ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 141 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 06/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๘ แห่ง ให้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ รวมถึงอำนาจหน้าที่ของผู้บริหารในฐานะกรรมการรัฐวิสาหกิจเพื่อให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ รวมทั้งไม่เกิดช่องว่างในการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณากำหนดยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๘/๒๕๕๘ เรื่อง การให้กรรมการหรือคณะกรรมการตามกฎหมายบางฉบับปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ไว้ในร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ด้วย รวมทั้งให้พิจารณาขอบเขตของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้ครอบคลุมการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 142 | สรุปความก้าวหน้าในการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ | นร10 | 06/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปความก้าวหน้าในการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ สำหรับใช้เป็นแบบอย่างที่ดีและนำไปสร้างการรับรู้เพื่อให้ส่วนราชการเกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐให้เป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นิทรรศการของสำนักงาน ก.พ. เน้นความก้าวหน้าในการดำเนินการเตรียม สร้าง และพัฒนากำลังคนภาครัฐให้เป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้แก่ ทิศทางกำลังคนภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ มาตรฐานจริยธรรม การสอบเข้ารับราชการ ระบบทุนรัฐบาล การรักษากำลังคนคุณภาพ กลุ่มหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) การสร้างและพัฒนากำลังคนภาครัฐเพื่อไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ ๒. นิทรรศการของส่วนราชการ ประกอบด้วย กรมศุลกากร และกรมชลประทาน แสดงความก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงและพัฒนาระบบงานบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ส่วนราชการอื่น ๆ ๓. นิทรรศการของหน่วยงานเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ICDL Thailand IC3 Digital Literacy Certification ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง และบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ไอทีดี จำกัด เน้นนวัตกรรมในการพัฒนากำลังคนภาครัฐให้มีทักษะที่สอดคล้องกับการปฏิบัติราชการยุคใหม่ เช่น ระบบการออกแบบความคิด (Design Thinking) ระบบการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching) เครื่องมือในการประเมินทักษะดิจิทัล และเครื่องมือประเมินสมรรถนะในการเป็นผู้นำในยุคประเทศไทย ๔.๐ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 143 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 06/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลจากการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๗-๑๓ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ซึ่งทรงเสด็จมาเป็นประธานเปิดนิทรรศการส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในมุมมองใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ โดยงานนิทรรศการฯ แบ่งเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ Welcome to Thailand จัดแสดงนิทรรศการแสดงภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์สินค้าไทยมากกว่า ๓๓ แบรนด์ และ Universe of Sirivannavari จัดแสดงสินค้าแบรนด์ Sirivannavari โดยนิทรรศการฯ เป็นการยกระดับภาพลักษณ์สินค้าของไทย และส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศในมิติใหม่ที่สะท้อนพลวัตทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยไปยังกลุ่มตลาดบน (ระดับพรีเมี่ยม) ๒. การหารือความร่วมมือกับหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าพบหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สถาบัน Institut Francais de la Mode ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูง โดยกระทรวงพาณิชย์มีความสนใจในบริการด้านงานวิจัย เพื่อแสวงหาแนวทางในการพัฒนานักออกแบบไทย และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของภูมิภาคต่อไป และหน่วยงาน La French Tech ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ตั้งอยู่ที่ศูนย์รวมสตาร์ทอัพ โดยมีบริษัทและหน่วยงานภาครัฐรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการให้บริการของไทยที่เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและจุดแข็งของไทยต่อไป ๓. การพบปะหารือผู้ประกอบการไทยในงานแสดงสินค้าด้านแฟชั่น เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ ได้แก่ งานแสดงสินค้าเมซองแอนด์ออพเจ็ค งานแสดงสินค้า Who’s Next & Premiere Class และงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับบีจอร์ก้า โดยกระทรวงพาณิชย์ได้หาแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ซึ่งแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากโครงการ SME-Proactive และเชิญชวนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่จัดในประเทศไทยเพื่อขยายช่องทางการเข้าสู่ตลาดใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 144 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 | นร11 | 30/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ (เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมแสนหวี หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จังหวัดเชียงราย ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนนโยบายเชิงพื้นที่ (๒) ด้านการท่องเที่ยว (๓) ด้านการค้าและการลงทุน (๔) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (๕) ด้านการเกษตร (๖) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต (๗) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนโครงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวพะเยา-หลวงพระบาง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 145 | ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่คณะรัฐมนตรีควรทราบ | นร05 | 30/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวม ๕ ฉบับ โดยมีผลใช้บังคับต่อนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๔. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ (๙) พ.ศ. ๒๕๖๑ ๕. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๓ พ.ศ. ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 146 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร02 | 24/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างการรับรู้และความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐสู่ประชาชนตามนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยกำหนดประเด็นการประชาสัมพันธ์ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ผ่านการจัดทำแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทั้งระดับกระทรวงและระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พบว่า หน่วยงานภาครัฐมีการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนตามนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติฯ ในยุทธศาสตร์ที่ ๒ การประชาสัมพันธ์นโยบายแห่งรัฐมากที่สุด สำหรับยุทธศาสตร์ที่มีการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนน้อยที่สุดคือ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต ๒. การดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านที่ ๘ ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ จำนวน ๓ คณะ และมีผลการประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงาน ดังนี้ ๒.๑ การประชุมคณะอนุกรรมการทบทวนนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ ได้มีมติให้ทบทวนนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติฯ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ในขั้นตอนของการกำหนดประเด็นการประชาสัมพันธ์หลักของประเทศร่วมกัน ๒.๒ การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารภาครัฐเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ ได้มีมติให้มีการบริหารจัดการข่าวสารลวง (Fake News) โดยให้มีการจัดทำโลโก้ จัด campaign รณรงค์ต่อต้านข่าวลวง และกำหนดให้มี “วันต่อต้านข่าวลวงแห่งชาติ” พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายต่อต้านข่าวลวง ๒.๓ การประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ได้มีมติให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศ แบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระดับต้น (ผู้ปฏิบัติ) ระดับกลาง (หัวหน้าฝ่าย/งาน) และระดับสูง (ผู้บริหาร) รวมทั้งให้มีการพัฒนาหลักสูตร กำหนดรายวิชาให้เหมาะสมกับการพัฒนาบุคลากรแต่ละระดับ และให้สำนักงาน ก.พ. นำหลักสูตรหรือรายวิชาด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนไปบรรจุไว้ในหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการพลเรือนของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 147 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2561 | นร11 | 16/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเพื่อทราบ ๓ เรื่อง ได้แก่ รายงานดัชนีวัดประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ (International Logistics Performance Index : LPI) ปี ๒๕๖๑ รายงานความคืบหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย และรายงานโลจิสติกส์ของประเทศไทยประจำปี ๒๕๖๐ (๒) เรื่องสืบเนื่อง ๑ เรื่อง ได้แก่ การปรับลดขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐรายสินค้ายุทธศาสตร์ (น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็ง และวัตถุอันตราย) และ (๓) เรื่องเพื่อพิจารณา ๔ เรื่อง ได้แก่ การยกระดับการพัฒนาประสิทธิภาพระบบโครงข่ายการขนส่งสินค้าชายฝั่งของไทย หลักเกณฑ์และวิธีการจัดหาผู้บริหารท่าเรือของรัฐ แนวทางการบริหารจัดการและพัฒนาระบบ NSW และแผนปฏิบัติการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กบส. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ และรายงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอ กบส. ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธาน กบส. เสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมด้านการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในเรื่องสืบเนื่อง ประเด็นการปรับลดขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐรายสินค้ายุทธศาสตร์ โดยให้มีการพัฒนาระบบ NSW ในการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบ Single Form ระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนแบบ B2G เพื่อให้สามารถลดเอกสารหลักฐานขั้นตอนและระยะเวลา ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับระบบการยืนยันตัวตน (Authentication) เนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานกลางที่จะทำหน้าที่ Authenticate สำหรับนิติบุคคล จึงควรพิจารณานำ National Digital ID มาใช้เป็นระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว เป็นต้น รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารท่าเรือคลองใหญ่ จังหวัดตราด และการก่อสร้างท่าเรือของรัฐโดยกรมเจ้าท่าในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 148 | การรับรองการปรับปรุงรายการข้อสงวนของสหพันธรัฐมาเลเซีย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement) | นร13 | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในจดหมายรับรองการปรับปรุงรายการข้อสงวนของสหพันธรัฐมาเลเซีย ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA ) เพื่อให้กระบวนการปรับปรุงรายการข้อสงวนของมาเลเซียเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งการปรับปรุงรายการข้อสงวนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้รายการข้อสงวนมีความชัดเจนโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียด เช่น ทุกบริษัทที่จัดตั้งในมาเลเซียจะต้องมีผู้บริหารอย่างน้อย ๒ ราย ที่มีถิ่นที่อยู่หลักหรือมีถิ่นที่อยู่เพียงแห่งเดียวในมาเลเซีย การกำหนดคำนิยามของเรือประมงและน่านน้ำประมง และการเปิดเสรีให้กิจการผลิตเหล็กเส้น เหล็กแท่ง และการผ่อนปรนในกิจการผลิตน้ำตาลทรายให้อยู่ในรายการที่เปิดเสรีแต่มีเงื่อนไขเฉพาะ เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการที่รัฐบาลมาเลเซียแจ้งว่า จะดำเนินนโยบายในการสนับสนุนบุคคล/นิติบุคคลที่มีเชื้อชาติพื้นเมืองมาเลเซีย (Bumiputera) เหนือกว่าเชื้อชาติอื่นทั้งหมดนั้น เป็นกิจการภายในของรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งรัฐบาลไทยไม่ควรแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน (ให้การรับรอง) หรือคัดค้าน (ไม่ให้การรับรอง) ก็ตาม และในส่วนของรายการข้อสงวนที่ ๗ ซึ่งมาเลเซียได้เสนอขอปรับเพิ่มข้อความเพื่ออธิบายมาตรการที่จะสนับสนุน Bumiputera นั้น ข้อความที่ปรับเพิ่มขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยในทุกสาขาอุตสาหกรรม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 149 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์) | คค | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการแต่งตั้ง นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๒๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับ ที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ (ตามมติคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๗/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๘/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ขอให้ยึดหลักการทำงานด้วยความโปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 150 | ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2561)] | นร | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๖ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 151 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | นร11 | 18/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ (เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์) และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (อุดรธานี เลย หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) เมื่อวันอังคารที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ และเห็นชอบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจ หลวงพระบาง-อินโดจีน-เมาะลำไย (Luangprabang-Indochina-Mawlamyine Economic Corridor : LIMEC) (๒) ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (๓) ด้านแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย (๔) ด้านยกระดับการผลิตและการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต (๕) ด้านการท่องเที่ยว และ (๖) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนและจัดทำประมาณการงบประมาณของแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๔) ต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 