ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
601 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม 2558 | นร11 | 30/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ๑.๑ เศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ในด้านการใช้จ่าย ดัชนีปริมาณการส่งออกขยายตัวร้อยละ ๓.๘ ขณะที่ดัชนีการอุปโภคบริโภคลดลงร้อยละ ๑.๑ และดัชนีการลงทุนภาคเอกชนอยู่ในภาวะทรงตัว ในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๖ จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๒ ในขณะที่ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ ๑.๙ ๑.๒ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อลดลงตามราคาพลังงาน อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าเกินดุลจากการนำเข้าที่ลดลง แต่ดุลบริการขาดดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑.๓ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีและงบประมาณกันไว้เหลื่อมปีในเดือนกรกฎาคมขยายตัวเพิ่มขึ้น สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ยังคงอยู่ในระดับที่มั่นคง ๑.๔ สถานการณ์ด้านการเงิน อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี เงินให้กู้ยืมภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๕.๐ เป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจร้อยละ ๒.๕ (เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๒.๑ ในเดือนมิถุนายน) และการขยายตัวของสินเชื่อครัวเรือนร้อยละ ๗.๒ (เท่ากับการขยายตัวในเดือนมิถุนายน) ส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน) ขยายตัวร้อยละ ๕.๙ ในเดือนกรกฎาคม ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ ๗.๐ ค่าเงินบาทเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ ๓๔.๓๐ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงร้อยละ ๑.๗ จากเดือนก่อนหน้า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เคลื่อนไหวผันผวน โดยปิดที่ ๑,๔๔๐.๑ จุด ลดลงร้อยละ ๔.๓ จากเดือนก่อนหน้า ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ยังแสดงทิศทางการฟื้นตัวที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ ๒ ตามการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับเศรษฐกิจยูโรโซนและญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ตามการบริโภคและการผลิต ในขณะที่เศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวตามการผลิตและการส่งออกที่หดตัว การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียชะลอตัวลงตามการลดลงของการส่งออก รวมทั้งส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าขั้นปฐมปรับตัวลดลงและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวล่าช้ากว่าการคาดการณ์ของตลาด
|
||||||||||||||||||
602 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 | ทส | 30/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีมติให้การรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. โครงการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา (ส่วนขยาย) ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ๒. โครงการศูนย์การแพทย์มหิดล นครสวรรค์ ของมหาวิทยาลัยมหิดล ๓. โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก นครราชสีมา ระยะที่ ๒ (เพื่อขยายโอกาสใช้พลังงานสะอาดและลดมลภาวะในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๔. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท ๕. การกำหนดประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : CoP) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง ที่มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ ๑๐ เมกะวัตต์ ขึ้นไป ๖. ขอทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ๗. การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ รวม ๔ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี ๘. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๙. ขอปรับปรุงร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร ๑๐. โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๑๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑๒. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายหลังเปิดดำเนินการโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มเติม (สืบเนื่องจากการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในปีเปิดดำเนินการ) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
|
||||||||||||||||||
603 | การดำเนินการกรณีการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง - ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ของกรมทางหลวง | คค | 30/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการกรณีการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอนดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ของกรมทางหลวง สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะทำงานศึกษาผลกระทบการปรับขึ้นค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑ ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ได้นำแนวทางมาตรการลดผลกระทบกรณีการปรับค่าผ่านทางเมื่อปี ๒๕๕๒ ที่เห็นว่าสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่กระทบต่อสัญญาสัมปทาน และเป็นมาตรการที่เหมาะสมในปัจจุบัน รวม ๕ มาตรการ มาดำเนินการในปี ๒๕๕๗ ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ค่าผ่านทางและเส้นทางเลือกเป็นการล่วงหน้า การบริหารจัดการจราจร การปรับปรุงดูแลสภาพผิวทางจราจรและการขจัดอุปสรรค การจัดให้มีหน่วยบริการฉุกเฉิน และการรายงานข้อมูลสภาพการจราจร ๒. กรมทางหลวงได้มีการพัฒนาปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Social Network ต่าง ๆ รวมทั้งการรายงานสภาพการจราจรผ่าน CCTV และปริมาณจราจรแบบ Real-Time บนเว็บไซต์ของกรมทางหลวง และในระบบ Application บนโทรศัพท์ Smartphone มีการรายงานการจราจรผ่านรายการ Traffic 3 มีการบูรณาการเชื่อมต่อข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลอุบัติเหตุ ข้อมูลเส้นทางที่อยู่ในระหว่างงานก่อสร้าง การประชาสัมพันธ์และรับแจ้งเหตุต่าง ๆ ผ่าน Call center 1586 ๓. ภายหลังการปรับค่าผ่านทางเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ทำให้ปริมาณการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตเพิ่มมากขึ้นในช่วงแรก และค่อยปรับลดลงสู่ภาวะปกติ ส่วนปริมาณจราจรบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ได้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติ แสดงให้เห็นว่ามาตรการลดผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทางครั้งนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงจากมาตรการเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนผู้ใช้ทางสามารถทราบข้อมูลเหตุการณ์ต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางหรือเปลี่ยนแปลงการเดินทางได้ทันท่วงทีส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้เร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการปรับขึ้นค่าผ่านทางครั้งที่ผ่านมา
|
||||||||||||||||||
604 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 2 ปี 2558 และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2558 | อก | 30/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๘ และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๘ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๘ อยู่ที่ระดับ ๑๕๓.๑ ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา (๑๗๑.๙) ร้อยละ ๑๐.๙ และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๗ (๑๖๕.๗) ร้อยละ ๗.๖ อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๗ ได้แก่ Hard Disk Drive โทรทัศน์สี ยานยนต์ เครื่องประดับเพชรพลอย ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น ๒. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๕.๓ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสำคัญที่ลดลง อาทิ Hard disk drive (HDD) โทรทัศน์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์กลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังจากติดลบติดต่อกัน ๓ เดือน การเปิดปิดโรงงาน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ จำนวน ๔๑๐ ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ร้อยละ ๒๓.๕ มียอดเงินลงทุนรวมและจำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๗.๗ และ ๓๐.๕ ตามลำดับ และโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการ จำนวน ๒๒๘ ราย น้อยกว่าเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ร้อยละ ๙.๕๒ การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรม ในส่วนของการนำเข้าเครื่องมือกลและอุตสาหกรรม และเครื่องจักรกล มีมูลค่า ๑,๐๕๒.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑๗.๔ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต มีปริมาณทั้งหมด ๑๐,๓๐๙.๕ ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลงเล็กน้อยจากเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ร้อยละ ๐.๐๒
|
||||||||||||||||||
605 | แผนแม่บทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ พ.ศ. 2558 - 2563 | กห | 30/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนแม่บทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๓ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพื่อให้เกิดความพร้อมในการป้องกันประเทศของไทย และเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวทางในการวางแผนปฏิบัติการ อำนวยการ ประสานงาน สนับสนุน และบูรณาการการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การผลิตสนับสนุนภารกิจกองทัพ (๒) การพัฒนาประสิทธิภาพองค์กร (๓) การสนับสนุนปัจจัยที่เอื้อต่อการประกอบกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (๔) การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และ (๕) การสร้างและพัฒนากิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เติบโตและแข่งขันได้ และให้หน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุนแนวทางการปฏิบัติตามแผนแม่บทดังกล่าว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณากำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดกลุ่มประเภทในแนวทางปฏิบัติและกำหนดลำดับความสำคัญของแนวทางปฏิบัติตามยุทธศาสตร์/กลยุทธ์ รวมถึงแสดงตัวชี้วัดในเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อสะท้อนระดับความสำเร็จตามยุทธศาสตร์/กลยุทธ์ ที่วางไว้ และเพิ่มเติมประเด็นเรื่องการเสริมสร้างบุคลากรเพื่อให้สอดรับกับแผนแม่บทฉบับนี้ เนื่องจากบุคลากรเป็นองค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ใช้ความรู้ขั้นสูง รวมทั้งการจัดทำแผนรองรับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจ การพิจารณาแนวทางการอนุญาตให้เอกชนใช้พื้นที่ของทางราชการเพื่อการตั้งโรงงานผลิตและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการผ่อนปรนให้โรงงานผลิตและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเอกชนที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันสามารถขยายโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยผังเมือง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
606 | ขออนุมัติดำเนินการต่อรายการรายจ่ายงบลงทุน ปีงบประมาณ 2558 (ปรับปรุงสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดสงขลา จังหวัดระนอง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดปทุมธานี) | พม | 22/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการต่อรายการรายจ่ายงบลงทุน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๔,๒๘๑,๐๓๓.๕๕ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่และติดตั้งกล้องวงจรปิดรองรับการดูแลและแก้ไขปัญหาผู้อพยพในภาวะไม่ปกติ (โรฮีนจา) ให้สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ทั้ง ๔ แห่ง คือ จังหวัดสงขลา จังหวัดระนอง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดปทุมธานี เป็นกรณีเฉพาะราย ทั้งนี้ การใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณรายการดังกล่าว สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
