ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
661 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 4 ปี 2557 และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2558 | อก | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๗ และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๗ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ ๑๖๖.๕ ลดลงจากไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๗ (๑๖๖.๘) ร้อยละ ๐.๒ และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๖ (๑๗๐.๕) ร้อยละ ๒.๔ สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๖ ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เครื่องประดับเพชรพลอย รถจักรยานยนต์ เป็นต้น ๒. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมกราคม ๒๕๕๘ อุตสาหกรรมรถยนต์มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๐.๑ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม การผลิตเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์สำหรับมือถืออุปกรณ์สื่อสารและ Tablet ที่เพิ่มขึ้นมาก การเปิดปิดโรงงาน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน ๓๓๐ ราย ลดลงจาก เดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ร้อยละ ๗.๐ สำหรับโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมีจำนวน ๑๐๗ ราย มากกว่าเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ร้อยละ ๑๐๙.๘ การขอรับการ ส่งเสริมการลงทุน มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ทั้งสิ้น ๓๖ โครงการ เงินลงทุน ๗,๖๖๐ ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๔๘.๕๗ และ ๖๒.๐๒ ตามลำดับ โดยประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมมากที่สุด คือ หมวดบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นร้อยละ ๗๖.๗๖
|
||||||||||||||||||||||||
662 | แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 | มท | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การบูรณาการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ ๔ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการสาธารณภัย ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวง กรม องค์กรและหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่น ๆ ปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พิจารณาให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณเพื่อการป้องกันและลดผลกระทบการเตรียมความพร้อมการเผชิญเหตุและการจัดการในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน ๑.๔ มอบหมายให้หน่วยงานแต่ละระดับจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับยุทธศาสตร์และบรรจุแผนงานและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีด้วย ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการสร้างความตระหนักรู้ องค์ความรู้ในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติให้แก่ประชาชนและชุมชนเพื่อเตรียมรับมือกับสาธารณภัยต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และให้มีกระบวนการรับรู้ถึงภัยหรือแจ้งเตือนภัยที่จะเกิดขึ้นก่อนล่วงหน้า (Early warning) ให้นานที่สุดตามแต่ลักษณะของภัย เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบ (Prevention and Mitigation) ที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียจากสาธารณภัย ลดภาระด้านงบประมาณ การจัดการในภาวะฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นการเผชิญเหตุ (Response) การบรรเทาทุกข์ (Relief) และการฟื้นฟู (Recovery) การกำหนดให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงต่าง ๆ และหน่วยงานที่เป็นส่วนสนับสนุนต้องมีผู้รับผิดชอบประจำและประสานงานตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ การสนับสนุนให้หน่วยงานในระดับจังหวัดและท้องถิ่นจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับยุทธศาสตร์ในแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการจัดทำแผนที่เสี่ยงจากภัยพิบัติเพื่อประโยชน์ต่อการวางแผนและการพัฒนาระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยในระดับท้องถิ่น ชุมชน รวมทั้งภาคเอกชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. เห็นชอบโครงสร้างการปฏิบัติงานระบบการแจ้งเตือนภัยที่ควรมีการเชื่อมโยงการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การรายงานข้อมูลเพื่อการแจ้งเตือนไปสู่ระดับนโยบายได้อย่างรวดเร็วและมีเอกภาพ รวมทั้งให้กระบวนการแจ้งเตือนภัยสามารถดำเนินการได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีการเชื่อมโยงระบบระหว่างระดับนโยบายที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister’s Operation Centre : PMOC) กับระดับปฏิบัติที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อให้การสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างมีเอกภาพยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
663 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่าง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 1,075 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของ หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่าง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๑,๐๗๕ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
664 | การจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่งของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่งของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑.๑ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๒ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๒ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้นครึ่ง ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๔ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๓ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนสองขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๖ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๔ พนักงานที่ไม่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับเงินเดือนตอบแทนพิเศษ ให้เบิกจ่ายเงินเดือนในอัตราขั้นสูงสุดระดับของตำแหน่งเดิม ๑.๕ เงินตอบแทนพิเศษไม่ถือเป็นเงินเดือน และมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่ใช้เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนทุกเรื่องของพนักงาน ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าวให้ใช้จากเงินรายได้ของ กทพ. ดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ กระทรวงคมนาคม รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการเสนอขอปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนใหม่โดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ฐานะการเงิน ค่าใช้จ่ายในอนาคต รวมถึงภาระการจ่ายชำระดอกเบี้ยและคืนต้นเงินกู้ที่มี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