152 | รายงานผลการบูรณาการขับเคลื่อนโครงการตลาดประชารัฐ ครั้งที่ 3 | มท | 11/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการบูรณาการขับเคลื่อนโครงการตลาดประชารัฐ ครั้งที่ ๓ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ถึงปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การขับเคลื่อนตลาดประชารัฐในแต่ละประเภท กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดประชารัฐทั้ง ๑๐ ประเภท จำนวนตลาดทั้งหมด ๖,๖๑๐ แห่ง ได้ดำเนินการเปิดตลาดประชารัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายพื้นที่ค้าขายในตลาดที่เปิดทำการอยู่แล้ว และจัดสรรพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบการโครงการตลาดประชารัฐทั่วประเทศและกรุงเทพมหานคร ๒. การจัดสรรพื้นที่จำหน่ายสินค้าและรายได้ของผู้ประกอบการ กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดประชารัฐทั้ง ๑๐ ประเภท ขยายพื้นที่ค้าขายเพื่อรองรับผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตลาดประชารัฐ จำนวน ๖,๖๑๐ แห่ง โดยมีผู้ลงทะเบียน ๑๐๕,๓๙๘ ราย ปัจจุบันได้ดำเนินการจัดสรรจำหน่ายสินค้าแล้วร้อยละ ๙๑.๓๒ (จำนวน ๙๖,๒๔๖ ราย) มีจังหวัดที่ดำเนินการจัดสรรพื้นที่ให้ผู้ประกอบการเสร็จสิ้นแล้ว ๕๑ จังหวัด ยังคงเหลือผู้ประกอบการที่รอการจัดสรรพื้นที่ค้าขาย ๙,๑๕๒ ราย และนับตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ มีการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั้งประเทศ ๑,๒๑๙.๓๓ ล้านบาท สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ๑,๘๑๐ บาท ต่อเดือน (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑) ๓. การปรับปรุงตลาดให้ได้มาตรฐานตลาดประชารัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดประชารัฐได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุกประเภทโดยผู้บริหารจัดการตลาดประชารัฐ (Chief Marketing Officer : CMO) กระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการตรวจประเมินตลาด โดยได้ดำเนินการประเมินแล้ว จำนวน ๑,๗๗๖ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๓๐ ของจำนวนตลาดประชารัฐ ผลจากการประเมิน พบว่า มีตลาดที่อยู่ในระดับดีมาก ๒๕๓ แห่ง (ร้อยละ ๑๔.๒๕) และต้องปรับปรุง ๓๔๙ แห่ง (ร้อยละ ๑๙.๖๕) ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการปรับปรุงตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้คุณภาพที่ยั่งยืนต่อไป ๔. หลักสูตรและจัดการอบรมผู้บริหารจัดการตลาดประชารัฐ (CMO) องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้จัดทำหลักสูตรอบรมการบริหารจัดการตลาดให้กับ CMO และผู้ประกอบการ โดยได้ดำเนินการจัดอบรมแล้ว จำนวน ๒๕ จังหวัด มีผู้เข้าร่วมอบรม ๓,๐๓๙ คน ๕. คลินิกผู้ประกอบการตลาดประชารัฐ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดทำคลินิกผู้ประกอบการตลาดประชารัฐ ในระดับอำเภอ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการที่ไม่มีประสบการณ์ค้าขาย ปัจจุบันได้พัฒนาไปแล้ว ๖,๒๙๘ ราย แบ่งเป็นการพัฒนาด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ๒,๑๑๑ ราย ด้านประสบการณ์ค้าขาย ๒,๑๙๑ ราย ด้านประสานแหล่งทุนเพื่อต่อยอดการผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ๑,๙๐๔ ราย และด้านอื่น ๆ (ภาษาอังกฤษ การลงทะเบียน OTOP) ๙๒ ราย ๖. การส่งเสริมตลาดประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว ตลาดประชารัฐได้รับการยกระดับเป็นตลาดเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัด ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยจังหวัดคัดเลือกตลาดประชารัฐที่มีศักยภาพเพื่อเสนอเป็นกิจกรรมในการปฏิทิน “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” จำนวนตลาด ๑๗๑ แห่ง จาก ๗๐ จังหวัด โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับข้อมูลตลาดประชารัฐเพื่อบรรจุในปฏิทิน “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” แล้ว และบูรณาการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการประชาสัมพันธ์ตลาดประชารัฐในช่องทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีการบรรจุตลาดประชารัฐไว้ในโปรแกรมแนะนำนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ๗. การสนับสนุนพื้นที่ในตลาดประชารัฐช่วยเหลือเกษตรกรนำสินค้าเกษตรมาจำหน่ายในตลาดประชารัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดประชารัฐได้สนับสนุนการรับสินค้าเกษตรเพื่อเป็นแหล่งระบายสินค้าทางการเกษตรตามฤดูกาลช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะสินค้าล้นตลาด โดยในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรในการจำหน่ายสินค้าข้าว ผักผลไม้ เกษตรอินทรีย์ และสินค้าแปรรูป มีเกษตรกร ๕,๗๐๒ ราย สร้างรายได้ ๒,๔๓๓,๓๖๔ บาท ๘. การประเมินโครงการเพื่อติดตามประเมินผลความสำเร็จโครงการตลาดประชารัฐ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้จัดทำแบบสอบถามออนไลน์เพื่อติดตามประเมินผลความสำเร็จโครงการตลาดประชารัฐ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ผู้ซื้อมีความพึงพอใจในการใช้บริการตลาดประชารัฐ ๙. ก้าวต่อไปของโครงการตลาดประชารัฐ ได้แก่ ขยายตลาดประชารัฐในพื้นที่ให้เป็นตลาดกลางพืชผลทางการเกษตรของจังหวัดหรืออำเภอ และคัดเลือกตลาดประชารัฐที่มีการดำเนินการเป็นเลิศ (Best Practice) ของจังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 153 | ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 6 ฉบับ | นร09 | 04/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดการเลือกตั้ง การได้มาซึ่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง รวมทั้งกำหนดวิธีการดำเนินการตรวจสอบการเลือกตั้งเพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถดำเนินการตรวจสอบการเลือกตั้งได้ในเชิงรุก และปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติในข้อ ๑.๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ และที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติในข้อ ๑.๒ ถึงข้อ ๑.๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯ ทั้ง ๖ ฉบับ โดยคำนึงถึงการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนัยมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กรณีตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต รวมถึงความคุ้มค่า ต้นทุน และประโยชน์ของภาครัฐและประชาชนที่จะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 154 | สรุปผลการจัดประชุมสมัชชาสหพันธ์กีฬานานาชาติ SportAccord Convention 2018 | กก | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดประชุมสมัชชาสหพันธ์กีฬานานาชาติ SportAccord Convention 2018 ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯ จากหลายหน่วยงานทั่วโลก ได้แก่ สหพันธ์กีฬาในระดับนานาชาติ สมาชิกของสหพันธ์ IOC ทั้ง ๕ ทวีป และสมาชิกระดับสูงทั้งหมดของคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (International Olympic Committee/IOC) สำหรับรูปแบบการประชุมฯ เช่น การสร้างเครือข่ายทางด้านกีฬา โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริหารจากหน่วยงานด้านกีฬาจากทั่วโลกพบปะหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเจรจาทางธุรกิจ การออกบูทโดยหน่วยงาน องค์กร และสมาคมกีฬาต่าง ๆ จากทั่วโลก เพื่อนำเสนอผลงาน นวัตกรรมด้านกีฬา การนำเสนอหน่วยงานและองค์กรด้านกีฬา การสร้างเครือข่ายทางการกีฬา รวมถึงเผยแพร่กีฬาสาธิตที่จะใช้บรรจุในการแข่งขันกีฬาระดับโลก และการประชุมร่วมกันของผู้นำหน่วยงานด้านกีฬา องค์กร สหพันธ์ สมาพันธ์กีฬาจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหยิบยกประเด็นการประชุมต่าง ๆ ด้านกีฬา เป็นต้น ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการจัดประชุมฯ ถือเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อนานาประเทศ ในการเป็น Sports Hub และแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับนานาชาติ รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 155 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน | นร11 | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา) และฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง สตูล) เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ และเห็นชอบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (๒) ด้านการท่องเที่ยว (๓) ด้านการยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร (๔) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต (๕) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสั่งการเพิ่มเติมที่ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติราชการให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และฉบับต่อไป เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 156 | รายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐประจำปี 2561 | พม | 14/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ ประจำปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ อัตราส่วนที่ต้องจ้างงานคนพิการปี ๒๕๖๑ จำนวน ๑๒,๕๐๐ คน มีการจ้างงานแล้ว จำนวน ๑๐,๐๓๑ คน (ร้อยละ ๘๐.๒๕) ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นกว่าปี ๒๕๖๐ ที่มีการจ้างงาน จำนวน ๕,๘๒๘ คน (ร้อยละ ๔๕.๐๕) และได้ดำเนินการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การจัดประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติให้แก่ผู้บริหารระดับกรมและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการจ้างงานคนพิการ จำนวน ๑๓๓ กรม และดำเนินการจัดสอบคนพิการขึ้นบัญชีพนักงานราชการในตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไป จำนวน ๑๒๒ คน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถเรียกบัญชีไปสอบบรรจุได้ ๑.๒ การกำหนดให้การปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ เป็นตัวชี้วัดของหัวหน้าหน่วยงานในการประเมินผลการปฏิบัติงาน สำนักงาน ก.