ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 21 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | พน. | 02/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทผู้บริหารระดับสูง
จำนวน ๓ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวนันธิกา
ทังสุพานิช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ๒. นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 22 | รายงานผลการเดินทางเยือนเมืองเซินเจิ้น-เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนเมืองเซินเจิ้น-เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่
๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรมฯ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ได้เดินทางเยือนเมืองเซินเจิ้น-ฮ่องกง
ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เพื่อสร้างสัมพันธ์ทางการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจีนในเมืองเซินเจิ้น-ฮ่องกง
และรับเสด็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
ซึ่งทรงเป็นองค์ประธานพิธีเปิดงาน Thai
Night ในงาน FILMART 2024 พร้อมทั้งส่งเสริมการส่งออกสินค้า
และ Soft Power ของรัฐบาลไทย รวมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
เช่น (๑) พบหารือกับผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและเอกชน เพื่อแสวงหาลู่ทางและขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน
(๒) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางการค้า (MOU) ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง และ
(๓) การเข้าร่วมพิธีเปิดเทศกาลอาหารไทย (Thai Food Festival) พร้อมเยี่ยมชมการเรียนการสอนอาหารไทยและร่วมสาธิตการทำอาหารไทย เป็นต้น ๒.
กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการดำเนินงานต่อไป
โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะดำเนินการจัดโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ข้าวไทย
สินค้าอาหารไทย และธุรกิจบริการอาหารไทย
กิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง
กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารและธุรกิจ Thai
SELECT และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญในฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 23 | โครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) | สพร. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) เป็นผู้ดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) โดยให้หน่วยงานรัฐและสถาบันการเงินร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน)
ในการสนับสนุนข้อมูลและร่วมกำหนดแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป
ตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดจากการดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment
Platform) ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องได้มาตรฐานเดียวกับบริการระบบชำระเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ความโปร่งใสในการบริหารจัดการการชำระเงินของรัฐ และมาตรการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ
เพื่อให้ระบบแพลตฟอร์มบริการได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ
รองรับประชาชนใช้งานพร้อมกันได้จำนวนมากรวมถึงรองรับมาตรการอื่น ๆ
ของรัฐในการช่วยเหลือประชาชน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่ง
และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรมีการกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมให้บริการ
โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศักยภาพของหน่วยงาน ความพร้อมและทักษะของบุคลากรของหน่วยงาน
กรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการ รวมถึงแพลตฟอร์มการชำระเงิน
หรือบริการที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการพัฒนา หรือให้บริการโดยสถาบันการเงินของภาครัฐ
เพื่อลดภาระงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 24 | รายงานประจำปี 2566 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินการของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปี ๒๕๖๖ เช่น ๑)
การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลประกอบบทเรียนออนไลน์เพื่อให้นักเรียนสามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนรู้ด้วยตนเองในห้องเรียนหรือที่พักอาศัย
๒) การพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ จำนวน ๒ ระบบ ได้แก่
ระบบอบรมครูและระบบการสอบออนไลน์ และ ๓) การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๒๓๐ โรงเรียน โดยการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ๒. แผนการดำเนินงานของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปี ๒๕๖๗ เช่น ๑) การพัฒนาผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ ครูวิทยากรแกนนำ
และครูเครือข่าย ให้สามารถขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และ ๒) การให้ทุนสนับสนุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา และครู
และการจัดส่งผู้แทนไทยเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างประเทศ ๓. รายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 19 (The nineteenth session of the United Nations Forum on Forests - UNFF19) | ทส. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูงในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๑๙ (The nineteenth session of
the United Nations Forum on Forests - UNFF 19) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและตระหนักถึงสถานการณ์ด้านป่าไม้ในปัจจุบัน เช่น ตระหนักว่าป่าไม้มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้มีแนวโน้มลดลงและเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง
และประเทศภาคีจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า
และเพื่อฟื้นฟูป่าไม้และความเสื่อมโทรมของดิน โดยจะดำเนินการ เช่น
ดำเนินงานร่วมกันเพื่อป้องกัน อนุรักษ์ และฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน
โดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเชิงนโยบาย ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
และลดความขัดแย้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ในทุกระดับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 26 | การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย | นร. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารบริษัทเอกชนจากต่างประเทศเมื่อวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๖๗ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
เนื่องในโอกาสการเดินทางมาประเทศไทยเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการขยายการจัดการแข่งขันรถยนต์
Formula One ในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก
รวมทั้งเป็นการสร้างโอกาสและยกระดับศักยภาพของคนไทยและประเทศไทยในกิจกรรมประเภทนี้
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย
เพื่อพิจารณาดำเนินการประมูลสิทธิการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าวต่อไป ๒.
ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยศึกษารายละเอียดด้านสนามแข่งขันรถยนต์ Formula One ที่เหมาะสมและการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสนามแข่งขันดังกล่าว ๓.
ให้กรุงเทพมหานครพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 27 | การแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน | ตผ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๕ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมีผลการตรวจสอบ ดังนี้ (๑)
ผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข
(ไม่พบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างมีสาระสำคัญ) ซึ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบแล้วเมื่อวันที่
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ และ (๒) ผลการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและการจัดการทรัพย์สิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ ๑) การประเมินผลการใช้จ่ายเงิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีการจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไม่สอดคล้องกับคำของบประมาณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีการปรับแผนปฏิบัติงานฯ
หลายครั้ง ส่งผลให้ข้อมูลเกิดความคลาดเคลื่อน โดยสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะว่าผู้บริหารควรควบคุมและกำกับดูแลการจัดทำคำของบประมาณในปีถัดไปให้มีประสิทธิภาพ
๒) การประเมินผลการจัดการทรัพย์สิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีการจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างไม่สอดคล้องกับแผนการใช้จ่ายเงิน
เนื่องจากมีการประกาศปรับแผนการจัดซื้อจัดจ้างซ้ำ ๑ รายการ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะ
เช่น ผู้บริหารควรควบคุมเละกำกับดูแลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง
และ ๓) การประเมินผลการบริหารโครงการ มีโครงการที่ขออนุมัติงบประมาณไม่สอดคล้องกัน
และมีการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากที่เคยขออนุมัติไว้แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการขออนุมัติงบประมาณ
โดยที่ไม่มีความพร้อมในการดำเนินการ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะว่าในปีงบประมาณถัดไปสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินควรดำเนินการด้วยความรอบคอบและดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผน
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 28 | การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ | ดศ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประธานกรรมการ ๒. ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง รองประธานกรรมการ ประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓. ผู้แทนสำนักงบประมาณ กรรมการ ๔. ผู้แทนสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กรรมการ (องค์การมหาชน) ๕. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการรักษา กรรมการ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ๖. รองศาสตราจารย์ยืน ภู่วรวรรณ กรรมการ ๗. นายไชยเจริญ อติแพทย์ กรรมการ ๘. นายยรรยง เต็งอำนวย กรรมการ ๙. รองศาสตราจารย์วรา วราวิทย์ กรรมการ ๑๐. นายวิษณุ ตัณฑวิรุฬห์ กรรมการ ๑๑. ศาสตราจารย์พิสุทธิ์ เพียรมนกุล กรรมการ ๑๒. นายสุพงษ์พิธ รุ่งเป้า กรรมการ ๑๓. นายคมสัน ศรีวนิชย์ กรรมการ ๑๔. นายศักดา นาคเลื่อน กรรมการ ๑๕. นายศุภกร คงสมจิตต์ กรรมการ ๑๖. นายอัมภัส ปิ่นวนิชย์กุล กรรมการ ๑๗. นายกฤษณะ สมทรัพย์ กรรมการ ๑๘. นายอภิชาติ ประเสริฐ กรรมการ ๑๙. ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรรมการและเลขานุการ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๒๐. ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๒๑. ผู้อำนวยการกลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๒๒. ผู้แทนศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 29 | การลดจำนวนคนและรถในขบวนเดินทางและการลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรี | นร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๓ และ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๖)
มอบหมายให้รัฐมนตรีพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด
รวมถึงกรณีการลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรีด้วย โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่/ผู้บริหารระดับสูงที่จะร่วมขบวนก็ขอให้พิจารณากำหนดเท่าที่จำเป็น
นั้น
ขอกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถในขบวนลงอีกเท่าที่จำเป็นจริง
ๆ เท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30 | สรุปผลการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 42 (42nd Session of UNESCO General Conference: GC) | ศธ. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ ๔๒ (42nd Session of UNESCO General
Conference: GC) สรุปได้ ดังนี้ (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนบทบาทองค์การยูเนสโกที่มุ่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของไทยที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมากำหนดนโยบายการศึกษา
“เรียนมีความสุข” เน้นการเรียนในห้องเรียนและแบบออนไลน์และมุ่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
(๒) ภาพรวมการประชุมคณะกรรมาธิการของยูเนสโก ที่ประชุมได้พิจารณาแผนงาน งบประมาณ
และกิจกรรมการดำเนินงาน ๕ สาขาหลักขององค์การยูเนสโก เช่น ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์
วัฒนธรรม และที่ประชุมพร้อมสนับสนุนการดำเนินการขององค์การยูเนสโกเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ภายใน ค.ศ. ๒๐๓๐ ทั้งนี้ ได้กำหนดให้จัดการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่
๔๓ ณ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน และ (๓) กิจกรรมอื่น ๆ เช่น ๑)
ไทยได้รับเลือกให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสภาระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงการสารนิเทศเพื่อปวงชนสภาระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงการระหว่างชาติเพื่อพัฒนาการสื่อสารและสภาระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการจัดการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
โดยมีวาระ ๔ ปี ระหว่างปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ๒) การพบปะหารือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น
หารือกับหัวหน้าคณะผู้แทนสิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่ม ๕
ประเทศ (รวมไทย) ที่ร่วมเสนอชุดเสื้อ “เคบายา”
ขึ้นทะเบียนรายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
หารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชนเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษา
โดยเฉพาะในส่วนของการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 31 | การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย นมและครีม ปี 2566 เพิ่มเติม | กษ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย
นมและครีม ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม ปริมาณ ๑๐,๐๓๑.๕๕ ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ ๕ มติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖
และเนื่องจากการขอโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม เป็นการพิจารณาจัดสรรให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
จึงให้ยกเว้นการจัดสรรโควตาตามสัดส่วนผู้ประกอบการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ และเห็นชอบในการเปิดตลาดนำเข้านมและครีม
ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม ปริมาณ ๗๐๐.๑๘ ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ ๒๐
มติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๒
กันยายน ๒๕๖๖ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเป็นผู้บริหารการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย
นมและครีม ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติมดังกล่าว ให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
โดยต้องนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ และต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปริมาณน้ำนมดิบของไทย เพื่อไม่ให้การเปิดตลาดนำเข้าดังกล่าว
ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงโคนมของไทย ทั้งนี้ การเปิดตลาดนำเข้าเพิ่มเติมดังกล่าว
สอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ที่ไทยผูกพันไว้ การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนยนมและครีม ปี ๒๕๖๖
เพิ่มเติม ต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร และควรให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในระยะยาว
โดยนำข้อมูลพยากรณ์อุปสงค์และอุปทานของน้ำนมดิบภายในประเทศมาวางแผนการจัดสรรโควตานำเข้าสินค้าในกลุ่มนมและผลิตภัณฑ์นมให้มีความถูกต้อง
เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการและไม่กระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ
ตลอดจนเพื่อประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนมของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
และผู้บริโภคภายในประเทศเป็นผู้บริหารการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย นมและครีม
ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม
ให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
ทั้งนี้ การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนยนมและครีม ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม
ต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง
ขออนุมัติปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโคนม)
ที่ให้ทบทวนแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรโคนมให้เหมาะสมและตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป เช่น
การลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตน้ำนมโค การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับอุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย
การจูงใจให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมเพื่อการส่งออกนำน้ำนมดิบจากเกษตรกรโคนมในประเทศมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตทดแทนการนำเข้า
๓.