607 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การพัฒนาและปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การพัฒนาและปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ควรมีการดำเนินการเรื่องการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าต่อไป ๒. ควรสนับสนุนให้มีการชดเชยเพื่อเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ทั้งด้านสุขภาพ อาชีพ และสิ่งแวดล้อม ควรใช้เงินกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ๓. ควรให้มีการสนับสนุนการฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การเฝ้าระวัง ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การจัดสุขภาวะทางสังคมที่ดี และให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ๔. ควรให้ผู้แทนภาคประชาชนเป็นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าให้มากขึ้น มีบทบาทมากขึ้น ภาคประชาชนสามารถนำความรู้ความต้องการของประชาชนในพื้นที่มาดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ๕. ควรให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจกับเรื่องการดำเนินงานวิสาหกิจชุมชนเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นและได้รับการศึกษา ฝึกอบรมวิชาชีพ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินชีวิต
|
||||||||||||||||||
608 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า และร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. ....) | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า และร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอปฏิรูปคือ ยกร่างพระราชบัญญัติความรับผิดความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะถดถอยของรายได้ที่เข้าสู่ประเทศ และความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับฐานะของพลเมืองในสังคม และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
609 | ผลกระทบและแนวทางพื้นฟูการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ | กก | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลกระทบและแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลกระทบหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ ประเทศในแถบเอเชียได้มีการยกเลิกการจองแพ็คเกจนำเที่ยวและยกเลิกการบินมาไทยในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ๒๕๕๘ ได้แก่ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง และเวียดนาม ส่วนการจองบัตรโดยสารเครื่องบินทั่วโลกเฉพาะเที่ยวบินประจำที่รวบรวมโดยระบบ Forwardkeys เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ พบว่า มีการยกเลิกการจองตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ไปประมาณครึ่งหนึ่งของยอดจองทั้งหมด สำหรับตลาดคนไทย ในภาพรวมนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงเดินทางท่องเที่ยวเป็นปกติ ยกเว้นพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ที่อาจได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดเกิดเหตุ ๒. แนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยตลาดต่างประเทศ ได้เน้นประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์และสอดแทรกภาพข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับคนไทยและประเทศไทยผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งในระดับโลกและในพื้นที่ตลาด การสร้างกระแสและเสริมบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว เร่งจัดทำแคมเปญโฆษณาและโลโก้ “Amazing Thailand” ตัวใหม่ พร้อมทั้งจัดมหกรรมงานประเพณีแห่งความสุข (Mega event) เสริมบรรยากาศที่เข้าสู่ภาวะปกติ ชักชวนให้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย รวมทั้งการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว โดยเน้นเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เป็นตลาดหลักระยะใกล้ และเปิดตัวการใช้โลโก้ใหม่และแคมเปญโฆษณาใหม่ ภายใต้แนวคิด “Discover Amazing Stories” เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับ “วิถีไทย” ในส่วนของตลาดในประเทศ จะเรียกขวัญและกำลังใจของคนไทยกลับมา โดยจัดกิจกรรม “กรุงเทพฯ เดิน (เท้า) เที่ยว” การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวผ่านรายการโทรทัศน์/รายการวิทยุ และเน้นโฆษณาเพื่อสร้างกระแสและเสริมสร้างบรรยากาศในการท่องเที่ยวให้คนไทยกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยจัดทำแคมเปญโฆษณา “กอดเมืองไทย ให้หายเหนื่อย” เผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ
|
||||||||||||||||||
610 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สองของปี 2558 | นร11 | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ได้แก่ (๑) การจ้างงานลดลง อัตราการว่างงานต่ำ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นช้า (๒) หนี้สินครัวเรือนชะลอตัวลงต่อเนื่อง การผิดนัดชำระหนี้ทั้งสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค สินเชื่อภายใต้การกำกับ และบัตรเครดิตยังคงเพิ่มขึ้น (๓) คุณภาพการศึกษาเป็นปัญหาเร่งด่วน (๔) ผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นเกือบ ๓ เท่า (๕) ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้นและยังต้องเฝ้าระวังการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา (๖) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยรวมดีขึ้น สถานการณ์ยาเสพติดดีขึ้น ขณะที่คดีทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น (๗) การสร้างพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัยต่อคนเดินเท้าเพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรทางบก (๘) ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป และ (๙) การคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับไขมันทรานส์ยังเป็นเรื่องที่ต้องผลักดัน ๑.