665 | ขอความเห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี 2559 ถึง 2563 | ทก | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี ๒๕๕๙ ถึง ๒๕๖๓ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศของเขตเศรษฐกิจเอเปคจะให้การรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๐ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาและการเร่งสร้างนวัตกรรม (๒) การส่งเสริมสภาวะแวดล้อมด้านไอซีทีที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ (๓) การส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และ (๔) การสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้มีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรเพิ่มเติมประเด็นที่เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาระดับพื้นฐานและการประยุกต์นวัตกรรมไอซีทีและแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาบริการไอซีทีให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
666 | แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง | มท | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง (ระยะ ๕ ปี) ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเตรียมพร้อมรับภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การจัดการในภาวะฉุกเฉิน และยุทธศาสตร์ที่ ๔ การจัดการหลังการเกิดภัย เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการภัยแล้ง และเป็นแผนสนับสนุนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้กระทรวง กรม จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน มูลนิธิ และองค์กรการกุศล ถือปฏิบัติตามแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้งควบคู่ไปกับแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของแผนทั้งสองและมีส่วนร่วมในการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
667 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม 2558 | นร11 | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ๑.๑ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ เศรษฐกิจไทยโดยรวมฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๒ ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๐ และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๗ ในขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนอยู่ในภาวะทรงตัว ๑.๒ เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๕๗ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวสูงร้อยละ ๑๖.๐ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๗.๐ ในไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๗ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ ๕ เดือน ร้อยละ ๑.๒ ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าว ยาง และประมง การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๗ และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ [ไม่รวม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)] เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๑.๓ ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อลดลงตามราคาพลังงาน อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑.๔ สถานการณ์ด้านการคลัง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การจัดเก็บรายได้สุทธิเพิ่มสูงขึ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๘ การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๓ และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ [ไม่รวม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)] เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๑.๓ นอกจากนี้ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ยังคงอยู่ในระดับที่มั่นคง ๑.๕ สถานการณ์ด้านการเงิน สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ ๑.๗ ในขณะที่เงินฝากธนาคารพาณิชย์ (รวมตั๋วแลกเงิน) ขยายตัวร้อยละ ๕.๘ ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๒.๗๓ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักอื่น ๆ แล้ว เงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ ๐.๕ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคมปิดที่ ๑,๕๘๑.๓ จุด ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในภาพรวมมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๗ โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัวทั้งภาคการผลิตและการใช้จ่าย ส่วนเศรษฐกิจจีนและประเทศสำคัญ ๆ ในภูมิภาคเอเชียชะลอตัวตามการส่งออกและการลงทุน ในขณะที่เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนและญี่ปุ่นยังอยู่ในภาวะอ่อนแอ การชะลอตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางการลดลงของแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงินสำคัญ ๆ ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างรีบเร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดแรงกดดันจากภาวะเงินฝืด
|
||||||||||||||||||||||||