ให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมโคนมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมภายในประเทศจากการยกเลิกโควตาภาษีสินค้าเกษตรทั้งหมดตามความตกลงต่าง
ๆ เช่น ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) และความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์
(TNZCEP) ในปี ๒๕๖๘ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32 | รายงานผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีนของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนนครเชี่ยงไฮ้
สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๔-๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ โดยมีสาระสำคัญ เช่น (๑) การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน
(นายหวัง เหวินเทา) ในประเด็นการขอให้จีนเป็นเจ้าภาพจัดประชุม Joint Committee (JC เศรษฐกิจไทย-จีน) ครั้งที่
๗ เพิ่มโควตาการอนุญาตเข้าฉายภาพยนตร์จากต่างประเทศ และสนับสนุนการยกระดับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระดับมลฑล/ท้องถิ่น
(๒) การเข้าร่วมงาน CIIE ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ได้เข้าเยี่ยมชมในส่วนจัดแสดงสินค้าและส่วนนิทรรศการของผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมงาน
(๓) การหารือกับกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ และภาคเอกชนไทยที่ดำเนินธุรกิจในจีน
ในประเด็นการสนับสนุนภาคเอกชนขยายตลาดในจีนและข้อเสนอของภาคเอกชนเพื่อการหารือในการประชุม
JC เศรษฐกิจไทย-จีน (๔) การหารือกับภาคเอกชนจีน
โดยหารือกับบริษัท SINOPEC บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของจีน
และสหพันธ์อุตสาหกรรมบริการเซี่ยงไฮ้ และบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (๕)
กระทรวงพาณิชย์เสนอแนวทางการดำเนินการ เช่น การประสานและติดตามการจัดประชุม JC
เศรษฐกิจไทย-จีน และการจัดทำ MOU ด้านการค้าและช่องทางกระจายสินค้า เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 33 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2565 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร.01 | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕
ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ ดังนี้ (๑) การเลือกกรรมการผู้แทนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เป็นกรรมการในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) การถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ
๖๐ พรรษา นวมินทราชินี/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
(๓) การกำหนดสัดส่วนและการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ (๔) การทบทวนแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการวินิจฉัยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๕) การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ (๖) การติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ : ผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 34 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ
และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง
รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ
และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “เงินเดือน”
และปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการและเงินประจำตำแหน่งประจำเดือนของข้าราชการ
หรือผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ โดยสามารถแบ่งจ่ายเป็น ๒ รอบ
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ
รวมทั้งเป็นการเพิ่มอัตราเงินหมุนเวียนซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศ
อีกทั้งเพื่อให้การเบิกจ่ายเงินเดือนของข้าราชการมีความคล่องตัว รวดเร็ว
และสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงการคลังตรวจสอบกฎและระเบียบที่มีบทบัญญัติกำหนดวันจ่ายเงินเดือนหรือเงินอื่นที่มีกำหนดจ่ายในลักษณะเดียวกับเงินเดือน
และดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องนี้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 35 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์
เพื่อเข้าร่วมและกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (CAEXPO) ครั้งที่ ๒๐ ณ
นครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๘ กันยายน ๒๕๖๖
ซึ่งมีสาระสำคัญ เช่น (๑) รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) ได้เข้าพบหารือกับประธานเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง
กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน CAEXPO ครั้งที่
๒๐ และได้เยี่ยมชมคูหานิทรรศการเมืองพี่เมืองน้อง (Sister City) ศูนย์รวบรวมสินค้าดีเด่นจีน-อาเซียน CAMEX รวมทั้งได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวของจีน
และ (๒) กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการดำเนินงานต่อไป
โดยเห็นควรสนับสนุนการเข้าร่วมจัดงาน CAEXPO อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งประชาสัมพันธ์และผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จากศูนย์ CAMEX
และได้ตั้งข้อสังเกตว่า
จีนอยู่ระหว่างผลักดันการเปิดกว้างของระบบเศรษฐกิจ
ซึ่งคาดว่าเป็นกลยุทธหนึ่งที่จีนใช้ในการรับมือสถานการณ์ความตึงเครียดจากกรณีสงครามการค้า/เทคโนโลยีกับสหรัฐอเมริกา
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นควรแจ้งประเด็นดังกล่าวเพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและเตรียมการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 36 | การลดขนาดขบวนรถเดินทางและการลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรี | นร. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ มอบหมายให้รัฐมนตรีพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด นั้น
