ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 221 | ความคืบหน้าโครงการดำเนินงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมเพื่อพลิกโฉมประเทศสู่ "Thailand 4.0" | นร | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าโครงการดำเนินงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมเพื่อพลิกโฉมประเทศสู่ “Thailand 4.0” ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดนิทรรศการและงานสัมมนาระดับนานาชาติภายใต้ชื่องาน “Opportunity Thailand” จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วยผู้บริหารภาคเอกชนไทย ผู้แทนสถานทูต หอการค้าต่างประเทศ และนักธุรกิจระดับสูงต่างชาติ โดยในงานจะมีการจัดนิทรรศการ ๒ ส่วน ได้แก่ (๑) นิทรรศการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และ (๒) นิทรรศการเพื่อแสดงภาพการพัฒนาพื้นที่การลงทุนใหม่และโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยในอนาคต ๒. การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศ ได้มีการโฆษณาการจัดงาน “Opportunity Thailand” ในสื่อทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งได้เชิญผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศเข้าร่วมงาน และจัดให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้เยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อให้ข้อมูลความคืบหน้าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ๓. การจัดการประชุมที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุนครั้งที่ ๒ จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ โรงแรมดุสิตธานี โดยคัดเลือกจากผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทข้ามชาติชั้นนำที่ได้ลงทุนในประเทศไทยมาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในหัวข้อ Enhancing Thailand’s Competitiveness
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 222 | รายงานผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานเพื่อจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช: สายสัมพันธ์ไทย - ภูฏาน | วธ | 20/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานเพื่อจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช : สายสัมพันธ์ไทย-ภูฏาน ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรมได้เดินทางเข้าร่วมงานแสดงนิทรรศการฯ ซึ่งประกอบด้วย ๔ หัวข้อหลัก ได้แก่ (๑) ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ไทย-ภูฏาน (๒) พระราชประวัติ (๓) พระราชกรณียกิจ (๔) การแสดงความอาลัยของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการฉายภาพยนตร์พระราชกรณียกิจและวีดิทัศน์ เรื่อง “ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” และพิธีทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดจนการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏานในประเด็นต่างๆ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามรายงานผลการเยือนดังกล่าว ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ภูฏาน ในประเด็นการเดินทางเพื่อศึกษาต่อและเพื่อรักษาพยาบาล ๒. การจัดงานเทศกาลไทย-ภูฏาน ในประเด็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ๓. แนวทางความร่วมมือที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญไทยช่วยพัฒนาด้านหีบห่อผลิตภัณฑ์สินค้าของศูนย์ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองภูฏาน (One-Gewog One Product หรือ OGOP) โดยขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์บรรจุภัณฑ์ในกรุงทิมพู ๔. การให้ทุนฝึกอบรมช่างศิลป์ โดยฝ่ายไทยอาจส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้การฝึกอบรมชาวภูฏานหรือให้ชาวภูฏานไปฝึกอบรมที่ประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 223 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 07/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งรวบรวมงบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ ทุนหมุนเวียนรัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๒๘๑ หน่วยงาน จาก ๘,๔๑๒ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๘.๔๔ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะในการจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ โดย ๑.๒.๑ ให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งบันทึกและส่งข้อมูลงบการเงินภายในระยะเวลาที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) กำหนด โดยรัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด หน่วยงานต้องรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดให้การบันทึกและส่งข้อมูลรายงานการเงินประจำปีเป็นเกณฑ์การประเมินของผู้บริหารระดับหน่วยงาน และกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลรายงานการเงินของแต่ละหน่วยงานที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ไว้ในระบบรายงานการเงินรวมภาครัฐ (ระบบ CFS) ๑.๒.๒ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรายงานการเงินของหน่วยงานภาครัฐทุกแห่งเป็นประจำทุกปี และกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อให้การจัดทำและนำเสนอรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความถูกต้อง ผู้บริหารสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒.๓ ให้มีมาตรการส่งเสริมให้องค์การมหาชนและหน่วยงานอิสระที่มีสภาพคล่องส่วนเกินจำนวนมาก นำเงินสดส่วนเกินที่ฝากธนาคารพาณิชย์มาฝากกระทรวงการคลัง เพื่อให้รัฐบาลสามารถบริหารฐานะการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการแบ่งเบาภาระทางการคลังของประเทศ ๑.๒.๔ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาจัดทำงบประมาณรายจ่ายให้สอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับจัดสรร เพื่อให้มีการนำเงินสะสมที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาหรือดำเนินงานบริการสาธารณะในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และเพิ่มการใช้จ่ายด้านการลงทุนสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานหรือรายจ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมอาชีพในชุมชน รวมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายค้างจ่าย โดยเร่งดำเนินงานตามแผนงานโครงการที่ได้รับอนุมัติและจัดสรรเงินงบประมาณแล้ว ๒. ให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 224 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนตุลาคม 2559 | นร02 | 29/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม ๒๕๕๙) เช่น การจัดกิจกรรมถวายความอาลัยและสนับสนุนงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ ๒ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แนวทางการพัฒนาสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะที่ได้รับจากกลไก UPR การดูแลปัญหาค่าครองชีพของประชาชน การบริหารจัดการตลาดสินค้าเกษตร การพัฒนาผู้ประกอบการ และการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ สัตว์ป่า และการคุ้มครองสัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES และการควบคุมการค้างาช้าง การจัดกิจกรรม Digital Startup เพื่อก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพ การแจ้งเตือนประชาชนดูแลสุขภาพในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงเน้น ๖ โรคสำคัญช่วงฤดูหนาว การแจ้งเตือนเกษตรกรให้ระวังโรคและศัตรูพืช และโรคระบาดในสัตว์ปีกในช่วงปลายฝนต้นหนาว การบริหารจัดการน้ำและมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร การเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานสภาผู้บริหารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Telecom World 2016) การเตรียมร่างแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และการดำเนินการตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๒ เดือนต่อไป (ธันวาคม ๒๕๕๙) เช่น โครงการน้อมเกล้าฯ ถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การจัดกิจกรรมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยแก่ประชาขนที่เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การประชุมระดับรัฐมนตรีเชียตะวันออกด้านครอบครัวและด้านความเสมอภาคระหว่างเพศ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ การดำเนินการเรื่องการลดต้นทุนการผลิต การดำเนินโครงการพัฒนาการเกษตรครบวงจรในพื้นที่ที่มีศักยภาพ การดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ การคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES และการคุ้มครองการค้างาช้าง การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมรายได้ของประชาชน การแก้ไขปัญหา IUU และวางมาตรฐานการผลิตและตรวจสอบสินค้าประมงให้มีประสิทธิภาพ การสัมมนาในหัวข้อ “Digital Communication : ต่อยอดทฤษฎีลงมือปฏิบัติ” และการดำเนินการตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. ให้กรมประชาสัมพันธ์และโฆษกกระทรวงติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ตรงตามเป้าหมาย ข้อสงสัยของประชาชน รวมทั้งให้ชี้แจงข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ ที่อาจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงให้สาธารณชนรับทราบอย่างถูกต้องและทันท่วงทีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 225 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนกันยายน 2559 | นร | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. เดือนที่ผ่านมา (กันยายน ๒๕๕๙) เช่น การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๑ ณ สหรัฐอเมริกา และการประชุม ASEAN SUMMIT ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การแถลงผลการดำเนินงานครบรอบ ๒ ปี ของรัฐบาล และการปราบปรามการทุจริตเลือกตั้ง การดำเนินการภายหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ มาตรการการแก้ไขปัญหา IUU การค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนโยบายประชารัฐ การแก้ไขปัญหาภาคใต้ การเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES มาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและโรคระบาด การเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานสภาผู้บริหารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Telecom World 2016) การชี้แจงทำความเข้าใจการบริหารจัดการเรื่องการระบายข้าว การจัดงาน “Startup Thailand & Digital Thailand” ณ จังหวัดภูเก็ต และการดำเนินการตามโรดแมปสู่การเลือกตั้งและโรดแมป ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. เดือนต่อไป (พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เช่น พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การใช้ประโยชน์จาก FTA และ AEC เพื่อการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกสู่ชุมชน การจัดการผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์และ IUU การขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการช่วยเหลือประชาชน การเยือนประเทศไทยของโครงการเรือเยาวชนอาคเนย์ ประจำปี ๒๕๕๙ การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การบูรณาการด้านการรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓” การป้องกันโรคจากยุงลายและโรคระบาดในช่วงฤดูฝน การแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินผิดกฎหมาย การดำเนินการตามโรดแมปสู่การเลือกตั้งและโรดแมป ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 226 | รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ 2 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 12 กันยายน 2559) | นร04 | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทุกกระทรวงรับไปพิจารณารายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) อีกครั้งหนึ่ง และส่งการปรับปรุงแก้ไขให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการภายในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดพิมพ์รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) เพื่อเผยแพร่และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศแปลบทสรุปสำหรับผู้บริหารเป็นฉบับภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ในต่างประเทศ ๔. ให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดพิมพ์บทสรุปสำหรับผู้บริหารฉบับภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และจัดทำรูปแบบการกำหนดที่ง่ายต่อการสื่อสารและสร้างความเข้าใจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 227 | การสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน | อื่นๆ | 11/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ โดยให้หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่ ปลัดกระทรวง อธิบดี และหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง กรม ตลอดจนผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการสร้างความรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของหน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบตามแนวทาง ดังนี้
๑. ในการสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้เน้นการชี้แจงผลดำเนินงานที่ได้ทำมาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ในความสนใจหรือเป็นการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หรือเป็นการแจ้งข่าวเพื่อเตือน หรือแจ้งมาตรการที่กำลังจะมีผลใช้บังคับและมีผลกระทบต่อประชาชน ตลอดจนการชี้แจง แก้ข่าว แจ้งข่าว เพื่อให้ประชาชนทราบว่าหน่วยงานหรือรัฐบาลจะดำเนินการเรื่องใด อย่างไร มุ่งหมายจะแก้ปัญหาใด การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไร ในกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรืออาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนทางสื่อต่าง ๆ ให้รีบชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากข้อมูลที่หน่วยงานมีอยู่เป็นเพียงส่วนหนึ่งซึ่งจะต้องใช้ประกอบกับข้อมูลจากหน่วยงานอื่นด้วย ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งส่งข้อมูลให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการชี้แจงในภาพรวมโดยด่วนต่อไป ๒. ให้คำนึงถึงความถูกต้องของข่าวสาร ความรวดเร็วทันต่อความจำเป็นที่จะให้ประชาชนมีความรับรู้ความเข้าใจ และการสร้างความเชื่อมั่นในรัฐบาล จึงต้องดำเนินการในเชิงรุก และพิจารณาใช้สื่อรูปแบบต่าง ๆ ตามความจำเป็น เช่น โฆษกประจำหน่วยงาน การมีหนังสือหรือคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร การให้สัมภาษณ์ การแถลงข่าว และที่สำคัญคือการใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งนี้ ให้สื่อของรัฐให้ความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าวและให้ขอความร่วมมือจากสื่อเอกชนตามความจำเป็นด้วย ๓. ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้สื่อหรือเครื่องมือสื่อสารเพื่อการสร้างความรับรู้ความเข้าใจ ให้หน่วยงานของรัฐขอคำแนะนำจากกรมประชาสัมพันธ์และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ตามความจำเป็น ๔. ความสำเร็จในการสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนตามแนวทางนี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการทุกแห่ง โดยให้ผู้บังคับบัญชา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนประเมินจากปริมาณและประสิทธิภาพของการชี้แจง ความทันต่อสถานการณ์ และความรับรู้ความเข้าใจของประชาชนตามผลสำรวจของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดำเนินการอยู่แล้วเป็นปกติ ในกรณีของรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน ให้องค์กรกลางที่เกี่ยวข้องนำแนวทางนี้ไปใช้ในการประเมินผู้บริหารด้วย และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรายงานตัวชี้วัดและผลการประเมินตามแนวทางนี้ต่อนายกรัฐมนตรีทราบเป็นรายกระทรวงทุกสามเดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 228 | รายงานการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการเหมืองแร่โพแทชของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด | อก | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการเหมืองแร่โพแทชของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ที่จังหวัดนครราชสีมา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ พบว่า ผู้ถือประทานบัตรได้ดำเนินการตามเงื่อนไขการอนุญาตประทานบัตรและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนด โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่และไม่มีการร้องเรียนคัดค้าน ทั้งนี้ ผู้ถือประทานบัตรได้ยื่นขอปรับเปลี่ยนตำแหน่งปล่องอุโมงค์ระบายอากาศ และปรับเปลี่ยนที่ตั้งบ่อเก็บกากหางแร่ ซี่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และพิจารณากำหนดเงื่อนไขและมาตรการอื่น ๆ ที่เหมาะสมเพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 229 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนสิงหาคม 2559 | นร02 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ทั้ง ๒๐ กระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชาสัมพันธ์ในเดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ การขับเคลื่อนประชาคมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน การเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ๒๐๑๖ ณ เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำและดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำ การดำเนินการความก้าวหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหา IUU และการวางมาตรฐานการผลิตและการตรวจสอบสินค้าประมงให้มีประสิทธิภาพ การดำเนินกิจการฮัจย์ ประจำปี ๒๕๕๙ มาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกผืนป่าและมาตรการจัดระเบียบสังคมและปรับภูมิทัศน์ นโยบายการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ การแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่น้ำเจ้าพระยา การฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่น หลังเหตุระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ การแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือกับพายุฤดูฝน รัฐบาลเดินหน้า Road Map สู่การเลือกตั้ง และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. การประชาสัมพันธ์ในเดือนต่อไป (ตุลาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา การดำเนินการภายหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ มาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย (IUU) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ ความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานสภาผู้บริหารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Telecom World 2016) การชี้แจงทำความเข้าใจการบริหารจัดการเรื่องการระบายข้าว โครงการประชาสัมพันธ์การปรับทิศทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะที่ ๒ การสนับสนุนนักกีฬาและทีมผู้ฝึกสอนเข้าร่วมการแข่งขันอาเซียน บีช เกมส์ ครั้งที่ ๕ หรือ ดานัง ๒๐๑๖ ที่ประเทศเวียดนาม การจัดงานมหกรรมอาหารเชียงใหม่ ครั้งที่ ๒๙ ที่จังหวัดเชียงใหม่ การดำเนินการและความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินผิดกฎหมาย การยึดคืนพื้นที่กับผู้บุกรุกป่าชายเลน ตามแผนปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรชายฝั่งและป่าชายเลน การจัดตั้งศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ (CERT) และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 230 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2539 เรื่อง การจัดให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เช่าที่ราชพัสดุบริเวณสนามกอล์ฟบางพระ ต่อไปเมื่อครบกำหนดสัญญาร่วมทุนกับเอกชน | กค | 20/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ (เรื่อง การโอนหุ้นบริษัท บางพระกอล์ฟ อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด ให้กระทรวงการคลัง) โดยให้ยกเลิกเฉพาะที่อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารจัดการสนามกอล์ฟบางพระต่อไป เมื่อครบกำหนดสัญญาร่วมทุนกับบริษัท เจแปน กอล์ฟ โปรโมชั่นอินส์ หรือ J.G.P.J ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโอนบรรดาทรัพย์สินอาคารและรายการสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ซึ่งปลูกสร้างบนที่ราชพัสดุบริเวณสนามกอล์ฟบางพระในระหว่างสัญญาร่วมทุนและเป็นกรรมสิทธิ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตามเงื่อนไขสัญญาร่วมทุน ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงการคลังนับถัดจากวันที่สัญญาร่วมทุนสิ้นสุดลง และให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการสนามกอล์ฟบางพระตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด และในการดำเนินการดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังกำหนดให้การส่งเสริมและสนับสนุนภารกิจด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่นักกีฬาสมัครเล่นและเยาวชนเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนด้วย ตามความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารจัดการสนามกอล์ฟบางพระเป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนในระหว่างดำเนินการหาเอกชนร่วมทุนในกิจการสนามกอล์ฟดังกล่าว แต่ต้องไม่เกิน ๑ ปี นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาร่วมทุนกับบริษัท J.G.P.I โดยให้กระทรวงการคลังทำความตกลงกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารจัดการสนามกอล์ฟบางพระและการแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนให้แล้วเสร็จก่อนวันสิ้นสุดสัญญาดังกล่าว โดยให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 231 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาไทย - กัมพูชา (ฉบับแก้ไข) | ศธ | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาไทย-กัมพูชา ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชนและกีฬาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (ฉบับแก้ไข) (Memorandum of Understanding between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Education, Youth and Sport of the Kingdom of Cambodia on Cooperation in Education) ในช่วงระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๐ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ ประเทศไทย มีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นกรอบความร่วมมือทางการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บริหารระดับสูง การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ข้อมูลและสื่อการศึกษา ตลอดจนการจัดประชุม สัมมนา ซึ่งอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคู่ภาคี โดยได้ระบุให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการศึกษาไทย-กัมพูชา