเงินเดือนระหว่างลา ๑.๓ กำหนดให้ข้าราชการผู้ใดซึ่งยังไม่เคยอุปสมบทในพระพุทธศาสนา เว้นแต่เป็นการอุปสมบทโดยไม่ถือเป็นวันลาตามมติคณะรัฐมนตรี หรือยังไม่เคยประกอบพิธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ แล้วแต่กรณี ให้ลาโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลาได้ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ๑.๔ กำหนดให้ข้าราชการซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาเพื่อไปฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างลาได้ไม่เกินสิบสองเดือน ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการจ่ายค่าจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้ลูกจ้างประจำซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรจะมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างลาได้ไม่เกิน ๑๕ วันทำการ โดยมีเงื่อนไขว่า หากเป็นการลาภายใน ๓๐ วันแรก นับแต่วันที่ภริยาคลอดบุตรจะมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างลา แต่ถ้าเป็นการลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ภายหลังจากที่พ้น ๓๐ วันแรก นับแต่วันที่ภริยาได้คลอดบุตรจะมีสิทธิได้รับค่าจ้างในระหว่างลาหรือไม่ ให้เป็นไปตามที่ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ตำแหน่งอธิบดีหรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปพิจารณาเห็นสมควร ๒.๒ กำหนดให้ลูกจ้างประจำผู้ใดซึ่งยังไม่เคยอุปสมบทในพระพุทธศาสนา เว้นแต่เป็นการอุปสมบทโดยไม่ถือเป็นวันลาตามมติคณะรัฐมนตรี หรือยังไม่เคยประกอบพิธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ แล้วแต่กรณี ให้ลาโดยได้รับค่าจ้างระหว่างลาได้ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ๒.๓ กำหนดให้ลูกจ้างประจำซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาเพื่อไปฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพมีสิทธิได้รับค่าจ้างในระหว่างลาได้ไม่เกินสิบสองเดือน |
|||||||||||||||||||||||||||
313 | ร่างระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวทายาทผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนและการเรียกเหรียญกับบัตรประจำตัวทายาทคืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวทายาทผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนและการเรียกเหรียญกับบัตรประจำตัวทายาทคืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามในส่วนของ “ทายาท” เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง สิทธิพิเศษบางประการของครอบครัวทหารที่ไปทำการร่วมรบกับสหประชาชาติ ณ ประเทศเกาหลี ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๔๙๖ กำหนดรูปแบบบัตรประจำตัวและการขอมีบัตร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอมีบัตร กำหนดอายุบัตร และกรณีการออกบัตรใหม่แทนบัตรเดิม ๑.๒ กำหนดให้คำขอมีบัตรประจำตัวทายาทผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนที่ได้ยื่นไว้หรืออยู่ระหว่างการพิจารณา ก่อนวันที่ระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวทายาทผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน และการเรียกเหรียญกับบัตรประจำตัวทายาทคืน พ.ศ. ๒๕๑๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้ดำเนินการต่อไปจนแล้วเสร็จ ๑.๓ กำหนดให้บัตรที่ได้ออกตามระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวทายาทผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน และการเรียกเหรียญกับบัตรประจำตัวทายาทคืน พ.ศ. ๒๕๑๔ ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้คงใช้ได้ต่อไปจนถึงวันที่บัตรนั้นหมดอายุ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรตรวจสอบการกำหนดนิยามคำว่า “ทายาท” ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน พ.ศ. ๒๕๑๒ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบฯ ให้ครอบคลุมถึงบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย ภริยาหรือสามี และบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งการแก้ไขข้อกำหนดต่าง ๆ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีอาจพิจารณาเห็นสมควรและเห็นชอบในหลักการ เนื่องจากการที่จะให้สิทธิพิเศษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องครอบคลุมถึงบุคคลใดบ้างเป็นเรื่องที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม นอกจากนี้ สาระสำคัญของร่างระเบียบฯ ส่วนใหญ่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดของระเบียบว่าด้วยบัตรประจำตัวทายาทผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนและการเรียกเหรียญกับบัตรประจำตัวทายาทคืน พ.ศ. ๒๕๑๔ จึงอาจปรับปรุงระเบียบฯ ใหม่ทั้งฉบับแทนการแก้ไขเพิ่มเติมจะเป็นการเหมาะสมกว่า ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกระทำความดีความชอบของผู้ได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญมีลักษณะคล้ายกับการกระทำความดีความชอบของผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๑ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ หากจะกำหนดให้บุคคลในครอบครัวของผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๑ ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิกรณีกระทำการร่วมรบกับสหประชาชาติ ณ ประเทศเกาหลี ก็สมควรกำหนดให้ครอบครัวของผู้ได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญได้รับสิทธิดังกล่าวด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
314 | แนวทางการดำเนินงานตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ....) | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ร่างระเบียบนี้ใช้บังคับเฉพาะแก่โครงการที่ต้องดำเนินการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ กำหนดระยะเวลาในการเสนอโครงการที่ประสงค์จะใช้จ่ายจากเงินกู้ กรอบระยะเวลาในการใช้เงินเหลือจ่ายเพื่อดำเนินโครงการใดเพิ่มเติม เพื่อให้ฝ่ายบริหารสามารถดำเนินการผลักดันโครงการให้สอดคล้องกับกำหนดเวลาในการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๓ ปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติโครงการ โดยกำหนดให้ขั้นตอนในการขออนุมัติจัดสรรเงินกู้ของหน่วยงานเจ้าของโครงการ กรณีโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้เสนอต่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ และกรณีโครงการตามแผนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ให้เสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ๑.๔ แก้ไขเพิ่มเติมขั้นตอนในการดำเนินโครงการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการแล้ว โดยตัดอำนาจหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างหน่วยงานออก เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๕ กำหนดให้หน่วยงานเลขานุการของ กบอ. และ กยอ. ทำหน้าที่ในการติดตามและประเมินผลโครงการ ๒. ให้ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยและฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เชิญเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จัดประชุมชี้แจงส่วนราชการให้ทราบเกี่ยวกับรายละเอียด วิธีปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งจัดทำผังขั้นตอนการดำเนินงาน (Flowchart) และกรอบระยะเวลาการดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการตามแผนปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยแห่งชาติให้ชัดเจน
|
|||||||||||||||||||||||||||
315 | แนวทางการดำเนินงานตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | กค | 06/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕] โดยให้ยกเลิกคณะกรรมการบริหารจัดการกรอบเงินลงทุน เนื่องจากมีอำนาจหน้าที่ซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ที่ตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เกี่ยวกับการบริหารโครงการ การจัดหาพัสดุ การจัดหาเงินกู้ การเบิกจ่ายเงินกู้ และการบริหารเงินกู้ รวมทั้งการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อความในร่างระเบียบฯ ว่าเมื่อหน่วยงานเจ้าของโครงการได้รับอนุมัติโครงการแล้ว ให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เสนอคณะรัฐมนตรีทราบก่อนดำเนินโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยเสนอต่อรัฐสภาไว้แล้ว ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ส่วนขั้นตอนการอนุมัติโครงการ เห็นควรให้มีที่ปรึกษาทำหน้าที่วิเคราะห์และกลั่นกรองแผนงาน/โครงการด้านเทคนิคเพื่อให้เกิดความรอบคอบและรัดกุม รวมทั้งในการติดตามและประเมินผลโครงการ เห็นควรให้ดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการติดตามและประเมินผล ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการอนุมัติโครงการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. อนุมัติให้ใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) วงเงิน ๓๙ ล้านบาท ที่คงเหลืออยู่ในบัญชีเงินฝากเงินกู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระทรวงการคลัง เพื่อสนับสนุนการจัดเตรียมระบบฐานข้อมูลและระบบงานเพื่อรองรับการบริหารโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตของประเทศ ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้อนุมัติรายละเอียดและวงเงินโครงการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๔. อนุมัติให้ใช้เงินกู้ SAL วงเงิน ๓๕ ล้านบาท ที่คงเหลือจากการดำเนินโครงการตามแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐที่ยังไม่มีแผนงานรองรับของสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อสนับสนุนระบบการติดตามและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (Project Financial Monitoring System - Flood Recovery Project : PFMS - FRP) ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||