668 | ขออนุมัติโครงการและการกู้เงินสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ภายในกรอบวงเงิน ๗๘,๒๙๔.๘๕ ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากร รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของกรมศุลกากร ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ [เรื่อง ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การกำหนดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ตามมาตรา ๔ (๘) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘] พร้อมทั้งให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเคร่งครัดด้วย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินกระบวนการจัดหาพัสดุได้ทันทีหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการ แต่จะลงนามในสัญญาได้ เมื่อได้รับการจัดสรรวงเงินกู้จากสำนักงบประมาณแล้ว ๒. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินตราต่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินบาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศได้ ตามนัยมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และอนุมัติให้จัดสรรเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการตามข้อ ๑ ทั้งนี้ ในการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เห็นควรพิจารณากู้เงินให้สอดคล้องกับแผนการเบิกจ่ายของโครงการโดยนำผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงมาพิจารณาประกอบด้วย รวมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณ (เงินกู้) ตามขั้นตอนดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นมาตรการเร่งรัดให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินโครงการได้โดยเร็ว เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการเป็นไปตามกรอบระยะเวลา และวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ตามความเหมาะสม ๔. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและการจัดหาเงินกู้ การจัดซื้อจัดจ้าง การโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ การจัดหาเงินกู้และการเบิกจ่ายเงินกู้ การติดตาม การประเมินผล และการรายงานผลการดำเนินงาน และการใช้เงินสำรองจ่ายและเงินเหลือจ่าย และให้ส่งร่างระเบียบดังกล่าวให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับภาพรวมของแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางการใช้ประโยชน์จากระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของหน่วยงานราชการให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||||||||
669 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่ และภาพรวมของปี 2557 | นร11 | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่ และภาพรวมของปี ๒๕๕๗ ซึ่งครอบคลุมความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญ บทความพิเศษเรื่อง “การยกระดับสมรรถนะแรงงาน ความท้าทายที่ต้องเร่งดำเนินการ” และประเด็นทางสังคมที่ต้องเฝ้าระวังในระยะต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การจ้างงานลดลง อัตราการว่างงานต่ำ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นช้า (๒) การก่อหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มชะลอลง แต่ต้องเฝ้าระวังการผิดนัดชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง (๓) ผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ (๔) ผู้ป่วยเอดส์มีแนวโน้มลดลง แต่ต้องเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของกลุ่มเยาวชนที่นำไปสู่การเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีที่มาจากเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย (๕) ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้นและต้องเฝ้าระวังกลุ่มเยาวชนเริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุน้อยลง (๖) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยรวมดีขึ้น แต่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ยาเสพติดทั้งในกลุ่มผู้ค้าและผู้เสพเพื่อลดปัญหาอย่างยั่งยืน (๗) การเสริมสร้างวินัยเป็นหนทางลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุจราจรทางบกอย่างยั่งยืน และ (๘) การเปิดตัวรายงานความก้าวหน้าในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง และได้ดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ตามหลักมาตรฐานสากล 5P (Policy, Prosecution, Protection, Prevention, Partnership) ที่ยึดหลักการสำคัญด้านการคุ้มครองผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเสี่ยง และผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การบังคับกฎหมายอย่างเข้มงวด และการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหนาที่รัฐในทุกระดับ ๑.๒ บทความพิเศษเรื่อง “การยกระดับสมรรถนะแรงงาน : ความท้าทายที่ต้องเร่งดำเนินการ” มีเนื้อหาเกี่ยวกับโครงสร้างแรงงานเป็นข้อจำกัดต่อการพัฒนาประเทศ แนวทางและปัญหาการยกระดับสมรรถนะแรงงาน ๑.๓ ประเด็นสังคมที่ต้องเฝ้าระวังในระยะต่อไป ได้แก่ ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตแรงงาน ตลอดปี ๒๕๕๘ การแก้ไขปัญหาหนี้สิน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในปี ๒๕๕๘ การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในปี ๒๕๕๘ และแนวทางการพัฒนาสมรรถนะแรงงาน ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปเป็นข้อมูลดำเนินการให้สอดคล้องกับระบบการศึกษา
|
||||||||||||||||||||||||
670 | รายงานสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ 10 จังหวัด ภาคเหนือ | ทส | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือเกิดขึ้นจาก ๒ สาเหตุ คือ การเผาทำลายป่าในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดและอ้อยของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ และหมอกควันที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้มีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัยและปัญหาหมอกควันอย่างใกล้ชิด ๖ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว รวมทั้งขอความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการป้องกัน ติดตาม และแก้ไขสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ดังกล่าวให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้งการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลกระทบของไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อปรับทัศนคติของประชาชนในพื้นที่ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรโดยไม่ให้มีการเผาทำลายป่า รวมทั้งให้หามาตรการลงโทษผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดไฟป่าด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