เพื่อใช้เป็นเวทีการหารือกิจกรรม/โครงการความร่วมมือระหว่างกัน กำหนดระยะเวลาในการบังคับใช้และสิ้นสุดของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นระยะ ๕ ปี ซึ่งแตกต่างจากบันทึกความเข้าใจฉบับเดิมที่มิได้ระบุกำหนดการสิ้นสุดไว้ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเพื่อดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 232 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนกรกฎาคม 2559 | นร02 | 06/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ทั้ง ๒๐ กระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชาสัมพันธ์ในเดือนที่ผ่านมา (กรกฎาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ มาตรการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการใช้รถใช้ถนนช่วงฤดูฝน การจัดงานสานศิลป์ถิ่นอาเซียน/การแข่งขันเรือใบนานาชาติ/การแข่งขันอาเซียนสกูลเกมส์ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก การขับเคลื่อนระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) การแก้ไขปัญหา IUU และการปรับอันดับไทยในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา การขับเคลื่อนประชาคมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน มาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกผืนป่าและมาตรการจัดระเบียบสังคมและปรับภูมิทัศน์ การพัฒนาพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ความร่วมมือการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์อย่างครบวงจรผ่าน Call center 1212 การประกวดสิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยปฏิบัติงานด้านรังสี โครงการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแรงงานไทย การสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานของรัฐบาลผ่านชุดคำพูด (Theme Message) และ Inforgraphics ให้กับประชาชน และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. การประชาสัมพันธ์ในเดือนต่อไป (กันยายน ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา การดำเนินการภายหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ มาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย (IUU) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน การเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES ความคืบหน้าการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ของ ขสมก. ความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานสภาผู้บริหารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Telecom World 2016) โครงการร่วมบริจาคหนังสือ เนื่องในวันปิยมหาราช การชี้แจงทำความเข้าใจการบริหารจัดการเรื่องการระบายข้าว การจัดทำ Application ทะเบียนนักจิตวิทยา สำหรับให้ประชาชนสืบค้นข้อมูล และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 233 | รายงานผลคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์เดินทางเยือนสหราชอาณาจักร | พณ | 30/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ นำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) เดินทางเยือนสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือน ซึ่งมีสาระสำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งสภานักธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council) เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน การผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนในทักษะและการศึกษาเพื่อส่งเสริมการค้า เพิ่มนวัตกรรม และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาตนเองให้เติบโตได้ การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การส่งเสริมภาพพจน์สินค้าไทยว่าเป็นสินค้าคุณภาพและเร่งประชาสัมพันธ์ตราสินค้าไทยให้มีความเข้มแข็งในตลาดยุโรป รวมทั้งการให้ความสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจของไทย-สหราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 234 | ผลการประชุม เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และ ศอ.บต. เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2559 | นร11 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมเรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามผลการประชุมฯ ดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศอ.บต. หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่จัดทำรายละเอียดโครงการฯ โดยพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ รวมทั้งผลกระทบให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง และเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณากลั่นกรองและนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ โครงการพัฒนาด้านศุลกากรบูเก๊ะตา ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร รับไปดำเนินการเร่งรัดการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ ๓ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ การปรับปรุงเพิ่มเติมงานก่อสร้างด่าน ระยะที่ ๒ และการจัดสรรอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อรองรับการเปิดด่านได้ก่อนภายในปี ๒๕๖๐ รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงและขยายด่านศุลกากรบูเก๊ะตา (ระยะที่ ๔) เพื่อเปิดด่านอย่างเต็มรูปแบบให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ ศอ.