316 | การจัดตั้งทุนหมุนเวียนของหน่วยงานของรัฐ | กค | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินการตามความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๕ เกี่ยวกับการขอจัดตั้งกองทุนการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ของกระทรวงยุติธรรม (สถาบันนิติวิทยาศาสตร์) และการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ของสำนักนายกรัฐมนตรี และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. กรณีกระทรวงยุติธรรม (สถาบันนิติวิทยาศาสตร์) คณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีข้อสังเกตว่าการดำเนินการไม่เป็นไปตามกรอบคู่มือการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของทางราชการ โดยขาดความชัดเจนในสาระสำคัญด้านการบริหารงานในรูปแบบทุนหมุนเวียน เช่น การกำหนดแหล่งที่มาของรายได้ไม่ชัดเจน รวมทั้งมีลักษณะพึ่งพิงจากเงินงบประมาณเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานะและการบริหารงานของกองทุนการตรวจพิสูจน์ฯ ในอนาคต และการกำหนดโครงสร้างผู้รับผิดชอบในการบริหารกองทุนการตรวจพิสูจน์ฯ และกลุ่มเป้าหมายของผู้รับบริการกองทุนการตรวจพิสูจน์ฯ ยังขาดความชัดเจนเป็นรูปธรรม จึงไม่เห็นควรให้จัดตั้งกองทุนการตรวจพิสูจน์ฯ พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๑.๑ ควรทบทวนรูปแบบในการบริหารจัดการกองทุนการตรวจพิสูจน์ฯ เนื่องจากแนวทางการจัดตั้งเป็นทุนหมุนเวียนจะไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการตามเจตนารมณ์แห่งร่างพระราชบัญญัติการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ๑.๒ กรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินงานตามสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ สามารถถือปฏิบัติตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ ซึ่งจะมีความเหมาะสมและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ๑.๓ ทบทวนและปรับปรุงสาระสำคัญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนการตรวจพิสูจน์ฯ ในร่างพระราชบัญญัติฯ ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามลำดับต่อไป ๒. กรณีสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไม่มีประเด็นพิจารณาความเหมาะสมของการจัดตั้งกองทุนพัฒนาฯ เนื่องจากมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาฯ โดยบรรจุในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาก่อนมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การบริหารงานกองทุนพัฒนาฯ เกิดประโยชน์ต่อทางราชการได้อย่างแท้จริงและสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีข้อเสนอแนะประกอบการพิจารณา ดังนี้ ๒.๑ ในร่างพระราชบัญญัติฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มาตรา ๓๒ (๓) บัญญัติให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนในชื่อ “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” วงเงินจำนวน ๑,๗๒๐ ล้านบาท ดังนั้น การพิจารณายกร่างระเบียบที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องกำหนดชื่อกองทุนให้มีความสอดคล้องกับสาระสำคัญในร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคในการเบิกจ่ายเงินกองทุนพัฒนาฯ ในอนาคต ๒.๒ ในร่างกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการบริหารกองทุนพัฒนาฯ ควรต้องถือปฏิบัติตามกรอบคู่มือการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของทางราชการ เช่น การจัดทำรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๗๐ และทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นแล้วต้องเข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานของกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เป็นต้น ๒.๓ เพื่อให้การดำเนินการของกองทุนพัฒนาฯ เป็นส่วนหนึ่งในการบูรณาการสนับสนุนการดำเนินงานเชิงสังคมของรัฐ ควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจนในร่างกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกองทุนพัฒนาฯ ในประเด็นของเจตนารมณ์ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ และอำนาจหน้าที่การบริหารกองทุนพัฒนาฯ เป็นต้น ๒.๔ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล จึงมีข้อจำกัดในการทำนิติกรรม สัญญา หรือดำเนินการเกี่ยวกับภาระผูกพันของกองทุนพัฒนาฯ ดังนั้น การกำหนดโครงสร้างการบริหารจัดการโดยเฉพาะในระดับภูมิภาค จึงควรต้องกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาฯ ๒.๕ โครงสร้างการบริหารกองทุนพัฒนาฯ มีรูปแบบบริหารจัดการในลักษณะคณะกรรมการที่มีความซับซ้อน อีกทั้งจำเป็นต้องมีการรองรับการดำเนินงานในระดับท้องถิ่น จังหวัด และภูมิภาคครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ดังนั้น จึงควรที่จะต้องมีการกำหนดอำนาจหน้าที่การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละภาคส่วนอย่างชัดเจนสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ ๒.