671 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2557 | อก | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๓ เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ เนื่องจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และเบียร์ เป็นต้น แต่หากพิจารณาเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังคงมีอัตราหดตัวร้อยละ ๐.๓๕ อย่างไรก็ตาม เป็นการหดตัวในอัตราที่น้อยลงจากเดือนก่อนหน้า และเมื่อพิจารณาภาพรวมของปี ๒๕๕๗ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ ๔.๖ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๖ ๒. การเปิดปิดโรงงาน เดือนธันวาคม ๒๕๕๗ มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ จำนวน ๓๕๕ ราย ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ร้อยละ ๒๐.๕๘ โดยอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ มีจำนวน ๓๓ โรง จำนวนเงินทุน ๑๒,๘๗๓.๖๒ ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการลดลงจากเดือนธันวาคม ๒๕๕๖ ร้อยละ ๖.๐๘ สำหรับโรงงานที่ปิดดำเนินการกิจการ มีจำนวน ๕๑ ราย น้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ร้อยละ ๕๙.๒ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน พบว่ามีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการน้อยกว่าร้อยละ ๗.๒๗ ๓. การขอรับการส่งเสริมการลงทุน ปี ๒๕๕๗ มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ทั้งสิ้น ๓,๔๖๙ โครงการ เงินลงทุน ๒,๑๙๒,๗๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๖ ร้อยละ ๗๓.๒๘ และ ๑๑๗.๑๒ ตามลำดับ โดยประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมมากที่สุด คือ หมวดบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นร้อยละ ๓๗.๕ ทั้งนี้ เดือนธันวาคม ๒๕๕๗ มีการยื่นขอรับการส่งเสริมมากถึง ๒,๐๙๒ โครงการ เงินลงทุน ๑,๔๒๘,๒๐๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๓ และ ๖๕.๑ ของทั้งปีตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||
672 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 | อก | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้รัฐมนตรีประกาศกำหนดทำเลที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมสำหรับที่จะตั้งโรงงานหรือขยายโรงงานจำพวกที่ ๓ บางประเภท ชนิดหรือขนาด และประกาศกำหนดให้โรงงานบางประเภท ชนิดหรือขนาด ต้องจัดให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มเติมทำเลที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมถึงมลภาวะทางเสียง กลิ่น และการสั่นสะเทือน ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และการพิจารณากำหนดทำเลที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมสำหรับการตั้งหรือขยายโรงงานจำพวกที่ ๓ บางประเภท ชนิดหรือขนาด ที่จะกำหนดในประกาศกฎกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดทำเลที่ไม่เหมาะสมสำหรับการตั้งหรือขยายโรงงานจำพวกที่ ๓ ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับการบังคับใช้ผังเมืองรวม รวมทั้งควรพิจารณาให้สอดรับกับแผนบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) นอกจากนี้ ควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย ก่อนการออกประกาศกำหนดทำเลที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมสำหรับตั้งหรือขยายโรงงานจำพวกที่ ๓ ดังกล่าว รวมทั้งมีการชี้แจงสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสาธารณะในเรื่องหลักเกณฑ์ ระยะเวลาบังคับใช้ รวมถึงมาตรการรองรับภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
673 | แผนบูรณาการการจัดการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2558 | มท | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนบูรณาการการจัดการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ความร่วมมือดำเนินการตามแผนบูรณาการดังกล่าวซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การป้องกันและลดผลกระทบ เน้นมาตรการในเรื่องระบบเฝ้าระวังและคาดการณ์สถานการณ์ภัยแล้ง ตลอดจนการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนทราบ โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก ๑.๒ การเตรียมพร้อมรับภัย เน้นมาตรการในเรื่องการเตรียมพร้อมสำหรับการจัดหาน้ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยให้ความสำคัญเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นอันดับแรก ๑.๓ การจัดการในภาวะฉุกเฉิน เน้นการดำเนินการตามมาตรการ คือ การจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในแต่ละระดับ คือ ระดับภูมิภาคและระดับส่วนกลาง และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ โดยกรมประชาสัมพันธ์ รวบรวมข่าวสาร การให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ การจัดการหลังการเกิดภัย เน้นการดำเนินการตามมาตรการในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ให้เกิดความทั่วถึงให้มากที่สุด ทั้งในเรื่องเงินชดเชยตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การจ้างแรงงาน และการส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้จังหวัดเป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะเป็นผู้อำนวยการจังหวัด เป็น Single Command ในการระดมทรัพยากรจากทุกหน่วยงานเข้าแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ และให้ใช้กระบวนการตรวจราชการแบบบูรณาการร่วมติดตามผลการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งดังกล่าว รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมในฐานะกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งมาจากแหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้ำใต้ดิน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเน้นมาตรการประหยัดน้ำ คือ การลดการใช้ (Reduce) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) และการใช้อย่างหมุนเวียน (Recycle) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ภัยแล้งของประเทศให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการช่วยเหลือ เยียวยา ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความจำเป็น และดำเนินการด้วยความถูกต้อง โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ |
||||||||||||||||||||||||
674 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. .... | คค | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและความสะดวกแก่การควบคุมดูแล จัดระเบียบการจราจรและระบบการขนส่งทางน้ำ ตลอดจนการควบคุมมลภาวะทางน้ำและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
