ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | การจัดให้มีบริการเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติเลขหมายเดียว (National Single Emergency Number) | ตช | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาและติดตั้งระบบศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติที่ทันสมัย โดยดำเนินการต่อยอดจากระบบศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ๑๙๑ (Call Center) ปรับเปลี่ยนมาเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีระบบบอกพิกัดตำแหน่งของผู้โทร สามารถรองรับการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีช่องทางแจ้งเหตุฉุกเฉินได้หลายช่องทาง เช่น VDO Call, Social Media, Mobile App, SMS, MMS เป็นต้น และเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดครอบคลุมได้ทั่วทุกภาคและทุกจังหวัดของประเทศ รวมถึงการบูรณาการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทุกเหตุการณ์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหลาย ๆ หน่วยงานเข้าด้วยกันโดยใช้หมายเลข ๑๙๑ เลขหมายเดียว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบในการดำเนินโครงการฯ โดยให้ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายลงทุน (Investment Cost) วงเงิน ๓,๑๔๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ (Operating and Maintenance Expenditure) จำนวน ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗) วงเงิน ๔,๒๓๒.๘๘ ล้านบาท รวมทั้งสิ้น ๗,๓๗๒.๘๘ ล้านบาท จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินการในระยะต่อไปให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น (๑) ระบบศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติควรรองรับการเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญในการเข้าเผชิญเหตุในกรณีต่าง ๆ เป็นต้น (๒) ควรมีการพัฒนาระบบส่งต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความเสถียรและจัดเจ้าหน้าที่รับสายให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และ (๓) ให้คำนึงถึงความเหมาะสมของเทคโนโลยี ความคุ้มค่าของวงเงินลงทุนและแนวทางการติดตามประเมินผลโครงการฯ ด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ และให้ประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติเป็นระยะ ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงที แลในอนาคตเมื่อศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติมีความพร้อมสามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงก่อนพิจารณายกเลิกเลขหมายในระบบฉุกเฉินเลขหมายอื่น ๆ ให้หมดไปตามลำดับ เพื่อลดความสับสนของประชาชนและความซ้ำซ้อนในการทำงาน รวมทั้งเป็นการลดภาระงบประมาณของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | นร11 | 13/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย จังหวัดหนองคาย ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย การยกระดับการผลิตและการสร้างมูลคาเพิ่มผลผลิต การท่องเที่ยว และการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งข้อสั่งการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางและรูปแบบการบริหารการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรไปทดลองกับพื้นที่ที่มีความเหมาะสมโดยใช้หลักคิดเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลระยะเร่งด่วน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ระยะเร่งด่วน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๗๖๓,๕๓๘,๕๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดการดำเนินงานที่สะท้อนผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีขึ้นของประชาชน และผลสัมฤทธิ์ของโครงการในการช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพทุกระดับ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมวงเงินทั้งสิ้น ๙๒๑,๘๒๐,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสรรงบประมาณรายการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมที่พักอาศัยของหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... | รง | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... ของกระทรวงแรงงาน มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยกำหนดลักษณะการกระทำที่เป็นความผิดฐานบังคับใช้แรงงานหรือบริการและกำหนดอัตราโทษให้เหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันและขจัดการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ รวมทั้งกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการถูกบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการพิจารณาคดีให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนตามแนวทางเดียวกับผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตลอดจนเพื่อเป็นการอนุวัตการให้เป็นไปตามพิธีสาร ค.