๖ โดยที่กองทุนพัฒนาฯ เป็นทุนหมุนเวียนตามนัยกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ฉะนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายและการเก็บรักษาเงินกองทุน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดไว้ในกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องสำหรับจัดตั้งกองทุนพัฒนาฯ เนื่องจากสามารถถือปฏิบัติตามนัยมาตรา ๑๓ แห่งกฎหมายเงินคงคลัง ซึ่งกำหนดให้กระทรวงการคลังพิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้องในการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงิน เป็นต้น ๒.๗ เนื่องจากกองทุนพัฒนาฯ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพสตรี เพิ่มบทบาท สร้างสวัสดิภาพและสวัสดิการสตรี รวมทั้งมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อสร้างงาน สร้างรายได้และพัฒนาอาชีพให้แก่กลุ่มสตรีในทุกระดับ อันเป็นภารกิจที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงควรกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาฯ เบื้องต้นในช่วงระยะเวลา ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - พ.ศ. ๒๕๕๙) ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการติดตามประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาฯ และเพื่อช่วยให้รัฐบาลสามารถประเมินภาระทางการคลังเพื่อการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้กองทุนพัฒนาฯ ตลอดจนการทบทวนสถานภาพของกองทุนพัฒนาฯ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||
317 | ข้อเสนอการทบทวนกลไกการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ | นร | 07/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ภายใต้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศทั้งระบบไว้ในหน่วยงานเดียว (Single Management) โดยมีภารกิจครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนงาน การศึกษาวิจัย การขับเคลื่อนการพัฒนา รวมทั้งการบริหารกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยเป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ ๒. เห็นชอบให้โอนย้ายกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปตั้งอยู่ในสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๓. เห็นชอบให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับใหม่เพื่อให้สอดรับกับโครงสร้างกลไกการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีบูรณาการ ๔. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดโครงสร้างองค์กรและบริหารจัดการการจัดสรรทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติในการเป็นหน่วยงานบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศทั้งระบบ ๕. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยรับจัดสรรเงินงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดทำคำของบประมาณตามขั้นตอนแล้วไปก่อน จนกว่าจะได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดำเนินการเกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จ จึงจะโอนย้ายเงินกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๕ ไปอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
318 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. 2555 | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างระเบียบฯ ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดขอบเขตของเนื้อหาเกี่ยวกับกองทุนฯ ต้องไม่เป็นการขัดกับมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ ที่กำหนดให้การจ่ายเงินเป็นทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อการใด ๆ ให้กระทำได้แต่โดยกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ หากไม่มีการแก้ไขในสาระสำคัญ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากับกระทรวงการคลังไม่ขัดข้อง ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากมีการแก้ไขในสาระสำคัญหรือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในประเด็นการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สามารถจัดตั้งโดยไม่ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ (เรื่อง แนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน) ซึ่งกำหนดให้ในกรณีส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนต้องเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณาก่อนที่จะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติและเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ได้หรือไม่ประการใด ตามความเห็นของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