พ.ร. มีความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องกำหนดเป็นตัวชี้วัดเพิ่มเติม เนื่องจากการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีทุกมติถือเป็นหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว ประกอบกับรายงานที่เสนอมีข้อมูลชัดเจนและสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐได้ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดดำเนินการจ้างงานคนพิการตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง การจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖] ให้ครบถ้วนภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ๓. ให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูแลและประสานงานการจ้างงานทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นผู้พิการอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้รับการจ้างงานในหน้าที่ความรับผิดชอบที่เหมาะสมในแต่ละกรณีด้วย ๔. กำหนดให้การปฏิบัติงานตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐเป็นตัวชี้วัดในการประเมินผลการปฏิบัติงานของหัวหน้าหน่วยงานระดับกระทรวง โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ. ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 157 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 | นร11 | 24/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๒ (อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และยโสธร) เมื่อวันอังคารที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และเห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (๒) ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแก้ไขปัญหาอุทกภัย (๓) ด้านการยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร (๔) ด้านคุณภาพชีวิต และ (๕) ด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งข้อสั่งการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการพัฒนาอาชีพให้กับประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน และสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดระบบการผลิตที่ครบวงจร สำหรับสินค้าเกษตรคุณภาพ ทั้งด้านการตลาดและระบบโลจิสติกส์ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 158 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 17/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สรุปได้ว่า ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการกำกับดูแลความมั่นคงของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) โดยมีหน้าที่ครอบคลุมถึงการออกเกณฑ์กำกับดูแลการตรวจสอบความเหมาะสมของผู้บริหาร และการติดตามและตรวจสอบ รวมถึงการสั่งการให้มีการแก้ไขปัญหา ส่วนการกำกับดูแลด้านโยบายและผู้ถือหุ้น กระทรวงการคลังมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง ๘ แห่ง ซึ่งธนาคารหงประเทศไทยได้ออกหลักเกณฑ์กำกับดูแล โดยได้ปรับปรุงเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์การกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องตามลักษณะการดำเนินธุรกิจและลักษณะเฉพาะของ SFIs นอกจากนี้ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยมีกระบวนการให้สินเชื่อที่รัดกุมยิ่งขึ้น และสามารถดูแลบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น และประเด็นโครงสร้างคณะกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยมีกรรมการซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิควรเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม นั้น กระทรวงการคลังจะนำข้อสังเกตดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาการแต่งตั้งต่อไป สำหรับการแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ ในครั้งนี้ ไม่มีการออกกฎหมายลำดับรอง อย่างไรก็ดี ในการป้องกันไม่ให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยประสบปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Financing : NPF) เพิ่มสูงขึ้น ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้มีการทบทวนและการปรับปรุงข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการด้านสินเชื่อและการกำกับลูกหนี้รายใหญ่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 159 | สรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ณ สาธารณรัฐออสเตรีย | ยธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๒๗ (27th session of the Commission on Crime Prevention and Criminal Justice : CCPCJ) และหารือข้อราชการระดับทวิภาคี ไทย-ออสเตรีย ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมการประชุม CCPCJ สมัยที่ ๒๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ซึ่งมีสาระสำคัญเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ CCPCJ ในการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์และอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกลไกภายในประเทศไทยเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว เช่น การจัดทำแผนระดับชาติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) และการจัดตั้งศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น รวมทั้งการเป็นประธานในงานนิทรรศการของโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในหัวข้อ “INSPIRE ‘Project’ to ‘Products’ : Lessons learned from Thailand’s Corrections-based Rehabilitation Programmes” โดยนิทรรศการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอกระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขัง ผ่านการให้ความรู้ การสร้างอาชีพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฝีมือผู้ต้องขัง นอกจากนี้ ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนข้อเสนอแนวคิดในการสร้าง Global Prison Brand ของสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เพื่อรับรองคุณภาพสินค้าและเป็นการยืนยันความสามารถของผู้พ้นโทษด้วย ๒. ผลการหารือระดับทวิภาคี ไทย-ออสเตรีย ได้แก่ (๑) การหารือกับรองประธานสภาหอการค้าออสเตรีย พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันการฝึกอบรม WIFI โดยทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ร่วมกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการผลิตกำลังคนเพื่อรองรับภาคการค้าและการลงทุน (๒) การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออสเตรียในประเด็นการปฏิรูประบบงานของรัฐบาล ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ นโยบายด้านกระบวนการยุติธรรม และการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน และ (๓) การหารือกับรองนายกเทศมนตรีและรองผู้ว่าการกรุงเวียนนาในประเด็นความคืบหน้าความร่วมมือระหว่างไทย-ออสเตรียในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 160 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 51 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 21 | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๑ เมื่อวันที่ ๓-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ ๕๑ ภายใต้หัวข้อ “Linking People and Economies for Inclusive Development” โดยประธาน ADB ได้กล่าวถึง ADB Strategy 2030 ซึ่งจะใช้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวในการดำเนินงานของ ADB โดย ADB ยังคงเป้าหมายสูงสุดในการขจัดความยากจน และขยายเป้าหมายให้ครอบคลุมการดำเนินงานเพื่อบรรลุความมั่งคั่ง การพัฒนาอย่างทั่วถึง และยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะมีการประกาศใช้ ADB Strategy 2030 อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวถึงความท้าทายที่มีต่ออัตราการจ้างงานเมื่อมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงาน และการส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งได้ยกตัวอย่างการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยให้เข้ากับการพัฒนาเทคโนโลยี ได้แก่ การส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ๒. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) การหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกับประธาน ADB เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือระหว่างไทยและ ADB ในการพิจารณาแหล่งเงินกู้ในแต่ละโครงการของไทย และการหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินชั้นนำของต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลก และแนวทางการพัฒนาระบบสถาบันการเงินในภูมิภาค (๒) การหารือโต๊ะกลม (Governor’s Roundtable) ภายใต้หัวข้อ “The Role of Government in Harnessing New Technologies for Inclusive Growth” ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตของการผลิต และผลกระทบจากเทคโนโลยีต่อการจ้างงาน และการดำเนินนโยบายของประเทศต่าง ๆ ในการลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม และ (๓) การประชุม Governor’s Plenary ในหัวข้อ “New ADB Strategy 2030” ซึ่งมีการนำเสนอยุทธศาสตร์ของ ADB โดยมีเป้าหมายขจัดความยากจน รวมถึงการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่งคั่ง การพัฒนาอย่างทั่วถึง และยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ๓. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๑ ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องภาวะและแนวโน้นเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ และรับทราบแนวทางการพัฒนาความร่วมมือต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) (๒) การจัดทำยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานในระยะปานกลางของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) และ (๓) ความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative : ABMI) ๔. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ ๕๒ และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๒ กำหนดจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