ศ. ๒๐๑๔ส่วนเสริมอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมีข้อตกลงหารือแนวทางในการปฏิบัติที่เหมาะสมในการบริหาร ได้แก่ การจัดหาที่พักให้แก่ผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานและบริการ การเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมาย การส่งกลับประเทศต้นทางและภูมิลำเนา เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงความเชี่ยวชาญในการดูแลกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้เสียหายที่เป็นผู้ใช้แรงงานที่ทำงานโดยไม่มีสัญญาการจ้างงานที่เป็นทางการ หรือไม่มีนายจ้างตามความหมายของกฎหมายแรงงาน รวมทั้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณและอัตรากำลังในการดูแลบุคคลเหล่านี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (สำหรับชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560) | ยธ | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๑๐๓,๙๗๙,๕๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างจ่ายตามที่ได้จ่ายจริง รวมทั้งให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระของส่วนราชการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ โดยถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเมินผลการดำเนินการตามแนวทางต่าง ๆ ในการลดจำนวนผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ และนำแนวทางที่พบว่ามีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพไปขยายผลในการปฏิบัติให้มากยิ่งขึ้นต่อไป รวมทั้งให้พิจารณากำหนดมาตรการการลงโทษในรูปแบบอื่นนอกจากโทษจำคุก หรือปรับปรุงมาตรการเดิมเพื่อให้สามารถลดจำนวนผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ได้มากยิ่งขึ้นและมีความยั่งยืน ทั้งนี้ ในการประเมินผลและการพิจารณากำหนดหรือปรับมาตรการการลงโทษดังกล่าวควรมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับกระทรวงพลังงาน ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการผลิตพลังงานทดแทนเพิ่มเติมจากแนวทางเดิมที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยอาจนำข้อมูลที่กระทรวงพลังงานได้มีการสำรวจไว้แล้วมาศึกษาขยายผล เช่น การติดตั้งแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) บนหลังคาเรือนจำหรือทัณฑสถาน การใช้พลังงานชีวมวล เป็นต้น เพื่อช่วยลดภาระงบประมาณสำหรับค่าสาธารณูปโภคของกรมราชทัณฑ์ในปีต่อ ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 | นร11 | 30/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ (เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมแสนหวี หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จังหวัดเชียงราย ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนนโยบายเชิงพื้นที่ (๒) ด้านการท่องเที่ยว (๓) ด้านการค้าและการลงทุน (๔) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (๕) ด้านการเกษตร (๖) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต (๗) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนโครงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวพะเยา-หลวงพระบาง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 13 | ทส | 24/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย โดยมีเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยร่างท่าทีไทยฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) ฝ่ายไทยจะสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการดำเนินการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาดร่วมกับประชาคมโลก (๒) ฝ่ายไทยขอให้ภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำขับเคลื่อนการดำเนินงานการให้ความรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากพื้นที่ชุ่มน้ำไปสู่การปฏิบัติโดยอาศัยกลไกความริเริ่มระดับภูมิภาคที่มีอยู่ และ (๓) ฝ่ายไทยเห็นควรสนับสนุนให้มีการใช้เครื่องมือ Rapid assessment of wetland ecosystem service (RAWES) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการประเมินการให้บริการทางนิเวศของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำโดยความสมัครใจ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างท่าทีไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่ณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง และควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงท่าทีและข้อตกลงของที่ประชุมดังกล่าวที่อาจมีภาระผูกพันให้ไทยต้องมีมาตรการดำเนินการรองรับซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจากการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งควรพิจารณาความเหมาะสมในการขอรับการสนับสนุนทางด้านวิชาการ เทคโนโลยี และด้านการเงินจากสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถของประเทศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | แผนปฏิบัติการด้านการรองรับการดำเนินการและลดผลกระทบจากการลงนามข้อตกลงยอมรับร่วมสำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียน | สธ | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนปฏิบัติการด้านการรองรับการดำเนินการและลดผลกระทบจากการลงนามข้อตกลงยอมรับร่วมสำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แผนการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และการลดระยะเวลาในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้แก่ (๑) จัดทำแผนมาตรการเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาชีวสมมูล และการขึ้นทะเบียนตำรับยา โดยได้ปรับลดขั้นตอนและลดระยะเวลาในการขออนุญาตก่อนทำการศึกษาชีวสมมูล รวมทั้งลดระยะเวลาในการประเมินรายงานการศึกษาชีวสมมูล ทำให้การพิจารณาอนุญาตรวดเร็วขึ้น และสามารถเป็นไปตามกรอบเวลาหรือสั้นกว่ากำหนดเวลาที่เอกชนเรียกร้องในทุกกระบวนการ และ (๒) จัดทำแผนมาตรการเกี่ยวกับบุคลากรของรัฐที่ทำหน้าที่ตรวจตราศูนย์การศึกษาชีวสมมูล โดยวางแผนให้มีการเตรียมจำนวนบุคลากรอย่างเพียงพอ และพัฒนาศักยภาพให้สามารถตรวจตราศูนย์การศึกษาชีวสมมูลได้เอง ๑.๒ แผนการพัฒนาศูนย์การศึกษาชีวสมมูลให้มีความพร้อมสามารถที่จะขึ้นบัญชีของอาเซียน ได้แก่ (๑) จัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศูนย์การศึกษาชีวสมมูลให้มีความพร้อมในด้านความรู้ และมาตรฐานการตรวจตราด้านชีวสมมูลของอาเซียน (๒) การตรวจการประเมินศูนย์การศึกษาชีวสมมูลเบื้องต้นโดยเจ้าหน้าที่ อย. เพื่อแนะนำการพัฒนารองรับการตรวจสอบของอาเซียน และ (๓) การสนับสนุนด้านการเงินต่อการพัฒนาและการศึกษาชีวสมมูล (ไม่จำกัดจำนวนที่ขอรับการสนับสนุนต่อบริษัท) ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลแผนการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งก่อนเริ่มแผนฯ ระหว่างดำเนินการตามแผนฯ และหลังจากการดำเนินการตามแผนฯ เพื่อปรับปรุงศูนย์ศึกษาชีวสมมูลให้มีประสิทธิภาพ และทำให้ไทยได้รับผลกระทบจากข้อตกลงยอมรับร่วมสำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียนน้อยที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข็มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ครั้งที่ 5 | นร07 | 18/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๓๗๑,๐๖๘,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน ๓๐ โครงการ และสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้กับ ๘ หน่วยงานตามขั้นตอนต่อไป สำหรับวงเงินที่คงเหลืออยู่อีก จำนวน ๑,๒๙๓,๐๑๐,๕๐๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในการขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะได้พิจารณาอนุมัติต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อขอขยายระยะเวลากันเงินเบิกเหลื่อมปีงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ สำหรับวงเงินที่ได้อนุมัติในคราวนี้ และวงเงินที่เหลืออยู่อีก จำนวน ๑,๒๙๓,๐๑๐,๕๐๐ บาท ต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | ขอความเห็นชอบการจัดทำโครงการและลงนามหนังสือยืนยันการเข้าร่วมโครงการกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) | อก | 11/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่) ร่วมกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) ดำเนินโครงการส่งเสริมการนำแนวทางด้านเทคนิคที่ดีที่สุดและแนวการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดมาใช้ลดการปลดปล่อยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนานประเภทปลดปล่อยโดยไม่จงใจจากโรงงานหลอมโลหะผ่านการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานของเศษโลหะให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Greening the Scrap Metal Value Chain through Promotion of BAT/BEP to Reduce U-POPs Releases from Recycling Facilities) เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility : GEF) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการนำแนวทางด้านเทคนิคที่ดีที่สุดและแนวการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดมาใช้ลดการปลดปล่อยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนานประเภทปลดปล่อยโดยไม่จงใจ เช่น ไดออกซินและฟิวแรนจากโรงงานหลอมโลหะ โดยกำหนดเป้าหมายการลดการปลดปล่อยต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ภายในระยะเวลา ๕ ปี ๑.๒ ร่างหนังสือยืนยันการเข้าร่วมโครงการฯ กับ UNIDO ๑.๓ ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ลงนามหนังสือยืนยันการเข้าร่วมโครงการฯ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากโครงการฯ ทั้งระหว่างดำเนินการและเมื่อสิ้นสุดโครงการฯ เพื่อนำมาพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการขยายผลการดำเนินโครงการในระยะต่อไปหลังสิ้นสุดโครงการไปยังกลุ่มเป้าหมายในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่มีการปลดปล่อยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนานประเภทปลดปล่อยโดยไม่จงใจ (U-POPs) อื่น โดยส่งเสริมการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม (กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และควรพิจารณากำหนดงบประมาณแบบบูรณาการในการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายไทยต้องร่วมสนับสนุนในการดำเนินการผ่านหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว โดยให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นลำดับแรก ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณแล้วถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ จำนวน ๒๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ให้เพียงพอจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559-2560 | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๑,๗๓๐,๗๑๑,๘๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้กรมราชทัณฑ์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๒๓ ที่กำหนดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดภาระงบประมาณที่ต้องจัดสรรเป็นค่าวัสดุอาหารของเรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกักขังต่าง ๆ เช่น การให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษฝึกอาชีพโดยการทำการเพาะปลูกพืชผักและการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่าง ๆ เพื่อนำผลผลิตที่ได้มาใช้เป็นวัสดุอาหารเพื่อลดปริมาณหรือทดแทนการจัดซื้อวัสดุอาหารจากเอกชนหรือหน่วยงานภายนอก การลดปริมาณผู้ต้องขังให้น้อยลง โดยพิจารณาคัดแยกผู้ต้องขังเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของผู้ต้องขัง และให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษสามารถอยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ควบคุมโดยมิต้องกักขังเพื่อฝึกอาชีพให้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ดำเนินการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ต้องขังมีความพร้อมกลับเข้าสู่สังคมและดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพิ่มเติม | กห | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงกลาโหม โดยกองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการจัดหาสะพานเครื่องหนุนมั่น (Modular Fast Bridge) สนับสนุนหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน ๒ ชุด เป็นเงิน ๘,๗๖๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๒๙๒,๕๖๒,๙๗๖ บาท เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๓๙๗๖ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ภายในกรอบวงเงิน ๒๙๒,๕๖๒,๙๗๖ บาท โดยให้กระทรวงกลาโหม โดยกองบัญชาการกองทัพไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนโครงการสาธารณสุข 100 ปี หมออนามัยห่วงใยประชาชน สร้างชุมชนปลอดขยะ ร่วมขจัดภัยไข้เลือดออกและไข้มาลาเรีย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | สธ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ จำนวนทั้งสิ้น ๓๗๓,๘๓๔,๕๐๐ บาท ในการดำเนินงาน (๑) โครงการส่งเสริมสุขภาพและสิ่งแวดล้อมชุมชนเพื่อประชาชนสุขภาพดี จำนวน ๑๗๙,๖๖๔,๓๐๐ บาท (๒) โครงการรวมพลังสร้างชุมชนสุขภาพดี จำนวน ๕๓,๒๖๐,๒๐๐ บาท และโครงการพัฒนาคุณภาพและความพร้อมของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำนวน ๑๔๐,๙๑๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการประเมินผลลัพธ์ทางสุขภาพ (Health outcome) ของประชาชนจากการสร้างเสริมและป้องกันโรคในภาพรวม เพื่อสะท้อนถึงการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 07/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ โดยที่ยังมีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวนมากที่ได้มาลงทะเบียนเพื่อขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามมาตรการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว จึงให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเร่งรัดการพิจารณาการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในแต่ละรายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณาทบทวนผลการพิจารณาสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในรายที่ในปัจจุบันมีศักยภาพและความพร้อมที่จะฟื้นฟูกิจการเพิ่มมากขึ้นแล้วด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมการป้องกันอุทกภัย โดยดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ดังนี้ ๒.๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น เร่งดำเนินการตรวจสอบแล้วปรับปรุงสภาพและขุดลอกคูคลอง ทางระบายน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อใช้เป็นแหล่งรองรับน้ำ/เป็นทางระบายน้ำได้อย่างคล่องตัวต่อไป ๒.๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันการศึกษา เป็นต้น พิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเส้นทางคมนาคมกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยไม่ทำให้เส้นทางคมนาคมนั้น ๆ ได้รับความเสียหายหรือเกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้สัญจรในเส้นทางคมนาคมดังกล่าว ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวทางต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เช่น การใช้เครื่องมือขุดเจาะลอดใต้เส้นทางเพื่อวางท่อระบายน้ำจากพื้นที่ประสบอุทกภัยไปสู่พื้นที่รับน้ำหรือไหลลงสู่ทะเลต่อไปได้ เป็นต้น ๒.๒ โดยที่มีรถบางประเภทที่ได้รับการดัดแปลง/ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์เฉพาะและอาจมีรูปแบบและน้ำหนักรถ/น้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น รถกู้ภัย รถพยาบาลฉุกเฉินขององค์กรเอกชน เป็นต้น จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แล้วเสร็จ และเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วให้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ การดำเนินโครงการปรับปรุงพื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ 2561 (ความร่วมมือกองทัพบก - มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) | กห | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๖๘,๙๑๒,๘๐๐ บาท ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (ความร่วมมือกองทัพบก-มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) จำนวน ๔๗ โครงการ ในพื้นที่ ๙ จังหวัด (ได้แก่ จังหวัดแพร่ พะเยา พิจิตร สุโขทัย เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และพัทลุง) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การเก็บกักน้ำ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกรับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้เสนอคำของบประมาณจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อดำเนินโครงการขุดลอกสระเก็บน้ำสาธารณะบึงหญ้า ตำบลหนองจิก อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่เดียวกันกับโครงการที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอรับการสนับสนุนจากกองทัพบกด้วย จึงเห็นควรให้กองทัพบกประสานกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อบูรณาการแนวทางในการดำเนินการไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนการเสนอของบประมาณ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ คูคลองต่าง ๆ ในปีต่อ ๆ ไป กองทัพบกควรประสานมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ คู คลองต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ ให้แล้วเสร็จก่อนเข้าสู่ฤดูฝน เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมส่งแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (ความร่วมมือกองทัพบก-มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) เสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อนำไปประกอบเป็นแผนดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศในภาพรวมต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | รายงานผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ครั้งที่ 4 | มท | 17/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ครั้งที่ ๔ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการลงพื้นที่ของทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ระดับตำบล ได้ลงพื้นที่ครบทั้ง ๔ รอบ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ระหว่างวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑) โดยจัดเวทีประชาคมครอบคลุมทั้ง ๘๒,๒๗๑ แห่ง มีประชาชนเข้าร่วม ๘.๐๘ ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑) โดยไปสร้างการรับรู้และความเข้าใจตามกรอบหลักในการดำเนินงาน ๑๐ เรื่อง และได้เพิ่มประเด็นที่สำคัญต่าง ๆ เช่น การจัดเก็บข้อมูลปัญหายาเสพติดของหมู่บ้าน/ชุมชนของสำนักงาน ป.ป.ส. สถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ และโรคพิษสุนัขบ้า การป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ และการนำแผนงาน/โครงการที่จะได้รับงบประมาณ ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปแจ้งให้ประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนได้รับรู้ รับทราบ เป็นต้น ๒. ความก้าวหน้าการดำเนินงานแผนงาน/โครงการ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๙๕,๗๕๘.๑ ล้านบาท มีแผนงาน/โครงการที่สำคัญ เช่น (๑) โครงการมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ดำเนินการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย ๘.๖ ล้านคน โดยเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประสงค์พัฒนาตน ๔.๐๕ ล้านคน (๒) โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน (หมู่บ้าน/ชุมชนละสองแสนบาท) มี ๘๐,๗๕๑ หมู่บ้าน/ชุมชนเสนอโครงการแล้ว (จากทั้งหมด ๘๒,๒๓๓ หมู่บ้าน/ชุมชน) โดยคณะกรรมการบริหารงานอำเภอ/คณะกรรมการของกรุงเทพมหานครพิจารณาอนุมัติโครงการแล้ว ๘๐,๗๕๑ หมู่บ้าน/ชุมชน และ (๓) โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ กองทุนละไม่เกินสามแสนบาท ได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการบริหารโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยศาสตร์พระราชาตามแนวประชารัฐ เพื่อพิจารณากลั่นกรองโครงการที่กองทุนหมู่บ้านขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือตามนโยบายรัฐบาล | กห | 10/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๔๓,๒๘๘,๐๐๐ บาท ให้กองทัพเรือ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือ ตามนโยบายรัฐบาล ระยะแรก (ส่วนที่เหลือ) ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ของหอประชุมกองทัพเรือให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งให้พิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหอประชุมกองทัพเรือและบริเวณใกล้เคียงให้มีทัศนียภาพที่เหมาะสม สวยงาม และมีพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงาน/ผู้เข้าร่วมเฝ้ารับเสด็จในงานพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำได้เป็นจำนวนมาก เช่น การทำทุ่นลอยริมแม่น้ำ เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร51 | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๔๐,๘๒๑,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ กอ.รมน. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุมและกำกับดูแลโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งควรพิจารณาดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยจัดให้มีระบบติดตามประเมินผลโครงการฯ และรายงานความก้าวหน้าให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....