บต. ที่เห็นควรให้มีการบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติสนับสนุนการทำงานให้เกิดเมืองต้นแบบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกด้านภายใต้กรอบแนวทางการทำงานร่วมกัน ให้เกิดการเชื่อมโยงทุกมิติการพัฒนาทุกด้านและให้มีการกำกับ ติดตามและรายงานให้ผู้บริหารระดับนโยบายทราบและพิจารณาเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินโครงการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และพื้นที่เศรษฐกิจจังหวัดนราธิวาสด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 235 | รายงานผลการดำเนินงาน สานพลังประชารัฐด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ "โรงเรียนประชารัฐ" | ศธ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน สานพลังประชารัฐด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ “โรงเรียนประชารัฐ” ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการโครงการ “โรงเรียนประชารัฐ” เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ๓ หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้กำหนดแนวทางความร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายเชิงคุณภาพ เช่น พัฒนานักเรียนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม พัฒนาการจัดการเรียนรู้และความรู้ของครู พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและระบบข้อมูลการศึกษาของโรงเรียน เป็นต้น และเป้าหมายเชิงปริมาณ โดยคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบที่มาจากทุกตำบลในประเทศไทย ตำบลละ ๑ โรงเรียน รวมทั้งสิ้น ๗,๔๒๔ โรงเรียน เพื่อเข้ารับการพัฒนาในระยะแรกจำนวน ๓,๓๔๒ โรงเรียน ๒. การดำเนินงานที่ผ่านมา ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงสานพลังประชารัฐด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินงานตามโครงการในระยะแรก ๓ ปี เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๙ สิ้นสุดในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ และดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการโรงเรียนประชารัฐ ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อสร้างความเข้าใจและชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานแก่รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด โดยมีการระดมความคิดและร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินงานของโรงเรียนให้มีความชัดเจน และจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือในระดับเขตตรวจราชการทั้ง ๑๙ เขตตรวจราชการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุด ๓. แผนการดำเนินงานต่อไป คณะทำงาน ๕ กลุ่มย่อยได้วางแผนและร่วมดำเนินการจัดทำระบบฐานข้อมูลออนไลน์ จัดทำตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงโครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน (Leadership Program for Sustainable Education) CONNEXT ED พัฒนารูปแบบระบบ ICT ของโรงเรียนประชารัฐ พัฒนาผู้บริหารและครูผู้สอน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะร่วมมือกับ School Sponsor และ School Partner ลงพื้นที่สำรวจความต้องการของโรงเรียนเพื่อดำเนินการพัฒนาตามเป้าหมายของโครงการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 236 | ผลการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับ World Economic Forum | พณ | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับ World Economic Forum (WEF) เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ สมาพันธรัฐสวิส โดยมี Professor Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ WEF รวมทั้งหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ของ WEF ซึ่งเข้าร่วมประชุมหารือในด้านความสามารถทางการแข่งขันโดยรวม และการยกระดับมูลค่าและตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร ประกอบด้วย ๓ หัวข้อ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. จุดอ่อนในการประเมินและจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันของ WEF และแนวทางการยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของไทย โดยไทยให้ข้อสังเกตว่าข้อมูล Hard Data ที่ WEF ใช้ในการประเมินอันดับสามารถพัฒนาให้มีคุณภาพมากขึ้นได้ และไทยจะดำเนินการ อาทิ ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อติดตามและตรวจสอบข้อมูลที่หน่วยงานภาครัฐไทยส่งไปยังองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งเน้นย้ำกับภาคเอกชนถึงประโยชน์ต่อธุรกิจเองที่จะได้จากการตอบแบบสอบถามและอันดับความสามารถทางการแข่งขันที่ดีขึ้น ๒. ความร่วมมือเพื่อยกระดับมูลค่าและตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร ไทยให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตรและยกระดับรายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งสอดรับกับโครงการ Grow Asia ภายใต้แนวคิด New Vision for Agriculture ของ WEF และจากความสนใจของไทย WEF จะประสานหน่วยงานที่ดำเนินโครงการ Grow Asia และสถาบันในเครือข่าย (Knowledge Partners) ด้านการเกษตรและอาหาร เพื่อหาทางสนับสนุนไทยในการพัฒนานวัตกรรมและตลาดสินค้าเกษตรมูลค่าเพิ่มสูง โดยเริ่มจากข้าวและมันสำปะหลัง และไทยได้เสนอให้ทำโครงการติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก เพื่อสนับสนุนนโยบายการใช้ข้อมูลตลาดนำการผลิตของรัฐบาล ๓. การเพิ่มบทบาทของไทยในเวที WEF ภาครัฐของไทยยังไม่มีการติดต่อกับ WEF อย่างเป็นทางการ ทำให้บทบาทของไทยใน WEF ที่ผ่านมาค่อนข้างน้อยและจำกัดโอกาสของไทยในการกำหนดทิศทางและการเชื่อมโยงการค้าและการผลิตในภูมิภาค รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายภาคเอกชนและผู้เชี่ยวชาญของ WEF โดย WEF เสนอให้ไทยระบุประเด็นที่ไทยสนใจ และจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นทางการและใกล้ชิดมากขึ้น และเชิญชวนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมเป็น Trustee ในกลุ่ม Shaping the Future of Production ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 