๒ บทความพิเศษเรื่อง “การทำงานของผู้สูงอายุ : ความจำเป็นที่ต้องผลักดัน” มีเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่ต้องการให้เป็นการจ้างงานตามความสมัครใจ มีความยืดหยุ่น รวมทั้งมีการสนับสนุนจากรัฐในการเพิ่มแรงจูงใจ การสร้างกลไกเพื่อสนับสนุน ตลอดจนการให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบและความจำเป็นของการทำงานของผู้สูงอายุ ๑.๓ ประเด็นสังคมที่ต้องเฝ้าระวังในระยะต่อไป ได้แก่ ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตแรงงาน การลดปัญหาอาชญากรรม การสร้างความปลอดภัยในการป้องกันหรือคุ้มครองการบาดเจ็บและการสูญเสียในกลุ่มคนเดินเท้า แนวทางการส่งเสริมการทำงานผู้สูงอายุ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับภาวะสังคมไทยในไตรมาสที่สองปี ๒๕๕๘ ในส่วนที่ดีขึ้น และขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาสังคมตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย
|
||||||||||||||||||
611 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าน้ำอ้อยม่วงหัก จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | มท | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าน้ำอ้อยม่วงหัก จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าน้ำอ้อย และตำบลม่วงหัก อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบผลิตพลังงานทดแทนบางประเภทที่เข้าข่ายเป็นโรงไฟฟ้า มีลักษณะเป็นโรงงานตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และอาจจัดตั้งไม่ได้ในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภท จึงที่เห็นควรยกเว้นให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทที่ไม่มีมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมหรือมีแต่น้อยมาก ตามที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมจะกำหนด เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนตามนโยบายของรัฐบาล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
612 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง) | สผ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การสร้างความเข้าใจร่วมของสังคมต่อเหตุแห่งความขัดแย้ง ๒. การแสวงหาและเปิดเผยข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ความรุนแรง ๓. การอำนวยความยุติธรรม การสำนึกรับผิดชอบและการให้อภัย ๔. การเยียวยา ดูแล และการฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ ๕. การสร้างสภาวะที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน ๖. มาตรการป้องกันการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
|
||||||||||||||||||
613 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติภาวะโลกร้อน) (มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยงานหลัก) | สผ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเรื่อง การจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติภาวะโลกร้อน ของสภาปฎิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติและภาวะโลกร้อน เช่น วาตภัยจากพายุหมุน อุทกภัยเนื่องจากความแห้งแล้งหรือภัยแล้ง ก๊าซเรือนกระจำในบรรยากาศ เป็นต้น เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปและพัฒนาการบริหารจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในด้านโครงสร้าง องค์กร และกลไกการจัดการภัยพิบัติของภาครัฐและเอกชน ด้านกระบวนการวางแผนและกลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ด้านการสร้างองค์ความรู้และฐานข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติตามธรรมชาติรูปแบบต่าง ๆ และด้านการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละภัยพิบัติที่มีความแตกต่างกัน ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
614 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 | กค | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ซึ่งประกอบด้วย ๓ แผนย่อย วงเงินรวม ๑,๕๙๑,๖๖๔.๖๓ ล้านบาท ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๕๖๓,๙๒๖.๘๘ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน ๙๐๔,๖๒๓.๒๑ ล้านบาท และแผนการบริหารความเสี่ยง วงเงิน ๑๒๓,๑๑๔.๕๔ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๐๔,๘๒๓.๙๘ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๓๑,๖๘๑.๖๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุน และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินตราต่างประเทศสำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของกรมทางหลวง จำนวน ๒ สายทาง ได้แก่ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในวงเงิน ๒๑,๗๓๖ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินบาทแทนการกู้ต่างประเทศได้ตามนัยมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นสมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการที่กำหนดไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่ปีงบประมาณ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินกู้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และหากมีการปรับเปลี่ยนแผนการบริหารหนี้สาธารณะระหว่างปี ให้พิจารณาโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้จริง และนำผลการเบิกจ่ายเงินที่ผ่านมาประกอบการปรับแผนฯ เพื่อไม่ให้วงเงินกู้มีจำนวนมากเกินความจำเป็น รวมทั้งในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี ควรยึดตามกรอบแนวทางแผนเงินกู้ ๓ ปี ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบวางแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นแนวทางในการพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ตามแผนในแต่ละปีงบประมาณอย่างเคร่งครัด และกำชับให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องการก่อหนี้ใหม่หรือปรับโครงสร้างหนี้ พิจารณาการกำหนดกรอบวงเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการโครงการและแผนงานภาครัฐ และการวางแผนบริหารหนี้สาธารณะของประเทศเป็นไปอย่างประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในการเสนอปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งต่อไป มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสังเกตให้มีการร่วมลงทุนจากภาคเอกชนเพื่อเป็นการลดภาระหนี้ของภาครัฐในระยะยาว เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี นครราชสีมา ของกรมทางหลวง เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาทบทวนการจัดทำประมาณการหนี้สาธารณะและสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ในระยะ ๕ ปีข้างหน้า ให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบแนวโน้มของหนี้ในอนาคต |
||||||||||||||||||
615 | สรุปผลการประชุม ASEAN Plus Three Health Ministers' Special VDO Conference on the Threat of MERS - CoV in the Region | สธ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุม ASEAN Plus Three Health Ministers’ Special VDO Conference on the Threat of MERS-CoV in the Region ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีสาระสำคัญของการประชุม สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดการประเมินความเสี่ยงของโรค การเตรียมความพร้อม การตอบสนอง และการสื่อสารสาธารณะที่มีประสิทธิภาพในโรคเมอร์ส สรุปได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ควบคุมโรคได้สำเร็จ ได้แก่ ทุกประเทศมีความตื่นตัวและจัดระบบเพื่อควบคุมและป้องกันโรคเมอร์ส สามารถค้นหาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว การคัดกรองและติดตามผู้สัมผัสอย่างใกล้ชิด มีระบบควบคุมและป้องกันโรคในโรงพยาบาล (Infection Prevention and Control system) ที่ดี การสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการระดมสรรพกำลังหลายด้าน และได้มีการเตรียมความพร้อมบุคลากร การพัฒนาทักษะและวิชาการไว้ล่วงหน้า ๒. ประเทศต่าง ๆ ขอบคุณไทย เวียดนาม และเกาหลีสำหรับการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีผ่านระบบประชุมทางไกลเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางด้านภัยสุขภาพ รวมถึงแสดงความชื่นชมไทย เกาหลี มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในกรณีโรคเมอร์ส ซึ่งแต่ละประเทศได้ให้คำมั่นในการเตรียมความพร้อมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยการเพิ่มความเข้มแข็งในระบบการเฝ้าระวังโรคโดยเฉพาะการตรวจจับโรคได้อย่างรวดเร็ว (early warning system) และการติดตามผู้ป่วยให้ความสำคัญในการตรวจสอบ (detection) ป้องกัน (prevention) และตอบโต้ (response) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล และพัฒนาแผนระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ๓. ที่ประชุมได้เห็นชอบต่อแถลงการณ์ร่วมที่ผ่านความเห็นชอบจากการประชุมเตรียมการของเจ้าหน้าที่อาวุโส (Preparation for Senior Officials Meeting : Prep SOM) เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยรัฐมนตรีมีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) เพิ่มความเข้มแข็งของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในการเฝ้าระวังโรค และยกระดับกลไกการประเมินความเสี่ยงระดับภูมิภาคของโรคเมอร์ส (๒) การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างรวดเร็วระหว่างประเทศสมาชิกเมื่อพบผู้ป่วยโรคเมอร์สรายใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประเมินความเสี่ยง (๓) การประสานความร่วมมือระหว่างชายแดนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการติดตามผู้เดินทาง และความร่วมมือในการสอบสวนโรคผ่านความร่วมมือพหุภาคี รวมทั้งเครือข่ายฝึกอบรมด้านระบาดวิทยาภาคสนามอาเซียนบวกสาม (๔) สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการที่สามารถวินิจฉัยโรคได้ รวมทั้งการมีมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ตลอดจนการสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และ (๕) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและถ่ายทอดบทเรียนร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อสนับสนุนให้เกิดการทบทวนและสังเคราะห์การดำเนินงานที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการโรคเมอร์สในภูมิภาค
|
||||||||||||||||||
616 | รายงานการตรวจสอบสินค้านำเข้าและมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น | พณ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบรายการสินค้านำเข้าและมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการด้านมาตรฐานสินค้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ มาตรการเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ๑.๓ มาตรการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสินค้าภายในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ๑.๔ สนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลหรือพลังงานทดแทนที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ รวมถึงการรณรงค์ให้ใช้พลังงานอย่างประหยัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการเร่งรัดการดำเนินการให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งรวบรวมผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบภายใน ๖ เดือน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า มาตรการเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้า และมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีบทบาททำหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายในการควบคุมการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้ามาในราชอาณาจักร ได้แก่ ยา อาหาร เครื่องสำอาง วัตถุอันตราย วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และยาเสพติด นอกจากนี้ การนำมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นมาใช้ ควรคำนึงถึงความตกลงที่ไทยได้ผูกพันไว้ภายใต้กรอบเจรจาต่าง ๆ เพื่อไม่ให้คู่เจรจามองว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า รวมทั้งมีการติดตาม ประเมินผลมาตรการดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันต่อสภาวะการแข่งขันทางการค้าในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