675 | แนวทางบริหารจัดการยางพาราเพื่อแก้ปัญหาราคายาง | กษ | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางบริหารจัดการยางพาราเพื่อแก้ปัญหาราคายาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกไปจากเดิมวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาค้ำประกันเงินกู้กับ ธ.ก.ส. ออกไป ตามระยะเวลาการขยายชำระเงินกู้ให้ ธ.ก.ส. พร้อมชดเชยต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ย FDR+1 และให้ อ.ส.ย. บริหารจัดการสต็อกยางของโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสต็อกยางของโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยเบิกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากงบประมาณของโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ๑.๒ ให้ อ.ส.ย. ใช้วงเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพิ่มเติมอีกจำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินการรับซื้อยางแผ่นรมควัน ชั้น ๓ ไม่อัดก้อน ยางแผ่นรมควันอัดก้อน และยางแท่ง STR 20 วงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท และเพื่อดำเนินโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางสำหรับซื้อน้ำยางสด และยางก้อนถ้วย ในวงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ๒. สำหรับการขยายวงเงินสินเชื่อโครงการมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางเพิ่มเติมอีก ๖,๐๐๐ ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายละเอียด หลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการดำเนินงานที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรงจากการดำเนินโครงการฯ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ อ.ส.ย. ติดตามกำกับดูแลการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง รวมทั้งมีแผนการระบายยางที่มีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้โครงการประสบภาวะขาดทุน และเมื่อดำเนินโครงการเสร็จสิ้น ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็น ทั้งนี้ ในส่วนของการกู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ของ อ.ส.ย. ให้ อ.ส.ย. ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงการขอบรรจุรายการดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไปในโอกาสแรก ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
676 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2557 และแนวโน้มปี 2558 | นร11 | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี ๒๕๕๗ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๗ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๒.๓ ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากการขยายตัวร้อยละ ๐.๒ ในสามไตรมาสแรก และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ขยายตัวจากไตรมาสที่สามร้อยละ ๑.๗ (QoQ_SA) เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๒ ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวในเกณฑ์ดีร้อยละ ๑.๙ ส่วนการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๕ ด้านการส่งออกสินค้า มีมูลค่า ๕๖,๗๖๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑.๕ และด้านการผลิตปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรม สาขาก่อสร้าง และสาขาโรงแรมและภัตตาคารที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบหลายไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๐.๖ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๑.๑ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๓๑๖,๗๖๗ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๐.๒ ของ GDP ๒. เศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๐.๗ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภคของครัวเรือน และสาขาเกษตรกรรม ซึ่งขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ๐.๓ และร้อยละ ๑.๑ ตามลำดับ แต่การลงทุนรวม และสาขาอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ ๒.๘ และร้อยละ ๑.๑ ตามลำดับ สาขาโรงแรมและภัตตาคาร ลดลงร้อยละ ๒.๑ โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้น ๒๔.๘ ล้านคน (ลดลงร้อยละ ๖.๗) มูลค่าการส่งออกสินค้าอยู่ที่ ๒๒๔,๗๙๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๐.๓ เนื่องจากการลดลงของราคาส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะราคาข้าวและยางพารา ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๕๗ ยังเป็นไปอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพ โดยที่อัตราการว่างงานทั้งปีเท่ากับร้อยละ ๐.๘ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๑.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๓.๘ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๕ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว การเร่งรัดการใช้จ่ายและการดำเนินโครงการลงทุนที่สำคัญ ๆ ของภาครัฐ การเริ่มกลับมาขยายตัวของปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ และการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก สำหรับอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งปีแรก และต้องติดตามและประเมินสถานการณ์การปรับตัวของสถานการณ์ด้านราคาในช่วงครึ่งปีหลังอย่างใกล้ชิด ด้านการส่งออกสินค้าคาดว่ามูลค่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๙ และร้อยละ ๖.๐ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๐-๑.๐ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๔.๙ ของ GDP
|
||||||||||||||||||||||||