237 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | สว | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอต่ออายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตตามร่างมาตรา ๓๕ และร่างมาตรา ๔๔ การออกกฎกระทรวงตามร่างมาตรา ๙๑ เพื่อกำหนดหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตให้มีการดำเนินการให้เกิดความปลอดภัยในเวลาที่มิใช่เวลาทำการ การกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งงานที่มีเหตุพิเศษ สำหรับตำแหน่งปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ หรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ การจัดให้มีการรับฟังความเห็นของผู้ประกอบกิจการก่อนการดำเนินการออกกฎกระทรวงตามร่างมาตรา ๕ เพื่อกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติ รวมถึงการให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการประกอบกิจการของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการผลิตพลังงานไฟฟ้าต้องดำเนินการควบคุมให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และหาแนวทางในการกำหนดให้ผู้บริหารชั่วคราว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ทำแผน หรือผู้บริหารแผนที่มีอำนาจจัดการกิจการและทรัพย์สินแทนลูกหนี้เป็นผู้รับโอนใบอนุญาตหรือกำหนดให้มีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตด้วย และให้มีกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งสำหรับความเสียหายที่เกิดจากนิวเคลียร์และรังสีโดยเร็ว ตลอดจนให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้มีการควบคุมดูแลยานพาหนะทางทหารของต่างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ที่เข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 238 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2559 ไตรมาส 2 (มกราคม - มีนาคม 2559) | นร11 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๙) โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ปรับปรุงกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ทำให้กรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่สะสมถึงไตรมาส ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙) ปรับลดลงจาก ๕๓๓,๑๖๗ ล้านบาท เป็น ๕๒๗,๖๐๑ ล้านบาท และจากการปรับกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนระหว่างปีดังกล่าว รัฐวิสาหกิจจึงได้จัดทำเป้าหมายการดำเนินงานตามกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยตั้งเป้าการเบิกจ่ายอยู่ที่ ๑๑๑,๓๔๒ ล้านบาท แต่รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนได้จริง จำนวน ๕๙,๖๗๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๓.๖ ของเป้าหมายไตรมาสที่สอง สาเหตุจากความล่าช้าในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.๑ เห็นควรให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙) ที่ให้หน่วยงานกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจพิจารณาว่าหากโครงการใดไม่สามารถดำเนินการได้ ให้มีการทบทวนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการ/หรือนำงบลงทุนไปใช้ดำเนินการในโครงการสำคัญในลำดับถัดไปแทน ๒.๒ เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับเกณฑ์ในส่วนของตัวชี้วัดหลักด้านผลการเบิกจ่ายลงทุนให้มีน้ำหนักมากขึ้น โดยให้มีผลกระทบต่อการประเมินผลในภาพรวมของกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายลงทุนได้ตามแผนที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 239 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 4 ฉบับ | สลธ.คสช. | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๕๙ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ในกรณีที่มีการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นเทศบาล การยกฐานะเป็นเทศบาล หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะของเทศบาล สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๐/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษา สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๓. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๔. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๒/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 240 | ผลการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย - กัมพูชา | พณ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย-กัมพูชา และได้เชิญผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและนักธุรกิจชั้นนำของกัมพูชาเดินทางเยือนไทย ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และจัดกิจกรรมให้ได้พบกับนักธุรกิจชั้นนำของไทยเพื่อการสร้างเครือข่ายที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธานเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งโครงการนี้ เปิดโอกาสให้กลุ่มชนชั้นนำของไทยและกัมพูชาได้พบปะสร้างสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจในบรรยากาศแบบเป็นกันเองและมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมร่วมกัน รวมทั้งได้พูดคุยในเรื่องที่ชมชอบเหมือนกัน ส่งผลเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจ ความไว้วางใจ (trust) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะต่อยอดสู่การขยายผลทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ไทย-กัมพูชาได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังช่วยปรับทัศนคติของผู้ประกอบการไทยต่อนักธุรกิจกัมพูชา และรับรู้เกี่ยวกับศักยภาพของกลุ่มมหาเศรษฐีกัมพูชา เพื่อการจับคู่ทางการค้าและการลงทุนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