319 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. .... | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. ๒๕๔๕ และกำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กำหนดอำนาจหน้าที่ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ประกอบด้วย กรรมการสรรหาที่มาจากหน่วยงานกลาง ซึ่งเป็นข้าราชการประจำด้วย โดยให้คณะกรรมการสรรหาฯ มีจำนวน ๗ คน ประกอบด้วย ประธาน ก.พ.ร. เป็นประธานกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประธาน ก.พ.ร. แต่งตั้ง จำนวน ๓ คน ข้าราชการพลเรือนที่มาจากหน่วยงานกลางในระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าประธาน ก.พ.ร. แต่งตั้ง จำนวน ๓ คน เป็นกรรมการ ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
320 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. กำหนดเพิ่มเติมในเรื่อง การเบิกจ่ายเงินและหลักฐานการจ่ายเงินให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. ยกเลิกความในข้อ ๗ และแก้ไขเป็น หากส่วนราชการมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้หรือไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดในระเบียบนี้ให้หัวหน้าส่วนราชการ ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณใช้ดุลยพินิจอนุมัติเบิกค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในระเบียบฯ หรือกำหนดไว้แล้วแต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามระเบียบนี้ ๓. ยกเลิกความในหมวด ๒ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและปรับปรุงแก้ไขโดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมและค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๔. กำหนดเพิ่มเติมให้โครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่ส่วนราชการเป็นผู้จัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานอื่นต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ โดยส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมสามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นในการจัดฝึกอบรมได้เท่าที่จ่ายจริง โดยคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม และประหยัด เพื่อประโยชน์ของทางราชการ ยกเว้นค่าสมนาคุณวิทยากร ค่าอาหาร ค่าเช่าที่พัก และค่ายานพาหนะ ให้เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กำหนดไว้ในระเบียบ ๕. แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์กรณีส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมจะจัดอาหารและที่พักในการฝึกอบรมได้ทั้งก่อน ระหว่าง การฝึกอบรมตามความจำเป็น เหมาะสม และประหยัด โดยให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในระเบียบ เนื่องจากประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติ และผู้ติดตาม เจ้าหน้าที่ วิทยากร ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหรือผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ห่างไกลจากสถานที่จัดฝึกอบรม จึงจำเป็นต้องเดินทางมายังสถานที่ฝึกอบรมก่อนวันจัดการฝึกอบรม ๖. กำหนดเพิ่มเติมในกรณีวิทยากรมีถิ่นที่อยู่ในท้องที่เดียวกับสถานที่จัดการฝึกอบรม ส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมจะเบิกจ่ายเงินค่าพาหนะรับจ้างไป - กลับให้แก่วิทยากรแทนการจัดรถรับส่งวิทยากรได้ โดยให้ใช้แบบใบสำคัญรับเงินสำหรับวิทยากรเป็นหลักฐานการจ่าย ๗. กำหนดเพิ่มเติมกรณีส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมไม่จัดอาหาร ที่พัก หรือยานพาหนะทั้งหมดหรือจัดให้บางส่วน ให้ส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือส่วนที่ขาดให้แก่ประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติ และผู้ติดตาม เจ้าหน้าที่ วิทยากร ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ผู้สังเกตการณ์ แต่ถ้าบุคคลดังกล่าวเป็นบุคลากรของรัฐ ให้เบิกจ่ายจากต้นสังกัด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ยกเว้น ค่าเช่าที่พักให้ส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กำหนดไว้ในระเบียบ และค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในกรณีที่ผู้จัดการฝึกอบรมจัดอาหารบางมื้อในระหว่างการฝึกอบรมให้หักเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่คำนวณได้ในอัตรามื้อละ ๑ ใน ๓ ของอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางต่อวัน ๘. ปรับเพิ่มอัตราค่าอาหารในการฝึกอบรมบุคคลภายนอกในกรณีส่วนราชการผู้จัดการฝึกอบรมไม่จัดเลี้ยงอาหาร แต่จะจ่ายเงินเป็นค่าอาหารให้ได้รับในอัตราเดียวกับเบี้ยเลี้ยงในการเดินทางไปราชการ และปรับแก้ไขหลักฐานการจ่ายให้ชัดเจน ๙. ยกเลิกความในหมวด ๓ ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน และกำหนดขึ้นใหม่เพื่อให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๑๐. แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของการจ้างจัดประชุมระหว่างประเทศให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น
|
.....