677 | ร่างกฎกระทรวงการทำสำมะโน สำรวจ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ รวม 16 ฉบับ | ทก | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการทำสำมะโน สำรวจ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ รวม ๑๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล สนองความต้องการของผู้ใช้ข้อมูลทั้งภาครัฐและเอกชนในการกำหนดนโยบายการบริหารและวางแผนด้านเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างภาวะการทำงานของประชากร พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในภาคเอกชน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างการมีและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างการเดินทางและการเดินทางท่องเที่ยวของชาวไทย พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างการมีและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสถานประกอบการ พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างยอดขายรายไตรมาส พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างสถานภาพการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. .... ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างภาวะการครองชีพของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. .... ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างการอ่านหนังสือของประชากร พ.ศ. .... ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. .... ๑.๑๓ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างการย้ายถิ่นของประชากร พ.ศ. .... ๑.๑๔ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างสภาวะทางสังคมและวัฒนธรรม พ.ศ. .... ๑.๑๕ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างอนามัยและสวัสดิการ พ.ศ. .... ๑.๑๖ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑.๑ ควรจำแนกขนาดของสถานประกอบการและรูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมายเป็นส่วนบุคคลและนิติบุคคลประกอบกับการจำแนกประเภทตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญในมิติต่างประเทศมากขึ้น อาทิ จำนวน/สัดส่วนของลูกจ้างหรือแรงงานต่างชาติในธุรกิจหรืออุตสาหกรรม โดยแบ่งตามประเภท/ระดับทักษะของแรงงาน มูลค่า/สถานะในการลงทุนของธุรกิจ/อุตสาหกรรมไทยในต่างประเทศ เป็นต้น และเพิ่มเติมการสำรวจข้อมูลอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพใหม่ ๆ เช่น อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ๒.๒ ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑.๓ ควรจำแนกรูปแบบการจัดเก็บและนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม ๒ ประเด็น คือ การสำรวจค่าตอบแทนโดยจำแนกตามขนาดของกิจการ ควรจัดแบ่งตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ และการจำแนกกิจกรรม ๑๑ กิจกรรม ควรปรับปรุงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (ประเทศไทย) ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒.๓ ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑.๕ ควรบูรณาการร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการกำหนดรายละเอียดการสำรวจตัวอย่างการเดินทางและการเดินทางท่องเที่ยวของชาวไทย เพื่อให้ได้ผลการสำรวจที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน รวมถึงการสำรวจข้อมูลสำหรับการจัดทำบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว (Tourism Satellite Account : ISA) ด้วย ๒.๔ ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑.๙ ควรมีการจัดเก็บและนำเสนอข้อมูลทรัพย์สินต่าง ๆ เชิงลึก ๒.๕ ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑.๑๒ ควรเพิ่มเติมเรื่องความหมายของการดื่มสุรา เช่นเดียวกับการให้ความหมายของการสูบบุหรี่ ๒.๖ ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑.๑๕ ควรเพิ่มเติมการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจข้อมูลพื้นฐานทางประชากรของสมาชิกในครัวเรือน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ๒.๗ ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑.๑๖ ควรปรับหลักเกณฑ์การจำแนกผู้สูงอายุ เป็นบุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและชัดเจนระหว่างคำนิยามตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ |
||||||||||||||||||||||||
678 | ขออนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท | คค | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภาวะเงินสดขาดมือจนไม่สามารถดำเนินงานให้บริการได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ส่วนประเด็นของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการ เน้นการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการควบคุมและลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งพิจารณาการใช้วงเงินกู้ด้วยความรอบคอบและตามความจำเป็นหรือฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบต่อภาระหนี้และฐานะการเงินขององค์กร ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
679 | การบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ในปัจจุบันประชาชนในหลายพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคเพื่อประกอบอาชีพโดยเฉพาะภาคการเกษตร อันเนื่องมาจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะมีความรุนแรงขึ้นในช่วงต่อไป ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างเป็นระบบ จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานในเรื่องนี้ร่วมกันโดยจัดทำแผนบูรณาการการจัดการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
680 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2557 และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2557 และแนวโน้มปี 2558 | อก | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ปี ๒๕๕๗ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ลดลงหรือหดตัวร้อยละ ๓.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รถยนต์ เครื่องประดับเพชรพลอย และผลิตภัณฑ์ยาง ๒. ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม-พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น ๑,๓๘๘ โครงการ น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน ๑,๖๒๗ โครงการ ร้อยละ ๑๔.๖๘ และมีเงินลงทุน ๗๖๖,๒๐๐ ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีวงเงินลงทุน ๘๓๑,๐๐๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗.๘ ๓. สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี ๒๕๕๗ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปี ๒๕๕๗ คาดว่าจะลดลงหรือหดตัวเมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๖ สำหรับแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมไทยปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะมีการขยายตัวที่ดีขึ้นจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกในปี ๒๕๕๘ การฟื้นตัวของการลงทุนการปรับฐานสู่ภาวะปกติของอุตสาหกรรมรถยนต์ปี ๒๕๕๗ และการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งทำให้คาดการณ์ในปี ๒๕๕๘ GDP อุตสาหกรรมจะขยายตัวร้อยละ ๒-๓ และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๓-๔
|
.....