617 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2558 และแนวโน้มปี 2558 | นร11 | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘ โดยภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวจากไตรมาสแรกร้อยละ ๐.๔ (QoQ_SA) รวมครึ่งแรกของปี ๒๕๕๘ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๐.๒ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ และร้อยละ ๑.๖ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๗ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๗-๓.๒ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก การขยายตัวจำนวนนักท่องเที่ยวในอัตราที่สูง การอ่อนค่าของเงินบาทซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทในครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อและเอื้ออำนวยต่อการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๘ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การใช้จ่ายเงินงบประมาณและขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐ (๒) การดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการบรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และมาตรการช่วยเหลือ SMEs (๓) การแก้ไขปัญหาการผลิตในภาคเกษตร โดยการดูแลต้นทุนวัตถุดิบทางการเกษตร การส่งเสริมการรวมกลุ่มและการรวมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรรายย่อย และ (๔) การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐและภาคเอกชนในการแสวงหาตลาดและเพิ่มปริมาณสินค้าส่งออกที่สำคัญ การดูแลค่าเงินบาท การดูแลราคาสินค้าในกลุ่มที่เป็นวัตถุดิบนำเข้าสำคัญ การลดความล่าช้าและข้อจำกัดในกระบวนการทำงานและระเบียบปฏิบัติของภาครัฐ และการแก้ปัญหาการค้าแรงงานข้ามชาติและการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยให้ถือเรื่องเหล่านี้เป็นนโยบายเร่งด่วน และเร่งดำเนินการให้ได้ผลสัมฤทธิ์อย่างชัดเจนภายใน ๓ เดือน ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||
618 | ขอทบทวนแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน | กค | 11/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย เงินยืมจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุนฯ) ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ วงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท และเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๖๕,๗๐๐ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินบาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. สำหรับแนวทางการชำระคืนเงินยืมกองทุนฯ ให้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ยืมเงินจากกองทุนฯ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อนำไปชำระคืนเงินยืมกองทุนฯ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ กรณีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนและสำนักงาน กสทช. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย |
||||||||||||||||||
619 | รายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT ครั้งที่ 10 และการประชุมระดับรัฐมนตรี COMMIT ครั้งที่ 4 | พม | 11/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT (Coordinated Mekong Ministerial Initiative against Trafficking) ครั้งที่ ๑๐ ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ และการประชุมระดับรัฐมนตรี COMMIT ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT ครั้งที่ ๑๐ ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสาร ๒ ฉบับ คือ แผนปฏิบัติการอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ระยะที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) และปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรี COMMIT ครั้งที่ ๔ รัฐมนตรีของประเทศสมาชิกได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๓ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ระหว่างประเทศสมาชิกว่าจะร่วมกันต่อต้านสภาวะการเป็นทาสในทุกรูปแบบ อีกทั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่ากระบวนการ COMMIT เป็นกลไกความร่วมมือที่สำคัญในระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในการยุติการละเมิดสิทธิและการแสวงหาประโยชน์จากผู้ที่เสี่ยงต่อการเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกที่ต้องการเห็นความก้าวหน้าในโครงการสำคัญต่าง ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑)
|
||||||||||||||||||
620 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กค | 11/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับผู้บริจาคหรือสนับสนุนการกีฬาให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย กรมพลศึกษา กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยขยายระยะเวลาตามมาตรการต่อไปอีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้บริจาคเพื่อการกีฬาบางกรณี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลมาตรการทางภาษีต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อจะได้มีการทบทวนมาตรการให้มีความเหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และมิก่อให้เกิดการเสียโอกาสในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....