ขอให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกรณีการลงพื้นที่ตรวจราชการด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่/ผู้บริหารระดับสูงที่จะร่วมขบวน/หรือเป็นผู้ชี้แจงข้อมูล
ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็ขอให้พิจารณากำหนดจำนวนคนเท่าที่จำเป็น
เพื่อมิให้กระทบต่อการปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่และการให้บริการประชาชนตามปกติด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 37 | เรื่องต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ | นร. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑. เรื่อง
การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ มติ
มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. เรื่อง
การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๖๐ มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย)
พิจารณาดำเนินการในประเด็นการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ ทั้งนี้ โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์
และให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วนในการออกแบบกฎ
กติกาที่เป็นประชาธิปไตย ทันสมัย และเป็นที่ยอมรับร่วมกัน
ตลอดจนสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา
เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
รวมทั้งเป็นไปตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖
ด้วย ๓. เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน มติ
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่องต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติราชการของภาครัฐที่มีผลกระทบต่อการอำนวยความสะดวกและการให้บริการประชาชน
รวมถึงการอนุมัติ อนุญาตแก่ภาคเอกชน โดยให้คงอยู่ไว้เฉพาะเท่าที่จำเป็น
และหากเรื่องใดที่ไม่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดเงื่อนไขไว้
ให้ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยไม่ต้องขออนุมัติ ขออนุญาต ทั้งนี้
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรับแจ้งยืนยันการคงอยู่ของมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่สมควรให้มีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป
ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖
หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่ามติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น ๆ มีผลสิ้นสุดไป
รวมทั้งให้นำแนวทางข้างต้นไปใช้กับการพิจารณาการตรากฎหมายในระดับต่าง ๆ ด้วย ๔. เรื่อง การทบทวนประกาศ
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน มติ
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความจำเป็น
เหมาะสมของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับต่าง ๆ
ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน
โดยหากประกาศหรือคำสั่งใดสมควรให้คงมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป หรือสมควรยกเลิก
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนภายในวันที่ ๙ ตุลาคม
๒๕๖๖ ๕. เรื่อง นโยบายการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมหารือของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อศึกษารายละเอียดของแนวทางในการดำเนินนโยบายการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ชัดเจน
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ๖. เรื่อง
การพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นระยะเวลา ๓ ปี และ ๑ ปี ตามลำดับ
โดยให้เสนอมาตรการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๒ สัปดาห์ ๗. เรื่อง นโยบายด้านพลังงาน มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการลดราคาพลังงานให้ครอบคลุมทั้งค่าไฟฟ้า
ค่าก๊าซหุงต้ม และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ๘. เรื่อง
การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ มติ
มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ
นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษาและกรรมการ นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
เป็นกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน
เพื่อดำเนินงานต่อไป ๙. เรื่อง การเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์และผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
(El Nino) และลานีญา (La
Nina) มติ
มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นรายจังหวัด
เป็นเรื่องเร่งด่วน โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม
เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน
เพื่อเป็นกลไกในการพิจารณาเตรียมการรองรับสถานการณ์และผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
(El Nino) และลานีญา (La
Nina) ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ๒-๓ ปีข้างหน้า ๑๐. เรื่อง
นโยบายด้านการประมง มติ
มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูทะเลไทยเพื่อความยั่งยืนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ
สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ
และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน
เพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาของอุตสาหกรรมประมงให้เป็นระบบและครบวงจร
โดยให้คำนึงถึงการบริหารทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนด้วย ๑๑. เรื่อง
นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (๓๐ บาทรักษาทุกโรค) มติ
มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อยกระดับการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
(โครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค) โดยด่วน
เพื่อพิจารณาดำเนินการปรับปรุงระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ
และสามารถให้บริการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ๑๒. เรื่อง
นโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน
ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว
(Visa Free) สำหรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐคาซัคสถานเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว
เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
รวมทั้งพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขและขั้นตอนการเข้าประเทศสำหรับผู้ที่เข้ามาจัดแสดงสินค้าและนิทรรศการ
โดยให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖ ๑๓. เรื่อง
การปราบปรามผู้มีอิทธิพล มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลการครอบครองและพกพาอาวุธปืน
ยาเสพติด การรับสินบน และการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยการครอบครองและพกพาอาวุธปืนและอาวุธอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
ควรกำหนดให้ผู้ครอบครองนำมามอบแก่ทางราชการที่สถานีตำรวจในภูมิลำเนาภายใน ๓๐ วัน
ส่วนอาวุธปืนและอาวุธอื่น ๆ ที่มีทะเบียนถูกต้อง
หากผู้ครอบครองจำเป็นต้องพกพาให้ดำเนินการขออนุญาตพกพาภายใน ๓๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้
ให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๑๔. การปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ มติ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง
(กรมบัญชีกลาง) เร่งศึกษาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และรายละเอียดในการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการโดยแบ่งจ่ายเป็น ๒ รอบ
เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ
ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการพิจารณาดำเนินการเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ภายในวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๗ ๑๕. เรื่อง
การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ มติ
มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในกำกับดูแลให้ถูกต้อง
เหมาะสม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของภารกิจที่กำหนดไว้
บนพื้นฐานของความจำเป็นและประหยัดอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปร่วมประชุม สัมมนา ดูงาน
ของผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน ๑๖. เรื่อง
การลดขนาดขบวนรถเดินทางของรัฐมนตรี มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 38 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว. | 08/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยได้สรุปผลการพิจารณาได้ว่า การกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐสามารถช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้ผู้สมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้
โดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น
จำเป็นต้องมีหลักประกันที่ชัดเจนว่าบุคคลดังกล่าวซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหากเข้าไปมีส่วนร่วมและรณรงค์ในการช่วยเหลือผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งต้องมีความโปร่งใสในบทบาทหน้าที่ของตนเอง
และการใช้ทรัพยากรในการหาเสียงเลือกกตั้งกล่าวคือ
ต้องไม่ใช้อำนาจในความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือการใช้ทรัพยากรของรัฐอันอาจเป็นการเอื้อประโยชน์
การแทรกแซงความเป็นอิสระของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และยุติธรรม (genuine election)
และมีความเห็นสอดคล้องกับหลักการที่ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งหาเสียงในทางที่เป็นคุณหรือเป็นโทษในส่วนของมาตรา
๑๑๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติว่า
“สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ”
การให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น
ซึ่งอาจสังกัดพรรคการเมืองหรือมีพรรคการเมืองให้การสนับสนุนอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายฝักใฝ่พรรคการเมือง
ดังนั้น จึงไม่ควรให้สมาชิกวุฒิสภามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น
ผู้บริหารท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งอาจช่วยผู้สมัครในการหาเสียงเลือกตั้งได้
ตามมาตรา ๓๔
ต้องพึงระมัดระวังในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 39 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร.12 | 08/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
รวม 2 ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) ที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมบนพื้นฐานทางธรรมชาติ
และแหล่งท่องเที่ยวไนท์ซาฟารี โดยให้ยกเลิกการโอนบรรดากิจการและทรัพย์สินของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร
(องค์การมหาชน) ไปเป็นขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และให้โอนไปเป็นขององค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้แทน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาถึงประเด็นความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยา
กรณีเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
ที่ไม่ประสงค์จะปฏิบัติงานในองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ ๓.
ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนและสำนักงาน ก.พ.ร.
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นว่าเมื่อองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) ได้รับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้วเสร็จ
จะต้องยื่นขอค่าเช่าอาคารและสิ่งปลูกสร้าง
ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป กพม.
ควรศึกษาความเป็นไปได้ในการโอนศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗
รอบพระชนมพรรษา ที่อยู่ในการบริหารของกรมธนารักษ์
ไปเป็นขององค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) เป็นผู้บริหาร
หรือจัดตั้งองค์กรรัฐบาลรูปแบบอื่น
เพื่อรองรับการบริหารศูนย์ประชุมดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและพิจารณาต่อไป และการดำเนินการในเรื่องนี้ควรดำเนินการตามกฎหมายด้วยความรอบคอบและสอดคล้องกับการจัดตั้งองค์การมหาชน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าเชิงภารกิจของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
รวมไปถึงควรกำหนดมาตรการหรือแนวทางการดำเนินงานเพื่อรองรับปัญหาต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรอบด้าน ติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การจัดตั้งองค์การไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
บรรลุตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานขององค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน)
ที่จะถูกจัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 40 | กรอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.12 | 25/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยกรอบแนวทางการประเมินของส่วนราชการ
กำหนดให้กระทรวงมีบทบาทหลักเป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและติดตามการประเมินผลการปฏิบัติงานของกระทรวงและส่วนราชการในสังกัดกระทรวงผ่านกลไกคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการระดับกระทรวง
สำหรับกรอบและแนวทางการประเมินของจังหวัดมุ่งเน้นการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายระดับชาติและนโยบายสำคัญของรัฐบาลเช่นเดียวกับส่วนราชการ
โดยให้กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทหลักในการพิจารณาความเหมาะสม ตัวชี้วัด น้ำหนัก
และค่าเป้าหมาย รวมทั้งติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของจังหวัดผ่านกลไกคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการจังหวัด
ทั้งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ในหัวข้อองค์ประกอบการประเมิน รอบระยะเวลาการประเมิน และกลไกการประเมิน
สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีหลังยุบสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา
๑๖๙ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เป็นการดำเนินการในลักษณะงานปกติตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ไม่ได้เป็นการกำหนดนโยบายขึ้นใหม่
จึงไม่เป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนากยรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
และสำนักงาน ก.พ. และข้อเสนอแนะของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรมีการศึกษาและทำความเข้าใจในบริบทของแต่ละส่วนราชการเพื่อนำมากำหนดเป็นตัวชี้วัดร่วมกันจะมีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า
ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ให้ ก.พ.ร. กำหนดหลักเกณฑ์ แนวทาง และกรอบเวลาในรอบการประเมินครั้งที่ ๑ ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
เพื่อให้คะแนนการประเมินสามารถสะท้อนผลการดำเนินงานของหน่วยงานได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
และเกี่ยวกับขั้นตอนการประเมินการดำเนินงานของส่วนราชการและจังหวัดตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ
ซึ่งกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗
และโดยที่ผลการประเมินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินการปฏิบัติราชการผู้บริหารของส่วนราชการ
ดังนั้น หากมีการเร่งรัดกระบวนการประเมินดังกล่าว
จะทำให้การดำเนินการมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติการผู้บริหารของส่วนราชการ
และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๕๒ มากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
